ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 206 วันสุดท้ายของอวี๋ชางไห่

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 206 วันสุดท้ายของอวี๋ชางไห่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 206 วันสุดท้ายของอวี๋ชางไห่

นึกไม่ถึงเลย สุดท้ายทีมเล็กของสำนักมือปราบเทพก็ยังไล่ตามอวี๋ชางไห่ทันเพราะอาศัยทักษะสืบเสาะชื่อจริงของเฟยอวี๋

หลังจากเฟยอวี๋ใช้ประสาทรับกลิ่นยืนยันทิศทางเสร็จ เดินตามไปไม่กี่ก้าวก็พบสถานการณ์ที่น่าสนใจมากแล้ว

ในเมื่อยืนยันได้แล้วว่าอวี๋ชางไห่ตัวจริงหนีไปทางยอดเขา เช่นนั้นก็แค่สะกดรอยตามอวี๋ชางไห่ที่หนีไปทางยอดเขาก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ

ดังนั้น เฟยอวี๋จึงเลิกใช้วิธีไล่ตามเบาะแสจากกลิ่นทันที แล้วเริ่มใช้ทักษะสืบเสาะจากชื่อจริง จากนั้นทั้งสามคนก็ไล่ตามขึ้นไปบนยอดเขาโดยตรง

ระหว่างทาง ซานเย่ว์อดขมวดคิ้วไม่ได้ นางถามเรื่องเก่าอีก “ทักษะสืบเสาะหมื่นลี้ของเฟยอวี๋ถูกเปิดโปงแล้วหรือ ตามหลักแล้วไม่ควรจะเป็นอย่างนั้นสิ! เจ้าหมอนี่ซ่อนความลับเรื่องทักษะของตัวเองไว้มิดชิดมาตลอด จะปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ข้อมูลละเอียดได้อย่างไร”

ครั้งนี้ไม่ต้องให้เยี่ยเว่ยหมิงวิเคราะห์ เฟยอวี๋ก็ส่ายหน้าน้อยๆ พลางอธิบายแล้ว “ทักษะของข้าไม่เหมือนกับทักษะของพวกเจ้า ทักษะของพวกเจ้าล้วนเป็นประเภทสังเกตการณ์ ถ้าตัวเองไม่บอก คนอื่นก็อาจจะคิดเพียงว่าพวกเจ้าสังเกตการณ์ได้ละเอียดลึกซึ้ง แต่ ‘สืบเสาะหมื่นลี้’ ของข้าต่างกัน หลังจากแสดงทักษะนี้ต่อหน้าคนอื่นหลายครั้ง คนที่ตั้งใจสังเกตก็พบพิรุธได้ไม่ยาก”

เฟยอวี๋เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวเสริม “ยิ่งไปกว่านั้น ตอนข้าอาศัยทักษะนี้ทำภารกิจแล้วเจอบอสที่ตัวเองสู้ไม่ไหว ข้าก็ต้องร่วมทีมกับคนอื่น สหายถังก็ยุ่งอยู่กับภารกิจของตัวเอง เป็นไปไม่ได้ที่จะมาหาข้าทันเวลาทุกครั้ง บางครั้งข้าก็ต้องร่วมทีมกับคนไม่ที่ไม่ค่อยสนิท…

…พอเป็นแบบนี้หลายครั้ง ข้อมูลหลุดออกไปก็เป็นเรื่องปกติ สาเหตุที่ก่อนหน้านี้ข้าไม่เปิดเผย ก็เพียงเพราะคิดว่าปิดให้นานเท่าไรก็ยิ่งดี”

พอพูดถึงตรงนี้ เฟยอวี๋ก็ยิ้มเจื่อนด้วยความจนใจ “เดิมทีข้อมูลหลุดออกไปแบบกระจัดกระจาย ไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิต แต่พอเจอคนที่ทำอาชีพรวบรวมข่าวและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างชีชี ก็ได้แต่ถือว่าตัวเองดวงซวยแล้ว”

ตอนนี้ซานเย่ว์อดถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นไมได้ “พอพูดถึงชีชีคนนี้ ข้าก็รู้สึกแปลกนิดหน่อย ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่ยังเก็บตัวอยู่เลย ข้าเองก็ไม่เคยเห็นเขาทำงานใหญ่อะไรมาก่อนด้วย ถึงขั้นไม่เคยเห็นเขาออกทีวีด้วยซ้ำ ทำไมพอออกอุบายขึ้นมาถึงได้ร้ายกาจเช่นนี้”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย “แบบนี้เรียกว่า ‘ผู้โจมตีเคลื่อนไหวอยู่บนสวรรค์ชั้นเก้า ผู้ป้องกันซ่อนตัวอยู่ใต้พิภพชั้นเก้า’ เดิมทีเขาก็เป็นคนไม่ชอบป่าวประกาศอยู่แล้ว อยู่ในยุทธภพที่คนชอบโอ้อวดเช่นนี้ หากอยากจะทำตัวสงบเสงี่ยมก็ยังทำได้ มีหลายเรื่องที่หากเขาคิดจะซ่อนไว้หลังม่าน ก็อาจจะไม่มีใครสังเกตเห็นได้ง่ายขนาดนั้น”

“ก็เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเรารู้จากปากเนี่ยนเสียวเหนี่ยนก่อนหน้านี้ว่ามีคนอย่างเขาอยู่ด้วย แล้วตอนหลังพยายามหาทางสนิทสนมกับเขา ข้าว่าเมื่อครู่นี้พวกเราก็คงสงสัยว่า ‘ทำไมวันนี้อวี๋ชางไห่ถึงทำตัวเหมือนผีขนาดนี้’…

…ยิ่งไปกว่านั้น ประกาศระบบก็ใช่ว่าจะมีน้อย ต่อให้เขาเคยออกทีวีจริงๆ แต่ถ้าไม่ใช่ข่าวใหญ่ที่ครึกโครมเป็นพิเศษ เจ้ากับข้าก็อาจไม่สังเกตเห็นอยู่ดี”

ตอนที่ทั้งสองกำลังคุยกันเรื่องชีชี จู่ๆ เฟยอวี๋ก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ตอนนี้เย่ว์ปู้ฉวินตามทันอวี๋ชางไห่แล้ว ขณะนี้พวกเขาสองคนคงกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด”

อีกสองคนพยักหน้าสื่อว่าเข้าใจแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงเห็นเฟยอวี๋มีสีหน้าเหมือนจิตตกนิดหน่อย ก็อดพูดปลอบใจไม่ได้ว่า “ที่จริงข้อมูลทักษะของเจ้า เขารู้แค่คนเดียวก็ไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง”

เฟยอวี๋ได้ยินแล้วเผยรอยยิ้มออกมา สื่อว่าตัวเองไม่เป็นอะไรแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงกลับมองออกว่าเขายังคลายปมในใจไม่ได้ จึงพูดต่ออีกว่า “หลังจากเคยใกล้ชิดกันสองครั้ง แม้ข้าจะไม่มีทางมองออกว่าชีชีล้ำลึกแค่ไหน แต่อย่างน้อยข้าก็แน่ใจว่าเขาเป็นคนใช้สติปัญญามาก ถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ ก็จะไม่พยายามตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเราแน่นอน ยิ่งไม่ป่าวประกาศเรื่องของเจ้าไปทั่วด้วย…

…ส่วนถ้าถามว่าภารกิจจะชนกันไหม” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า “‘เกมวีรบุรุษนิรันดร์กาล’ มีผู้เล่นหนึ่งล้านคนออนไลน์พร้อมกัน จะชนกันง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร จะชนกับคนเดิมซ้ำๆ หรือ”

เฟยอวี๋พยักหน้า ถือว่าฝืนรับคำปลอบใจของเยี่ยเว่ยหมิงไว้แล้ว

แต่ครู่ต่อมา เขากลับตัวสั่นขึ้นมากะทันหัน “อวี๋ชางไห่กับเย่ว์ปู้ฉวินแยกกันแล้ว เย่ว์ปู้ฉวินยังวนไปวนมาอยู่ที่เดิม ส่วนอวี๋ชางไห่ก็ย้ายไปทางถ้ำเฉาหยาง หนีเร็วกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า!…

…ดูท่าอวี๋ชางไห่คงถูกเย่ว์ปู้ฉวินบีบให้ใช้วิธีการสุดท้ายแล้ว”

เยี่ยเว่ยหมิงยกมุมปากเผยยิ้มเล็กน้อยแล้วบอกว่า “พวกเจ้าจำเรื่องที่เมืองฝูโจวได้หรือเปล่า ที่จู่ๆ อวี๋ชางไห่ก็ระเบิดศักยภาพอันน่าทึ่งออกมา แต่กลับเลือกหนีไปทันที จากนั้นตอนที่พวกเราเจอตัวเขาแถวๆ สถาบันซานเจียง เขาก็อ่อนแอจนถูกฆ่าแทงกระบี่เดียวแล้วตาย…”

“…ทำไมจะจำไม่ได้” เฟยอวี๋บ่นอย่างคับแค้นใจ “ตอนนั้นข้าถูกแย่งฆ่าบอส ตอนนี้ข้าคิดย้อนไปก็ยังหงุดหงิด!”

ซานเย่ว์กลับแสดงความฉลาดอีกครั้ง จู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “อาหมิงคงจะหมายความว่า ตอนนี้สถานการณ์ของอวี๋ชางไห่ไม่ต่างจากตอนนั้นมาก หลังจากใช้กระบวนท่าเด็ดสุดท้ายแล้วหนีไป เขาก็ตกอยู่ในช่วงอ่อนแออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทันที ขอเพียงพวกเราเจอเขาในช่วงนี้ ก็จะกำจัดเขาได้ง่ายๆ ใช่ไหม”

“ใช่แล้ว ข้าหมายความอย่างนี้” เยี่ยเว่ยหมิงออกคำสั่งทันที “พวกเราไม่ต้องใช้ทางเดินภูเขาแล้ว สะกดรอยตามทะลุป่าไปเลยแล้วกัน อย่าให้เย่ว์ปู้ฉวินรู้ทิศทางการเคลื่อนไหวของพวกเราเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นศีรษะของอวี๋ชางไห่อาจจะไม่ใช่ของพวกเราแล้ว”

ทั้งสองได้ฟังแล้วพยักหน้าซ้ำๆ จากนั้นทั้งสามก็หมุนตัวเลี้ยวเข้าไปในป่าทึบข้างทางเดินทันที

ภายใต้การบัญชาการของเยี่ยเว่ยหมิง พวกเขาไม่ได้ไปตามเส้นทางที่อวี๋ชางไห่หนีไป ใช้ทางลัดตรงไปยังถ้ำเฉาหยาง

ขณะที่กำลังไล่ตาม เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ลืมเอ่ยเตือนว่า “อวี๋ชางไห่ที่พวกเราต้องเผชิญหน้าครั้งนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นบอสร่างแท้โหมดปกติที่เลเวลเจ็ดสิบห้า ใครก็ไม่กล้ารับประกันว่าหลังจากเขาใช้สุดยอดทักษะไปหนึ่งครั้งแล้ว เขาจะสูญเสียพลังต่อสู้เหมือนตอนอยู่ที่เมืองฝูโจวหรือเปล่า อีกสักพักถ้าเจอเขา ทุกคนห้ามประมาทเด็ดขาด ถ้าเรือล่มในคลองระบายน้ำ[1]ก็คงน่ากลุ้มใจ”

ตอนนี้เอง เฟยอวี๋ก็บอกข่าวที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงอุ่นใจเช่นกัน “ความเร็วอวี๋ชางไห่ลดลงแล้ว ตอนนี้ความเร็วตอนเคลื่อนไหวของเขาเทียบคนปกติไม่ได้ด้วยซ้ำ”

……

ตอนนี้ทั้งเขาชิงเฉิงเต็มไปด้วยคนที่ไล่สังหารอวี๋ชางไห่ ส่วนตัวอวี๋ชางไห่เองก็กำลังหนีไปทางถ้ำเฉาหยางอย่างยากลำบาก

อิงตามแผนการหลบหนีที่ชีชีวางไว้ให้เขาก่อนหน้านี้ ขอเพียงเข้าไปในถ้ำเฉาหยาง ทางนั้นก็จะมีคนมารับเขา

อีกทั้งชีชีก็ตบอกรับประกันแล้วด้วย เขามีความมั่นใจว่าจะสลัดพวกที่ไล่ตามได้ และหนีออกจากเขาชิงเฉิงอย่างปลอดภัย

ดังนั้น ต่อให้หลังจากใช้วิชาลับแล้วถูกกำลังภายในย้อนทำร้ายอย่างรุนแรง การถูกพลังย้อนทำร้ายนี้ทำให้เขาก้าวเท้าลำบาก หน้ามืดตาลาย แต่เขาก็ต้องรีบไปให้ถึงถ้ำเฉาหยาง ไปเจอกับชีชีที่รออยู่ที่นั่นนานแล้วให้ได้!

อาศัยความตั้งใจในการมีชีวิตอยู่อันแรงกล้านี้ อวี๋ชางไห่แข็งใจลากสังขารที่พร้อมจะสลบได้ทุกเมื่อหนีไปยังจุดมุ่งหมาย เขาเดินออกจากป่ามาอย่างยากลำบาก ถ้ำเฉาหยางที่ปรากฏตรงหน้าอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงสิบห้าเมตรแล้ว

ตอนนี้เอง กลับเห็นเงาร่างของคนคนหนึ่งถลันออกมาจากปากถ้ำ เงาร่างของชีชีโผล่มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว “เฮ้อ โธ่ ท่านอาจารย์ หากท่านเชื่อคำพูดข้าแล้วแกล้งตายเพื่อเอาตัวรอดให้เร็วกว่านี้สักหน่อย ชิงเฉิงจะประสบเคราะห์เหมือนอย่างวันนี้หรือ”

[1] เรือล่มในคลองระบายน้ำ 阴沟里翻船 หมายถึง เรื่องที่ทำดีมาตลอดกลับต้องพลาดในตอนสุดท้าย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 206 วันสุดท้ายของอวี๋ชางไห่

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 206 วันสุดท้ายของอวี๋ชางไห่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 206 วันสุดท้ายของอวี๋ชางไห่

นึกไม่ถึงเลย สุดท้ายทีมเล็กของสำนักมือปราบเทพก็ยังไล่ตามอวี๋ชางไห่ทันเพราะอาศัยทักษะสืบเสาะชื่อจริงของเฟยอวี๋

หลังจากเฟยอวี๋ใช้ประสาทรับกลิ่นยืนยันทิศทางเสร็จ เดินตามไปไม่กี่ก้าวก็พบสถานการณ์ที่น่าสนใจมากแล้ว

ในเมื่อยืนยันได้แล้วว่าอวี๋ชางไห่ตัวจริงหนีไปทางยอดเขา เช่นนั้นก็แค่สะกดรอยตามอวี๋ชางไห่ที่หนีไปทางยอดเขาก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ

ดังนั้น เฟยอวี๋จึงเลิกใช้วิธีไล่ตามเบาะแสจากกลิ่นทันที แล้วเริ่มใช้ทักษะสืบเสาะจากชื่อจริง จากนั้นทั้งสามคนก็ไล่ตามขึ้นไปบนยอดเขาโดยตรง

ระหว่างทาง ซานเย่ว์อดขมวดคิ้วไม่ได้ นางถามเรื่องเก่าอีก “ทักษะสืบเสาะหมื่นลี้ของเฟยอวี๋ถูกเปิดโปงแล้วหรือ ตามหลักแล้วไม่ควรจะเป็นอย่างนั้นสิ! เจ้าหมอนี่ซ่อนความลับเรื่องทักษะของตัวเองไว้มิดชิดมาตลอด จะปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ข้อมูลละเอียดได้อย่างไร”

ครั้งนี้ไม่ต้องให้เยี่ยเว่ยหมิงวิเคราะห์ เฟยอวี๋ก็ส่ายหน้าน้อยๆ พลางอธิบายแล้ว “ทักษะของข้าไม่เหมือนกับทักษะของพวกเจ้า ทักษะของพวกเจ้าล้วนเป็นประเภทสังเกตการณ์ ถ้าตัวเองไม่บอก คนอื่นก็อาจจะคิดเพียงว่าพวกเจ้าสังเกตการณ์ได้ละเอียดลึกซึ้ง แต่ ‘สืบเสาะหมื่นลี้’ ของข้าต่างกัน หลังจากแสดงทักษะนี้ต่อหน้าคนอื่นหลายครั้ง คนที่ตั้งใจสังเกตก็พบพิรุธได้ไม่ยาก”

เฟยอวี๋เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวเสริม “ยิ่งไปกว่านั้น ตอนข้าอาศัยทักษะนี้ทำภารกิจแล้วเจอบอสที่ตัวเองสู้ไม่ไหว ข้าก็ต้องร่วมทีมกับคนอื่น สหายถังก็ยุ่งอยู่กับภารกิจของตัวเอง เป็นไปไม่ได้ที่จะมาหาข้าทันเวลาทุกครั้ง บางครั้งข้าก็ต้องร่วมทีมกับคนไม่ที่ไม่ค่อยสนิท…

…พอเป็นแบบนี้หลายครั้ง ข้อมูลหลุดออกไปก็เป็นเรื่องปกติ สาเหตุที่ก่อนหน้านี้ข้าไม่เปิดเผย ก็เพียงเพราะคิดว่าปิดให้นานเท่าไรก็ยิ่งดี”

พอพูดถึงตรงนี้ เฟยอวี๋ก็ยิ้มเจื่อนด้วยความจนใจ “เดิมทีข้อมูลหลุดออกไปแบบกระจัดกระจาย ไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิต แต่พอเจอคนที่ทำอาชีพรวบรวมข่าวและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างชีชี ก็ได้แต่ถือว่าตัวเองดวงซวยแล้ว”

ตอนนี้ซานเย่ว์อดถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นไมได้ “พอพูดถึงชีชีคนนี้ ข้าก็รู้สึกแปลกนิดหน่อย ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่ยังเก็บตัวอยู่เลย ข้าเองก็ไม่เคยเห็นเขาทำงานใหญ่อะไรมาก่อนด้วย ถึงขั้นไม่เคยเห็นเขาออกทีวีด้วยซ้ำ ทำไมพอออกอุบายขึ้นมาถึงได้ร้ายกาจเช่นนี้”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย “แบบนี้เรียกว่า ‘ผู้โจมตีเคลื่อนไหวอยู่บนสวรรค์ชั้นเก้า ผู้ป้องกันซ่อนตัวอยู่ใต้พิภพชั้นเก้า’ เดิมทีเขาก็เป็นคนไม่ชอบป่าวประกาศอยู่แล้ว อยู่ในยุทธภพที่คนชอบโอ้อวดเช่นนี้ หากอยากจะทำตัวสงบเสงี่ยมก็ยังทำได้ มีหลายเรื่องที่หากเขาคิดจะซ่อนไว้หลังม่าน ก็อาจจะไม่มีใครสังเกตเห็นได้ง่ายขนาดนั้น”

“ก็เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเรารู้จากปากเนี่ยนเสียวเหนี่ยนก่อนหน้านี้ว่ามีคนอย่างเขาอยู่ด้วย แล้วตอนหลังพยายามหาทางสนิทสนมกับเขา ข้าว่าเมื่อครู่นี้พวกเราก็คงสงสัยว่า ‘ทำไมวันนี้อวี๋ชางไห่ถึงทำตัวเหมือนผีขนาดนี้’…

…ยิ่งไปกว่านั้น ประกาศระบบก็ใช่ว่าจะมีน้อย ต่อให้เขาเคยออกทีวีจริงๆ แต่ถ้าไม่ใช่ข่าวใหญ่ที่ครึกโครมเป็นพิเศษ เจ้ากับข้าก็อาจไม่สังเกตเห็นอยู่ดี”

ตอนที่ทั้งสองกำลังคุยกันเรื่องชีชี จู่ๆ เฟยอวี๋ก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ตอนนี้เย่ว์ปู้ฉวินตามทันอวี๋ชางไห่แล้ว ขณะนี้พวกเขาสองคนคงกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด”

อีกสองคนพยักหน้าสื่อว่าเข้าใจแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงเห็นเฟยอวี๋มีสีหน้าเหมือนจิตตกนิดหน่อย ก็อดพูดปลอบใจไม่ได้ว่า “ที่จริงข้อมูลทักษะของเจ้า เขารู้แค่คนเดียวก็ไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง”

เฟยอวี๋ได้ยินแล้วเผยรอยยิ้มออกมา สื่อว่าตัวเองไม่เป็นอะไรแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงกลับมองออกว่าเขายังคลายปมในใจไม่ได้ จึงพูดต่ออีกว่า “หลังจากเคยใกล้ชิดกันสองครั้ง แม้ข้าจะไม่มีทางมองออกว่าชีชีล้ำลึกแค่ไหน แต่อย่างน้อยข้าก็แน่ใจว่าเขาเป็นคนใช้สติปัญญามาก ถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ ก็จะไม่พยายามตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเราแน่นอน ยิ่งไม่ป่าวประกาศเรื่องของเจ้าไปทั่วด้วย…

…ส่วนถ้าถามว่าภารกิจจะชนกันไหม” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า “‘เกมวีรบุรุษนิรันดร์กาล’ มีผู้เล่นหนึ่งล้านคนออนไลน์พร้อมกัน จะชนกันง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร จะชนกับคนเดิมซ้ำๆ หรือ”

เฟยอวี๋พยักหน้า ถือว่าฝืนรับคำปลอบใจของเยี่ยเว่ยหมิงไว้แล้ว

แต่ครู่ต่อมา เขากลับตัวสั่นขึ้นมากะทันหัน “อวี๋ชางไห่กับเย่ว์ปู้ฉวินแยกกันแล้ว เย่ว์ปู้ฉวินยังวนไปวนมาอยู่ที่เดิม ส่วนอวี๋ชางไห่ก็ย้ายไปทางถ้ำเฉาหยาง หนีเร็วกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า!…

…ดูท่าอวี๋ชางไห่คงถูกเย่ว์ปู้ฉวินบีบให้ใช้วิธีการสุดท้ายแล้ว”

เยี่ยเว่ยหมิงยกมุมปากเผยยิ้มเล็กน้อยแล้วบอกว่า “พวกเจ้าจำเรื่องที่เมืองฝูโจวได้หรือเปล่า ที่จู่ๆ อวี๋ชางไห่ก็ระเบิดศักยภาพอันน่าทึ่งออกมา แต่กลับเลือกหนีไปทันที จากนั้นตอนที่พวกเราเจอตัวเขาแถวๆ สถาบันซานเจียง เขาก็อ่อนแอจนถูกฆ่าแทงกระบี่เดียวแล้วตาย…”

“…ทำไมจะจำไม่ได้” เฟยอวี๋บ่นอย่างคับแค้นใจ “ตอนนั้นข้าถูกแย่งฆ่าบอส ตอนนี้ข้าคิดย้อนไปก็ยังหงุดหงิด!”

ซานเย่ว์กลับแสดงความฉลาดอีกครั้ง จู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “อาหมิงคงจะหมายความว่า ตอนนี้สถานการณ์ของอวี๋ชางไห่ไม่ต่างจากตอนนั้นมาก หลังจากใช้กระบวนท่าเด็ดสุดท้ายแล้วหนีไป เขาก็ตกอยู่ในช่วงอ่อนแออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทันที ขอเพียงพวกเราเจอเขาในช่วงนี้ ก็จะกำจัดเขาได้ง่ายๆ ใช่ไหม”

“ใช่แล้ว ข้าหมายความอย่างนี้” เยี่ยเว่ยหมิงออกคำสั่งทันที “พวกเราไม่ต้องใช้ทางเดินภูเขาแล้ว สะกดรอยตามทะลุป่าไปเลยแล้วกัน อย่าให้เย่ว์ปู้ฉวินรู้ทิศทางการเคลื่อนไหวของพวกเราเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นศีรษะของอวี๋ชางไห่อาจจะไม่ใช่ของพวกเราแล้ว”

ทั้งสองได้ฟังแล้วพยักหน้าซ้ำๆ จากนั้นทั้งสามก็หมุนตัวเลี้ยวเข้าไปในป่าทึบข้างทางเดินทันที

ภายใต้การบัญชาการของเยี่ยเว่ยหมิง พวกเขาไม่ได้ไปตามเส้นทางที่อวี๋ชางไห่หนีไป ใช้ทางลัดตรงไปยังถ้ำเฉาหยาง

ขณะที่กำลังไล่ตาม เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ลืมเอ่ยเตือนว่า “อวี๋ชางไห่ที่พวกเราต้องเผชิญหน้าครั้งนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นบอสร่างแท้โหมดปกติที่เลเวลเจ็ดสิบห้า ใครก็ไม่กล้ารับประกันว่าหลังจากเขาใช้สุดยอดทักษะไปหนึ่งครั้งแล้ว เขาจะสูญเสียพลังต่อสู้เหมือนตอนอยู่ที่เมืองฝูโจวหรือเปล่า อีกสักพักถ้าเจอเขา ทุกคนห้ามประมาทเด็ดขาด ถ้าเรือล่มในคลองระบายน้ำ[1]ก็คงน่ากลุ้มใจ”

ตอนนี้เอง เฟยอวี๋ก็บอกข่าวที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงอุ่นใจเช่นกัน “ความเร็วอวี๋ชางไห่ลดลงแล้ว ตอนนี้ความเร็วตอนเคลื่อนไหวของเขาเทียบคนปกติไม่ได้ด้วยซ้ำ”

……

ตอนนี้ทั้งเขาชิงเฉิงเต็มไปด้วยคนที่ไล่สังหารอวี๋ชางไห่ ส่วนตัวอวี๋ชางไห่เองก็กำลังหนีไปทางถ้ำเฉาหยางอย่างยากลำบาก

อิงตามแผนการหลบหนีที่ชีชีวางไว้ให้เขาก่อนหน้านี้ ขอเพียงเข้าไปในถ้ำเฉาหยาง ทางนั้นก็จะมีคนมารับเขา

อีกทั้งชีชีก็ตบอกรับประกันแล้วด้วย เขามีความมั่นใจว่าจะสลัดพวกที่ไล่ตามได้ และหนีออกจากเขาชิงเฉิงอย่างปลอดภัย

ดังนั้น ต่อให้หลังจากใช้วิชาลับแล้วถูกกำลังภายในย้อนทำร้ายอย่างรุนแรง การถูกพลังย้อนทำร้ายนี้ทำให้เขาก้าวเท้าลำบาก หน้ามืดตาลาย แต่เขาก็ต้องรีบไปให้ถึงถ้ำเฉาหยาง ไปเจอกับชีชีที่รออยู่ที่นั่นนานแล้วให้ได้!

อาศัยความตั้งใจในการมีชีวิตอยู่อันแรงกล้านี้ อวี๋ชางไห่แข็งใจลากสังขารที่พร้อมจะสลบได้ทุกเมื่อหนีไปยังจุดมุ่งหมาย เขาเดินออกจากป่ามาอย่างยากลำบาก ถ้ำเฉาหยางที่ปรากฏตรงหน้าอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงสิบห้าเมตรแล้ว

ตอนนี้เอง กลับเห็นเงาร่างของคนคนหนึ่งถลันออกมาจากปากถ้ำ เงาร่างของชีชีโผล่มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว “เฮ้อ โธ่ ท่านอาจารย์ หากท่านเชื่อคำพูดข้าแล้วแกล้งตายเพื่อเอาตัวรอดให้เร็วกว่านี้สักหน่อย ชิงเฉิงจะประสบเคราะห์เหมือนอย่างวันนี้หรือ”

[1] เรือล่มในคลองระบายน้ำ 阴沟里翻船 หมายถึง เรื่องที่ทำดีมาตลอดกลับต้องพลาดในตอนสุดท้าย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+