ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 635 ประลองบนยอดไม้

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 635 ประลองบนยอดไม้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 635 ประลองบนยอดไม้

สำหรับพฤติกรรมของเยี่ยเว่ยหมิงที่ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่และไม่ไว้หน้ายอดฝีมือบู๊ลิ้มอย่างโอวหยางเฟิง นอกจากโอวหยางเฟิงที่ถูกเหยียดหยามแล้ว แม้แต่ยอดฝีมือหลายคนที่อยู่ตรงนั้นก็เริ่มไม่พอใจแล้วเช่นกัน

ในสายตาของพวกเขา ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสในยุทธภพ พวกเขาควรยำเกรงรุ่นปรมาจารย์อย่างโอวหยางเฟิงในระดับหนึ่งอยู่แล้ว

ต่อให้เจ้าจะดูถูกคุณสมบัติของเขา แต่อย่างน้อยก็ต้องให้เกียรติผู้แข็งแกร่งอย่างเขาเช่นกัน

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับจุดยืน แต่เป็นความรู้สึกร่วมระหว่างคนระดับเดียวกัน!

แต่ไม่พอใจก็ส่วนไม่พอใจ ภายนอกทุกคนกลับไม่สะดวกจะพูดอะไร

อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่โอวหยางเฟิงที่ถูกเหยียดหยามก็ไม่สะดวกจะลงมือกับเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้เช่นกัน

ถึงอย่างไรก็จับสลากขึ้นมาแล้ว ถ้าแม้แต่เวลาแค่นี้ยังรอไม่ได้ ก็จะทำให้ยอดฝีมือที่เหลือหัวเราะเยาะเอาได้

ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสยอดฝีมือ ความสง่างามพื้นฐานก็ยังต้องมี

หันไปด้านข้างเงียบๆ โอวหยางเฟิงแอบสาบานในใจว่าอีกประเดี๋ยวตอนที่ลงมือ เขาจะต้องตบนิ้วกลางอันน่ารังเกียจของเยี่ยเว่ยหมิงให้เละแน่นอน!

ส่วนหวงเย่าซือก็เหมือนจงใจจะจบความวุ่นวายฉากนี้ หลังจากกระแอมหนึ่งทีก็เร่งให้หวงหรงจับสลากของคนอื่นต่อ

หวงหรงที่ขี้โกงเสร็จแล้ว เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้นเมื่อก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย จากนั้นในระหว่างที่จับฉลาก นางก็ไม่เล่นตุกติกอีกเลยแม้แต่นิดเดียว นางทำตามกติกาอย่างยุติธรรม เที่ยงธรรมและเปิดเผย ให้ผู้เข้าร่วมประลองอีกสี่คนที่เหลือจับฉลากหาคู่ต่อสู้ของพวกเขา

ผลการจับฉลากเป็นดังนี้

เยี่ยเว่ยหมิง VS โอวหยางเฟิง

จันทราสะท้อนน้ำ VS อี้เติง

เมฆเคลื่อนเดียวดาย VS หงชีกง

เทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่น VS โจวปั๋วทง

สะพานสวรรค์คริสตัล VS หวงเย่าซือ

หลังจากทุกคนจับสลากเสร็จแล้ว หวงเย่าซือก็ตรวจสอบแผ่นป้ายที่เขียนชื่อห้ายอดฝีมืออีกครั้งอย่างละเอียด หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีร่องรอยการโกงใดๆ ก็อดมองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยแววตาล้ำลึกปราดหนึ่งไม่ได้ จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หันมาบอกทุกคนว่า

“ตอนนี้การจับสลากสิ้นสุดแล้ว เนื่องจากการประลองสนามถัดไปข้าต้องลงเล่นเอง เรื่องพิธีกรการประลองจึงส่งต่อให้ลูกสาวของข้าชั่วคราว”

ระหว่างที่พูดก็หันหน้าไปหายอดฝีมืออีกสี่คน “อีกประเดี๋ยวก่อนลงมือ รบกวนทุกคนปรับค่าสเตตัสและพลังของตัวเองให้เท่ากับคู่ต่อสู้ของพวกเจ้าด้วย เพื่อรับรองความยุติธรรมในการต่อสู้”

…อย่างไรเสีย ก่อนหน้านี้ก็บอกไว้แล้วว่านี่คือการประลองกระบวนท่าเท่านั้น”

พูดจบก็ไม่ให้โอกาสใครเถียง เขาถลันตัวขึ้นไปอยู่บนยอดต้นท้อที่อยู่ไม่ไกล

หลังจากฟังกติกาการประลองจบแล้ว ห้ายอดฝีมือก็แสดงออกว่าไม่คัดค้านอะไร มีเพียงโอวหยางเฟิงที่ยกมุมปากยิ้มอย่างตื่นเต้นและโหดร้าย

เนื่องจากกติกาการประลองที่หวงเย่าซือเพิ่งประกาศเมื่อครู่นี้ มองเผินๆ เหมือนยุติธรรม แต่สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงแล้วกลับเป็นเรื่องที่เสียเปรียบมาก

ให้ห้ายอดฝีมือปรับค่าสเตตัสและพลังให้เท่าคู่ต่อสู้ของพวกเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับทำให้ความได้เปรียบด้านค่าสเตตัสที่มีอยู่แต่เดิมของเยี่ยเว่ยหมิงหายไป

ส่วนโอวหยางเฟิง พลังต่อสู้ที่เขาจะแสดงออกมาในการต่อสู้สนามนี้ ก็จะต้องเหนือกว่ายอดฝีมืออีกสี่คนแน่นอน!

หลังจากหัวเราะเยาะแล้ว ร่างของโอวหยางเฟิงก็ทะยานขึ้นมากลางอากาศ ไปอยู่บนพุ่มของต้นท้ออีกฝั่งหนึ่ง จากนั้นหันกลับมามองเยี่ยเว่ยหมิง “เจ้าเด็กเปรตเอ๊ย ขึ้นมารนหาที่ตายสิ!”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายใช้วิชาตัวเบา เยี่ยเว่ยหมิงก็ยกนิ้วหัวแม่มือทันที “ช่างเป็นท่าคางคกปีนต้นไม้ที่ดี!”

ชื่อนี้เขาแต่งขึ้นเองเรื่อยเปื่อย มีเจตนาเพื่อให้อีกฝ่ายรังเกียจเหมือนเดิม

พอพูดจบก็ใช้ท่าร่าง ‘ทะยานบันไดเมฆา’ กระโดดขึ้นไปบนต้นท้อที่โอวหยางเฟิงอยู่ทันที ร่างกายเคลื่อนไหวขึ้นลงอยู่บนกิ้งเไม้เบาๆ แต่สองมือกลับไพล่หลังอย่างสง่างาม มองอีกฝ่ายด้วยสายตาสงบเหมือนน้ำนิ่งในบ่อ

ตอนนี้เอง ยอดฝีมืออีกสี่คนก็ทยอยกันเลือกกระโดดขึ้นบนต้นท้อที่มีขนาดใกล้เคียงกัน พวกเขาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนัก เพื่อรับประกันว่าจะรับชมได้ทุกมุมแต่ก็พยายามไม่รบกวนกันและกัน

เมื่อเห็นทุกคนเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว หวงหรงผู้เป็นพิธีกรชั่วคราวก็จูงมือกัวจิ้ง พยายามโอ้อวดความรักให้โอวหยางเค่อเห็น พร้อมทั้งเอ่ยอย่างไม่รีบร้อนว่า “ในเมื่อทุกคนเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นต่อไป หากข้านับถึงสาม ทุกคนก็เริ่มลงมือได้!”

“เตรียมตัว…”

“สาม!”

หวงหรงไม่นับตามวิธีการปกติ ในบรรดาหกคนที่เข้าร่วมการต่อสู้ มีแปดคนที่ถูกทำให้งงงวย มีเพียงเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยที่สมรู้ร่วมคิดกับนางตั้งแต่แรก พอได้ยินคำว่า ‘สาม’ ก็ลงมือทันที

ตอนที่หวงหรงตะโกนว่า ‘เตรียมตัว’ สะพานสวรรค์น้อยก็นำกระบี่ชิงชัยกับกระบี่พระจันทร์เย็นออกมาแล้ว เมื่อได้ยินคำว่าสาม ร่างก็พุ่งไปข้างหน้าทันที กระบี่เล่มหนึ่งฟันตรงไป กระบี่อีกเล่มตวัดขึ้น ใช้ ‘พเนจรสุดขอบฟ้า’ ที่เป็นกระบวนท่าที่รวดเร็วที่สุดใน ‘เคล็ดกระบี่ดรุณีหยกใจพิสุทธิ์’

ยอดฝีมือระดับสูงอย่างมารบูรพาหวงเย่าซือ ต่อให้ถูกกดพลังและค่าสเตตัสลงให้เหลือเท่านาง แต่ในด้านกระบวนท่าและประสบการณ์ต่างๆ ก็ยังได้เปรียบกว่าผู้เล่นระดับเดียวกันหลายอย่าง

อิงตามตรรกะทั่วไป ไม่ควรจะใช้กลยุทธ์แบบโจมตีไปพร้อมๆ กับป้องกันเพื่อถ่วงเวลาตอนสู้กับอีกฝ่ายให้นานขึ้นเชียวหรือ

แต่สะพานสวรรค์น้อยดันใช้วิธีการตรงกันข้าม ทำท่าว่าจะปะทะกับหวงเย่าซือซึ่งๆ หน้า

อะไรกันแน่ที่ทำให้นางกล้าหาญถึงเพียงนี้

หลังจากหวงเย่าซือเห็นสะพานสวรรค์น้อยลงมือก็ตาเป็นประกายทันที กล่าวชมว่า “เป็นเคล็ดกระบี่ที่ดี” พร้อมยื่นขลุ่ยหยกไปข้างหน้า รับกับอาวุธล้ำค่าสองเล่มในมือสะพานสวรรค์น้อย

อีกด้านหนึ่ง วิธีการของเยี่ยเว่ยหมิงนั้นกลับกลอกกว่าสะพานสวรรค์น้อยเยอะ

ชั่บพริบตาที่หวงหรงตะโกนคำว่า “สาม” ออกมา ร่างของเขาก็พลันกระโดดขึ้นไปบนพุ่มต้นไม้แล้วเช่นกัน อีกทั้งการกระโดดครั้งนี้ยังสูงถึงห้าจั้งด้วย

เมื่อเห็นเขากระโดดสูงขนาดนี้ โอวหยางเฟิงก็ยกมุมปากแสยะยิ้ม กวาดไม้เท้างูในมือออกมาตรงหน้า รอให้เจ้าเด็กที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำตกลงมาให้เขาโจมตีแรงๆ สักที

ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นว่าตอนที่ชาวยุทธ์ลอยอยู่กลางอากาศ ก็มักตกอยู่ในสถานะฝ่ายถูกกระทำจากการเคลื่อนไหวได้จำกัดเพราะไร้จุดส่งแรง

ซึ่งสถานะฝ่ายถูกกระทำเช่นนี้ ยามเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างโอวหยางเฟิง สถานะนี้ก็จะถูกขยายให้ไร้ขีดจำกัดกว่าเดิม!

โอวหยางเฟิงในตอนนี้เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เพียงรอให้เขาตกลงมา แล้วก็รีบสู้รีบจบเสียเลย บนไม้เท้างูในมือเขา งูกเล็กสีทองสองตัวยื่นหัวออกมาแล้ว พวกมันแลบลิ้นสองแฉกสีแดง!

ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือ ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกระโดดจนสูงถึงขีดจำกัดสูงสุดของตัวเอง สองเท้ากลับเหยียบบนความว่างเปล่า แต่ร่างถูกดึงให้สูงขึ้นอีกสามจั้ง ทำความสูงระดับใหม่ที่ห่างจากพุ่มต้นท้อแปดจั้งแล้ว

ย่ำบันไดเมฆา!

วิชาตัวเบานี้ของเขา แม้แต่โอวหยางเฟิงที่เป็นคู่ต่อสู้ก็ยังอดชมไม่ได้

ทว่าการกระทำต่อมาของเยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ่งเตะแว่นของทุกคนจนพัง

หลังจากเขาถึงระดับความสูงขึ้นอีกครั้ง กลับกวักมือเรียกเจ้าแดงสัตว์ขี่ประจำตัวออกมา จากนั้นก็ดึงเท้าของมัน ให้ตัวเองลอยอยู่กลางอากาศ มือซ้ายเรียกลูกดีดเหล็กออกมาอย่างไม่รีบร้อน นำมาคีบไว้ระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วกลาง จ่อตรงปากแล้วหายใจแรงๆ ใส่หนึ่งที

เสร็จแล้วถึงได้เหยียดแขนตรงเหมือนเล่นตลก หลับตาข้างเดียวเล็งสองวินาที จากนั้นพูดว่า “ปิ้ว”

ลูกดีดเหล็กที่อยู่ระหว่างนิ้วถึงได้ส่งเสียงดัง แกร๊ง! ยิงออกมาใส่โอวหยางเฟิงที่ถูกยั่วโมโหจนเสียสติอยู่ด้านล่าง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด