ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 630 ห้ายอดฝีมือรวมตัว

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 630 ห้ายอดฝีมือรวมตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 630 ห้ายอดฝีมือรวมตัว

พอได้ยินประกาศที่เผด็จการมากของหวงเย่าซือ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

เจ้าไม่ตั้งใจเป่าขลุ่ยให้ข้าฟังดีๆ ดันมาอวดเก่งจำกัดสิทธิ์กันอยู่ได้!

สำหรับสุนัขวางอำนาจแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกเหยียดหยามจากใจ ทั้งยังรู้สึกดูถูกกับคำประกาศเตือนนี้ด้วย

ให้เวลาหนึ่งก้านธูปเพื่อไปถึงศาลาฝึกกระบี่?

เจ้ากำลังเล่นงานใครอยู่!

อาศัยวิชาตัวเบาของข้า ก็ใช้เวลานานขนาดนั้นด้วยหรือ

เขาลุกขึ้นมา เปิดประตู ใช้ท่าร่างจนถึงขีดจำกัดสูงสุด ใช้เวลาหายใจเพียงสิบสองครั้งก็มาถึงนอกศาลาฝึกกระบี่แล้ว

ทว่าตอนที่เขามาถึง ภาพที่เห็นตรงหน้ากลับทำให้เขาตะลึงมาก

เขาเห็นอะไร

ตอนนี้ในศาลาฝึกกระบี่มีคนทั้งหมดเก้าคน

ในจำนวนนั้นมี NPC แปดคน มีผู้เล่นหนึ่งคน

NPC แปดคนนี้แบ่งเป็นหวงเย่าซือ โอวหยางเฟิง หงชีกง อี้เติง โจวปั๋วทง กัวจิ้ง หวงหรง โอวหยางเค่อ!

มารดาเจ้าเถอะ ยอดฝีมือจากเรื่องวีรบุรุษยิงอินทรี ห้าคนนับจากข้างหน้าไปข้างหลังมารวมกันอยู่ที่นี่หมดเลยหรือ

“พี่ใหญ่เยี่ย!” ตอนนี้ผู้เล่นเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาเก้าคนนี้กลับตะโกนเรียกอย่างตื่นเต้นดีใจ แล้วใช้ท่าร่าง ‘ลอย’ ลอยมาอยู่ข้างกายเยี่ยเว่ยหมิงทันที “ข้าได้สิทธิ์การเข้าร่วมประลองยุทธ์เลือกคู่ครั้งนี้ด้วยนะ ข้ารับภารกิจมาจากเฒ่าทารก เป็นตัวแทนหวังชงหยางมาเข้าร่วมการประลอง”

“อ้อ?” พอได้ยินสะพานสวรรค์น้อยกล่าวเช่นนี้ บนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็อมยิ้มทันที “ที่แท้ก็เป็นตัวแทนของสำนักฉวนเจิน รับภารกิจมาจากโจวปั๋วทง”

แต่พอลองคิดให้ดีๆ เหมือนจะมีแต่แบบนี้เท่านั้นที่สมเหตุสมผล

ด้วยสายตาที่เฉียบแหลมของหวงเย่าซือไม่มีทางยอมรับว่าเจ้ามีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการประลองครั้งนี้เพราะเจ้าเป็นผู้สืบทอดวิชาของสำนักฉวนเจิน

ถ้าอยากได้รับการยอมรับและความนับถือจากเขา ก็ต้องมีศักยภาพโดดเด่นกว่าคนทั่วไป

ศิษย์รุ่นหลังของเจ็ดศิษย์ฉวนเจิน ในสายตาของเขาจะต้องไม่มีคุณสมบัติแน่นอน

โดยทั่วไปทั้งสำนักฉวนเจิน นอกจากหวังฉงหยางแล้ว ก็มีเพียงโจวปั๋วทงที่คำพูดมีน้ำหนักแบบนี้

ตอนที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ผู้เข้าร่วมประลองที่เหลือก็ทยอยกันมาถึงแล้ว

เมื่อเห็นทุกคนมาครบแล้ว หวงเย่าซือถึงได้เอ่ยว่า “ตอนนี้ทุกคนมากันครบแล้ว ข้าจะประกาศกติกาการประลองโดยละเอียด บลาๆๆ…”

อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือการประลองยุทธ์เลือกคู่หวงหรงคัพครั้งที่สองนี้ จะแบ่งเป็นสองช่วง ได้แก่ ‘ประลองยุทธ์’ และ ‘เลือกคู่’

ผู้เล่นที่เป็นตัวแทนของห้ายอดฝีมือใต้หล้าที่เข้าร่วมการประลอง เข้าร่วมได้เพียงการ ‘ประลองยุทธ์’ เท่านั้น ส่วนการเลือกคู่ เป็นเกมระหว่าง NPC ด้วยกัน พวกผู้เล่นดูเอาสนุกก็พอ ไม่มีสิทธิ์สมัครเข้าร่วม

แต่ทำแบบนี้ก็สมเหตุสมผลเหมือนกัน ถึงอย่างไรเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ก็คือเกมที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ ย่อมไม่มีสวัสดิการที่ทำลายความปรองดองอย่างการแจกเมียให้ผู้เล่นอยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาผู้เข้าร่วมประลองห้าคนยังมีผู้หญิงอีกหนึ่งคนด้วย?

หากน้องสะพานสวรรค์น้อยมีทักษะโดดเด่นในการประลองยุทธ์เลือกคู่ เช่นนั้นฉากตอนสุดท้ายอาจจะงดงามเกินไป งดงามจนทำให้คนไม่กล้าจินตนาการ

ที่บรรยายไปข้างต้น เพื่อไม่ให้สะพานสวรรค์น้อยเปลี่ยนชื่อเป็นเฉียวซู่เจิน การตั้งค่านี้ก็นับว่าสมเหตุสมผลเช่นกัน

กลับมาที่ประเด็นหลัก การ ‘ประลองยุทธ์’ ของผู้เล่นแม้จะเป็นเพียงการประลองยุทธ์ แต่ความจริงแล้วแบ่งการประลองยุทธ์เป็นสองสนาม

สนามแรก ประลองกำลังภายใน

นั่นก็คือหวงเย่าซือเป่าขลุ่ย ทดสอบความอดทนของพวกผู้เล่น

ดูว่าภายใต้การโจมตีของ ‘เพลงกวนกระแสทะเลคราม’ ใครจะอดทนได้นานที่สุด

ในการประลองครั้งนี้ ผู้เล่นไม่อาจใช้การปิดหูเพื่อลดดาเมจได้ หากเกิดพฤติกรรมทำนองนี้จะถูกมองว่าทำผิดกติกาการประลอง จะถูกลงโทษด้วยใบแดงทันที

สุดท้าย ผู้เล่นก็จะถูกจัดลำดับตามระยะเวลาที่อดทนต่อเสียงขลุ่ยได้

อันดับหนึ่งได้ 5 คะแนน อันดับสองได้ 4 คะแนน ลดหลั่นลงมาเรื่อยๆ…

สนามที่สอง ประลองกระบวนท่า

แตกต่างกับประลองยุทธ์เลือกคู่มู่เนี่ยนฉือในครั้งแรก ประลองกระบวนท่าครั้งนี้ไม่ใช่ผลัดกันขึ้นสังเวียนระหว่างผู้เล่น แต่สี่ยอดฝีมือแห่งใต้หล้าบวกกับโจวปั๋วทงจะมาเป็นคู่ต่อสู้ของผู้เล่น จะประลองกระบวนท่าบนต้นท้อห้าต้น การประลองยังคงทดสอบความอดทนของผู้เล่น ใครถูกโจมตีตกลงมาก่อน ก็นับว่าแพ้แล้ว

ส่วนคนที่อดทนได้ถึงตอนสุดท้าย ก็จะได้รับห้าคะแนน อันดับจะลดเลขลงตามคะแนนเหมือนกับการแข่งสนามแรก

การประลองแบบนี้ นอกจากดูอวดเก่งกว่าการประลองบนสังเวียนหนึ่งระดับ ก็เป็นการทดสอบวิชาตัวเบาของผู้เล่นด้วยเช่นกัน

หากประลองสองสนามแล้ว มีผู้เล่นได้อันดับหนึ่งเหมือนกัน ก็ค่อยประลองสนามที่สามต่อ

ซึ่งการประลองแบบต่อเวลาพิเศษก็ไม่มีอะไรน่าอธิบายแล้ว ให้คนอันดับเท่ากันมาสู้กัน คนแข็งแกร่งชนะ คนอ่อนแอถูกคัดออก มองปราดเดียวก็กระจ่าง

หลังจากแนะนำขั้นตอนการประลองทั้งหมดแล้ว สายตาของหวงเย่าซือก็กวาดมองบนตัวทั้งห้าคน “กติกาการประลองก็เป็นเช่นนี้ เวลาประลองคือพรุ่งนี้เช้า สถานที่ก็คือที่นี่ ตอนนี้พวกเจ้ากลับไปเตรียมตัวได้”

“ข้ายังมีอีกคำถาม” ตอนนี้ เทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นยกมือขึ้นอย่างมีมารยาท “‘ประลองยุทธ์’ สนามแรกพูดไปแล้ว เช่นนั้นการ ‘เลือกคู่’ สนามที่สอง แข่งอะไรกันหรือขอรับ”

สำหรับจิตวิญญาณหน้าไม่อายที่จะถามของเทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่น หวงเย่าซือตอบอย่างอ้อมค้อมว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า!”

……

เนื่องจากตนเองเข้าเกาะดอกท้อล่วงหน้าห้าวัน จึงคุ้นเคยกับทุกอย่างบนเกาะมาก ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงนับว่าเป็นกึ่งๆ ‘คนท้องที่’ แล้ว

คนที่มีความรับผิดชอบมากพออย่างเขา ย่อมอาสารับภารกิจหนักมาเป็นมัคคุเทศก์พาสะพานสวรรค์น้อยทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในเกาะอยู่แล้ว

จุดชมทิวทัศน์หลักๆ บนเกาะดอกท้อมีอยู่ไม่กี่แห่ง แบ่งเป็นยอดเขาดรรชนี ถ้ำชิงอิน ป่าไผ่เขียว ศาลาฝึกกระบี่และสุสานดอกไม้

ในจำนวนนั้น สุสานดอกไม้เป็นสถานที่ต้องห้าม ย่างกรายเข้าไปตามอำเภอใจไม่ได้ ส่วนที่อื่นแม้จะงดงาม แต่ก็เป็นที่ตีมอนสเตอร์ หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงพาสะพานสวรรค์น้อยไปสถานที่เหล่านี้หนึ่งรอบแล้ว ก็พานางกลับมาที่บ้านพัก

ขณะที่เดินไป ปากก็บอกว่า “เกาะดอกท้อเตรียมบ้านเดี่ยวไว้ให้ผู้เล่นทุกคนที่เข้าร่วมประลองยุทธ์ครั้งนี้ คือบริเวณที่อยู่ข้างหน้าตรงนั้น ข้างประตูบ้านทุกหลังจะมีป้ายแขวนไว้ แบ่งเป็นอุดร ทักษิณ ประจิม บูรพา มัชฌิม เป็นตัวแทนฐานะของพวกเราห้าคน บ้านพักของข้าเขียนว่า ‘ทักษิณ’ ส่วนบ้านที่เขียนว่า ‘มัชฌิม’ ของเจ้าก็อยู่ข้างๆ ข้า…”

สะพานสวรรค์น้อยพยักหน้าเล็กน้อย จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็ถามว่า “จะว่าไปแล้ว ในสภาพแวดล้อมที่ถูกปิดอย่างค่ายกลดอกท้อ เจ้าทำภารกิจอะไร ถึงได้ทำให้โจวปั๋วทงมอบรายชื่อผู้เข้าร่วมประลองให้เจ้า”

สะพานสวรรค์น้อยยักไหล่ แล้วกล่าวตามใจตัวเอง “ยังจะเป็นภารกิจอะไรได้ ก็พาเขาไปเล่นน่ะสิ เปลี่ยนวิธีเล่นไปเรื่อยๆ เจ้าจินตนาการว่าเป็นกิจกรรมในห้องเรียนของโรงเรียนอนุบาลก็ได้”

เยี่ยเว่ยหมิงลองจินตนาการฉากที่ตนพาชายแก่อายุห้าสิบกว่าเล่นกระโดดเชือกด้วยกัน แค่คิดก็ตัวสั่นแล้ว เขามองสะพานสวรรค์น้อยด้วยสายตาสงสารเล็กน้อย “ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ”

ตอนนี้ จู่ๆ เงาร่างสีขาวก็อ้อมมาจากด้านหลังบ้านหนึ่งที่อยู่ข้างหน้า “เยี่ยเว่ยหมิง ในบรรดาผู้เข้าร่วมประลองทั้งหมดมีเจ้าที่ว่างที่สุด นอกจากจะไม่ร้อนรนกับการประลองวันพรุ่งนี้แล้ว กลับพาสาวไปชมนกชมไม้ ช่างอิสระเสรีเสียจริง…

…ข้าตามหาเจ้ามาครึ่งค่อนวันแล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด