ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 488 องค์ท่านไม่อยากยึดครองร่างแล้ว…

Now you are reading ผู้กล้าเหนือกาลเวลา Chapter บทที่ 488 องค์ท่านไม่อยากยึดครองร่างแล้ว... at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 488 องค์ท่านไม่อยากยึดครองร่างแล้ว…

……….

ในหุบเหวสมุทรเงียบสงัด

ที่นี่ห่างไกลจากส่วนลึกของมณฑลรุ่งอรุณ น้อยคนนักที่จะมาที่นี่ ผนวกกับนิ้วเทพเจ้าออกไล่ล่าผู้บำเพ็ญไปทั่วเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับความมีชีวิตของซากดวงอาทิตย์ ในบริเวณกว้างรอบนี้ๆ จึงร้างคนนานแล้ว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการระเบิดของซากดวงอาทิตย์หรือตัวตนของนิ้วเทพเจ้าที่ทำให้ไอพลังประหลาดที่นี่เข้มข้นขึ้นมหาศาล กระทั่งมีเค้าลางจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่ต้องห้าม

ต่อให้เป็นเจ้าศีรษะกับสิงโตหิน ก็ฟื้นฟูเชื่องช้ามากท่ามกลางระลอกคลื่นของนิ้วเทพเจ้า ตอนนี้ยังอยู่ในสภาพเนื้อชุ่มเลือดยังไม่ฟื้นคืนชีพ

ส่วนภาพที่ชายชราเผ่าจิตรกรรมรมอยู่ในบ้านที่เคยมีสี่รุ่น ตอนนี้ก็เหลือไม่ถึงห้าคน

การกลืนกิน ยังดำเนินต่อ

ดังนั้น ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ในภูเขาเนื้อชุ่มเลือดกำลังเกิดเรื่องที่แปลกประหลาดสุดๆ อยู่

ภูเขาเนื้อชุ่มเลือดที่แปรมาจากนิ้วเทพเจ้า กำลังขยุกขยิกรัวเร็ว สวี่ชิงที่หายไปก็อยู่ในภูเขาเนื้อชุ่มเลือดนี้

นอกร่างเขาเป็นเนื้อชุ่มเลือดของนิ้วเทพเจ้า ตอนนี้กำลังไหลเวียนตามร่างกายแทรกซึมเข้ามาด้านในอย่างต่อเนื่อง ความเจ็บปวดที่รุนแรงปะทุขึ้นมาทั่วร่างสวี่ชิงราวกับกระแสน้ำขึ้น

ความรู้สึกเหมือนถูกแทงทั้งเป็น ราวกับถูกสับเป็นชิ้นๆ

ร่างสวี่ชิงสั่นเทิ้มต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าเขาจะต้านทานอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ สกัดกั้นการแทรกซึมเข้ามาจากนอกร่างกายไม่ได้ เวลาไหลผ่านไป ภูเขาเนื้อชุ่มเลือดที่ปกคลุมตัวสวี่ชิงเริ่มหดเล็กลงช้าๆ

หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ภูเขาเนื้อชุ่มเลือดก็สลายหายไปกว่าครึ่ง เผยโครงร่างสวี่ชิงที่อยู่ด้านในออกมา สีหน้าของเขาบิดเบี้ยว ความเจ็บปวดมหาศาลเผยออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน

และตอนนี้ การแทรกซึมของภูเขาเนื้อชุ่มเลือดยังไม่จบเท่านี้ ส่วนที่เหลือเริ่มขยุกขยิกรัวเร็ว แทรกซอนเข้าไปในรูขุมขนทั่วร่างสวี่ชิงอย่างบ้าคลั่ง

สุดท้ายก็ผ่านไปหนึ่งก้านธูป ร่างของสวี่ชิงชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ภูเขาเนื้อชุ่มเลือดนับสิบจั้งเวลานี้เหลือแค่เส้นเล็กๆ และกลายเป็นสายใยนับไม่ถ้วน ขยุกขยิกแทรกซอนเข้าไปกลางหน้าผากสวี่ชิงช้าๆ

สวี่ชิงไม่ขยับเขยื้อน ท่าทางเจ็บปวดจนตัวแข็ง สูญเสียประสาทสัมผัสโลกภายนอกทั้งหมดไป เนื้อชุ่มเลือดนิ้วเทพเจ้าแทรกเข้าไปในร่างของเขาถูกอย่างสมบูรณ์ อีกฝ่ายกลายเป็นสายใยเนื้อชุ่มเลือดนับไม่ถ้วน สอดเกี่ยวเข้าไปทั่วร่างสวี่ชิง

ในเส้นลมปราณของเขา ในเลือดเนื้อของเขา ในกระดูกของเขา สายใยเนื้อชุ่มเลือดเหล่านี้อยู่ทุกที่ พวกมันเชื่อมกัน แผ่ไอพลังประหลาดที่น่ากลัวออกมา จะเปลี่ยนแปลงร่างกายสวี่ชิงอย่างต่อเนื่อง พยายามสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการมีอยู่ของพวกมัน

แม้ผลึกวารีสีม่วงในหน้าอกสวี่ชิงจะยังแผ่แสงสีม่วงออกมา แต่หน้าที่ของแสงนี้คือทำให้ร่างกายของเขาฟื้นฟูอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้ต่อต้านการปรับเปลี่ยนของเนื้อชุ่มเลือดเทพเจ้า

กระทั่งในบางระดับ พลังการฟื้นฟูของมันยังทำให้การปรับเปลี่ยนของนิ้วมือเทพเจ้าราบรื่นขึ้นเล็กน้อยด้วย

ไม่ว่าจะทำลายอย่างไรก็ถูกมันฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว

ดังนั้น สายใยเนื้อชุ่มเลือดเหล่านั้นที่แปรมาจากนิ้วมือเทพเจ้าจึงไม่สนใจผลึกวารีสีม่วง และระหว่างที่แผ่ลามไปไม่หยุด รูปร่างภายนอกของสวี่ชิงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย

ติ่งเนื้อหลายติ่งที่งอกออกมาจากร่างกายเขา แผ่ยืดกระจายไปทั่วยาวขึ้นเรื่อยๆ แกว่งไปมา

ภาพนี้แปลกประหลาดมาก และที่ประหลาดยิ่งกว่าก็คือหลังจากติ่งเนื้อเหล่านี้งอกยาวออกมา ก็ถักทอนอกร่างกายสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว

ไม่นาน เส้นลมปราณและเส้นเลือดแต่ละเส้น ก็ถูกสายใยเนื้อชุ่มเลือดเหล่านี้ถักทอ ขั้นตอนของมันเหมือนกับตอนที่ชายชราเผ่าจิตรกรรมวาดรูปไม่ผิดเพี้ยน

เหมือนว่าจากการสังเกตเมื่อครู่ นิ้วเทพเจ้าก็เรียนรู้การวาดแล้ว ตอนนี้ติ่งเนื้อทุกติ่งกลายพู่กัน ส่วนร่างกายคือสีสำหรับวาดเขียน

ติ่งเนื้อเหล่านี้ก็กำลังวาดโครงร่างกายสูงใหญ่นับร้อยจั้งร่างหนึ่งขึ้นช้าๆ เช่นนี้

เห็นได้ชัดว่านิ้วเทพเจ้านั่นจะใช้ร่างกายสวี่ชิงเป็นแก่นกลาง สร้างเปลือกขึ้นมาด้านนอก

เวลาไหลผ่านไป เปลือกนอกนี้เป็นวัตถุจริงขึ้นเรื่อยๆ มองเห็นกระดูกที่วาดเสร็จแล้วกำลังปกคลุมด้วยเลือดเนื้อ ขณะเดียวกันติ่งเนื้อนับไม่ถ้วนก็พุ่งรวมกันกลายเป็นแขนขา กางออกราวกับดอกไม้บาน จากนั้นก็พันเกี่ยวกันจนกลายเป็นลำคอ

ถัดมาคือศีรษะ เมื่อมองผ่านเปลือกนอกที่ค่อนข้างโปร่งก็จะเห็นติ่งเนื้องอกออกมาจากร่างสวี่ชิงมากขึ้น

จนท้ายที่สุด ติ่งเนื้อเหล่านี้ขยุกขยิกที่เหนือลำคอ สร้างศีรษะขึ้นมา

หูตาจมูกปากก็เริ่มปรากฏขึ้น ดูจากรูปร่างแล้ว เป็นสวี่ชิงไม่ผิดเพี้ยน

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม เปลือกนอกนี้ก็ถูกปั้นออกมาจนเสร็จ ส่วนร่างกายที่เปลือยเปล่า จุดโปร่งๆ แต่ละจุดก็เริ่มมีผิวหนังปรากฏขึ้นจากการขยุกขยิดของเนื้อชุ่มเลือด และสลายหายไปอย่างรวดเร็ว

ขณะที่รอยแยกสุดท้ายหายไป ร่างกายสูงสามร้อยกว่าจั้งที่สมบูรณ์แบบร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในหุบเหวสมุทร

ร่างกายสูงโปร่ง ไหล่กว้าง อกสามศอก กล้ามเนื้อที่ได้สัดส่วนแฝงพลังที่น่ากลัวเอาไว้ เข้ากับหน้าตาปีศาจนั่น ทำให้ร่างกายนี้เปี่ยมไปด้วยความชั่วร้ายขีดสุด

โดยเฉพาะเส้นผมของร่างกายนี้ไม่ใช่สีดำ แต่เป็นสีม่วง

เวลานี้เส้นผมสีม่วงปลิวสยาย ขณะที่ยิ่งแสดงความชั่วร้าย จากอำนาจเทพที่แผ่ออกไป เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์วูบหนึ่งก็แผ่ออกมาจากร่างนี้ การผสานของพลังอำนาจ เพียงพอที่จะทำให้คนที่เห็นทั้งหมดอกสั่นขวัญแขวน

นี่คือร่างกายของเทพเจ้า!

เพียงแต่ตอนนี้นอกจากเส้นผมสีม่วงที่สยายไปตามลมของหุบเหวสมุทร ส่วนอื่นๆ กลับยังไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ กระทั่งยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ

เพราะองค์ท่านยังขาดจิตวิญญาณ

หลังจากนิ้วเทพเจ้าสร้างร่างกายที่เหมาะสมกับตน กำลังจะดำเนินการขั้นตอนสุดท้าย นั่นก็คือ…การยึดครองร่าง

องค์ท่านจะกลืนกินวิญญาณของสวี่ชิง ใช้ความเป็นเทพของตนแปรเป็นจิตวิญญาณของร่างนี้ ถึงจะบรรลุอิสรภาพในความหมายที่แท้จริงขององค์ท่าน!

หากทำสำเร็จ องค์ท่านก็จะสามารถกลายเป็นเทพเจ้าองค์ใหม่จากสภาพนิ้วร่างแยกของเทพเจ้าได้ อนาคตไกลไม่รู้จบ

นี่คือความฝันขององค์ท่าน ขณะเดียวกันก็เป็นความฝันที่จะชายชราเผ่าจิตรกรรมปรารถนาจะสวมรอยด้วย

เวลานี้ความฝันนี้ องค์ท่านทำสำเร็จไปแล้วกว่าครึ่ง ขาดแค่ขั้นตอนสุดท้ายที่เป็นแค่การกลืนกินง่ายๆ ถึงอย่างไรคุณสมบัติแต่เดิมขององค์ท่านก็คือเทพเจ้า เทพเจ้ากลืนกินวิญญาณของมนุษย์สามัญ ใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น

ดังนั้นพริบตาต่อมา จิตสำนึกของนิ้วเทพเจ้าที่แฝงอยู่ในร่างกายนี้ จึงระเบิดออกไปจากร่างกายนี้ฉับพลัน รวมกัน พุ่งตรงไปยังวิญญาณส่วนลึกของทะเลความรู้สึกสวี่ชิง

จิตวิญญาณที่ยังสะลึมสะลือของสวี่ชิงสัมผัสเจตจำนงเย็นเยียบชั่วร้ายวูบหนึ่งได้ เขาไม่ดิ้นรน แต่เจตจำนงการต่อสู้ยังคงอยู่

ต่อให้เสียการควบคุมร่างกายไปแล้ว เสียการควบคุมประสาทสัมผัสเทพไปแล้ว เสียการสัมผัสรับรู้โลกภายนอกไป แต่ในใจเขามีความคิดที่บ้าคลั่งอยู่อย่างหนึ่ง

‘เจ้าเงาในตอนนั้นสำหรับข้าก็แข็งแกร่งอย่างมาก การยึดครองร่างของมันเป็นสิ่งที่ข้าไม่อาจต้านทายได้เลย เหมือนกับตอนนี้ นิ้วเทพเจ้านั่นสำหรับข้าแล้วก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจต้านทานได้เช่นกัน

‘เช่นนั้นผลึกวารีสีม่วงที่ทำให้สิบวังสวรรค์ในทะเลความรู้สึกของข้าสั่นกลัวได้ มันในตอนนั้นก็สามารถยับยังการช่วงยึดครองร่างของเจ้าเงาได้ วันนี้…มันจะสามารถยับยั้งการยึดครองร่างของนิ้วเทพเจ้าได้หรือไม่!’

จิตวิญญาณของสวี่ชิงแผ่ความคิดบ้าคลั่งออกมา อันที่จริงก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาปล่อยวางการต่อต้านเช่นกัน เขาเห็นพลังเทพเจ้ากำลังสร้างเปลือกนอกร่างกายตนกับตา เห็นอีกฝ่ายทำทั้งหมดอย่างเต็มสูบ เขากำลังรอ…

รอให้อีกฝ่ายกลืนกินจิตวิญญาณตนเอง

ตอนนี้ ถึงเวลาแล้ว

ในพริบตา จากการรุกล้ำเข้ามาของเจตจำนงชั่วร้ายเย็นเยียบนั่น จากการค่อยๆ เข้ามาเยือนของวิกฤตความตาย ผลึกวารีสีม่วงในหน้าอกสวี่ชิงเหมือนถูกหยามหมิ่น ระเบิดออกมาฉับพลัน

พลังยิ่งใหญ่น่าตกตะลึงวูบหนึ่งแผ่ออกมาจากผลึกวารีสีม่วงทันที กลายเป็นทะเลแสงสีม่วงที่สูงส่งสะกดบรรพกาลได้ มาพร้อมกับความเผด็จการ พุ่งไปหาจิตใต้สำนึกของนิ้วเทพเจ้า กระแทกอย่างแรง

เสียงครืนครันดังขึ้นราวกับทัณฑ์สวรรค์นับไม่ถ้วนฟาดผ่าเปรี้ยงปร้างในสมองของสวี่ชิง ด้วยการฟาดผ่าที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน นิ้วเทพเจ้าที่เดิมสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ กลับถูกกระตุ้นจนตื่นขึ้นมาในตอนนี้ พลันส่งเสียงคำรามออกมา

“นี่…นี่มันอะไร!!

“ไยจึงมีตัวตนเช่นนี้อยู่ในร่างกายด้วย!!

“พลังนี้…พลังนี้…”

ในจิตสำนึกพรั่นพรึงอย่างรุนแรง แฝงความหวาดหวั่นที่ไม่รู้จักรวมถึงไม่อาจพรรณนาได้ของผลึกวารีสีม่วง ในขณะที่สะท้อนก้องนี้ จิตใต้สำนึกของนิ้วเทพเจ้าก็ถอยร่นอย่างบ้าคลั่ง เขา…ไม่อยากยึดครองร่างแล้ว

สวี่ชิงเดิมพันถูกต้อง!

เขานึกถึงตอนที่หลังจากตนได้รับผลึกวารีสีม่วง อีกฝ่ายโดยพื้นฐานก็อยู่ด้วยตัวตนที่ถูกกระทำอยู่แล้ว ความเป็นความตายหลายครั้งของตนก็ไม่เห็นว่ามันจะเผยแสดงประโยชน์ใดออกมา สิ่งที่ยืนยันได้ก็คือ ถ้าตนตายก็คือตาย

มีเพียงตอนที่เจ้าเงาช่วงยึดครองร่างตนในครั้งนั้น มันถึงปะทุออกมาหนึ่งครั้ง

สิ่งนี้อธิบายได้แล้วว่าผลึกวารีสีม่วงไม่สนใจกายเนื้อ ตนจะมีวิกฤติเป็นตายหรือไม่ก็ไม่สนใจ มันสนใจแค่ตัวตนที่คิดจะยึดครองร่างเท่านั้น

เจ้าเงาในตอนนั้นก็เป็นเช่นนี้ จิตใต้สำนึกของเทพเจ้าในวันนี้ก็เช่นกัน

จิตใต้สำนึกของเทพเจ้าเวลานี้หวาดผวาไร้ที่สุด การฟื้นฟูของสติสัมปชัญญะทำให้องค์ท่านมีความสามารถในการครุ่นคิดและชั่งน้ำหนัก จึงละทิ้งการช่วงยึดครองร่างแล้วถอยไปอย่างรวดเร็วราวกับกระแสน้ำลง

แต่ก็สายไป

เจ้าเงาในตอนนั้นก็เคยทำเช่นนี้ แต่ไม่สำเร็จ

พริบตาต่อมา ผลึกวารีสีม่วงของสวี่ชิงก็แผ่ระลอกคลื่นที่น่ากลัวออกมา ทะเลแสงสีม่วงปทขึ้นฉับพลัน ปกคลุมจิตใต้สำนึกนิ้วเทพเจ้า

ขณะที่เสียงกรีดร้องเปล่งออกมาจากจิตใต้สำนึกเทพเจ้า พลังผนึกวูบหนึ่ง ก็แผ่ออกมาจากผลึกวารีสีม่วง

“ไม่!!” นิ้วเทพเจ้าดิ้นรนอย่างรุนแรง เสียงคำรามดังสะท้อนก้องในสมองสวี่ชิง

เห็นได้ชัดว่าสำหรับองค์ท่านตอนนี้ รู้สึกถึงวิกฤตเป็นตายรุนแรงยิ่งกว่าที่สวี่ชิงเจอมาเมื่อครู่เสียอีก

ขณะที่ต่อต้านและดิ้นรนอย่างกระวนกระวาย ในหุบเหวสมุทร ร่างกายสูงสามร้อยกว่าจั้งก็สั่นเทิ้มอย่างรุนแรง ที่หน้าอกเหมือนมีใบหน้าผีบิดเบี้ยวดวงหนึ่งนูนออกมาหนึ่งจั้ง คิดจะพุ่งออกมา

ทว่าพริบตาต่อมา แสงสีม่วงดั่งมือขนาดใหญ่ปกคลุมมัน กระชากอย่างแรง ใบหน้าผีที่กรีดร้องก็ถูกดึงกลับมา

ความรู้สึกสิ้นหวังปรากฏขึ้นมาในจิตใต้สำนึกของนิ้วเทพเจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เจ้าเป็นใครกันแน่!

“เจ้าเป็นใครกัน!!”

ในเสียงคำรามนี้มาพร้อมกับความโกรธแค้นเดือดดาลและความบ้าคลั่งก็ยิ่งรุนแรงขึ้นในตอนนี้ จากการร่างใหญ่โตของสวี่ชิงสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง จิตใต้สำนึกนิ้วเทพเจ้านี้ก็ดิ้นรนไม่หยุด คิดจะหนี

แต่ทำไม่ได้

ส่วนสวี่ชิงตอนนี้ก็สังเกตเห็นความผิดปกติ…เขาพบว่าพลังผลึกวารีสีม่วงไม่ได้ไร้ขีดจำกัด เวลานี้กลับไม่ได้ผนึกเสร็จสิ้นในพริบตาเหมือนตอนที่ผนึกเจ้าเงาในตอนนั้น แต่กลับมีการยื้อยุดกับจิตใต้สำนึกนิ้วเทพเจ้า

‘ไม่ใช่ว่าพลังผลึกวารีไม่เพียงพอ แต่ข้าหนุนการปะทุเต็มสูบของมันไม่ได้…’

สวี่ชิงกระจ่างขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นในดวงตาก็เปล่งประกายเย็นยะเยือก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด