ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 334 สุดแผนที่ ปรากฏมีดสั้น[1]…หยางกั้ว?

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 334 สุดแผนที่ ปรากฏมีดสั้น[1]...หยางกั้ว? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 334 สุดแผนที่ ปรากฏมีดสั้น[1]…หยางกั้ว?

ท่านยายซุนกำลังอ่อนข้อให้หรือ

ตอนที่ความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นมา เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก

อย่างไรเสีย แม่เฒ่าคนนี้ก็แสดงความเป็นมิตรกับเขามากตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งแรกแล้ว

พอนึกย้อนถึงสองภารกิจก่อนหน้านี้ ภารกิจแรกให้เขาแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาก่อน จากนั้นก็กำราบพวกผู้เล่นสำนักสุสานโบราณที่ไม่พอใจเขาโดยเอ่ยเรื่อง ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ขึ้นมา เงื่อนไขนี้ดูเหมือนยาก แต่สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยถือว่าไม่เสียเปรียบแน่นอน

ท่าทีของผู้เล่นสำนักสุสานโบราณที่มีต่อสะพานสวรรค์น้อยไม่ใช่แค่เปลี่ยนไปแบบหนึ่งร้อยแปดสิบองศา ถึงขั้นเลิกมีเจตนาอันเป็นศัตรูต่อเยี่ยเว่ยหมิงแล้วด้วย

สายตาที่พวกนางมองเขาตอนนี้ ยังมีเจตนาอันเป็นศัตรูเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า

มีเพียงสายตาเฝ้าคอยและกังวลเหลืออยู่เท่านั้น เฝ้าคอยให้เขาพยายามมากขึ้นสักหน่อย ให้ผ่านการทดสอบด่านที่สามอย่างราบรื่น ส่วนเรื่องที่กังวลก็คือ กลัวเขาจะเปลี่ยนใจกะทันหัน หรือไม่ก็ล้มเหลวระหว่างการทดสอบ

เพราะถึงอย่างไร ความสำเร็จและความล้มเหลวของเยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งผลโดยตรงต่อโอกาสที่พวกเขาจะได้เรียนรู้กระบี่คู่ผนึกรวม!

ส่วนบทลงโทษภารกิจล้มเหลวที่ถูกไล่ฆ่าสามวัน ก็เพื่อให้เขาเติมเต็มเงื่อนไขระดับผลงานสำหรับรับปลาขาวบึงหนาวเท่านั้น ก็เหมือนวิธีการที่จางซานเฟิงช่วยให้เขากับอินปู้คุยโกงภารกิจก่อนหน้านี้

แน่นอน ฐานะที่เป็นนักกลยุทธ์ที่มีหัวใจ ใช่ว่าเยี่ยเว่ยหมิงไม่เคยไตร่ตรองมาก่อนว่าในระหว่างนั้นอาจมีกับดักอื่นหรือไม่

แต่ต่อให้เขาเดาผิดจริงๆ เขาก็อาจไม่ถูกวางกับดักเสมอไป

อย่างไรเสีย บนตัวเขาก็ไม่ได้มีไพ่ลับสำหรับปกป้องชีวิตตัวเองแค่ใบเดียวอยู่แล้ว!

พอเข้าใจประเด็นสำคัญแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็เลือกรับภารกิจอย่างสุขุมเยือกเย็นมาก

ฟิ้ว!

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งตัดสินใจเลือกและกดยืนยัน ครู่ต่อมากลับเห็นเงาร่างสีดำถลันออกมาจากสำนักสุสานโบราณที่อยู่ข้างหน้า มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาด้วยความเร็วที่เหนือขีดจำกัดสายตาของเขาราวกับหายตัวได้ จากนั้นยกฝ่ามือหนึ่งข้างตบมาที่หัวใจของเยี่ยเว่ยหมิง

ฝ่ามือยังไม่ทันมาถึง ลมฝ่ามืออันทรงพลังก็กดดันจนเขารู้สึกหายใจลำบากแล้ว!

ก่อเหตุใต้รักแร้![2]

เยี่ยเว่ยหมิงที่ถูกโจมตีจนทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้ทำได้เพียงยกมือขึ้นมาใช้ท่ามังกรซ่อนกบดาน เพื่อรับฝ่ามืออันน่าสะพรึงกลัวที่เข้ามาอย่างกะทันหัน

เพื่อความปลอดภัย เป็นครั้งแรกที่เขาถึงขั้นไม่กล้าใช้กลยุทธ์หน้าเนื้อใจเสือ แต่เปิดใช้งานประสิทธิภาพของฝ่ามือนี้ล่วงหน้าอย่างมั่นใจและเชื่อถือได้ หวังเพียงลดพลังฝ่ามือของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น!

กรรร!…

ทว่า สิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงคาดคิดไม่ถึงเลยก็คือ ตอนที่พลังฝ่ามือรูปมังกรสีฟ้าระยิบระยับเพิ่งจะบินออกจากกลางฝ่ามือเขา เสียงคำรามที่สะเทือนใจคนยังไม่ทันเงียบ ก็ถูกพลังฝ่ามือของอีกฝ่ายตีแตกกระจายทันที

จากนั้น ฝ่ามือของผู้ลอบโจมตีก็ตบอย่างแรงลงบนฝ่ามือซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิงที่ยังไม่ทันหดมือกลับมา

กร๊อบ!

-19315!

กระดูกแตก!

อานุภาพของฝ่ามือเดียวก็ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงกระเด็นออกไปไกลหลายจั้ง หลังจากตกลงพื้นแล้ว ก็ไถลไปข้างหลังอีกเกือบหนึ่งจั้งอย่างควบคุมไม่ได้ เกือบถึงป่าทึบที่อยู่ข้างหลังแล้วถึงได้หยุดร่างกายตัวเองไว้ได้

ตอนนี้เอง พลังชีวิตของเขาไม่เพียงแค่ถูกอีกฝ่ายใช้ฝ่ามือเดียวตบหายไปเกินไปแปดส่วน ทั้งแขนซ้ายยังติดสถานะกระดูกแตกด้วย ไร้ความสามารถในการเคลื่อนไหวโดยสิ้นเชิง

เป็นใครกันแน่ที่มีศักยภาพน่าหวาดกลัวขนาดนี้

ตอนนี้เอง เสียงเย็นเยียบของชายคนหนึ่งก็ดังมาจากจุดที่เขาเพิ่งยืนอยู่เมื่อครู่นี้ “หนึ่งฝ่ามือเมื่อครู่ ข้าใช้พลังเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น ต่อไปยังเหลืออีกสองฝ่ามือ ข้าจะเพิ่มพลังเป็นสองส่วนกับสามส่วน เจ้ายังจะรับต่อหรือไม่…

…แต่ข้าอนุญาตให้เจ้าปรับสถานะตัวเองครึ่งชั่วโมงทุกรอบหลังจากสู้กับข้า เจ้าใช้เวลานี้เพื่อปรับสภาพตัวเองที่อยู่ในสถานะที่ดีที่สุดได้ แล้วค่อยรับอีกสองฝ่ามือของข้า…

…ถึงแม้จะไม่มีประโยชน์อะไรก็ตาม”

เยี่ยเว่ยหมิงใช้มือขวาที่ยังสมบูรณ์อยู่ค้ำร่างกายตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนพื้น แล้วหย่อนยารักษาอาการบาดเจ็บกับยาฟื้นพลังชีวิตเข้าปากทั้งหมด ถึงได้จ้องไปทางเสียงของผู้ที่มา

เขากลับเห็นว่าผู้พูดเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบกว่า แม้อีกฝ่ายไม่ได้อายุมาก แต่บนใบหน้ากลับเขียนประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนเอาไว้เต็ม จอนผมสองข้างที่ห้อยลงมาจากขมับก็ยิ่งกลายเป็นสีขาวแล้ว

สิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดก็คือ แขนขวาว่างเปล่าที่เหลือเพียงแขนเสื้อปลิวสะบัดตามลม

ยอดฝีมือที่โผล่มากะทันหันคนนี้ ไม่น่าเชื่อว่ามีแขนแค่ข้างเดียว!

พอดูชื่อที่อยู่เหนือศีรษะอีกครั้ง ในใจเยี่ยเว่ยหมิงก็อดด่าไม่ได้ว่าหลอกพ่อนี่หว่า

[หยางกั้ว]

เลเวล: ???

พลังชีวิต: ???/???

กำลังภายใน: ???/???

……

มารดาเจ้าเถอะ ตอนนี้หยางกั้วยังอยู่ในท้องของฉินหนานฉินไม่ใช่หรือ

ทำไมจู่ๆ โผล่มาอยู่ที่นี่ได้

นี่คือหยางกั้วที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่และฝึกทักษะยุทธ์สำเร็จแล้ว!

จังหวะแบบนี้ ต้องการจะเล่นงานตนให้ตายถึงจะพอใจใช่ไหม

แม้หยางกั้วได้บอกไว้แล้วว่าจะรอให้เขาค่าพลังชีวิตเต็มก่อน แต่เขาก็ยังเรียกประกาศิตกระบี่บุปผาโรยเอาไว้ในมือทันทีเพื่อความปลอดภัย พร้อมหันไปมองทางท่านยายซุนอย่างโมโห

แต่กลับตกใจเมื่อพบว่า หญิงชราผู้นี้กับน้องสะพานสวรรค์น้อยมาขวางอยู่ตรงกลางระหว่างหยางกั้วกับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ทั้งยังถามอย่างไม่พอใจว่า “กั้วเอ๋อร์ สำหรับบททดสอบของจอมยุทธ์น้อยเยี่ย ข้าจัดการตามแผนที่จะวางไว้แล้ว แต่เหตุใดตอนสุดท้ายเจ้ากลับมาทำลายการทดสอบของข้า อย่าบอกนะว่าทุกอย่างก่อนหน้านี้ล้วนเป็นการหลอกใช้”

ส่วนสะพานสวรรค์น้อยกับบรรดาศิษย์สาวของสำนักสุสานโบราณที่อยู่รอบๆ ก็ชักกระบี่ออกจากฝักพร้อมกัน มองหยางกั้วด้วยสายตาโกรธเคือง

ดูจากสีหน้าของคนพวกนี้ เหมือนกับว่าแม้แต้ศิษย์ของสำนักสุสานโบราณก็ยังไม่รู้ว่าในสำนักของตัวเองมียอดฝีมืออย่างหยางกั้วอยู่ด้วย

หยางกั้วกวาดตามองกลุ่มศิษย์ของสำนักสุสานโบราณแล้วกล่าวเสียงเย็น “ในฐานะที่ข้าเป็นผู้ปกป้องสำนักสุสานโบราณ มีสิทธิ์ลงโทษพวกเจ้า ถ้าพวกเจ้าบังอาจโจมตีข้า ข้าก็มีสิทธิ์ไล่พวกเจ้าออกจากสำนักโดยตรง!”

พอได้ยินดังนั้น บรรดาศิษย์สำนักสุสานโบราณก็ตกใจจนถอยไปด้านข้าง แม้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ จะดีขนาดไหน แต่ก็ต้องอยู่ที่สำนักสุสานโบราณเท่านั้นถึงจะแสดงประสิทธิภาพของมันออกมาได้มากที่สุด หากไม่มี ‘เคล็ดกระบี่ดรุณีหยก’ ร่วมด้วย มันก็เป็นเพียงเคล็ดกระบี่ระดับกลางทั่วไปเท่านั้น

อย่างน้อยศิษย์สาวของสำนักสุสานโบราณพวกนั้นก็คิดอย่างนี้

มีเพียงสะพานสวรรค์น้อยที่ได้ยินแล้วถือกระบี่มังกรคำรามและกระบี่จินสยาไว้ทางฝั่งซ้ายและขวา ทำท่าราวกับว่าต่อให้ถูกไล่ออกจากสำนักก็จะร่วมสู้ร่วมถอยพร้อมกับเยี่ยเว่ยหมิง

เยี่ยเว่ยหมิงสถานการณ์ดังนั้น ก็รีบบอกว่า “สะพานสวรรค์น้อย เจ้าหลีกไป”

“แต่ว่า…”

“เจ้าไม่เชื่อในความสามารถของข้าหรือ” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างมั่นใจเต็มร้อย “เจ้าหลีกไป ข้าย่อมมีวิธีรับมือของตัวเองอยู่แล้ว”

พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงกล่าวเช่นนี้ สะพานสวรรค์น้อยถึงได้ถอยไปด้านข้าง แต่ยังไม่เก็บกระบี่ล้ำค่าสองเล่มในมือ ยังคงกุมไว้แน่น ขอเพียงเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นกับเยี่ยเว่ยหมิง นางก็จะพุ่งเข้าไปสู้ตายกับหยางกั้วอย่างไม่ลังเล

ตอนนี้เอง หยางกั้วกลับสะบัดชายเสื้อแล้วนั่งคุกเข่าต่อหน้าท่านยายซุน “ท่านยายซุน ที่หลอกใช้ท่านครั้งนี้เป็นความผิดของกั้วเอ๋อร์ แต่คนคนนี้ผูกความแค้นกับกั้วเอ๋อร์เรื่องสังหารบิดา กั้วเอ๋อร์มิอาจไม่ล้างแค้น! ส่วนภารกิจก่อนหน้านี้ บอกเพียงให้เขารับสามฝ่ามือของผู้ทดสอบ ไม่ได้บอกว่าผู้ทดสอบคือท่านยาย ดังนั้นจึงถือว่าท่านไม่โกหก…

…รอให้ข้าล้างแค้นให้ท่านพ่อสำเร็จ ท่านยายซุนจะฆ่าจะตีอย่างไร กั้วเอ๋อร์ก็จะไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้…”

ระหว่างที่พูด หยางกั้วโขกศีรษะกับพื้น “ท่านยายซุนโปรดช่วยให้สมปรารถนา!”

[1] สุดแผนที่ ปรากฏมีดสั้น 图穷匕见 หมายถึงเมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาจนถึงจุดสิ้นสุด ข้อเท็จจริงย่อมปรากฏออกมา

[2] ก่อเหตุใต้รักแร้ 变生肘腋 อุปมาว่าเรื่องราวเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ข้างกายตัวเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด