ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 502-2 ศิษย์น้องเล็ก ข้าอยู่นี่!! (2)

Now you are reading ผู้กล้าเหนือกาลเวลา Chapter บทที่ 502-2 ศิษย์น้องเล็ก ข้าอยู่นี่!! (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 502 ศิษย์น้องเล็ก ข้าอยู่นี่!! (2)

……….

และการมาถึงของกองทัพมณฑลรับเสด็จราชันก็สร้างสนใจให้กับมณฑลบังคับจำนนตั้งนานแล้ว ผู้บำเพ็ญทุกเผ่าต่างสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

ระหว่างเส้นทางมา สวี่ชิงใช้อำนาจของตัวเองติดต่อกับโถงครองกระบี่มณฑลบังคับจำนนแล้ว พวกเขาจึงไม่ประหลาดใจ แต่เฝ้ารออยู่นาน

“ขอบคุณอาลักษณ์สวี่ที่ช่วยเหลือ! ขอบคุณสหายทุกท่านจากมณฑลรับเสด็จราชันที่ช่วยเหลือ!

“ขอโปรดสำแดงพลังสะกดควบคุมร่วมกับพวกข้าเพื่อให้ผนึกเสร็จสิ้นสมบูรณ์ด้วยเถิด!”

ผู้อาวุโสใหญ่โถงครองกระบี่มณฑลบังคับจำนนเป็นผู้บำเพ็ญกลางคน หลังจากสายตาของเขากวาดมองกองทัพมณฑลรับเสด็จราชันแล้ว สีหน้าก็ฮึกเหิม

สวี่ชิงพยักหน้า เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทักทาย ดังนั้นหลังจากลูบชิงฉินเบาๆ ฉิงฉินคำรามก้องขึ้นมาก็พุ่งออกไปตัวแรก เปล่งแสงเทพของตัวเองทางหนึ่งออกไปทางชุดสวมใส่สำหรับคนตายสีดำ

แสงเทพซัดไป เงาร่างเหี้ยมเกรียมที่ก่อขึ้นจากเงาดำมหาศาลแตกสลายทันที ขณะที่ชุดสวมใส่สำหรับคนตายสั่นคลอนในนั้นก็มีเสียงคำรามโมโหดังออกมา

ขณะเดียวกันนี้ ผู้บำเพ็ญมณฑลรับเสด็จราชันก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ภายใต้การบัญชาจากสำนักต่างๆ ภายใต้ค่ายกลหยินหยางของโถงครองกระบี่ที่ซัดลงมา พวกเขาก็ขัดสมาธินั่งลงไปในค่ายกลอย่างชำนาญ เสียงร่ายคาถาดังก้องขึ้นมาอีกครั้ง

“ข้าผสานซึ่งพลังแห่งฟ้าดิน มรรคาสาปสะกดผี

“วิถีหยินหยางผนึกสูงสุด ห้ามมิให้ขัดขืน”

ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมเมฆหอบม้วน การสะกดควบคุมจากมณฑลรับเสด็จราชัน ภายใต้แสงกะพริบวูบวาบของค่ายกลหยินหยาง ท่ามกลางเสียงร่ายคาถา สะท้อนก้อง ก็พุ่งสะกดไปด้วยเสียงเลื่อนลั่นครืนครัน

ฟ้าดินสนั่นหวั่นไหว ชุดสวมใส่สำหรับคนตายสีดำสั่นคลอนอย่างเห็นได้ชัด และการเข้าร่วมของมณฑลรับเสด็จราชันก็ทำให้ผู้บำเพ็ญทั้งหลายของมณฑลบังคับจำนนที่เหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรงเค้นพลังที่เหลือออกมา ทำให้ผ้าคลุมศพผืนนั้นเคลื่อนไปเร็วยิ่งกว่าเดิม แผ่ปกคลุมไป

และในตอนนี้เอง สวี่ชิงที่ยืนอยู่บนหัวข้างขวาของชิงฉิน บินผ่านเหนือชุดสวมใส่สำหรับคนตายสีดำ แผ่นหยกสื่อเสียงของเขาพลันสั่นขึ้นมา ในนั้นมีเสียงที่ไม่ได้ยินมานานดังขึ้น

“ศิษย์น้องเล็ก ข้าอยู่นี่! ข้าเห็นเจ้าแล้ว ในที่สุดเจ้าก็มา รีบมาช่วยข้าเร็ว!”

สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง หลังจากที่เขากับนายกองแยกกันที่ต้นเซียนแท้สิบลำไส้ อีกฝ่ายก็ไร้ซึ่งข่าวคราวมาโดยตลอด หากไม่ใช่เชื่อว่านายกองต่อให้เหลือเพียงแค่ศีรษะก็ไม่มีทางตาย สวี่ชิงคงคิดว่านายกองซี้แหงแก๋ไปแล้ว

ในใจของเขาจึงค่อนข้างเป็นห่วงมาโดยตลอด

จวบจนตอนนี้ ในแดนต้องห้ามอาภรณ์แห่งนี้ เขากลับได้ยินเสียงของนายกอง

สวี่ชิงพลันมองไป

ในชุดสวมใส่สำหรับคนตายสีดำที่ถูกคลุมไปกว่าครึ่ง ในเงาร่างที่ก่อขึ้นจากหมอกมากมายมหาศาล มีเงาร่างหนึ่งโบกมือให้สวี่ชิง ท่าทางคล้ายกับนายกองอยู่หลายส่วน

เนื่องจากอยู่ค่อนข้างไกล รวมกับหมอกคลุมเครือรางเลือน สวี่ชิงจึงมองเห็นเพียงเค้ารางคร่าวๆ เท่านั้น อีกทั้งอีกฝ่ายก็แผ่ไอพลังสีดำออกมาเช่นกัน มองเผินๆ แล้วไม่ต่างอะไรกับหมอกเหี้ยมเกรียมที่เกิดจากแดนต้องห้ามอาภรณ์สักเท่าไรเลย

ดังนั้นหลังจากที่สวี่ชิงมองผาดหนึ่ง ในใจก็เกิดความสงสัย

“ไม่เคยได้ยินว่าพลังของแดนต้องห้ามอาภรณ์ทำให้เกิดภาพหลอนด้วย…”

“ไม่ใช่ภาพหลอน! อาชิงน้อย รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า!”

คิ้วของสวี่ชิงพลันเลิกขึ้น ยืนอยู่บนหัวข้างขวาของชิงฉิน ก้มหน้าประเมินอย่างละเอียด สายตาจับจ้องไปที่เงาร่างที่สงสัยว่าเป็นนายกอง ค่อยๆ มองเห็นว่าหมอกดำเดือดพล่านข้างหลังอีกฝ่ายมีมือมากมายก่อตัวขึ้น คล้ายว่ามาพร้อมด้วยความบ้าคลั่งและโมโห จะจับเขาเอาไว้

ภาพนี้เห็นได้ชัดว่าไปก่อเรื่องที่ทำให้สวรรค์โกรธผู้คนเคียดแค้นมาเป็นแน่

เห็นเป็นเช่นนี้ สวี่ชิงจึงแน่ใจในตัวตนของอีกฝ่าย

“ผู้อาวุโสชิงฉิน คนคนนั้นเป็นศิษย์พี่ของข้า รบกวนท่าน…” สวี่ชิงเอ่ยปากขอชิงฉิน

ชิงฉินกำลังแผ่ประกายแสงสีแดงม่วงของตัวเองวูบวาบไปรอบๆ ไม่หยุด ทุกครั้งที่กวาดผ่านไป ล้วนทำให้เงาร่างแดนต้องห้ามอาภรณ์จำนวนไม่น้อยแตกสลายไป และหัวทั้งสามที่ฉวยโอกาสก็ดูดไปดูดมา คล้ายว่ากำลังดื่มเหล้า ดื่มอย่างมีความสุขเสียเหลือเกิน

เมื่อได้ยินคำพูดของสวี่ชิง หัวของชิงฉินก็ไหววูบ

“แกว๊ก!”

เงาร่างใหญ่โตของมันพลันส่งเสียงดังบึ้มก็พุ่งตรงไปในหมอกแดนต้องห้ามอาภรณ์ข้างล่าง ทุกที่ที่พาดผ่าน เงาร่างแดนต้องห้ามอาภรณ์ที่พุ่งออกมาทุกร่างร่างส่งเสียงโหยหวน ไม่ถูกแสงเผาไหม้ ก็ถูกชนจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่ก็ถูกกลืนลงไปทั้งเป็น

เพียงพริบตา ชิงฉินก็พาสวี่ชิงลึกเข้าไปในแดนต้องห้ามอาภรณ์

ภาพนี้ดึงความสนใจของโถงครองกระบี่มณฑลรับเสด็จราชันและมณฑลบังคับจำนนทันที ผู้อาาวุโสใหญ่ทั้งสองหน้าพลันเปลี่ยนสี พุ่งออกไปพร้อมกัน

ฐานะของสวี่ชิงในตอนนี้ในสายตาของพวกเขาไม่ธรรมดา จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้

แล้วยังมีเสี่ยเลี่ยนจื่อทางนั้นก็รวดเร็วเช่นกัน ทั้งๆ ที่พลังบำเพ็ญสู้ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสองไม่ได้ แต่เขากลับเป็นคนแรกที่พุ่งไปหาสวี่ชิง

อย่างไรเสียก็เป็นเด็กบ้านตัวเอง ในสนามรบแห่งนี้ ในสายตาของเขาจะเป็นผนึกก็ดี ความเป็นตายของคนอื่นก็ช่าง ความปลอดภัยของคนของตัวเองสำคัญที่สุด ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ได้จากไปไหนไกล

ตอนนี้ในขณะที่ทั้งสามคนนี้พุ่งออกมา ชิงฉินก็พาสวี่ชิงลึกเข้าไปในแดนต้องห้ามอาภรณ์อีกครั้ง จากการดำดิ่งลงไป ทุกอย่างรอบๆ เปลี่ยนมามืดมิด ไอพลังประหลาดเข้มข้นรวมมาจากทุกทิศ ขณะเดียวกันเสียงคำรามที่มาจากในแดนต้องห้ามอาภรณ์ก็ยิ่งดังเลื่อนลั่น

ส่วนเงารางเลือนของนายกองที่อยู่ข้างหน้าก็ค่อนข้างชัดขึ้นมาจากก่อนหน้านี้ขึ้นอีกไม่น้อย เขากำลังพุ่งออกมาจากในแดนต้องห้ามอาภรณ์อย่างสุดกำลัง แต่มือใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนข้างหลังเขาตอนนี้ใกล้จะไล่ตามมาทันแล้ว

ช่วงเวลาวิกฤตอันตราย นายกองก็สู้สุดชีวิตแล้ว ในดวงตาฉายแววบ้าคลั่ง ทั้งร่างเพียงไหววูบ ทันใดนั้นบนร่างก็มีดวงตานับไม่ถ้วนงอกออกมา หลุดออกจากร่างไปทั้งหมดแล้วตรงดิ่งไปที่มือใหญ่พวกนั้น หลังจากติดไปในนั้นก็ระเบิด

ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว มือใหญ่จำนวนไม่น้อยระเบิด ฉวยโอกาสนี้ นายกองพุ่งออกมาทันที ตรงมาหาสวี่ชิง

“ศิษย์น้องเล็ก!” มือขวานายกองยกขึ้น คิดจะคว้าไปทางชิงฉิน และระยะห่างของทั้งสองฝ่ายตอนนี้เหลือเพียงแค่ร้อยจั้งเท่านั้น

สำหรับชิงฉินแล้ว ระยะร้อยจั้งแค่ยื่นหัวไปก็ได้แล้ว แต่ในเสี้ยวพริบตาที่หัวข้างขวาของชิงฉินจะยื่นเข้าไป จู่ๆ สีหน้าของหัวทั้งสามก็เปลี่ยนไปในทันที ขนทั้งตัวตั้งชัน

อันตรายเป็นตายรุนแรงผุดขึ้นมาในใจ

พลังกดดันน่ากลัวกลุ่มหนึ่งปะทุออกมาจากในจุดลึกของแดนต้องห้ามอาภรณ์ ระเบิดก้องในฟ้าดิน สะเทือนไปทั้งแปดทิศ สวี่ชิงและชิงฉินโดนก่อนใครพวก

กระทั่งว่ายังมีเสียงคำรามต่ำทุ้มเหมือนเสียงอัสนี คำรามออกมาจากในแดนต้องห้ามอาภรณ์ข้างหลังนายกอง

“โจรชั่ว!!”

ท่ามกลางเสียงคำราม มีมือใหญ่มากกว่าเดิมปรากฏขึ้น อีกทั้งยังมีเส้นเลือดดำปูดโปน ยิ่งดูเหี้ยมเกรียมขึ้นไปอีก ความเร็วก็เร็วขึ้นกว่าเดิม คว้ามาทางนายกอง

ยิ่งไปกว่านั้นใต้มือใหญ่เหล่านี้ ในจุดที่ลึกที่สุดของแดนต้องห้ามอาภรณ์แห่งนี้ จู่ๆ มีดวงตาแดงก่ำคู่หนึ่งลืมขึ้น มาพร้อมด้วยความบ้าคลั่ง ความโกรธโมโหกำลังขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว

เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของดวงตาคู่นั้นกำลังประชิดเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

เห็นเป็นเช่นนี้นายกองลนลานแล้ว ความบ้าคลั่งในดวงตายิ่งมากกว่าเดิม มือขวาที่ยกขึ้นมีดาบยาวปรากฏขึ้น แล้วปาดคอของตัวเองไปดาบหนึ่ง ตัดหัวตัวเองออกมา

จากนั้นร่างที่ไร้ศีรษะก็หมุน ทุ่มสุดกำลังยกเท้าขวาเตะไปที่หัวอย่างรุนแรง ทำเหมือนว่ามันเป็นลูกหนึ่ง เตะไปหาสวี่ชิงทางนั้น

ข้ามผ่านระยะร้อยจั้ง หลังจากสวี่ชิงคว้าเอาไว้ได้ นายกองถึงได้ถอนหายใจโล่งอก ส่วนชิงฉินก็พลันถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว

แทบจะในพริบตาที่สวี่ชิงคว้าหัวนายกองเอาไว้ ห่างออกไปร้อยจั้ง ร่างไร้หัวของนายกองร่างนั้นถูกปากขนาดมหึมาที่จู่ๆ ปรากฏขึ้นมากลืนกินลงไปอย่างโหดเหี้ยม ขณะเดียวกันใบหน้ายักษ์ดวงนั้นก็ปรากฏขึ้นที่นั่นเช่นกัน

ใบหน้ายักษ์ดวงนั้นเหมือนแช่อยู่ในน้ำมานาน เน่าอืด น่าขยะแขยงเหี้ยมเกรียมเป็นอย่างยิ่ง ส่งกลิ่นเหม็นร้ายกาจออกมา ในปากเคี้ยวสุดกำลัง คล้ายว่าเกลียดชังเข้ากระดูกดำ

ประกายแสงสีแดงของดวงตามันแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่ง ตอนนี้จับจ้องมาที่ศีรษะในมือสวี่ชิง คำรามอีกครั้ง พัดหมอกดำท่วมฟ้าไปหาสวี่ชิงอย่างรุนแรงบ้าคลั่ง

ชิงฉินส่งเสียงคำรามสนั่นหวั่นไหว ปีกกระพือสุดกำลัง ปะทุพลังบำเพ็ญทุกด้าน ทำให้ความเร็วเร็วยิ่งกว่าเดิม เพียงพริบตาก็พุ่งออกไปจากแดนต้องห้ามอาภรณ์

ใบหน้ามหึมาดวงนั้นกำลังจะไล่ออกมา ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสองกับเสี่ยเลี่ยนจื่อลงมือโจมตีออกไปพร้อมกัน ยิ่งมีการปะทุพลังสะกดจากมณฑลรับเสด็จราชันสะกดไปเต็มกำลัง

เสียงระเบิดบึ้มดังขึ้น ใบหน้าดวงนั้นคำรามสนั่นฟ้า ท่าที่โฉบลงมาหยุดชะงัก แต่ตอนนี้เห็นหัวของนายกองห่างออกไปไกลยิ่งกว่าเดิม ภายใต้ความบ้าคลั่งก็ดิ้นรนอย่างรุนแรง จะตามไปอีก

แต่ตอนนี้ผ้าคลุมศพมณฑลบังคับจำนนม้วนมาอย่างรวดเร็ว ในเสี้ยวพริบตาที่ดวงหน้าดวงนี้ดิ้นรนจากพันธนาการไล่ตามต่อ ก็คลุมไปเหนือมัน

เสี้ยวพริบตาต่อมา เสียงคำรามอัดอั้นและโกรธเดือดดาลมหาศาล ก็ดังออกมาจากใต้ผ้าคลุมศพต่ำทุ้ม ไม่นานนักใบหน้าดวงนี้ก็นูนขึ้นมาจากผ้าคลุมศพ คล้ายว่าจะฝ่าออกมา

“โจรชั่ว ข้าจะฆ่าเจ้า!”

เสียงคำรามสนั่นท้องฟ้า ฉายความเคียดแค้นสุดกู่ออกมาด้วย

แต่การรวมพลังของสองมณฑล พลังสะกดน่าครั่นคร้าม ภายใต้ระลอกคลื่นมนต์อักขระ ภายใต้การผนึกของผู้บำเพ็ญทุกเผ่าของมณฑลบังคับจำนน ผ้าคลุมศพคลุมไปข้างหน้าต่อไป ใบหน้าที่นูนขึ้นมาสุดท้ายก็ไม่อาจฝ่าออกมาได้ ทำได้เพียงแค่ถูกสะกดกลับไปเท่านั้น

แต่เสียงคำรามยังคงดังออกมาเช่นเดิม

“โจรชั่ว! ไร้ยางอาย! ข้าจะกินเจ้าให้ได้ เคี้ยวเจ้าให้ละเอียด กลืนเจ้าลงไป!”

โยวจิงที่อยู่ไกลๆ ได้ยินเสียงนี้ก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจ เห็นได้ชัดว่านึกถึงความน่าสลดสังเวชของตัวเองในอดีต มีความรู้สึกร่วมด้วย อดก่นด่าสาปแช่งในใจไม่ได้

‘ไอ้โจรชั่ว ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่ ไม่ช้าก็เร็วข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย กลืนเจ้า กินเจ้า!’

และในตอนนี้ สวี่ชิงที่อยู่บนหัวขวาของชิงฉินกลางอากาศ มองภาพนี้และฟังทุกอย่าง ในขณะเดียวกับที่สีหน้าแปลกประหลาด ความหวาดกลัวก็รุนแรงมากเช่นกัน

เขามองใบหน้าที่ถูกผ้าคลุมศพสะกดแต่ก็ยังคงคลุ้มคลั่งดิ้นรนข้างล่าง แล้วหันมามองหัวนายกองที่อยู่ในมือ

ขณะเดียวกัน หัวที่อยู่ตรงกลางและหัวด้านซ้ายของชิงฉินก็จ้องมองมาทางนายกองเช่นกัน และยังมีผู้อาวุโสใหญ่โถงครองกระบี่ทั้งสองคนอีกทั้งผู้บำเพ็ญมากมายของทั้งสองมณฑลต่างทยอยจ้องมองมาทางหัวของนายกอง

ภาพนี้ทำให้นายกองสูดลมหายใจทันที หลังจากที่ตั้งสติได้ก็รีบตะโกนเสียงดัง

“ข้าสร้างคุณงามความชอบแล้ว!

“ข้าสร้างคุณงามความชอบครั้งใหญ่ให้กับโถงครองกระบี่ ข้าสร้างคุณงามความชอบให้กับมณฑลบังคับจำนน!

“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าไอ้เจ้าตัวดีไม่มีสมองในแดนต้องห้ามอาภรณ์สุดท้ายแล้วทำไมถึงไม่ได้ฟื้นตื่นขึ้นมาโดยสมบูรณ์ เพราะข้า ข้ามาพร้อมด้วยการรู้หน้าที่ในฐานะที่ตัวเองเป็นผู้ครองกระบี่ มาพร้อมด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือมณฑลบังคับจำนน มาพร้อมด้วยความรักต่อเผ่ามนุษย์ เสี่ยงตายครั้งใหญ่ มุ่งเข้าไปในจุดลึกแดนต้องห้ามอาภรณ์เพียงลำพัง!

“ในที่สุด ในเสี้ยวพริบตาที่ไอ้ตัวดีไม่มีสมองตื่นขึ้น ข้าก็กัดไปที่หัวใจวิญญาณของมันไปหลายคำได้สำเร็จ ทำให้มันไม่สมบูรณ์!

“นี่ทำให้การฟื้นตื่นของมันเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น!”

นายกองร้อนรนนิดๆ เขารู้ดีว่าการปรากฏตัวและวิธีการของตัวเองครั้งนี้สร้างความเข้าใจผิดได้ง่าย นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงรีบอธิบายในทันที

หากถูกมองว่าตัวเองเป็นตัวต้นเหตุสร้างเคราะห์ภัยของแดนต้องห้ามอาภรณ์ เช่นนั้นก็จะยิ่งยุ่งยากลำบาก

เขาก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าตอนนั้นตัวเองก็แค่เข้าไปเที่ยวเล่นกับสหายตัวน้อย แต่กลับมาเจอกับเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงสะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้ และตอนนี้หลังจากที่เขารอดตายมาได้หวุดหวิด ในฟ้าดินที่มองเห็น รวมมาซึ่งผู้บำเพ็ญสองมณฑลจำนวนหลายล้าน

สายตาแต่ละคู่เหมือนไม่เป็นมิตร เขาที่ไม่รู้เรื่องโลกภายนอกเลย เมื่อเห็นภาพนี้ไม่มีทางที่จะไม่ร้อนรน

เขารู้สึกว่าสถานการณ์แบบนี้เหมือนจะฉวยโอกาสฆ่าตัวเองอย่างไรอย่างนั้น

นึกถึงตรงนี้ นายกองก็ตัวสะเทิ้มเล็กน้อย ยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ในใจยิ่งโศกเศร้า นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาเป็นคนก่อขึ้นจริงๆ นะ!

คำพูดเหล่านั้นของในกองดังขึ้นในหูของคนทั้งหลายที่อยู่รอบๆ พวกเขาสีหน้าแปลกประหลาด ผู้บำเพ็ญมณฑลบังคับจำนนแทบจะไม่เชื่อ ในเมื่อใบหน้าดวงยักษ์ข้างล่าง ก็ยังคงคำรามอย่างกราดเกรี้ยว…

ดังนั้นคนของมณฑลบังคับจำนนส่วนใหญ่ล้วนมองไปทางสวี่ชิงและผู้อาวุโสใหญ่มณฑลรับเสด็จราชัน

ผู้อาวุโสใหญ่มณฑลรับเสด็จราชันคิ้วขมวดเล็กน้อย

เขามีความทรงจำต่อเฉินเอ้อร์หนิวอย่างลึกซึ้ง ตอนนี้ในใจกำลังชั่งน้ำหนักว่าความจริงของคำพูดนี้มีมากเท่าใด จึงมองไปทางเสี่ยเลี่ยนจื่อ

ในเมื่อเฉินเอ้อร์หนิวคนนี้เป็นลูกศิษย์ของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต

เสี่ยเลี่ยนจื่อสีหน้าขึงขัง เอ่ยอย่างเคร่งขรึม

“เฉินเอ้อร์หนิวเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเรา เขาเติบโตมาในเจ็ดเนตรโลหิตตั้งแต่เด็ก เป็นคนซื่อสัตย์จริงใจ สงบเงี่ยมเจียมตัวรู้จักหน้าที่ มีความห้าวหาญ ไม่เคยก่อเรื่อง ไม่เคยพูดโกหก คำพูดของเขา ข้าเชื่อ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด