ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 499 ร่างกายซื่อตรงยิ่งนัก

Now you are reading ผู้กล้าเหนือกาลเวลา Chapter บทที่ 499 ร่างกายซื่อตรงยิ่งนัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 499 ร่างกายซื่อตรงยิ่งนัก

……….

เรื่องที่สวี่ชิงกำราบเผ่ากระจายวิญญาณ ท่ามกลางการเล่าลือไปไม่ไม่หยุด ไม่เพียงแค่ชื่อเสียงของเขาเลื่องลือไปไกลเท่านั้น อีกทั้งการมอบทรัพยากรจากเผ่าต่างๆ ก็ราบรื่นกว่าแต่ก่อนมากอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งตอนนี้ก็ไม่มีเผ่าใดที่เสนอราคาสูงๆ อีก

อย่างไรเสีย เผ่ามนุษย์ยังไม่ล้ม

อย่างไรเสีย สวี่ชิงกุมพลังทำลายล้างเผ่าเอาไว้

เช่นนี้แล้วความราบรื่นในการรับทรัพยากรก็เป็นเรื่องที่ควรจะเป็น

“เผ่าวารีส่งลูกกลอนสมุทรรักษาบาดแผลให้หนึ่งแสนแปดหมื่นเม็ด ของวิเศษเวทสงครามสามชิ้น

“เผ่าหูทิพย์ขายเลือดสมาชิกเผ่าตัวเองหนึ่งแสนสามหมื่นหยด เลือดนี้แฝงไว้ซึ่งคุณสมบัติยา สามารถควบคุมอาการบาดเจ็บสาหัสได้ในช่วงเวลาสั้นๆ นอกจากนี้ยังส่งของวิเศษเวทสงครามให้หนึ่งชิ้น

“ย่านการค้าเมืองผีสำหรับเรื่องลูกกลอนนั้นให้เปล่า ยิ่งยินดีส่งทหารผีร้ายไปสนามรบ เงื่อนไขคือวิญญาณของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ในสนามรบ ให้พวกมันเก็บไปได้ตามสบาย

“แล้วก็เผ่ากระจายวิญญาณ เผ่านี้…ยินดีมอบลูกกลอนชั้นยอดให้หนึ่งล้านเม็ด ไม่ต้องการแม้แต่อีแปะเดียว”

ระลอกคลื่นในใจชิงชิวซัดขึ้นลง จากการรายงานข้อมูลที่ตนรวบรวมมาสามวันนี้ให้สวี่ชิง นางสัมผัสได้ว่าเผ่าต่างๆ ในเขตปกครองผนึกสมุทร ล้วนแต่เข็ดขยาดเรื่องที่สวี่ชิงทำเมื่อก่อนหน้านี้

ในฐานะผู้ครองกระบี่ แนวคิดต่อวังครองกระบี่ของชิงชิวชัดเจนมาก

โดยเฉพาะหลังจากเกิดสงครามถูกสวี่ชิงจัดให้มาอยู่กรมอาลักษณ์ นี่ทำให้วิสัยทัศน์ต่อสถานการณ์โดยรวมของนางเปิดกว้างขึ้นอีกไม่น้อยจากการนี้ ได้รับการฝึกฝนอย่างหาโอกาสได้ยาก

ทุกอย่างทำให้นางเข้าใจถึงเรื่องที่สวี่ชิงทำครั้งนี้ความจริงแล้วคือสิ่งที่เจ้าวังอยากทำในตอนนั้น

เพียงแต่จังหวะโอกาสต่างกัน ความยากก็ไม่เหมือนกัน อย่างเช่นก่อนหน้านี้ยามไม่มีสงคราม ทุกฝ่ายต่างตรึงกันไว้ หากทำเช่นนี้ก็จะต้องถูกโจมตีกลับอย่างแน่นอน และเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ก็คอยจับตาจ้องเล่นงานอยู่ จึงทำไม่ได้

การระดมพลก็เช่นกัน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน สถานการณ์ซับซ้อน ปัจจัยมากมายที่ถ่วงดุลซึ่งกันและกัน สถานการณ์ซับซ้อนประดุจฟันสุนัขสับหว่าง ทั้งยังคล้ายบ่อโคลน เมื่อเสี่ยงลุยลงไปจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์สงคราม จะเป็นภัยร้ายแรง

มีเพียงสถานการณ์เช่นอย่างตอนนี้ ขณะเดียวกับที่แนวหน้าสถานการณ์ตึงเครียด ก็มัดผู้แข็งแกร่งจากเผ่าต่างๆ ส่วนใหญ่ไว้ที่สนามรบ นี่ถึงจะตัดพันธนาการทุกอย่างได้อย่างแท้จริง เคลื่อนไปได้อย่างว่องไว

แน่นอน เงื่อนไขคือต้องมีคุณสมบัติพลังบำเพ็ญที่สามารถบดขยี้ทุกสิ่ง มีอำนาจเจรจาต่อรองกับเผ่าแข็งแกร่งได้อย่างเท่าเทียม

“การพนันที่ยืนอยู่บนไหล่ยักษ์แบบนี้ดูเหมือนง่าย แต่เงื่อนไขของผู้ที่ลงมือจะต้องสูงมาก ไม่เพียงแต่ต้องมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นเท่านั้น แต่ยิ่งต้องมีความโหดเหี้ยมใจกล้า ทั้งยังต้องบ้าระห่ำมากพอ แต่ก็จะสูญเสียความเป็นเหตุผลและความใจเย็นไปไม่ได้ ต้องมอบทางลงให้กับผู้อื่นอย่างยอดเยี่ยมได้จังหวะ ในขณะที่ใช้การโจมตีแทนการป้องกัน ก็ต้องใช้ทักษะการถอยเป็นบุก…”

ชิงชิวมองสวี่ชิงอย่างรวดเร็วผาดหนึ่ง ต่อให้ในใจจะเกลียดชัง แต่ตอนนี้ในใจของนางก็ยังมีความเคารพเลื่อมใสผุดขึ้นมา

‘ความพอดีต่างๆ ในนั้น ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปทำได้ หากเปลี่ยนเป็นข้า…เด็ดขาดเหี้ยมโหดบ้าระห่ำนั้นมี แต่จะควบคุมความพอดีพอเหมาะอย่างไร วิเคราะห์อย่างใจเย็น เจรจาหารืออย่างเป็นเหตุเป็นผลข้าสู้เขาไม่ได้’

สวี่ชิงไม่รู้ถึงสิ่งที่ชิงชิวคิดอยู่ในใจตอนนี้ ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิด ในใจหลังจากประเมินก็ตอบกลับไปอย่างช้าเนิบ

“ลูกกลอนโอสถที่เผ่ากระจายวิญญาณมอบให้ยังไม่พอ สิ่งที่ข้ามองเอาไว้ในเผ่าพวกเขาไม่ใช่เพียงแค่นี้ ให้พวกเขาเอามาเพิ่มอีกนิด แต่จะบีบคั้นเกินสมควรไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา ดังนั้นจำนวนพวกนี้หลังจากนี้พวกเราจะซื้อ

“ส่วนเงื่อนไขของย่านการค้าเมืองผี…เรื่องนี้ตามหลักเหตุผลแล้วข้าตกลง แต่บอกพวกเขาว่าต้องให้เจ้าวังตกลงถึงจะดี ดังนั้นข้าจะให้พวกเขาส่งผีร้ายไปสนามรบก่อน ไปพูดคุยกับเจ้าวัง

“ส่วนทรัพยากรของทุกเผ่า ภายในสามวันต้องส่งไปทางเขตปกครองหลวงทางนั้น ให้พวกเรารวบรวมส่งไปสนามรบ

“ด้านเงินทอง หลังจากที่พวกเขาส่งมอบทรัพยากรแล้วให้ไปหาปลัดเขตปกครอง”

จากการมอบหมายของสวี่ชิง ชิงชิวพยักหน้าตอบรับ ในตอนที่กำลังจะถอยออกไป นอกกรมอาลักษณ์ หนิงเหยียนมาถึงอย่างรวดเร็ว

“รายงานอาลักษณ์!”

สวี่ชิงเงยหน้ามองไปทางหนิงเหยียน สำหรับสายตาของสวี่ชิงหนิงเหยียนสั่นสะท้านไปตามสัญชาตญาณเล็กน้อย ยืนตัวตรงแล้วเอ่ยเสียงดัง

“ทูตเผ่าวิญญาณต้นไม้ขอเข้าพบใต้เท้าขอรับ”

แทบจะในขณะเดียวกับที่หนิงเหยียนพูด แผ่นหยกสื่อเสียงของสวี่ชิงก็สั่น เขาเอามันออกมาแผ่ประสาทสัมผัสเทพกวาดไป เสียงของชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมบนถนนทองผุดก็ดังก้องในหัวเขา

“สวี่ชิง ข้าพาเผ่าวิญญาณต้นไม้กลุ่มที่สองมาร่วมสงครามกับเผ่ามนุษย์”

สวี่ชิงซาบซึ้ง รีบลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก ทำการต้อนรับด้วยตัวเอง

เผ่าวิญญาณต้นไม้เดิมก็เป็นพันธมิตรกับเผ่ามนุษย์อยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ในตอนที่เจ้าวังออกรบ พวกมันก็ได้ส่งสมาชิกเผ่ากลุ่มหนึ่งไปร่วมกับกองทัพพันธมิตรที่โหวเหยาจัดตั้ง มุ่งหน้าไปยังสนามรบทางเหนือ

ตอนนี้ เผ่าที่เดิมก็ไม่ใช่เผ่าใหญ่อะไรอยู่แล้วกลับส่งกองทัพเสริมทัพที่สองมา เรื่องนี้ในสงครามการปกป้องของเขตปกครองผนึกสมุทรทั้งหมดที่ผ่านมาเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก

ไม่นานนัก ข้างนอกตำหนักใหญ่วังครองกระบี่ สวี่ชิงเห็นชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมบนถนนทองผุดยืนและสมาชิกเผ่าต้นไม้วิญญาณหลายพันตนที่ลอยอยู่ข้างหลังเขาตรงนั้น

เงาร่างที่เหมือนต้นไม้ใหญ่ของพวกมันแข็งแรงมาก แผ่กลิ่นอายไม่ธรรมดาออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้โดดเด่นยอดเยี่ยม

ข้างๆ ชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมบนถนนทองผุดยังมีชายชราอีกคนยืนอยู่ด้วย

ชายชราคนนี้เป็นมนุษย์ต้นไม้เช่นกัน ใบหน้าในความล้ำลึกแผ่ความหลักแหลมออกมาด้วย ยิ่งมีระลอกคลื่นไม่ธรรมดาแผ่มาจากร่าง ในดวงตามีพันมรรคา เป็นผู้บำเพ็ญระดับหวนสู่อนัตตาขั้นหนึ่งนั่นเอง

“สวี่ชิง ท่านนี้คือผู้อาวุโสเผ่าวิญญาณต้นไม้” ชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมบนถนนทองผุดเมื่อเห็นสวี่ชิงก็รีบพูดขึ้น

สวี่ชิงสายตาจ้องเพ่ง เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ประสานหมัดโค้งคารวะ

“คารวะผู้อาวุโสวิญญาณต้นไม้ ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยเหลือ!”

“อาลักษณ์สวี่อย่าได้มากพิธี เดิมท่านก็เป็นเทพวิญญาณของเผ่าเรา พูดถึงฐานะก็อยู่ระดับเดียวกับกับหัวหน้าเผ่าเรา อีกทั้งเผ่ามนุษย์ยังปกป้องคุ้มครองเผ่าเรามานาน เผ่าวิญญาณต้นไม้ย่อมรู้จักบุญคุณ ตอบแทนบุญคุณ

“ก่อนหน้านี้ข้าปิดด่านใกล้จะทะลวงขั้นได้เต็มที ขอบคุณที่เจ้าวังครองกระบี่อนุญาตงดเว้นการออกรบให้ ตอนนี้ข้าทะลวงขั้นสำเร็จ จะเอาตัวรอดเพียงลำพังไปได้อย่างไร”

สวี่ชิงไม่รู้ว่าอะไรคือเทพวิญญาณ แต่คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับหลิงเอ๋อร์ จึงโค้งคารวะอีกครั้ง สั่งให้คนมาต้อนรับจัดที่พักอาศัยให้ นัดส่งมอบทรัพยากรสามวันหลังจากนี้ มุ่งหน้าสู่เขตสนามรบทางตะวันตก ส่งไปหาเจ้าวัง

เผ่าต้นไม้วิญญาณนิสัยอ่อนโยน ผู้อาวุโสคนนี้ก็ไม่ได้อาศัยพลังบำเพ็ญของตัวเองดูถูกสวี่ชิง ด้านหนึ่งเป็นเพราะเทพวิญญาณ ด้านหนึ่งคือฐานะในวังครองกระบี่ตอนนี้ของสวี่ชิง

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เขารู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่าชายหนุ่มข้างหน้าคนนี้ เป็นมิตรได้อย่างเดียวเท่านั้น ห้ามเป็นศัตรู

และตลอดการเดินทาง เขาก็ได้ยินเรื่องเผ่ากระจายวิญญาณเช่นกัน รู้เรื่องการเจรจาหารือของสวี่ชิงกับเผ่าเคียงเซียน ดังนั้นเขามองออกอย่างชัดเจนว่าสวี่ชิงในด้านการแก้ปัญหาเรื่องทรัพยากรตอนนี้เป็นประโยชน์กับแนวหน้าอย่างมหาศาล

เดิมนี่ก็เป็นคุณงามความชอบอย่างมหาศาลอยู่แล้ว

หลังจากนี้ หากอีกฝ่ายสามารถจัดการปัญหาเรื่องกำลังทหารได้ เช่นนั้นหลังจากคุณงามความชอบทั้งสองเรื่องทบรวมกันแล้ว ความยิ่งใหญ่ของคุณงามความชอบนี้ จะทำให้อีกฝ่ายในวังครองกระบี่เขตปกครองผนึกสมุทรมีอำนาจอย่างน่าครั่นคร้าม

เงื่อนไขคือ สุดท้ายเผ่ามนุษย์เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ

และการมอบกองทัพเสริมสองครั้งจากเผ่าต้นไม้วิญญาณ พูดได้ว่าเป็นการทุ่มเทสุดกำลังทั้งเผ่า เรื่องนี้คือการวางเดิมพัน เดิมพันว่าสงครามครั้งนี้เผ่ามนุษย์ชนะ เดิมพันว่าอนาคตของเขตปกครองผนึกสมุทรยังอยู่ในมือของเผ่ามนุษย์

หากเดิมพันสำเร็จ เช่นนั้นสามารถรับประกันได้ว่าเผ่าวิญญาณต้นไม้หลังจากนี้พันปีจะไม่มีปัญหา

อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์กับสวี่ชิงชั้นนี้ เผ่าวิญญาณต้นไม้ก้าวขึ้นมาบนบันไดอีกขั้นหนึ่ง ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ดังนั้นสำหรับการจัดการของสวี่ชิง ผู้อาวุโสเผ่าวิญญาณต้นไม้ไม่มีความคิดเห็นขัดแย้งใดๆ ทั้งนั้น เขารู้ว่าผู้คุมกฎวิญญาณเทพกับเทพวิญญาณยังมีธุระต้องหารือ จึงเอ่ยลาจากไป

หลังจากเขาจากไป ชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมประเมินสวี่ชิงตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่ครู่หนึ่ง ในสีหน้าฉายความพอใจ แต่เหมือนว่าจะไม่อยากเผยความคิดที่แท้จริงของตัวเองออกมา จึงเก็บความพึงพอใจนี้ลงไปอย่างรวดเร็ว กระแอมออกมาทีหนึ่ง

“ที่เผ่าวิญญาณต้นไม้มาที่นี่ แม้จะเกี่ยวพันกับเดิมพันที่พวกเขาอยากจะเสี่ยง แต่คุณงามความดีของหลิงเอ๋อร์ยิ่งใหญ่มาก!”

“หลิงเอ๋อร์ยังปิดด่านอยู่หรือ” สวี่ชิงพยักหน้า หยิบเอาแผ่นหยกออกมา สั่งการแผนจัดการเรื่องเผ่าวิญญาณต้นไม้ วางแผนทรัพยากรที่เผ่าต่างๆ ส่งมา

“ยังต้องใช้เวลาอีกช่วงหนึ่ง วาสนาครั้งนี้สำหรับหลิงเอ๋อร์แล้วยังต้องดูดซับอีกนาน” ชายชราพูดจบก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว และสวี่ชิงก็ไม่เชี่ยวชาญการทักทายพูดคุยกับคน เขาจัดการงานราชการไม่หยุด

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ชายชราก็กระแอมขึ้นมา

“เอ่อ เจ้าไม่มีอะไรจะถามแล้วหรือ”

สวี่ชิงแปลกใจ มองชายชราผาดหนึ่ง

“ยกตัวอย่างเช่นอดีตของหลิงเอ๋อร์ ยกตัวอย่างเช่นวาสนาครั้งนี้เปลี่ยนแปลงอะไรนาง ยกตัวอย่างเช่นช่วงนี้นางฟื้นตื่นขึ้นมาบ้างเป็นบางครั้งหรือไม่ เจ้าไม่คิดจะถามเลยหรือ!!” ชายชราไม่ค่อยพอใจนัก

สวี่ชิงขมวดคิ้ว

“เรื่องพวกนี้ข้าถามเจ้าทำไม ถามหลิงเอ๋อร์โดยตรงก็ได้”

“เอ่อ…” ชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมบนถนนทองผุดอ้าปากคิดจะโต้เถียง แต่คิดให้ละเอียดแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ในใจก็ยังคงมีระลอกคลื่นอารมณ์เล็กน้อย

สวี่ชิงหลังจากที่กวาดสายตาไป ก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ของอีกฝ่าย

เรื่องแบบนี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี นายกองมักจะเป็นเช่นนี้ จึงมองตาชายชรา เอ่ยอย่างจริงจัง

“ความจริงข้าไม่ได้เชื่อเผ่าวิญญาณต้นไม้อย่างสมบูรณ์ การส่งมอบทรัพยากรเกี่ยวพันกับเรื่องใหญ่ ของผู้อาวุโสในยามติดตามไปโปรดสังเกตให้มาก เพื่อรับประกันว่าไม่มีปัญหา ตอนนี้ในเมืองเขตปกครองหลวงนี้ คนที่ข้าเชื่อใจได้มีเพียงผู้อาวุโสเท่านั้น”

ชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมบนถนนทองผุดเมื่อได้ยินประโยคนี้ก็พอใจทันที หัวเราะฮ่าๆ เอ่ยอย่างหยิ่งทะนง

“วางใจเถอะ เมื่อทรัพยากรมาถึงข้าจะลงมือสำแดงวิชาแก่นวิญญาณด้วยตัวเอง ทำการผนึกให้หนาแน่น ระหว่างทางข้าก็จะคอยจับตาดูสุดกำลัง แบบนี้ก็ไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรแล้ว!”

สวี่ชิงประสานหมัด โค้งคารวะสุดตัว

เห็นสวี่ชิงปฏิบัติเช่นนี้ ในใจของชายชราเบิกบานเป็นอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่าเจ้าเด็กแซ่สวี่คนนี้เคารพตัวเองมาก ไม่ได้ชวนให้รังเกียจขนาดนั้นแล้ว

สามวันก็ผ่านไปเช่นนี้เอง

ทรัพยากรของต่างเผ่าส่งมาตามกำหนดเวลา สุดท้ายภายใต้การมองตามไปจนสุดสายตาของสวี่ชิง พวกเผ่าวิญญาณต้นไม้และชายชราก็ลำเลียงทรัพยากรมุ่งหน้าไปสนามรบทางตะวันตก

ตลอดทางนี้แม้พื้นที่ส่วนใหญ่ล้วนสามารถอาศัยค่ายกลส่งข้ามได้ แต่ก็ยังมีพื้นที่บางแห่งเนื่องด้วยสาเหตุต่างๆ ไม่อาจส่งข้ามได้ โดยรวมแล้วจึงต้องใช้เวลาประมาณห้าหกวัน

หลังจากส่งเผ่าวิญญาณต้นไม้แล้ว สวี่ชิงก็มายืนอยู่บนพื้นหินริมวังครองกระบี่ เงยหน้ามองท้องฟ้า

ข้างหลังเขาคือหนิงเหยียนกับชิงชิว และยังมีผู้ครองกระบี่กรมอาลักษณ์จำนวนหนึ่ง พวกเขามองสวี่ชิง ในดวงตาล้วนแฝงด้วยความเคารพอย่างเข้มข้น

โดยเฉพาะชิงชิว ในใจยิ่งเกิดความรู้สึกต่างๆ พยายามสะกดความเคารพนับถือสวี่ชิงลงไป เคียวที่แบกอยู่บนไหล ถอนหายใจเหนื่อยหน่ายใจจิตใจของนางออกมาหนึ่งที

‘อาชิวเอ๋ย อย่าได้ขัดขืนอีกเลย…ข้ายังสัมผัสได้ถึงความขัดแย้งในใจเจ้า เจ้ายังจะมีอะไรไม่ยอมจำนนอีก ก้มศีรษะให้กับอาลักษณ์สวี่ผู้ยิ่งใหญ่งดงาม ไม่ใช่ตัวเลือกที่ถูกต้องหรอกหรือ’

‘หุบปาก นับจากที่เจ้ารู้ว่าข้างกายสวี่ชิงก็มีวิญญาณศัสตราอยู่ข้างๆ เหมือนกัน สามารถได้ยินคำพูดของเขา อีกทั้งหลังจากถูกจับที่ต้นสิบลำไส้ก็เริ่มพูดจาแบบนี้ น่ารังเกียจหรือไม่!

‘เจ้าที่แต่ก่อนทุกประโยคก็ตายตกไปตามกันตายไปแล้วหรืออย่างไร!’ ชิงชิวแค่นเสียงขึ้นจมูกในใจ

‘คนน่ารังเกียจเช่นเจ้าจะมารู้ซึ้งถึงสิ่งที่ข้าคิดได้อย่างไร ตลอดชั่วชีวิตของข้าชิงชิวคนนี้ยิ่งไม่มีทางเหมือนเจ้า ก้มศีรษะสยบศิโรราบต่อคนอื่นง่ายๆ!

‘สวี่ชิงคนนี้ก็เช่นกัน!’

ความคิดในใจชิงชิวสวี่ชิงย่อมไม่รู้

ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ ลมเย็นพัดมา พัดผมยาวของสวี่ชิงปลิว เขายืนอยู่บบนพื้นหินริมวังครองกระบี่ ทอดสายตามองท้องฟ้าอยู่นาน ในดวงตาแฝงรอยครุ่นคิด

ช่วงนี้เขาคิดถึงปัญหาหนึ่งมาโดยตลอด

จะมอบกำลังทหารให้สนามรบได้อย่างไร

ลำพังเพียงไม่กี่พันคนจากเผ่าวิญญาณต้นไม้ สำหรับแนวหน้านั้นไม่พอ

นี่เป็นสงครามยืดเยื้อ เผชิญหน้ากับแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังเหนือกว่าเขตปกครองผนึกสมุทรมากมายมหาศาล ต่อให้มีการต้านทานจากของวิเศษเวทต้องห้ามของเขตปกครองผนึกสมุทรทั้งเขตปกครอง แต่การบาดเจ็บล้มตายก็ยังคงเกิดขึ้นทุกเวลา

และทรัพยากรก็ทำได้เพียงทำให้แนวหน้าไม่ตึงเครียดขนาดนั้น แต่หากเป็นแบบนี้ต่อไป ความต้องการด้านกำลังทหารก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จู่ๆ สวี่ชิงก็พลันเอ่ยขึ้นมา

“ชิงชิว”

“อ๊ะ เจ้าค่ะ!” ชิงชิวกำลังตำหนิเคียวในใจไม่หยุด ท่ามกลางการดูถูกในใจของนางเต็มไปด้วยความหยิ่งทะนง ตอนนี้เมื่อได้ยินเสียงสวี่ชิง ร่างก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ รีบก้าวขึ้นไปก้าวหนึ่งยืนตัวตรง

“จัดระเบียบข้อมูลทุกอย่างของแดนต้องห้ามอาภรณ์มณฑลบังคับจำนนและแดนต้องห้ามมรณะมณฑลรับเสด็จราชันสองแห่งนี้มาให้ข้าภายในหนึ่งก้านธูป” สวี่ชิงสีหน้าสงบนิ่ง ทอดสายตามองไปทางมณฑลรับเสด็จราชัน พูดออกมา

“น้อมรับคำสั่ง! รับประกันว่าเสร็จสิ้นในหนึ่งก้านธูปเจ้าค่ะ!!” ชิงชิวยืดอก เอ่ยตอบรับเสียงดังไปตามสัญชาตญาณ เสียงเต็มไปด้วยความฮึกเหิม เหมือนกับที่เคยเผชิญหน้ากับเจ้าวัง

‘เมื่อครู่ใครบอกว่าไม่สยบศิโรราบให้เด็ดขาด’ ในใจของนาง เคียวยมทูตพูดขึ้นมาอย่างเหนื่อยหน่าย

‘หุบปาก ข้ากำลังแสดงละคร นี่ก็เพื่อสนามรบแนวหน้า!’ ชิงชิวตั้งสติขึ้นมาได้ ตวาดในใจทันที

“ยังไม่ไปอีก” สวี่ชิงเห็นชิงชิวยังยืนอยู่ตรงนั้น จึงปรายตามองผาดหนึ่ง

“เจ้าค่ะ!” ชิงชิวท่วงท่าจริงจังสง่างาม ตอบรับเสียงดังไปตามสัญชาตญาณอีกครั้ง จากไปอย่างรวดเร็ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด