ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 321 ของขวัญจากเหยียนเหยียน

Now you are reading ผู้กล้าเหนือกาลเวลา Chapter บทที่ 321 ของขวัญจากเหยียนเหยียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 321 ของขวัญจากเหยียนเหยียน

สวี่ชิงในเรือเวทลืมตาขึ้น

ช่วงนี้ เหยียนเหยียนไม่ใช่คนเดียวที่มาหา ติงเสวี่ยกับกู้มู่ชิงก็เคยมาหาเช่นกัน

สวี่ชิงทำตัวปกติ ไม่ได้เผยอะไรที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ หรือหากมีจริงๆ ก็คงเป็นแค่ความเงียบขรึมที่มากกว่าเดิม

ตอนนี้เมื่อได้ยินเสียงเหยียนเหยียนด้านนอก สวี่ชิงลุกขึ้นยืน เดินออกจากห้องเรือ ยืนอยู่ตรงนั้นมองสาวน้อยที่ริมฝั่ง

การปรากฏตัวของสวี่ชิง ทำให้ตาคู่งามของเหยียนเหยียนโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว ขณะที่เผยความดีใจออกมาชัดเจน ร่างอ้อนแอ้นของนางก็กระโจนขึ้น คิดจะขึ้นมาบนเรือเวทของสวี่ชิง

แต่พริบตาต่อมานางก็กระแทกเข้ากับเกราะคุ้มกันบนเรือเวท

เสียงดังปัง ร่วงลงมาที่ริมฝั่ง

“พี่สวี่ชิง ท่านไม่ชอบข้าหรือ เหยียนเหยียนทำอะไรผิดเจ้าคะ ท่านบอกข้าหน่อย ข้าจะแก้ไข…” เหยียนเหยียนลุกขึ้นอย่างท้อแท้ นั่งลงบนพื้นทำตารื้นเหมือนจะร้องไห้

มือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยรอยแผล กำชายเสื้อตัวเองไว้แน่น

“ไม่ต้องเสแสร้ง มีเรื่องอะไร” สวี่ชิงเอ่ยเสียงเรียบ

ดวงตาแดงรื้นของเหยียนเหยียนหายไปทันที เอียงคอมองสวี่ชิง มุมปากเผยรอยยิ้มลุ่มหลงออกมา ยกนิ้วมือขึ้นกัด ดูดเลือดของตนเอง ดวงตาเผยประกายประหลาดออกมา

“หลอกพี่สวี่ชิงไม่ได้จริงๆ

“แต่ว่าพี่สวี่ชิง ข้าชอบท่าทางที่ท่านไม่ชอบข้านะ ครั้งนี้ที่มา ข้ามีของขวัญพบหน้ามาให้ด้วยเจ้าค่ะ” ดวงตาเหยียนเหยียนเผยความลุ่มหลง ยิ้มอย่างหลงใหล มือน้อยโบก ทันใดนั้นข้างกายนางก็มีถังน้ำสีดำเจ็ดใบปรากฏขึ้นมา

ทุกใบสูงขนาดครึ่งตัวคน ปิดฝาเอาไว้ แต่กลับมีศีรษะโผล่ออกมาด้านนอก

ในถังน้ำทั้งเจ็ดใบล้วนใส่ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งเอาไว้ พลังบำเพ็ญของพวกเขาส่วนใหญ่คือสร้างฐานไฟชีวิตสามดวง กระทั่งมีคนหนึ่งแผ่คลื่นแก่นลมปราณออกมาอีกด้วย เป็นแก่นลมปราณหนึ่งวังสวรรค์

เห็นได้ชัดว่าผ่านการทรมานมาแสนสาหัส แม้จะยังไม่ตาย แต่ก็เหมือนกับปลูกดอกไม้เอาไว้ในถังน้ำ

ตอนที่ถังน้ำกระแทกพื้น พวกเขาก็พากันลืมตาจากการสั่นสะเทือน เห็นเหยียนเหยียนอยู่ข้างๆ ทุกคนก็เผยความพรั่นพรึงและสิ้นหวังไม่รู้จบออกมา

ในบรรดานี้มีทั้งชายและหญิง ใบหน้าขาวซีด บางคนตาหายไปข้างหนึ่ง บางคนก็หูหายไปข้างหนึ่ง บางคนจมูกหายไป และยังมีคนที่ถูกเย็บปากไว้ด้วย

“พี่สวี่ชิง หลังจากข้ากลับไปเกาะบูรพาสงัดครั้งที่แล้ว ก็เริ่มไล่จับองค์กรนกเขาราตรี และพอหาเบาะแสได้ ไล่ตามเส้นสนกลในจนพบทั้งเจ็ดคนนี้

“พวกเขาเจ็ดคน เป็นผู้นำตัวเล็กขององค์กรนกเขาราตรีในทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ ระหว่างที่พวกเขาตรงมายังมณฑลรับเสด็จราชัน เสี่ยวผีก็จับตัวพวกเขาไว้เจ้าค่ะ”

เหยียนเหยียนพูดออกมาอย่างร่าเริง ดวงตาเผยความเฝ้ารอ คาดหวังว่าจะได้รับคำชมจากสวี่ชิง

สวี่ชิงกวาดตามองทั้งเจ็ดคนนี้ ไม่จำเป็นต้องพิจารณา เขาสังหารสมาชิกนกเขาราตรีมามากมาย ตอนนี้พอแผ่สัมผัสออกไป ก็จับความแค้นความอาฆาตมหาศาลจากบนตัวคนทั้งเจ็ดได้

นอกจากนี้ ในกรมปราบพิฆาตเจ็ดเนตรโลหิต ก็ยังมีประกาศจับของทั้งเจ็ดคนนี้ เพียงแต่เจ็ดคนนี้ระแวดระวังตัวอย่างมาก ไม่เคยปรากฏตัวในเขตแดนของเจ็ดเนตรโลหิตเลย

“ดีมาก” สวี่ชิงพยักหน้าให้กับเหยียนเหยียน

การพยักหน้าครั้งนี้ ทำให้เหยียนเหยียนตื่นเต้น ลมหายใจหอบถี่เล็กน้อย จมูกบานออกเล็กน้อย ความลุ่มหลงในดวงตาเข้มข้นขึ้น เอ่ยเสียงแผ่วว่า

“พี่สวี่ชิง พวกเรา…เริ่มกันเลยดีหรือไม่เจ้าคะ”

สวี่ชิงออกมาจากเรือเวท หลังจากเหยียบฝั่ง ดวงตาเขาก็กวาดมองคนทั้งเจ็ดที่กำลังสั่นเทา ท้ายสุดก็มองผู้บำเพ็ญแก่นลมปราณหนึ่งวังสวรรค์คนนั้น

ผู้บำเพ็ญนี้เป็นชายกลางคน ใบหน้ามีรอยแผลเป็นรอยหนึ่ง ขณะที่ดูน่าสยดสยอง ความอาฆาตแค้นที่รวมอยู่ที่ตัวเขาก็เข้มข้นมากเช่นกัน สวี่ชิงรู้จักคนคนนี้ เอกสารทางการของเจ็ดเนตรโลหิตมีบันทึกคนผู้นี้

คนผู้นี้คือหนึ่งในหัวหน้าใหญ่ขององค์กรนกเขาราตรีที่ทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ มีจิตใจโหดเหี้ยม คนเลี้ยงของวิเศษมากมายตายตกด้วยน้ำมือเขา และจำนวนมหาศาลยิ่งที่เขาขายไป

เวลานี้ขณะที่สวี่ชิงจับจ้อง ชายกลางคนคนนี้ที่ถูกเย็บปากไว้ก็ส่งเสียงอู้อี้ ดวงตาเผยแววอ้อนวอน การอ้อนวอนแบบนี้ ชายกลางคนเห็นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และในช่วงนี้ตัวเขาก็เผยออกมาอีกนับครั้งไม่ถ้วน

สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ ยกมือคว้าอากาศ ฉับพลันถังน้ำที่ใส่ชายกลางคนไว้ก็แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เลือดมหาศาลสาดกระจาย ร่างกายที่สูญเสียแขนและขาของชายกลางคนร่วงลงมา ขณะที่กระเสือกกระสนก็มีพลังวูบใหญ่เข้าปกคลุม เคลื่อนมาอยู่เบื้องหน้าสวี่ชิง

ขณะที่เหยียนเหยียนตื่นเต้น สวี่ชิงยกมือขวาขึ้นอย่างสงบ มือขวาของเขาเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าทันที ค่อยๆ ล้วงเข้าไปในหน้าอกชายกลางคน ไม่มีบาดแผล ไม่มีอาการบาดเจ็บเสียหาย มือของสวี่ชิงกลายเป็นความว่างเปล่าอย่างแท้จริง แทงทะลุเข้าไป

แต่ความรู้สึกของผู้บำเพ็ญกลางคน วินาทีนี้ความหวาดกลัวของเขาก็มากกว่าการทรมานของเหยียนเหยียนที่เกาะบูรพาสงัดก่อนหน้านี้ ร่างกายเขาสั่นกระตุกอย่างรุนแรง ดวงตาเผยแววพรั่นพรึงและไม่อยากเชื่อ ยิ่งมีความตกตะลึงพรึงเพริดรุนแรงรวมถึงการดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง

เขาสัมผัสได้ถึงมือที่เย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง ล้วงเข้ามาในร่างกายของตนเอง ยื่นเข้ามาในทะเลความรู้สึก สัมผัสเข้ากับวังสวรรค์…

จากนั้น มือน้ำแข็งข้างนี้ก็ทะลวงผ่านวังสวรรค์ของเขา คว้าแก่นลมปราณที่เขาสะกดไว้ในวังสวรรค์

กระชากออกมาฉับพลัน!

ความเจ็บปวดที่มากกว่าที่เคยเจอมาทั้งหมดทำให้ผู้บำเพ็ญกลางคนคนนี้บ้าคลั่ง เสียงอู้อี้แหลมขึ้น เทียบกับความรู้สึกตอนนี้ การทรมานที่ได้รับมาก่อนหน้าที่เกาะบูรพาสงัดก็เป็นเรื่องเด็กๆ ไปเลย

ตอนนี้ต่างหาก จึงจะเป็นการแหลกสลายที่เจ็บปวดบีบคั้นหัวใจ

ริมฝีปากที่ถูกเย็บไว้ฉีกขาดจากการดิ้นรนของเขา เสียงร้องแหลมน่าเวทนา ตอนที่ลอดออกมาจากปากฉับพลัน สวี่ชิงก็ดึงมือออกมาจากหน้าอกของผู้บำเพ็ญกลางคนผู้นี้

ในมือเขา มีแก่นลมปราณอยู่

ด้านหลังแก่นลมปราณเม็ดนี้ยังมีสายใยอยู่อีกนับไม่ถ้วน แต่พอสวี่ชิงกระชากมันอย่างแรง สายใยพวกนั้นก็ขาดทั้งหมด

ขณะที่เสียงร้องหวีดแหลม ร่างกายผู้บำเพ็ญกลางคนผู้นี้ก็สั่นกระตุกรุนแรง วังสวรรค์ในร่างกายถล่มลงฉับพลัน สลายหายไปทีละชุ่น ฃกลายเป็นเลือดสดพ่นพรวดออกมาออกมาตามปาก จมูก ดวงตา ใบหูรวมไปถึงรูขุมขนทั้งหมดในร่างกาย

และสิ่งที่ยิ่งทำให้ผู้บำเพ็ญกลางคนที่ต่ำช้าเลวทรามผู้นี้สิ้นหวังก็คือ ในดวงตาที่ถูกเลือดสดย้อมของเขา มองเห็นรางๆ ว่าแก่นลมปราณของตนเองที่อยู่ในมือล่องหนของสวี่ชิงสลายลงอย่างรวดเร็ว ถูกดูดซับเข้าไปทั้งเป็น

ภาพนี้เพียงพอที่จะทำให้คนที่เห็นทั้งหมดสั่นสะท้านพรั่นพรึง โดยเฉพาะตั้งแต่ต้นจนจบสีหน้าสวี่ชิงก็ไม่เปลี่ยนไปเลย ยังคงเรียบสงบดั่งสายน้ำ และบนตัวก็ไม่มีเลือดเปื้อนเลยแม้แต่หยดเดียว

ในดวงตาเหยียนเหยียนเผยประกายร้อนแรง จ้องสวี่ชิงเขม็ง นางพบว่าวิธีการเล่นของสวี่ชิง ทำให้นางตื่นเต้นและลุ่มหลงยิ่งกว่าแต่ก่อนเสียอีก

นางลมหายใจยิ่งเร็วถี่ขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ ตอนนี้ก็อดไม่ไหวจนต้องยกนิ้วมือขึ้นมาใส่ปาก กัดจนแตกจากนั้นก็ดูดเลือดสดของตนเองเข้าไปอีกครั้ง

ราวกับว่ามีเพียงการทำเช่นนี้ จึงจะทำให้นางรับความสั่นไหวภายในจิตใจนั้นได้

สวี่ชิงมองเหยียนเหยียนผาดหนึ่ง ไม่สนใจ เมื่อโบกมือ ผู้บำเพ็ญกลางคนที่จะตายอยู่รอมร่อ ปราณอาฆาตที่โอบล้อมอยู่นอกร่างกายเขา ก็ระเบิดในพริบตา กลายเป็นใบหน้ามายานับไม่ถ้วน พุ่งตรงเข้ากัดกินผู้บำเพ็ญกลางคนที่อ่อนแอนี้

เสียงกรีดร้องแหลมดังก้องขึ้นอีกครั้ง ต่อเนื่องไปหลายอึดใจ จากนั้นก็ขาดห้วง

ขาดใจตาย

ส่วนผู้บำเพ็ญในถังน้ำคนอื่น ตอนนี้ตัวสั่นเทา ในความสิ้นหวังมีความหวาดกลัวที่ไม่อาจพรรณนาได้อยู่ ก่อนหน้านี้พวกเขารู้สึกว่าเหยียนเหยียนคือฝันร้าย แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้ว เทียบกับปัจจุบัน อดีตพวกนั้นธรรมดาไปเลย

สร้างฐานเหล่านี้ สวี่ชิงสูดรับไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงแผ่จิตเทพสายหนึ่งออกไป

พริบตาต่อมาเหล็กแหลมสีดำก็ทะยานไป พุ่งไปหาผู้บำเพ็ญหกคนที่เหลือ แทงทะลุหน้าผากพวกเขาในพริบตา สูดรับวิญญาณของพวกเขา จนกลายเป็นภาพคงค้างเหินกลับมา

แก่นลมปราณที่ตายไปแล้วนั้น เหล็กแหลมสีดำเองก็ไม่ปล่อยผ่านไป เพราะในศพนี้ยังมีวิญญาณไม่สมประกอบกำลังสลายตัว

เหยียนเหยียนดูดนิ้วอย่างแรง มุมปากเผยรอยยิ้ม มองไปทางสวี่ชิง

ในสายตานาง ราวกับว่าโลกทั้งใบเลือนรางไปแล้ว มีเพียงเงาของสวี่ชิงเท่านั้น ที่ยังกระจ่างชัด

“พี่สวี่ชิง ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่”

สวี่ชิงมองนิ้วมือทั้งสองของเหยียนเหยียน ทุกนิ้วเต็มไปด้วยรอยกัดใหม่รอยเก่านับไม่ถ้วน จึงเอ่ยเสียงเรียบว่า

“ครั้งหน้าก็อย่าทำร้ายตัวเองเช่นนี้ มันไม่น่าดู”

ประโยคนี้ถ้าเป็นคนอื่นพูด เหยียนเหยียนคงควักเอาดวงตาของอีกฝ่ายออกมาหรืออาจจะตัดลิ้นทิ้งเสีย ต่อให้เป็นท่านย่าของนางมาพูด นางเองก็ทำตัวไม่รู้ร้อน แต่มีเพียงคำพูดของสวี่ชิง ที่นางฟังแล้วก็พยักหน้าหงึกหงัก

“พี่สวี่ชิง หลังจากนี้ข้าจะกัดแค่นิ้วเดียว รอจนแผลหายแล้วค่อยกัดใหม่ เช่นนี้ก็จะไม่มีแผลแล้ว ไม่มีทางไม่น่าดูอีกแล้วเจ้าค่ะ”

“พี่ชายสวี่ชิง ข้า…ข้าขึ้นเรือได้หรือไม่เจ้าคะ” เหยียนเหยียนมองสวี่ชิงอย่างคาดหวัง

“ครั้งหน้าเถอะ ข้าต้องฝึกบำเพ็ญ” สวี่ชิงตอบกลับเสียงเรียบ หันหลังเดินกลับเรือเวท เข้าไปห้องเรือ

แสงโพล้เพล้ทอดมาบนฝั่ง เหยียนเหยียนมองสวี่ชิงที่จากไป ในใจรู้สึกหดหู่อยู่บ้าง ตอนที่นางมามีทั้งดีใจและเสียใจ ที่ดีใจเพราะจะได้เห็นพี่สวี่ชิง ที่เสียใจก็คือนางได้ยินเรื่องของเจ็ดเนตรโลหิตจากท่านย่า

ดังนั้น นางจึงอ้อนวอนท่านย่าของนาง ให้การคุ้มครองตัวนางที่มากพอที่ไล่ตามเส้นสนกลในจนจับพวกชั่วร้ายขององค์กรนกเขาราตรีทั้งเจ็ดคนนี้ได้

จากนั้นก็พามาที่นี่ คิดจะส่งให้กับพี่สวี่ชิง ให้เขารู้สึกดีใจขึ้นมาบ้าง

นางไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร จึงจะทำให้สวี่ชิงดีใจ นางจึงคิดว่าถ้าเป็นตนเอง คนอื่นส่งของขวัญให้กับตนเอง ตนเองก็จะดีใจ

ทว่าตอนนี้ นางกลับรู้สึกหดหู่

มองร่างที่หายไปบนเรือเวท นางนั่งลงริมฝั่งคนเดียวอย่างอ้างว้าง กัดริมฝีปากล่าง และยกมือขึ้นมาอีกครั้งคิดจะกัดนิ้ว

แต่ก็ทนเอาไว้ได้ รีบข่มนิสัยนี้ลงไปอย่างสุดกำลัง

เพราะพี่สวี่ชิงไม่ชอบ

แต่นางก็ยังควบคุมไม่อยู่ ร่างกายนางก็ค่อยๆ ปรากฏความโหดเหี้ยมขึ้นมาขณะที่ข่มอารมณ์และการดิ้นรนนี้

เดิมนางก็เป็นคนโหดเหี้ยมหนักหนาอยู่แล้ว ตอนนี้ความแปรปรวนของอารมณ์ ความโหดเหี้ยมจึงยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีก

แต่ตอนนี้เอง ในเรือเวท ก็มีเสียงเรียบสงบของสวี่ชิงดังออกมา

“นั่งลง”

เหยียนเหยียนตะลึงงัน นั่งลงอย่างว่าง่าย ตอนที่เงยหน้ามองเรือเวท เสียงขลุ่ยทอดยาวเสียงหนึ่ง ก็ลอยออกมาจากในเรือเวท

เสียงขลุ่ยไพเราะ ปลอบประโลม ราวกับดึงความคิดของคนให้ยืดยาว

หลังจากโพล้เพล้ยามเย็น ภายใต้จันทร์กระจ่าง ความโหดเหี้ยมของคนที่ริมฝั่งก็ค่อยๆ สลายไป ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา

จนผ่านไปสักพัก หลังจากเสียงขลุ่ยหายไป เหยียนเหยียนก็ลุกขึ้นอย่างร่าเริง

“ขอบคุณพี่สวี่ชิงเจ้าค่ะ” พูดจบ นางก็กระโดดโลดเต้นจากไปไกล ฮัมเสียงขลุ่ยที่เพิ่งได้ยินไปตลอดทาง ในใจเบิกบานเหลือคณานับ

หลายวันผ่านไปเช่นนี้ จนกระทั่งเช้าตรู่ของวันหนึ่ง สวี่ชิงที่นั่งสมาธิอยู่ จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้น ก้มหน้ามองแผ่นหยกสื่อเสียงของตนเอง

หลังล้วงออกมา เสียงเคร่งขรึมของนายท่านเจ็ดก็ดังก้องในหู

“อาจารย์หาร่องรอยของเทียนประทีปเจอ และพบร่องรอยของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องแล้วด้วย ยืนยันว่าไม่ใช่การซุ่มโจมตี จากนี้พันธมิตรจะลงมืออย่างสุดกำลัง ประกาศภารกิจสังหารเลือด

“สวี่ชิง เจ้าจงรับคำสั่งเข้าร่วมกับเรื่องนี้!”

สวี่ชิงเงยหน้าขึ้นฉับพลัน สีหน้าเย็นเยียบ ส่งสื่อเสียงตอบกลับอย่างไม่ลังเล

“ศิษย์น้อมรับคำสั่ง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด