ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 230 ยังไม่ถึงเวลา

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 230 ยังไม่ถึงเวลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 230 ยังไม่ถึงเวลา

อวิ๋นหวาซั่งเซียนที่โจมตีสำเร็จไปหนึ่งครั้งกลับไม่มีท่าทีว่าจะไล่ตามโจมตีอีก แต่วิ่งหนีไปทางด้านนอกประตูใหญ่ทันที

ตอนนี้แม้ทุกคนของฝ่ายเยี่ยเว่ยหมิงจะอยู่ในจุดที่ได้เปรียบโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ความได้เปรียบนี้ก็ยังไม่ถึงขั้นบดขยี้อีกฝ่ายได้

ทุกคนล้วนกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง พยายามสร้างสถานการณ์ให้ได้ชัยชนะโดยเร็ว กอปรกับก่อนหน้านี้ฉางซิงอวี่อยู่ในจุดที่ได้เปรียบโดยสมบูรณ์มาตลอด ทุกคนก็ยิ่งไม่ได้สนใจการต่อสู้ทางฝั่งเขา

ตอนนี้เมื่ออวิ๋นหวาซั่งเซียนเห็นว่าสถานการณ์ฝั่งตนเองสิ้นหวังแล้ว จู่ๆ ก็หนีไปหลังจากเผยไพ่ใบสุดท้าย ย่อมไม่มีใครหยุดยั้งเขาไว้ทัน ยกเว้นคนคนหนึ่ง

คนคนนั้นก็คือ เยี่ยเว่ยหมิงที่กำลังยืนฟื้นฟูพลังชีวิตอยู่ข้างประตูวัด!

สายตาของเยี่ยเว่ยหมิอยู่บนตัวของอวิ๋นหวาซั่งเซียน อีกฝ่ายก็มองเขาเช่นเดียวกัน

สองคนนี้ต่างหากที่เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เกิดการต่อสู้ในภารกิจครั้งนี้!

หากอวิ๋นหวาซั่งเซียนกำจัดเยี่ยเว่ยหมิงได้ เขาก็ยอมทำภารกิจสังหารของเขาสำเร็จ ขณะเดียวกันก็จะได้รับตำราลับกำลังภายในระดับสูงหนึ่งเล่มด้วย

ในฐานะผู้เล่นคนหนึ่ง ต่อให้ทำภารกิจจบแล้วถูกคนอื่นฟันแยกชิ้นส่วนศพ แต่ก็เป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่ขาดทุนอยู่ดี

สถานการณ์ของเยี่ยเว่ยหมิงก็เช่นเดียวกัน ขอเพียงเขาทำให้อวิ๋นหวาซั่งเซียนคนนี้ตายได้ ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล!

ดังนั้น พวกเขาล้วนมีเหตุผลที่จะยอมแลกทุกอย่างเพื่อฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย

แต่พวกเขาก็ยังไม่มีใครลงมือทั้งนั้น

ได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างนิ่งสงบ

คนหนึ่งวิ่งหนีต่อไป ส่วนอีกคนก็ฟื้นฟูพลังชีวิตต่อไป

อวิ๋นหวาซั่งเซียนแม้จะไม่บุ่มบ่ามลงมือในสถานการณ์ที่ตัวเองไม่มั่นใจ แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับมองเลเวลและค่าประสบการณ์ของ ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ บนคอลัมน์สกิลแล้ว…

ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา!

“หึ!”

ตอนนี้กลับได้ยินฉางซิงอวี่ที่ถูกแช่แข็งทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นพลังกลุ่มหนึ่งก็กระเพื่อมออกมาจากบนตัวเขา สะเทือนจนน้ำแข็งกระจายไปทั่ว เขาหลุดพ้นจากสถานะแช่แข็งก่อนหน้านี้แล้ว!

สายตามองไปยังอวิ๋นหวาซั่งเซียนหนีออกไปนอกวัดอีกครั้ง แต่ในดวงตาของเขากลับเผยแววตกตะลึงไร้ที่เปรียบ

เดิมทีเขานึกว่าเมื่อตัวเองมีทวนยาวที่เป็นอาวุธล้ำค่าอยู่ในมือ หากได้เผชิญหน้ากับเจ้าปัญญาอ่อนที่เรียกตัวเองว่าอวิ๋นหวาซั่งเซียนอีกครั้งก็จะเอาชนะได้แน่นอน แต่กลับคาดไม่ถึงว่าตอนที่อีกฝ่ายกำลังทำตัวเหมือนเป็นบ้าขึ้นมา ไม่น่าเชื่อว่ายังซ่อนวิชาดรรชนีที่น่ากลัวเอาไว้ด้วย!

นี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาของอู่ตังแน่นอน!

เมื่อลองนึกตามภารกิจที่สหายเยี่ยเคยเอ่ยถึงก่อนหน้านี้ อย่าบอกนะว่านอกสำนักอู่ตัง ยังมีอาจารย์คนที่สองซ่อนอยู่อีก วิชาดรรชนีที่ดุร้ายนี้ถ่ายทอดมาจากหยวนเจินนั่นน่ะหรือ

ขณะที่กำลังครุ่นคิด ฉางซิงอวี่ก็พบว่าอวิ๋นหวาซั่งเซียนหายไปจากสายตาของทุกคนที่อยู่ในวัดอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ขณะเดียวกันนี้เอง ขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกินก็ส่งสายตาให้กันแวบหนึ่ง แล้วก็เริ่มสู้ไปพลางถอยไปพลาง หลังจากได้โอกาสแล้วก็หันตัววิ่งหนีไป

ขนาดอวิ๋นหวาซั่งเซียน เยี่ยเว่ยหมิงยังไม่รีบกำจัดเลย ถ้าให้สู้กับสองคนที่ไม่มีผลได้ผลเสียกับตนโดยตรง เขาย่อมไม่มีเหตุผลที่จะเสี่ยงลงมือ ไม่เพียงแค่ไม่ไปห้ามไว้ ถึงขั้นเป็นฝ่ายถอยหลังสองก้าวเองด้วย ปล่อยให้อีกฝ่ายวิ่งต่อไปโดยไม่ต้องพะวงเรื่องใด

เขาบอกในช่องทีมว่า [ทุกคนไม่ต้องไล่ตามแล้ว ฆ่า BOSS สำคัญกว่า อย่าให้ภารกิจของปลี่ยนแปลง]

ทุกคนได้ยินแล้วหยุดฝีเท้า จากนั้นต่างคนต่างเข้าร่วมการล้อมโจมตีหลวงจีนไว้ผมอย่างโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรม

มีเพียงน้องดาบที่ไม่ได้ลงมือทันที แต่อมยิ้มพูดกับเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ตอนนี้เจ้าอ่อนแอถึงขั้นนี้แล้วหรือ ได้แต่ปล่อยให้อวิ๋นหวาซั่งเซียนนั่นหนีไปโดยไม่ตะโกนหยุดสักคำ ต้องรู้ไว้นะว่าพวกเรามีกันเยอะขนาดนี้ ขอเพียงเจ้าถ่วงเวลาเขาไว้สักก้าว รอให้พวกเรามีเวลาว่าง ก็ล้อมเข้าไปโจมตีให้เขาตายได้แล้ว…

…จากนั้น กำลังภายในระดับสูงของเจ้าก็จะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเลเวล นี่ไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย ถอนหายใจอย่างจนใจ “นึกไม่ถึงว่าเจ้ายังมองออก หลังจากข้าเพิ่งทำดาเมจไป ข้าก็ติดสถานะอ่อนแอจริงๆ ถ้าเจ้าอยากจะสังหารข้าเพื่อระบายความโกรธ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวของเจ้าก็ได้”

ขณะที่พูดก็ขยิบตาให้อีกฝ่าย “ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากกำจัดข้าแล้ว ยังได้ดรอปตำราลับกำลังภายในระดับสูงเล่มหนึ่งจากตัวข้าด้วยนะ ไม่เพียงแค่ได้ระบายความโกรธ ถ้ายังได้ผลตอบแทนแบบนี้ด้วย เจ้าอยากลองดูสักหน่อยไหมล่ะ”

เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวเช่นนี้ ไม่ใช่เจตนาขู่

แม้ภารกิจถูกไล่สังหารจะไม่ได้บอกไว้ชัดเจน แต่แค่คิดก็รู้แล้วว่าตราบใดที่ภารกิจนี้ยังไม่จบ ไม่ว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะถูกใครสังหาร ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ของเขาก็ต้องดรอปออกมาอยู่ดี

ไม่อย่างนั้นแล้ว ด้วยความสามารถของอวิ๋นหวาซั่งเซียนที่ห่างไกลจากเขา หลังจากเขาได้รับแจ้งเตือนจากภารกิจแล้วก็วิ่งหนีออกนอกเมืองได้ วิ่งหนีไปไกลแค่ไหนก็ยิ่งดี

หลังจากรอให้อีกฝ่ายตามทันแล้ว ก็ค่อยชักกระบี่ออกมาปาดคอตัวเอง พอกลับไปคืนชีพในเมืองแล้วก็ค่อยหนีไปทางทิศตะวันตก…

พอเป็นแบบนี้ อย่างมากเขาก็ตายแค่สามถึงห้าครั้ง แล้วก็อดทนจนถึงเวลาที่ภารกิจจบได้แล้ว ตอนนั้นเมื่อมีการแจกรางวัลภารกิจ เคล็ดวิชาจักรวาลก็จะเพิ่มหนึ่งเลเวลทันที ยังคงไม่ขาดทุน

ส่วนอวิ๋นหวาซั่งเซียน ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำภารกิจไล่สังหารสำเร็จ

ตอนที่ระบบตั้งค่าภารกิจ บางทีอาจจะทำให้สมบูรณ์แบบทุกอย่างไม่ได้ ก็เลยทิ้งช่องโหว่ระดับต่ำขนาดนี้เอาไว้ให้ผู้เล่นใช้ประโยชน์

ดังนั้น ถ้าเยี่ยเว่ยหมิงอยากทำภารกิจนี้สำเร็จ ก็มีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น

หนึ่งคือถ่วงเวลาจนกว่าจะหมดเวลาภารกิจ

สองคือสังหารให้อวิ๋นหวาซั่งเซียนตายล่วงหน้า เพื่อจบภารกิจถูกไล่สังหารที่เป็นเหมือนกับดักนี้

ไม่มีช่องว่างให้ใช้กลอุบายอย่างอื่นอยู่เลย

เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบไม่ได้กดเสียงให้เบาลงตอนสนทนากัน คนอื่นย่อมได้ยินหมดแล้ว

เมื่อได้ยินว่าเยี่ยเว่ยหมิงยอมไม่โจมตีสังหารอวิ๋นหวาซั่งเซียนให้ตายก่อนเพื่อที่จะช่วยให้ตนทำภารกิจสำเร็จ ถังซานไฉ่ก็ย่อมซาบซึ้งใจจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว แต่สะพานสวรรค์น้อยกลับถอยจากวงล้อมโจมตีหลวงจีนไว้ผมอย่างแนบเนียน ถลันตัวมาขวางอยู่ระหว่างเยี่ยเว่ยหมิงและน้องดาบ กระบี่มังกรคำรามและกระบี่จินสยาไขว้ตรงหน้าอก เตรียมพร้อมสู้ตายกับน้องดาบทุกเมื่อ

ขณะที่มองสะพานสวรรค์น้อยทำท่าเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง น้องดาบกลับส่ายหน้ายิ้มน้อยๆ “ถ้าคิดจะสังหารเขา เจ้าก็ต้านไม่ไหวหรอก เพียงแต่ตอนนี้พวกเราอยู่ในสถานะเพื่อนร่วมทีม ข้าไม่ลงมือกับเพื่อนร่วมทีมของตัวเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เพื่อนในทีมต่อสู้อย่างสุดกำลังเพื่อให้ทีมได้ผลประโยชน์สูงสุด เรื่องแบบนั้นเกินเส้นตายศีลธรรมของข้าแล้ว…

…แต่เส้นตายก็ยังเป็นเส้นตาย ต่อให้เป็นในเกม ข้าก็ไม่ล้ำเส้นเด็ดขาด!” พูดจบก็หันตัวไป ถือดาบล้ำค่าเข้าไปอยู่ในแนวล้อมโจมตีหลวงจีนไว้ผมแล้ว

ส่วนสะพานสวรรค์น้อยก็พยักหน้าให้เยี่ยเว่ยหมิง แล้วล้อมโจมตีหลวงจีนไว้ผมอีกครั้ง

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงกลับยกมุมปากเผยรอยยิ้มปลื้มใจ เก็บประกาศิตกระบี่บุปผาโรยที่ซ่อนอยู่ในฝ่ามือไว้แล้ว

สถานะอ่อนแอของเขาแม้จะเป็นเรื่องปลอม แต่ด้วยค่าพลังชีวิตของเขาตอนนี้ เขาก็ยังไม่กล้าปะทะกับน้องดาบที่มีค่าพลังชีวิตเต็มโดยตรงอยู่ดี โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่อีกฝ่ายมีโอกาสตายน้อย ส่วนตัวเองตายแล้วไม่ได้อะไรกลับมาเลย

การต่อสู้หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรน่าพูดถึงแล้ว หลวงจีนไว้ผมถูกโจมตีจนหมดสภาพไปตั้งแต่ตอนสู้กับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ตอนนี้เขาสองแขนพิการ ในสายตาของผู้เล่นพวกนี้เขาเป็นเพียงแพะอ้วนที่รอถูกเชือดเท่านั้น! มีหรือที่จะสู้ผู้เล่นที่ดุร้ายเหมือนฝูงหมาป่าได้

ส่วนความโหดที่เขากล้าแลกค่าพลังชีวิตกับเยี่ยเว่ยหมิง อย่างมากก็ทำให้เขาเป็นได้เพียงแพะที่เชื่อฟังตัวหนึ่งเท่านั้น กลายเป็นแพะอ้วนที่แข็งแกร่งตัวหนึ่งแล้ว เปลี่ยนแปลงจุดจบไม่ได้เลย

ถ้าจะบอกว่าหนี?

นั่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้!

เป็นเพราะรู้ตั้งแต่แรกว่าเขาหนีออกจากวัดร้างแห่งนี้ไม่ได้ ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ตอนสุดท้ายถึงได้เลือกทำลายแขนของเขา ไม่ใช่ทำลายขาของเขา

หลังจากนั้นสามนาที หลวงจีนไว้ผมผู้เป็นทูตขวาท่านนี้ก็ถูกโจมตีจนติดสถานะเฉียดตายแล้ว ระบบปกป้องเขาไว้ตอนที่เลือดเหลือขีดเดียว

จากนั้นกลับได้ยินหลวงจีนไว้ผมกล่าวว่า “จอมยุทธ์น้อยทั้งหลายอย่าเพิ่งลงมือ ฟ้งข้าก่อนได้หรือไม่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 230 ยังไม่ถึงเวลา

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 230 ยังไม่ถึงเวลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 230 ยังไม่ถึงเวลา

อวิ๋นหวาซั่งเซียนที่โจมตีสำเร็จไปหนึ่งครั้งกลับไม่มีท่าทีว่าจะไล่ตามโจมตีอีก แต่วิ่งหนีไปทางด้านนอกประตูใหญ่ทันที

ตอนนี้แม้ทุกคนของฝ่ายเยี่ยเว่ยหมิงจะอยู่ในจุดที่ได้เปรียบโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ความได้เปรียบนี้ก็ยังไม่ถึงขั้นบดขยี้อีกฝ่ายได้

ทุกคนล้วนกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง พยายามสร้างสถานการณ์ให้ได้ชัยชนะโดยเร็ว กอปรกับก่อนหน้านี้ฉางซิงอวี่อยู่ในจุดที่ได้เปรียบโดยสมบูรณ์มาตลอด ทุกคนก็ยิ่งไม่ได้สนใจการต่อสู้ทางฝั่งเขา

ตอนนี้เมื่ออวิ๋นหวาซั่งเซียนเห็นว่าสถานการณ์ฝั่งตนเองสิ้นหวังแล้ว จู่ๆ ก็หนีไปหลังจากเผยไพ่ใบสุดท้าย ย่อมไม่มีใครหยุดยั้งเขาไว้ทัน ยกเว้นคนคนหนึ่ง

คนคนนั้นก็คือ เยี่ยเว่ยหมิงที่กำลังยืนฟื้นฟูพลังชีวิตอยู่ข้างประตูวัด!

สายตาของเยี่ยเว่ยหมิอยู่บนตัวของอวิ๋นหวาซั่งเซียน อีกฝ่ายก็มองเขาเช่นเดียวกัน

สองคนนี้ต่างหากที่เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เกิดการต่อสู้ในภารกิจครั้งนี้!

หากอวิ๋นหวาซั่งเซียนกำจัดเยี่ยเว่ยหมิงได้ เขาก็ยอมทำภารกิจสังหารของเขาสำเร็จ ขณะเดียวกันก็จะได้รับตำราลับกำลังภายในระดับสูงหนึ่งเล่มด้วย

ในฐานะผู้เล่นคนหนึ่ง ต่อให้ทำภารกิจจบแล้วถูกคนอื่นฟันแยกชิ้นส่วนศพ แต่ก็เป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่ขาดทุนอยู่ดี

สถานการณ์ของเยี่ยเว่ยหมิงก็เช่นเดียวกัน ขอเพียงเขาทำให้อวิ๋นหวาซั่งเซียนคนนี้ตายได้ ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล!

ดังนั้น พวกเขาล้วนมีเหตุผลที่จะยอมแลกทุกอย่างเพื่อฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย

แต่พวกเขาก็ยังไม่มีใครลงมือทั้งนั้น

ได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างนิ่งสงบ

คนหนึ่งวิ่งหนีต่อไป ส่วนอีกคนก็ฟื้นฟูพลังชีวิตต่อไป

อวิ๋นหวาซั่งเซียนแม้จะไม่บุ่มบ่ามลงมือในสถานการณ์ที่ตัวเองไม่มั่นใจ แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับมองเลเวลและค่าประสบการณ์ของ ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ บนคอลัมน์สกิลแล้ว…

ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา!

“หึ!”

ตอนนี้กลับได้ยินฉางซิงอวี่ที่ถูกแช่แข็งทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นพลังกลุ่มหนึ่งก็กระเพื่อมออกมาจากบนตัวเขา สะเทือนจนน้ำแข็งกระจายไปทั่ว เขาหลุดพ้นจากสถานะแช่แข็งก่อนหน้านี้แล้ว!

สายตามองไปยังอวิ๋นหวาซั่งเซียนหนีออกไปนอกวัดอีกครั้ง แต่ในดวงตาของเขากลับเผยแววตกตะลึงไร้ที่เปรียบ

เดิมทีเขานึกว่าเมื่อตัวเองมีทวนยาวที่เป็นอาวุธล้ำค่าอยู่ในมือ หากได้เผชิญหน้ากับเจ้าปัญญาอ่อนที่เรียกตัวเองว่าอวิ๋นหวาซั่งเซียนอีกครั้งก็จะเอาชนะได้แน่นอน แต่กลับคาดไม่ถึงว่าตอนที่อีกฝ่ายกำลังทำตัวเหมือนเป็นบ้าขึ้นมา ไม่น่าเชื่อว่ายังซ่อนวิชาดรรชนีที่น่ากลัวเอาไว้ด้วย!

นี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาของอู่ตังแน่นอน!

เมื่อลองนึกตามภารกิจที่สหายเยี่ยเคยเอ่ยถึงก่อนหน้านี้ อย่าบอกนะว่านอกสำนักอู่ตัง ยังมีอาจารย์คนที่สองซ่อนอยู่อีก วิชาดรรชนีที่ดุร้ายนี้ถ่ายทอดมาจากหยวนเจินนั่นน่ะหรือ

ขณะที่กำลังครุ่นคิด ฉางซิงอวี่ก็พบว่าอวิ๋นหวาซั่งเซียนหายไปจากสายตาของทุกคนที่อยู่ในวัดอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ขณะเดียวกันนี้เอง ขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกินก็ส่งสายตาให้กันแวบหนึ่ง แล้วก็เริ่มสู้ไปพลางถอยไปพลาง หลังจากได้โอกาสแล้วก็หันตัววิ่งหนีไป

ขนาดอวิ๋นหวาซั่งเซียน เยี่ยเว่ยหมิงยังไม่รีบกำจัดเลย ถ้าให้สู้กับสองคนที่ไม่มีผลได้ผลเสียกับตนโดยตรง เขาย่อมไม่มีเหตุผลที่จะเสี่ยงลงมือ ไม่เพียงแค่ไม่ไปห้ามไว้ ถึงขั้นเป็นฝ่ายถอยหลังสองก้าวเองด้วย ปล่อยให้อีกฝ่ายวิ่งต่อไปโดยไม่ต้องพะวงเรื่องใด

เขาบอกในช่องทีมว่า [ทุกคนไม่ต้องไล่ตามแล้ว ฆ่า BOSS สำคัญกว่า อย่าให้ภารกิจของปลี่ยนแปลง]

ทุกคนได้ยินแล้วหยุดฝีเท้า จากนั้นต่างคนต่างเข้าร่วมการล้อมโจมตีหลวงจีนไว้ผมอย่างโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรม

มีเพียงน้องดาบที่ไม่ได้ลงมือทันที แต่อมยิ้มพูดกับเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ตอนนี้เจ้าอ่อนแอถึงขั้นนี้แล้วหรือ ได้แต่ปล่อยให้อวิ๋นหวาซั่งเซียนนั่นหนีไปโดยไม่ตะโกนหยุดสักคำ ต้องรู้ไว้นะว่าพวกเรามีกันเยอะขนาดนี้ ขอเพียงเจ้าถ่วงเวลาเขาไว้สักก้าว รอให้พวกเรามีเวลาว่าง ก็ล้อมเข้าไปโจมตีให้เขาตายได้แล้ว…

…จากนั้น กำลังภายในระดับสูงของเจ้าก็จะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเลเวล นี่ไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย ถอนหายใจอย่างจนใจ “นึกไม่ถึงว่าเจ้ายังมองออก หลังจากข้าเพิ่งทำดาเมจไป ข้าก็ติดสถานะอ่อนแอจริงๆ ถ้าเจ้าอยากจะสังหารข้าเพื่อระบายความโกรธ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวของเจ้าก็ได้”

ขณะที่พูดก็ขยิบตาให้อีกฝ่าย “ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากกำจัดข้าแล้ว ยังได้ดรอปตำราลับกำลังภายในระดับสูงเล่มหนึ่งจากตัวข้าด้วยนะ ไม่เพียงแค่ได้ระบายความโกรธ ถ้ายังได้ผลตอบแทนแบบนี้ด้วย เจ้าอยากลองดูสักหน่อยไหมล่ะ”

เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวเช่นนี้ ไม่ใช่เจตนาขู่

แม้ภารกิจถูกไล่สังหารจะไม่ได้บอกไว้ชัดเจน แต่แค่คิดก็รู้แล้วว่าตราบใดที่ภารกิจนี้ยังไม่จบ ไม่ว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะถูกใครสังหาร ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ของเขาก็ต้องดรอปออกมาอยู่ดี

ไม่อย่างนั้นแล้ว ด้วยความสามารถของอวิ๋นหวาซั่งเซียนที่ห่างไกลจากเขา หลังจากเขาได้รับแจ้งเตือนจากภารกิจแล้วก็วิ่งหนีออกนอกเมืองได้ วิ่งหนีไปไกลแค่ไหนก็ยิ่งดี

หลังจากรอให้อีกฝ่ายตามทันแล้ว ก็ค่อยชักกระบี่ออกมาปาดคอตัวเอง พอกลับไปคืนชีพในเมืองแล้วก็ค่อยหนีไปทางทิศตะวันตก…

พอเป็นแบบนี้ อย่างมากเขาก็ตายแค่สามถึงห้าครั้ง แล้วก็อดทนจนถึงเวลาที่ภารกิจจบได้แล้ว ตอนนั้นเมื่อมีการแจกรางวัลภารกิจ เคล็ดวิชาจักรวาลก็จะเพิ่มหนึ่งเลเวลทันที ยังคงไม่ขาดทุน

ส่วนอวิ๋นหวาซั่งเซียน ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำภารกิจไล่สังหารสำเร็จ

ตอนที่ระบบตั้งค่าภารกิจ บางทีอาจจะทำให้สมบูรณ์แบบทุกอย่างไม่ได้ ก็เลยทิ้งช่องโหว่ระดับต่ำขนาดนี้เอาไว้ให้ผู้เล่นใช้ประโยชน์

ดังนั้น ถ้าเยี่ยเว่ยหมิงอยากทำภารกิจนี้สำเร็จ ก็มีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น

หนึ่งคือถ่วงเวลาจนกว่าจะหมดเวลาภารกิจ

สองคือสังหารให้อวิ๋นหวาซั่งเซียนตายล่วงหน้า เพื่อจบภารกิจถูกไล่สังหารที่เป็นเหมือนกับดักนี้

ไม่มีช่องว่างให้ใช้กลอุบายอย่างอื่นอยู่เลย

เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบไม่ได้กดเสียงให้เบาลงตอนสนทนากัน คนอื่นย่อมได้ยินหมดแล้ว

เมื่อได้ยินว่าเยี่ยเว่ยหมิงยอมไม่โจมตีสังหารอวิ๋นหวาซั่งเซียนให้ตายก่อนเพื่อที่จะช่วยให้ตนทำภารกิจสำเร็จ ถังซานไฉ่ก็ย่อมซาบซึ้งใจจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว แต่สะพานสวรรค์น้อยกลับถอยจากวงล้อมโจมตีหลวงจีนไว้ผมอย่างแนบเนียน ถลันตัวมาขวางอยู่ระหว่างเยี่ยเว่ยหมิงและน้องดาบ กระบี่มังกรคำรามและกระบี่จินสยาไขว้ตรงหน้าอก เตรียมพร้อมสู้ตายกับน้องดาบทุกเมื่อ

ขณะที่มองสะพานสวรรค์น้อยทำท่าเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง น้องดาบกลับส่ายหน้ายิ้มน้อยๆ “ถ้าคิดจะสังหารเขา เจ้าก็ต้านไม่ไหวหรอก เพียงแต่ตอนนี้พวกเราอยู่ในสถานะเพื่อนร่วมทีม ข้าไม่ลงมือกับเพื่อนร่วมทีมของตัวเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เพื่อนในทีมต่อสู้อย่างสุดกำลังเพื่อให้ทีมได้ผลประโยชน์สูงสุด เรื่องแบบนั้นเกินเส้นตายศีลธรรมของข้าแล้ว…

…แต่เส้นตายก็ยังเป็นเส้นตาย ต่อให้เป็นในเกม ข้าก็ไม่ล้ำเส้นเด็ดขาด!” พูดจบก็หันตัวไป ถือดาบล้ำค่าเข้าไปอยู่ในแนวล้อมโจมตีหลวงจีนไว้ผมแล้ว

ส่วนสะพานสวรรค์น้อยก็พยักหน้าให้เยี่ยเว่ยหมิง แล้วล้อมโจมตีหลวงจีนไว้ผมอีกครั้ง

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงกลับยกมุมปากเผยรอยยิ้มปลื้มใจ เก็บประกาศิตกระบี่บุปผาโรยที่ซ่อนอยู่ในฝ่ามือไว้แล้ว

สถานะอ่อนแอของเขาแม้จะเป็นเรื่องปลอม แต่ด้วยค่าพลังชีวิตของเขาตอนนี้ เขาก็ยังไม่กล้าปะทะกับน้องดาบที่มีค่าพลังชีวิตเต็มโดยตรงอยู่ดี โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่อีกฝ่ายมีโอกาสตายน้อย ส่วนตัวเองตายแล้วไม่ได้อะไรกลับมาเลย

การต่อสู้หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรน่าพูดถึงแล้ว หลวงจีนไว้ผมถูกโจมตีจนหมดสภาพไปตั้งแต่ตอนสู้กับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ตอนนี้เขาสองแขนพิการ ในสายตาของผู้เล่นพวกนี้เขาเป็นเพียงแพะอ้วนที่รอถูกเชือดเท่านั้น! มีหรือที่จะสู้ผู้เล่นที่ดุร้ายเหมือนฝูงหมาป่าได้

ส่วนความโหดที่เขากล้าแลกค่าพลังชีวิตกับเยี่ยเว่ยหมิง อย่างมากก็ทำให้เขาเป็นได้เพียงแพะที่เชื่อฟังตัวหนึ่งเท่านั้น กลายเป็นแพะอ้วนที่แข็งแกร่งตัวหนึ่งแล้ว เปลี่ยนแปลงจุดจบไม่ได้เลย

ถ้าจะบอกว่าหนี?

นั่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้!

เป็นเพราะรู้ตั้งแต่แรกว่าเขาหนีออกจากวัดร้างแห่งนี้ไม่ได้ ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ตอนสุดท้ายถึงได้เลือกทำลายแขนของเขา ไม่ใช่ทำลายขาของเขา

หลังจากนั้นสามนาที หลวงจีนไว้ผมผู้เป็นทูตขวาท่านนี้ก็ถูกโจมตีจนติดสถานะเฉียดตายแล้ว ระบบปกป้องเขาไว้ตอนที่เลือดเหลือขีดเดียว

จากนั้นกลับได้ยินหลวงจีนไว้ผมกล่าวว่า “จอมยุทธ์น้อยทั้งหลายอย่าเพิ่งลงมือ ฟ้งข้าก่อนได้หรือไม่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+