ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 99 หวังอวี่เยียนที่น่ากลัว

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 99 หวังอวี่เยียนที่น่ากลัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 99 หวังอวี่เยียนที่น่ากลัว

สำหรับการเตรียมการของกงเหย่เฉียนที่เป็นเหมือนกับดักดวงซวย เยี่ยเว่ยหมิงไม่มีแรงจะบ่นแล้ว

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาขี้คร้านจะไปคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขามากขนาดนั้น

ถึงอย่างไรก็แค่เข้าร่วมการประลองที่มีกติกาน่าอาเจียนสนามหนึ่งก็เท่านั้นเอง แพ้ไปก็ไม่มีอะไรเสียหาย คิดเสียว่าเล่นเป็นเพื่อนพวกเขาก็แล้วกัน

เขาเรียกซานเย่ว์ที่อยู่ข้างกาย แล้วทั้งสองก็ใช้งานท่าร่างทันที กระโดดขึ้นบนสังเวียนพร้อมกัน

ทว่าผ่านไปครู่เดียว เยี่ยเว่ยหมิงก็ค้นพบอย่างจนใจว่า สิ่งที่เขารับรู้เกี่ยวกับค่าสเตตัสของกงเหย่เฉียนยังห่างไกลความจริงอยู่มาก ประเมินระดับของไอ้จอมหักหลังนี่ต่ำเกินไป

ไม่มีการหักหลังที่รุนแรงที่สุด มีแต่การหักหลังที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ!

เยี่ยเว่ยหมิงมองแม่นางซานเย่ว์ที่ยืนคุมเชิงอยู่ตรงข้ามกับจ้างเย่ว์กลางสังเวียนแวบหนึ่ง แล้วก็มองเก้าอี้ใต้ก้นที่จองจำเขาไม่ให้เคลื่อนไหวอีก ตอนนี้เขารู้สึกแย่ไปทั้งตัวแล้ว

กติกาการประลองที่เป็นเหมือนกับดักก็ว่าแย่แล้ว อย่าบอกนะว่าแม้กระทั่งรูปแบบการต่อสู้ของตัวเอง ก็ยังเลือกไม่ได้อีก

ขณะที่ในใจกำลังฉุนเฉียว เยี่ยเว่ยหมิงก็รีบหันกลับมา ตะโกนบอกกงเหย่เฉียนที่อยู่ด้านล่างของสังเวียนว่า “นี่ พวกท่านเข้าใจอะไรผิดหรือไม่! รูปแบบการต่อสู้ของกลุ่มเราไม่ได้เลือกอย่างนี้ ควรจะเป็นข้าที่ทำหน้าที่ขึ้นสังเวียนไปต่อสู้สิ! เป็นข้าที่ต่อสู้!”

ทว่าสิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงตะโกนออกมา กลับเหมือนโคลนที่ไหลลงสู่ทะเล อีกฝ่ายกงเหย่เฉียนสนใจเพียงจ้องเหตุการณ์ในสนาม ราวกับว่าไม่ได้ยินคำประท้วงของเขาเลย

ยังดีที่ตอนนี้เสียงอันอ่อนโยนของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากอีกมุมหนึ่งของสังเวียน ช่วยอธิบายสิ่งที่เขาสงสัยแทนกงเหย่เฉียน “จอมยุทธ์น้อยเยี่ยไม่จำเป็นต้องเอะอะโวยวายขนาดนั้นหรอก ตามกติกาการต่อสู้ ไม่ว่าเจ้าจะคัดค้านอย่างไร พี่รองกงเหย่ก็ไม่มีทางตอบกลับได้”

พอหันไปมองก็พบว่าคนที่นั่งตรงมุมเยื้องกับเขาคือแม่นางหวัง ผู้ที่ถูกจ้างเย่ว์เชิญมาด้วยความเคารพ แม้แต่กงเหย่เฉียนก็ยังแสดงท่าทีมีมารยาทต่อนาง

ในเมื่อมีคนตอบคำถาม เยี่ยเว่ยหมิงก็เจอเป้าหมายให้พูดประท้วงทันที “พวกเจ้ากำหนดกติกาการประลองได้พิลึกขนาดนี้ก็ช่างเถอะ ในเมื่อพวกเราขึ้นสังเวียนแล้ว ก็แสดงว่าพวกเรายอมรับกติกาการประลองนี้แล้ว แต่มาจัดเตรียมรูปแบบการต่อสู้ของพวกเราโดยไม่ได้รับความยินยอมก่อนนี่ ไม่รู้สึกว่าทำเกินไปหน่อยหรือ”

“ทำเกินไปหรือ” แม่นางหวังส่ายหน้าเบาๆ “ข้าไม่รู้สึกอย่างนั้นนะ…นอกจากนี้ กติกาการประลองนี้ก็เคยเอ่ยขึ้นที่นี่แล้วด้วย ไม่ใช่หรอกหรือ””เคยเอ่ยขึ้นตอนไหน ทำไมข้าไม่รู้” เยี่ยเว่ยหมิงเดือดดาล

แม่นางหวังได้ยินแล้วถามกลับเหมือนแปลกใจมาก “อย่าบอกนะว่าพี่ใหญ่กงเหย่ไม่เคยบอกเจ้า ว่าสนามนี้เป็นการประลองที่มีการชี้แนะด้วย”

“บอกแล้วน่ะสิ” เยี่ยเว่ยหมิงถามอย่างเคลือบแคลงใจ “เช่นนั้นจะเกี่ยวอะไรกับการแบ่งการต่อสู้ในทีมของพวกเราล่ะ”

“แน่นอนว่าเกี่ยวข้อง” แม่นางหวังกล่าวอย่างเป็นเหตุเป็นผลว่า “มีเพียงการให้ผู้ที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ประสบการณ์สูงกว่าคอยประเมินคนที่ด้อยกว่าตัวเอง นั่นถึงจะเรียกว่าชี้แนะ ไม่อย่างนั้นก็จะตรงกันข้าม จะเรียกว่าพูดเหลวไหลไปเรื่อย ใครจะอยากถูกคนประเภทนี้ชี้แนะล่ะ”

แม่นางผู้นี้พูดจามีเหตุผลมาก ไม่น่าเชื่อว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะเถียงกลับไม่ออกสักคำ

ในตอนนี้ จู่ๆ ทั้งสองก็ได้ยินกงเหย่เฉียนประกาศว่าการประลองเริ่มขึ้นแล้ว ในระหว่างการประลองทุกขั้นตอน นี่อาจจะเป็นเสียงเดียวของเจ้าจอมหักหลังที่ดังเข้ามาในสนามได้

เมื่อการประลองเริ่มขึ้น ซานเย่ว์กับจ้างเย่ว์ก็เริ่มลงมือแล้ว ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็มองแม่นางหวังที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอย่างกังวลปราดหนึ่ง ทำให้เขาค้นพบสิ่งที่สุดยอด

[หวังอวี่เยียน]

คุณหนูใหญ่หมู่บ้านภูเขาม่านถัว มีความรู้เรื่องวิทยายุทธ์ในใต้หล้าเป็นอย่างดี

เลเวล: 86

พลังชีวิต: 100/100

กำลังภายใน: 0/0

……

BOSS ใหญ่เลเวล 86 พลังชีวิตมีเพียง 100 แต้ม กำลังภายในยังเป็น 0 ด้วย?

เอ่อ…นี่มันเล่นบ้าอะไรกันแน่!

ขยะกากๆ ที่อาศัยแค่คลื่นหลงเหลือจากการโจมตีก็ทำให้ตายได้แล้ว ทำไมถูกระบบกำหนดให้อยู่ในเลเวลแปดสิบหกเลยล่ะ

อีกทั้ง BOSS ใหญ่เลเวลแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจ้างเย่ว์จะทำให้ค่าความรู้สึกดีของนางสูงถึงขั้นยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาได้ มองออกเลยว่าเจ้าหมอนี่ใช้ความพยายามไปไม่น้อย

แต่ปัญหาก็คือ การชี้แนะของ ‘BOSS ใหญ่’ ประเภทนี้ อย่าบอกนะว่าควบคุมสถานการณ์บนสนามต่อสู้ได้จริง

ความสงสัยนี้ไม่ได้อยู่ในใจเยี่ยเว่ยหมิงนานนัก เนื่องจากหวังอวี่เยียนแสดงจุดที่องอาจห้าวหาญของ BOSS เลเวลแปดสิบหกของนางออกมาแล้ว

ขณะมองจันทร์[1]สองดวงส่องสว่างอยู่กลางสนาม หวังอวี่เยียนก็เอ่ยอย่างสบายอารมณ์ว่า “แม่นางผู้นี้ใช้ ‘ฝ่ามืออัสนีบาต’ วิทยายุทธ์นี้พบเห็นได้บ่อยในยุทธภพ กระบวนท่าที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือหัตถ์สายฟ้าของเหวินไท่ไหล เจ้าบ้านสี่แห่งพรรคดอกไม้แดง และดูจากระดับความรู้ของแม่นาง ก็เห็นได้ชัดว่าเรียนรู้วิชาฝ่ามือนี้ได้ค่อนข้างดี ต่อจากนี้นางจะโจมตีซี่โครงซ้าย หัวไหล่ ท้องน้อยของเจ้า…”

ตามเสียงชี้แนะของหวังอวี่เยียน จ้างเย่ว์ราวกับมีความสามารถในการรับรู้ล่วงหน้า ลักษณะการโจมตีเปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนซานเย่ว์เมื่อได้ยินคำพูดของหวังอวี่เยียน ในใจก็ตกตะลึงไม่หยุดเช่นกัน เนื่องจากทุกประโยคที่หวังอวี่เยียนพูด ล้วนเป็นกระบวนท่าถัดไปที่นางจะเปลี่ยนใช้ ทั้งยังทายได้แม่นมาก แม่นแบบไม้เว้นสักท่า!

แล้วแบบนี้จะสู้กันอย่างไรได้อีก?

และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายล่วงรู้กระบวนท่าของตัวเองแล้วโจมตีกลับ ซานเย่ว์ก็ทำได้เพียงเปลี่ยนกระบวนท่ากลางคัน ทว่าตอนที่นางเพิ่งเปลี่ยนกระบวนท่า ทางฝั่งหวังอวี่เยียนก็พูดถึงกระบวนท่าที่นางจะใช้ออกมาก่อนแล้ว

นี่มันเป็นการเล่นแบบใช้โปรแกรมโกงชัดๆ!

เยี่ยเว่ยหมิงเองก็อยากใช้เคล็ดจิตไท้ซัวเป็นไฉนของตัวเองเพื่อเป็นโปรแกรมโกงให้ซานเย่ว์เช่นกัน พอทดลองไปครู่เดียว ไม่น่าเชื่อว่าไท้ซัวเป็นไฉนจะใช้งานได้จริงๆ!

แต่ปัญหาก็คือ ถ้าอยากใช้งานไท้ซัวเป็นไฉนก็ต้องใช้เวลา!

ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อเจอโปรแกรมโกงอย่างหวังอวี่เยียน นางหนูนี่จะยืนหยัดได้จนเขาคำนวณเสร็จหรือไม่

ภายใต้การชี้แนะของหวังอวี่เยียน สองคนที่อยู่บนสนามต่อสู้ คนหนึ่งยิ่งเปลี่ยนเป็นโหดขึ้นเรื่อยๆ ส่วนอีกคนก็ยิ่งกลัวหัวหดขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์ที่เดิมทีสองฝ่ายสูสีกัน ตอนนี้กลายเป็นว่าอีกฝ่ายหนึ่งบดขยี้อีกฝ่ายหนึ่ง

ผ่านไปเพียงเจ็ดกระบวนท่า ซี่โครงขวาของซานเย่ว์ก็ถูกกรงเล็บเหล็กจ้างเย่ว์ขยุ้มไปแล้วนิดหน่อย ทำให้นางถูกพรากพลังชีวิตไปแล้วห้าร้อยห้าสิบห้าแต้ม!

เจ็บจัง!

โชคดีที่ซานเย่ว์เคยชินกับการไม่ได้เปิดใช้โหมดความรู้สึกเจ็บ ไม่อย่างนั้นความเจ็บปวดที่เกิดจากดาเมจครั้งนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้นางเสียพลังต่อสู้ไปได้ชั่วขณะหนึ่งเลย

เมื่อโดนโจมตีอย่างแรงไปหนึ่งครั้ง ซานเย่ว์ก็เริ่มโหดแล้วเช่นกัน นางตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมใช้สองฝ่ามือโจมตีอย่างต่อเนื่องทันที ทุกฝ่ามือที่โจมตีมาพร้อมเสียงระเบิดดังแสบหู ถล่มไปยังจุดสำคัญรอบตัวจ้างเย่ว์ไม่หยุด

“นี่คือท่าไม้ตายของ ‘ฝ่ามืออัสนีบาต’ ชื่อว่า ‘แสงทองอัสนีบาต’ ดูเหมือนโหด แต่ความจริงกลับเป็นท่าที่ใช้งานไม่ได้จริง ที่เจ้าต้องป้องกันก็คือ ‘เนตรอัสนีบาต’ ของนาง”

เมื่อเห็นซานเย่ว์ใช้ท่าไม้ตาย หวังอวี่เยียนก็รีบอธิบายอยู่ข้างๆ ว่า “‘เนตรอัสนีบาต’ เป็นท่าไม้ตายที่มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ถ้าอยากจะต้านให้ไหวนั้นไม่ง่าย แต่เจ้าโจมตีกลับได้ ท่านี้มีช่องโหว่ที่อันตรายถึงชีวิต อยู่ตรง…”

“เฮอะ เฮอะ!”

ในระหว่างการต่อสู้ ซานเย่ว์ไม่รอให้หวังอวี่เยียนพูดจบ นางก็ตะโกนออกมาพร้อมถล่มฟาดฝ่ามือไปยังจ้างเย่ว์อย่างต่อเนื่องแล้ว อีกฝ่ายยังตั้งใจฟังคำชี้แนะของหวังอวี่เยียนอย่างจริงจังอยู่เลย จู่ๆ ก็ตกใจเสียงตะโกนของซานเย่ว์ ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ซานเย่ว์อยู่ใกล้เขามากกว่า เสียงดังกว่า คำที่สำคัญที่สุดในประโยคนั้นของหวังอวี่เยียนถูกเสียงของซานเย่ว์กลบหมด เขาไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

จากนั้น จ้างเย่ว์ที่พึ่งพาหวังอวี่เยียนจนสูญเสียความสามารถในการพิจารณาสถานการณ์ต่อสู้ของตัวเอง ก็ถูกฝ่ามือของซานเย่ว์โจมตีตรงหน้าผากแล้ว

โดนคริติคอลดาเมจหนึ่งครั้ง ขณะที่ถูกพรากค่าพลังชีวิตไปหกร้อยกว่าแต้ม จ้างเย่ว์ก็สะเทือนจนถอยหลังต่อเนื่องไปหลายก้าวแล้ว

ก่อนหน้านี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะสร้างความได้เปรียบขึ้นมาได้ แต่โดนฝ่ามือของซานเย่ว์โจมตีทีเดียวก็พังทลายหมดแล้ว!

เพียงแต่ในใจจ้างเย่ว์กลับไม่หวาดกลัวเลยสักนิด เพราะมีโปรแกรมโกงอย่างหวังอวี่เยียนอยู่ด้วย เขาเชื่อว่าชัยชนะต้องเป็นของตัวเองแน่นอน!

ส่วนหวังอวี่เยียนก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง หลังจากทั้งสองเริ่มลงมือต่อสู้อีกครั้ง นางก็ชี้แนะต่อไปเรื่อยๆ “ท่านี้ของนางใช้ข้อศอกโจมตีเจ้า…”

“ดูขา!”

“นางเปลี่ยนท่าแล้ว ท่านี้…”

“เฮอะเฮอะ! โฮ่ โฮ่! เฮอะเฮอะ! โฮ่โฮ่!…”

“การโจมตีครั้งนี้ของนาง…”

“เก้าชั้นฟ้าสิบชั้นดิน พระโพธิสัตว์กลัวแสงทองอัสนีบาต ฝ่ามือสายฟ้า!”

“นาง…”

“แบร่ๆๆๆๆๆๆ…”

[1] เย่ว์ 月ในชื่อตัวละครทั้งสอง แปลว่า พระจันทร์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 99 หวังอวี่เยียนที่น่ากลัว

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 99 หวังอวี่เยียนที่น่ากลัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 99 หวังอวี่เยียนที่น่ากลัว

สำหรับการเตรียมการของกงเหย่เฉียนที่เป็นเหมือนกับดักดวงซวย เยี่ยเว่ยหมิงไม่มีแรงจะบ่นแล้ว

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาขี้คร้านจะไปคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขามากขนาดนั้น

ถึงอย่างไรก็แค่เข้าร่วมการประลองที่มีกติกาน่าอาเจียนสนามหนึ่งก็เท่านั้นเอง แพ้ไปก็ไม่มีอะไรเสียหาย คิดเสียว่าเล่นเป็นเพื่อนพวกเขาก็แล้วกัน

เขาเรียกซานเย่ว์ที่อยู่ข้างกาย แล้วทั้งสองก็ใช้งานท่าร่างทันที กระโดดขึ้นบนสังเวียนพร้อมกัน

ทว่าผ่านไปครู่เดียว เยี่ยเว่ยหมิงก็ค้นพบอย่างจนใจว่า สิ่งที่เขารับรู้เกี่ยวกับค่าสเตตัสของกงเหย่เฉียนยังห่างไกลความจริงอยู่มาก ประเมินระดับของไอ้จอมหักหลังนี่ต่ำเกินไป

ไม่มีการหักหลังที่รุนแรงที่สุด มีแต่การหักหลังที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ!

เยี่ยเว่ยหมิงมองแม่นางซานเย่ว์ที่ยืนคุมเชิงอยู่ตรงข้ามกับจ้างเย่ว์กลางสังเวียนแวบหนึ่ง แล้วก็มองเก้าอี้ใต้ก้นที่จองจำเขาไม่ให้เคลื่อนไหวอีก ตอนนี้เขารู้สึกแย่ไปทั้งตัวแล้ว

กติกาการประลองที่เป็นเหมือนกับดักก็ว่าแย่แล้ว อย่าบอกนะว่าแม้กระทั่งรูปแบบการต่อสู้ของตัวเอง ก็ยังเลือกไม่ได้อีก

ขณะที่ในใจกำลังฉุนเฉียว เยี่ยเว่ยหมิงก็รีบหันกลับมา ตะโกนบอกกงเหย่เฉียนที่อยู่ด้านล่างของสังเวียนว่า “นี่ พวกท่านเข้าใจอะไรผิดหรือไม่! รูปแบบการต่อสู้ของกลุ่มเราไม่ได้เลือกอย่างนี้ ควรจะเป็นข้าที่ทำหน้าที่ขึ้นสังเวียนไปต่อสู้สิ! เป็นข้าที่ต่อสู้!”

ทว่าสิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงตะโกนออกมา กลับเหมือนโคลนที่ไหลลงสู่ทะเล อีกฝ่ายกงเหย่เฉียนสนใจเพียงจ้องเหตุการณ์ในสนาม ราวกับว่าไม่ได้ยินคำประท้วงของเขาเลย

ยังดีที่ตอนนี้เสียงอันอ่อนโยนของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากอีกมุมหนึ่งของสังเวียน ช่วยอธิบายสิ่งที่เขาสงสัยแทนกงเหย่เฉียน “จอมยุทธ์น้อยเยี่ยไม่จำเป็นต้องเอะอะโวยวายขนาดนั้นหรอก ตามกติกาการต่อสู้ ไม่ว่าเจ้าจะคัดค้านอย่างไร พี่รองกงเหย่ก็ไม่มีทางตอบกลับได้”

พอหันไปมองก็พบว่าคนที่นั่งตรงมุมเยื้องกับเขาคือแม่นางหวัง ผู้ที่ถูกจ้างเย่ว์เชิญมาด้วยความเคารพ แม้แต่กงเหย่เฉียนก็ยังแสดงท่าทีมีมารยาทต่อนาง

ในเมื่อมีคนตอบคำถาม เยี่ยเว่ยหมิงก็เจอเป้าหมายให้พูดประท้วงทันที “พวกเจ้ากำหนดกติกาการประลองได้พิลึกขนาดนี้ก็ช่างเถอะ ในเมื่อพวกเราขึ้นสังเวียนแล้ว ก็แสดงว่าพวกเรายอมรับกติกาการประลองนี้แล้ว แต่มาจัดเตรียมรูปแบบการต่อสู้ของพวกเราโดยไม่ได้รับความยินยอมก่อนนี่ ไม่รู้สึกว่าทำเกินไปหน่อยหรือ”

“ทำเกินไปหรือ” แม่นางหวังส่ายหน้าเบาๆ “ข้าไม่รู้สึกอย่างนั้นนะ…นอกจากนี้ กติกาการประลองนี้ก็เคยเอ่ยขึ้นที่นี่แล้วด้วย ไม่ใช่หรอกหรือ””เคยเอ่ยขึ้นตอนไหน ทำไมข้าไม่รู้” เยี่ยเว่ยหมิงเดือดดาล

แม่นางหวังได้ยินแล้วถามกลับเหมือนแปลกใจมาก “อย่าบอกนะว่าพี่ใหญ่กงเหย่ไม่เคยบอกเจ้า ว่าสนามนี้เป็นการประลองที่มีการชี้แนะด้วย”

“บอกแล้วน่ะสิ” เยี่ยเว่ยหมิงถามอย่างเคลือบแคลงใจ “เช่นนั้นจะเกี่ยวอะไรกับการแบ่งการต่อสู้ในทีมของพวกเราล่ะ”

“แน่นอนว่าเกี่ยวข้อง” แม่นางหวังกล่าวอย่างเป็นเหตุเป็นผลว่า “มีเพียงการให้ผู้ที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ประสบการณ์สูงกว่าคอยประเมินคนที่ด้อยกว่าตัวเอง นั่นถึงจะเรียกว่าชี้แนะ ไม่อย่างนั้นก็จะตรงกันข้าม จะเรียกว่าพูดเหลวไหลไปเรื่อย ใครจะอยากถูกคนประเภทนี้ชี้แนะล่ะ”

แม่นางผู้นี้พูดจามีเหตุผลมาก ไม่น่าเชื่อว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะเถียงกลับไม่ออกสักคำ

ในตอนนี้ จู่ๆ ทั้งสองก็ได้ยินกงเหย่เฉียนประกาศว่าการประลองเริ่มขึ้นแล้ว ในระหว่างการประลองทุกขั้นตอน นี่อาจจะเป็นเสียงเดียวของเจ้าจอมหักหลังที่ดังเข้ามาในสนามได้

เมื่อการประลองเริ่มขึ้น ซานเย่ว์กับจ้างเย่ว์ก็เริ่มลงมือแล้ว ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็มองแม่นางหวังที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอย่างกังวลปราดหนึ่ง ทำให้เขาค้นพบสิ่งที่สุดยอด

[หวังอวี่เยียน]

คุณหนูใหญ่หมู่บ้านภูเขาม่านถัว มีความรู้เรื่องวิทยายุทธ์ในใต้หล้าเป็นอย่างดี

เลเวล: 86

พลังชีวิต: 100/100

กำลังภายใน: 0/0

……

BOSS ใหญ่เลเวล 86 พลังชีวิตมีเพียง 100 แต้ม กำลังภายในยังเป็น 0 ด้วย?

เอ่อ…นี่มันเล่นบ้าอะไรกันแน่!

ขยะกากๆ ที่อาศัยแค่คลื่นหลงเหลือจากการโจมตีก็ทำให้ตายได้แล้ว ทำไมถูกระบบกำหนดให้อยู่ในเลเวลแปดสิบหกเลยล่ะ

อีกทั้ง BOSS ใหญ่เลเวลแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจ้างเย่ว์จะทำให้ค่าความรู้สึกดีของนางสูงถึงขั้นยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาได้ มองออกเลยว่าเจ้าหมอนี่ใช้ความพยายามไปไม่น้อย

แต่ปัญหาก็คือ การชี้แนะของ ‘BOSS ใหญ่’ ประเภทนี้ อย่าบอกนะว่าควบคุมสถานการณ์บนสนามต่อสู้ได้จริง

ความสงสัยนี้ไม่ได้อยู่ในใจเยี่ยเว่ยหมิงนานนัก เนื่องจากหวังอวี่เยียนแสดงจุดที่องอาจห้าวหาญของ BOSS เลเวลแปดสิบหกของนางออกมาแล้ว

ขณะมองจันทร์[1]สองดวงส่องสว่างอยู่กลางสนาม หวังอวี่เยียนก็เอ่ยอย่างสบายอารมณ์ว่า “แม่นางผู้นี้ใช้ ‘ฝ่ามืออัสนีบาต’ วิทยายุทธ์นี้พบเห็นได้บ่อยในยุทธภพ กระบวนท่าที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือหัตถ์สายฟ้าของเหวินไท่ไหล เจ้าบ้านสี่แห่งพรรคดอกไม้แดง และดูจากระดับความรู้ของแม่นาง ก็เห็นได้ชัดว่าเรียนรู้วิชาฝ่ามือนี้ได้ค่อนข้างดี ต่อจากนี้นางจะโจมตีซี่โครงซ้าย หัวไหล่ ท้องน้อยของเจ้า…”

ตามเสียงชี้แนะของหวังอวี่เยียน จ้างเย่ว์ราวกับมีความสามารถในการรับรู้ล่วงหน้า ลักษณะการโจมตีเปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนซานเย่ว์เมื่อได้ยินคำพูดของหวังอวี่เยียน ในใจก็ตกตะลึงไม่หยุดเช่นกัน เนื่องจากทุกประโยคที่หวังอวี่เยียนพูด ล้วนเป็นกระบวนท่าถัดไปที่นางจะเปลี่ยนใช้ ทั้งยังทายได้แม่นมาก แม่นแบบไม้เว้นสักท่า!

แล้วแบบนี้จะสู้กันอย่างไรได้อีก?

และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายล่วงรู้กระบวนท่าของตัวเองแล้วโจมตีกลับ ซานเย่ว์ก็ทำได้เพียงเปลี่ยนกระบวนท่ากลางคัน ทว่าตอนที่นางเพิ่งเปลี่ยนกระบวนท่า ทางฝั่งหวังอวี่เยียนก็พูดถึงกระบวนท่าที่นางจะใช้ออกมาก่อนแล้ว

นี่มันเป็นการเล่นแบบใช้โปรแกรมโกงชัดๆ!

เยี่ยเว่ยหมิงเองก็อยากใช้เคล็ดจิตไท้ซัวเป็นไฉนของตัวเองเพื่อเป็นโปรแกรมโกงให้ซานเย่ว์เช่นกัน พอทดลองไปครู่เดียว ไม่น่าเชื่อว่าไท้ซัวเป็นไฉนจะใช้งานได้จริงๆ!

แต่ปัญหาก็คือ ถ้าอยากใช้งานไท้ซัวเป็นไฉนก็ต้องใช้เวลา!

ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อเจอโปรแกรมโกงอย่างหวังอวี่เยียน นางหนูนี่จะยืนหยัดได้จนเขาคำนวณเสร็จหรือไม่

ภายใต้การชี้แนะของหวังอวี่เยียน สองคนที่อยู่บนสนามต่อสู้ คนหนึ่งยิ่งเปลี่ยนเป็นโหดขึ้นเรื่อยๆ ส่วนอีกคนก็ยิ่งกลัวหัวหดขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์ที่เดิมทีสองฝ่ายสูสีกัน ตอนนี้กลายเป็นว่าอีกฝ่ายหนึ่งบดขยี้อีกฝ่ายหนึ่ง

ผ่านไปเพียงเจ็ดกระบวนท่า ซี่โครงขวาของซานเย่ว์ก็ถูกกรงเล็บเหล็กจ้างเย่ว์ขยุ้มไปแล้วนิดหน่อย ทำให้นางถูกพรากพลังชีวิตไปแล้วห้าร้อยห้าสิบห้าแต้ม!

เจ็บจัง!

โชคดีที่ซานเย่ว์เคยชินกับการไม่ได้เปิดใช้โหมดความรู้สึกเจ็บ ไม่อย่างนั้นความเจ็บปวดที่เกิดจากดาเมจครั้งนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้นางเสียพลังต่อสู้ไปได้ชั่วขณะหนึ่งเลย

เมื่อโดนโจมตีอย่างแรงไปหนึ่งครั้ง ซานเย่ว์ก็เริ่มโหดแล้วเช่นกัน นางตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมใช้สองฝ่ามือโจมตีอย่างต่อเนื่องทันที ทุกฝ่ามือที่โจมตีมาพร้อมเสียงระเบิดดังแสบหู ถล่มไปยังจุดสำคัญรอบตัวจ้างเย่ว์ไม่หยุด

“นี่คือท่าไม้ตายของ ‘ฝ่ามืออัสนีบาต’ ชื่อว่า ‘แสงทองอัสนีบาต’ ดูเหมือนโหด แต่ความจริงกลับเป็นท่าที่ใช้งานไม่ได้จริง ที่เจ้าต้องป้องกันก็คือ ‘เนตรอัสนีบาต’ ของนาง”

เมื่อเห็นซานเย่ว์ใช้ท่าไม้ตาย หวังอวี่เยียนก็รีบอธิบายอยู่ข้างๆ ว่า “‘เนตรอัสนีบาต’ เป็นท่าไม้ตายที่มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ถ้าอยากจะต้านให้ไหวนั้นไม่ง่าย แต่เจ้าโจมตีกลับได้ ท่านี้มีช่องโหว่ที่อันตรายถึงชีวิต อยู่ตรง…”

“เฮอะ เฮอะ!”

ในระหว่างการต่อสู้ ซานเย่ว์ไม่รอให้หวังอวี่เยียนพูดจบ นางก็ตะโกนออกมาพร้อมถล่มฟาดฝ่ามือไปยังจ้างเย่ว์อย่างต่อเนื่องแล้ว อีกฝ่ายยังตั้งใจฟังคำชี้แนะของหวังอวี่เยียนอย่างจริงจังอยู่เลย จู่ๆ ก็ตกใจเสียงตะโกนของซานเย่ว์ ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ซานเย่ว์อยู่ใกล้เขามากกว่า เสียงดังกว่า คำที่สำคัญที่สุดในประโยคนั้นของหวังอวี่เยียนถูกเสียงของซานเย่ว์กลบหมด เขาไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

จากนั้น จ้างเย่ว์ที่พึ่งพาหวังอวี่เยียนจนสูญเสียความสามารถในการพิจารณาสถานการณ์ต่อสู้ของตัวเอง ก็ถูกฝ่ามือของซานเย่ว์โจมตีตรงหน้าผากแล้ว

โดนคริติคอลดาเมจหนึ่งครั้ง ขณะที่ถูกพรากค่าพลังชีวิตไปหกร้อยกว่าแต้ม จ้างเย่ว์ก็สะเทือนจนถอยหลังต่อเนื่องไปหลายก้าวแล้ว

ก่อนหน้านี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะสร้างความได้เปรียบขึ้นมาได้ แต่โดนฝ่ามือของซานเย่ว์โจมตีทีเดียวก็พังทลายหมดแล้ว!

เพียงแต่ในใจจ้างเย่ว์กลับไม่หวาดกลัวเลยสักนิด เพราะมีโปรแกรมโกงอย่างหวังอวี่เยียนอยู่ด้วย เขาเชื่อว่าชัยชนะต้องเป็นของตัวเองแน่นอน!

ส่วนหวังอวี่เยียนก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง หลังจากทั้งสองเริ่มลงมือต่อสู้อีกครั้ง นางก็ชี้แนะต่อไปเรื่อยๆ “ท่านี้ของนางใช้ข้อศอกโจมตีเจ้า…”

“ดูขา!”

“นางเปลี่ยนท่าแล้ว ท่านี้…”

“เฮอะเฮอะ! โฮ่ โฮ่! เฮอะเฮอะ! โฮ่โฮ่!…”

“การโจมตีครั้งนี้ของนาง…”

“เก้าชั้นฟ้าสิบชั้นดิน พระโพธิสัตว์กลัวแสงทองอัสนีบาต ฝ่ามือสายฟ้า!”

“นาง…”

“แบร่ๆๆๆๆๆๆ…”

[1] เย่ว์ 月ในชื่อตัวละครทั้งสอง แปลว่า พระจันทร์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+