ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 506-2 ข่าวร้าย!! (2)
บทที่ 506 ข่าวร้าย!! (2)
……….
นอกกระโจม สวี่ชิงเห็นข่งเสียงหลงยืนอยู่ตรงนั้น
ข่งเสียงหลงมองสวี่ชิง หลังจากพยักหน้าแล้ว จากเสียงเรียกที่ดังมาจากในกระโจม ข่งเสียงหลงเดินเข้าไป
เห็นสีหน้าโดดเดี่ยวเศร้าสร้อยของข่งเสียงหลง สวี่ชิงก็ถอนหายใจในใจ แต่ก็จำต้องเก็บจิตใจ เรียกรวมกรมอาลักษณ์ เริ่มทำการถ่ายทอดคำสั่ง
เวลาบนสนามรบก็ผ่านไปแต่ละวันๆ เช่นนี้เอง
สงครามยังคงดำเนินต่อไป อีกทั้งยังดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกับที่จำนวนบาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลทุกวัน จากกองทัพแต่ละกองที่ถูกโยกย้าย ค่ายทหารก็โล่งไปเยอะ
มีเพียงโครงกระดูกที่กองเป็นโครงๆ อยู่ตรงนั้น มากขึ้นเรื่อยๆ
สวี่ชิงเดินอยู่ในค่าย เคลื่อนไปข้างหน้าเงียบๆ จากวันที่เขามาถึงสนามรบแห่งนี้ ผ่านมายี่สิบสามวันแล้ว
ในยี่สิบสามวันนี้ เขาเห็นความตายมามากมายเหลือเกิน เห็นความน่าสังเวชมานับไม่ถ้วน เห็นนรกบนดิน และเสียงระเบิดข้างหู ก็คุ้นชินกับมันไปนานแล้ว
วันนี้เป็นช่วงรอยต่ออีกครั้งของการต่อสู้ทั้งสองฝ่าย เขาวางแผนว่าจะมาที่นี่หาคนบางคนไปร่วมกับกรมอาลักษณ์ของตัวเอง
เพราะกรมอาลักษณ์ยังมีหน้าที่ภารกิจที่จะต้องติดตามไปรบด้วย จนตอนนี้ตายไปหลายร้อยคน
ตอนนี้เหลือสมาชิกไม่เพียงพอแล้ว
นึกถึงตัวเลขการตายในสงครามที่ตนได้เห็นในทุกๆ วัน ฝีเท้าของสวี่ชิงก็หนักอึ้ง ในสมองเขามีเจ้าวังผุดขึ้นมา อีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่าไม่ชอบมาพากลขึ้นเรื่อยๆ
ไม่มีใครที่ไฟชีวิตในดวงตาจะเข้มข้นจนถึงระดับนี้ อีกทั้งรังสีอำมิหิตที่แผ่ออกมายังถูกไฟชีวิตค่อยๆ กลบลงไป
ในดวงตาสวี่ชิงฉายแววเศร้าโศก
ในฐานะผู้บำเพ็ญ ต่อให้ทีแรกเขามองไม่ออก แต่หลังจากที่ผ่านมานานเช่นนี้ เขาย่อมเข้าใจ
เจ้าวังเผาพลังทั้งร่างของตัวเอง เผาไหม้อย่างไม่สนค่าตอบแทนทุกอย่าง และพลังน่าครั่นคร้ามที่แลกมาหลังจากการเผาไหม้ เขาก็ไม่ได้ปลดปล่อยมันออกมา แต่เก็บไว้ในกาย เหมือนว่ากำลังสะสมพลัง
‘กองทัพเสริมเมืองหลวงจักรพรรดิไม่มีทางมาถึงจริงๆ หรือ’ สวี่ชิงพึมพำในใจ คำถามนี้เป็นการเฝ้ารอร่วมกันของเผ่ามนุษย์เขตปกครองผนึกสมุทรทุกคนในสนามรบเช่นกัน
แม้ตอนนี้สวี่ชิงจะเป็นอาลักษณ์ รู้ข่าวข้อมูลที่สนามรบมากมาย แต่สำหรับเรื่องนี้…ก็ไม่รู้อะไรเลยเช่นกัน
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สวี่ชิงก็ถอนหายใจเบาๆ ในใจ ในตอนที่เดินผ่านโครงกระดูกแต่ละโครง จู่ๆ ฝีเท้าของเขาก็หยุดชะงัก พลันหันไปมองบริเวณที่ห่างไปไม่ไกลนัก
ตรงนั้นมีโครงกระดูกสองร่าง ก่อนตายพวกเขากอดกัน บาดแผลบนร่างมากมาย ยิ่งมีไอพลังประหลาดเข้มข้น และตอนนี้แม้จะเสียสละชีวิต ก็ยังคงไม่แยกจากกัน
ต่อให้พวกเขาจะเหลือเพียงกายท่อนบนก็ตาม
สวี่ชิงเดินไปเงียบๆ ยืนอยู่ตรงนั้น มองโครงกระดูกสองโครงนี้อยู่นาน
“ศิษย์พี่เฉิน…”
โครงกระดูกที่กอดกันสองโครงนั้นคือเฉินถิงหาวคู่ฝึกเต๋าทั้งสองคน
ยี่สิบกว่าวันก่อน ในตอนที่สวี่ชิงมาถึงแนวหน้า ยังเห็นพวกเขาอยู่เลย ตอนนั้นเฉินถิงหาวได้รับบาดเจ็บ คู่ฝึกเต๋าของเขากำลังทำแผลให้เขา หลังจากเห็นสวี่ชิงพวกเขายังยิ้มให้สวี่ชิง
แต่ตอนนี้จากกันชั่วนิรันดร์
สวี่ชิงสะบัดมือถอดผ้าคลุมของชุดนักพรตออกมา คลุมไปที่ศพทั้งสอง หลังจากนั้นสิบกว่าอึดใจ เขาก็พึมพำเสียงเบา
“หลับให้สบาย”
สวี่ชิงหลับตา ในยามที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ไปจากที่นี่ เสียงแตรสงครามรอบใหม่ดังจากสนามรบในตอนนี้เอง สงคราม เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
จังหวะและความถี่เห็นได้ชัดว่าเร็วขึ้น
“โคจรของวิเศษเวทต้องห้ามทุกด้าน ปล่อยพลังของวิเศษเวทต้องห้ามของทุกสำนักเจ็ดส่วน!
“ถ่ายทอดคำสั่งหุ่นเชิดสงคราม ใช้ตัวที่พังแล้วเป็นอาวุธใช้ครั้งเดียว โยนไปในสนามรบ!
“บอกผู้ครองกระบี่เตรียมกระบี่จักรพรรดิ!
“ประกาศแจ้งกองทัพทุกกอง เตรียมถอยไปยังแนวป้องกันที่ห้า”
นอกกระโจม เจ้าวังสวมชุดเกราะ ยืนอยู่ตรงนั้นส่งสัญญาณออกคำสั่ง ในช่วงเวลาทำศึก การส่งจิตเทพของเขาทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ไม่จำเป็นต้องให้กรมอาลักษณ์ไปประกาศคำสั่งทีละคำสั่งๆ แล้ว การจัดการทุกอย่าง ล้วนอยู่เพียงชั่วเสี้ยวจิตเทพของเขาเท่านั้น
แต่สิ่งที่เขามองคือภาพรวม ติดที่กำลัง เรื่องรายละเอียดไม่สามารถทำได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง
ตอนนี้ก็ต้องให้สวี่ชิงทำการจัดศิษย์กรมอาลักษณ์ที่เหมาะสมไปพร้อมกัน ไปสนามรบช่วยดูแลสถานการณ์สงคราม รวบรวมข้อมมูลกลับมา สะดวกให้เจ้าวังพิสูจน์ยืนยันและวิเคราะห์สถานการณ์สงคราม
ไม่นานนัก ในสนามรบ การสังหารของทั้งสองฝ่ายก็ปะทุอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ยากลำบากกว่าครั้งก่อน ด้านหนึ่งคือเห็นกับตา อีกด้านหนึ่งคือรวบรวมข้อมูลจากสนามรบเขตต่างๆ ทำให้สวี่ชิงรู้สึกเหมือนตึกใหญ่จะถล่มอย่างหนึ่ง
“เจ้าวัง ระดับความเหนื่อยล้าของผู้บำเพ็ญฝั่งเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ไม่ถูกต้อง! จำนวนของหิมะดำก็ไม่ถูกต้อง เข้มข้นขึ้นกว่าช่วงก่อนๆ ห้าส่วน!
“จากความเสียหาย จากการโคจรอาวุธเวทและกระบวนค่ายกลของพวกเขาต่างไปจากแต่ก่อน…กรมอาลักษณ์วิเคราะห์ว่าเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์มีกองทัพเสริมเข้าร่วมอย่างลับๆ!
แทบจะในเวลาเดียวกับที่สวี่ชิงเอ่ย บนท้องฟ้า ดินแดนเหนือสุด ดินแดนที่ห่างไกล พายุฝนคลั่งหอบม้วนท้องฟ้า เชื่อมต่อกับผืนดิน พัดกวาดมาสนามรบอย่างรวดเร็ว
เพียงพริบตา น้ำฝนในพายุ ขณะที่หอบม้วนในท้องฟ้า ก็ร่วงลงมาบนสนามรบ
น้ำฝนนี้คือฝนเลือด
มันพัดมาจากทางเหนืออันไกลโพ้น
ขณะเดียวกัน กระบี่อาญาสิทธิ์ของสวี่ชิงก็ส่งเสียงวู้มๆ ถี่กระชั้น รายงานสงครามเขตสงครามทางเหนือ ส่งมาที่นี่ในระดับที่เร่งความเร็วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
สวี่ชิงหายใจหอบถี่ หลังจากตรวจอ่านสมองก็มีสายฟ้าฟาดผ่าทันที ด้วยสมาธิของเขาสีหน้ายังเปลี่ยนไปอย่างมากทันที กำกระบี่อาญาสิทธิ์เอาไว้แน่นตามสัญชาตญาณ
นอกกระโจม นอกจากเจ้าวังแล้วยังมีรองเจ้าวังและผู้ดูแลสองคน อีกทั้งผู้อาวุโสใหญ่โถงครองกระบี่กองทัพที่สองและสาม
พวกเขาสังเกตได้ถึงความไม่ชอบมาพากล พลันมองมาทางสวี่ชิงและเจ้าวังทันที
ร่างของเจ้าวังสั่นสะท้านเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าข้อมูลข่าวที่สวี่ชิงได้รับ ผ่านจากอำนาจของวิเศษเวทเขตแดนเมืองหลวงเขตปกครอง เขาก็รับรู้แล้วเช่นกัน
จากที่เหมือนหินกลางมหาสมุทร ในยามที่เขตปกครองผนึกสมุทรอยู่ในช่วงที่อันตรายที่สุด เจ้าวังครองกระบี่ที่เหมือนเสาเทพตรึงมหาสมุทร เผยสีหน้าโศกเศร้าออกมาต่อหน้าผู้คนเป็นครั้งแรก
ท่ามกลางความโศกเศร้า เขาทอดสายตามองไปทางเหนือ
แต่ไม่ว่าจะการสั่นสะท้านหรือความโศกเศร้า ล้วนเป็นเพียงแต่ชั่วเสี้ยวพริบตา เสี้ยวขณะต่อมา อารมณ์อ่อนแอทุกอย่างเหล่านี้ เจ้าวังครองกระบี่ล้วนตัดมันไปทั้งหมด
ร่างของเขายังคงผ่าเผย สันหลังยังคงเหยียดตรง สีหน้าของเขายังคงเคร่งขรึม สายตาของเขายังคงมุ่งมั่น
“ท่านเจ้าวัง…” ผู้อาวุโสใหญ่โถงครองกระบี่กองทัพที่สองและสามลังเลทันที
“สวี่ชิง อ่าน!” เจ้าวังเอ่ยสงบนิ่ง เสียงราบเรียบมั่นคง ต่อให้จนถึงตอนนี้แล้ว เขาก็ยังคงเป็นเสาเทพตรึงสมุทร
สวี่ชิงก้มหน้า สูดลมหายใจลึก
“แนวหน้าทางเหนือส่งรายงานสถานการณ์สงครามมา!”
“ตาข่ายของวิเศษเวทต้องห้ามทางเหนือพังทลาย ไม่สามารถผสานรวมได้อีก กองทัพพันธมิตรทุกเผ่าพ่ายแพ้ บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน
“ราชวงศ์สายลมสวรรค์และราชวงศ์ปฐพีเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์บุกเข้ามาอย่างทรงพลังกล้าแกร่ง รุกรานเข้ามาในมณฑลสงบสุขแล้ว!
“เจ้าวังอาญารบตาย!
“เจ้าวังพิธีการรบตาย!
“ส่วนตระกูลเหยา…ทั้งตระกูลที่อยู่แนวหน้าทางเหนือล้วนรบตาย โหวเหยาเดิมอยู่ที่สนามรบหายสาบสูญ เป็นตายไม่รู้”
คำพูดของสวี่ชิงดังขึ้นในหูของรองเจ้าวังและคนทั้งหลาย เหมือนอัสนีฟาดผ่า ทุกคนลมหายใจหยุดชะงัก มองไปทางเจ้าวังทุกคน
เจ้าวังกลับหัวเราะ
“เรื่องนี้ มาจนถึงตอนนี้ข้ามองเข้าใจแล้ว…ไม่ต้องกลัว พวกเจ้าไม่ต้องกลัว” เจ้าวังเงยหน้ามองไปทางสนามรบ เอ่ยเสียงเบา
“ศึกตัดสินใกล้จะมาถึงแล้ว”
แทบจะในพริบตาเดียวกับที่เจ้าวังพูดออกมา บนสนามรบก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คล้ายว่าได้รับคำสั่งเดียวกัน ต่างส่งเสียงร้องตะโกนยินดีดังก้อง จากนั้นกองทัพยิ่งใหญ่ก็ต่างพากันถอย
ไม่นานนักก็ถอยออกจากสนามรบมาถึงเทือกเขาคลื่นนภา และที่ถอยพร้อมไปด้วยยังมีอาวุธเวททรงสี่เหลี่ยมรูปว่าวบนฟ้าด้วย
การจากไปของพวกมันทำให้เมฆหมอกบนท้องฟ้าเบาบางไปมาก เผยให้เห็นคลื่นวนขนาดมหึมาบนที่สูง
หิมะสีดำเทลงมาจากในนั้น โซ่เหล็กที่ท่อนแขนนับไม่ถ้วนบนพื้นถือเอาไว้ ตอนนี้กระชากอย่างบ้าคลั่ง ลมหายใจที่แฝงไว้ด้วยความตายแผ่ซ่านออกมาจากคลื่นวนบนท้องฟ้า
เพียงแค่เศษเสี้ยวก็ทำให้ท้องฟ้ามีความมืดสลัวอย่างฤดูหนาว มืดมนเป็นที่สุด
พื้นดินก็มีหมอกบางเบาเกิดขึ้น
โซ่ที่แผ่ลามไปในคลื่นวน เกิดน้ำค้างแข็งขึ้นมาอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า กลายเป็นโซ่น้ำแข็ง
จากนั้น เงาร่างยักษ์น่าครั่นคร้ามพรั่นพรึงสองร่าง หลังจากที่เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ถอยไปจากสนามรบ ก็ลุกตระหง่านขึ้นมาจากทางด้านซ้ายขวาของเทือกเขาคลื่นนภา
ด้านซ้ายคือจักรพรรดิหงหลิง
ด้านขวาสวมชุดจักรพรรดิ สวมกวานจักรพรรดิเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นหนึ่งในจักรพรรดิของสี่ราชวงศ์แห่งเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์!
พวกเขายืนอยู่ในฟ้าดิน เงาร่างสูงใหญ่คล้ายว่าสามารถค้ำยันฟ้าดินได้ จ้องมองมายังกระโจมที่เจ้าวังอยู่
“ข่งเลี่ยงซิว เขตรบทางเหนือแตกพ่ายแล้ว กองทัพเผ่าข้าบุกเข้าไปในเขตปกครองผนึกสมุทรแล้ว ส่วนที่นี่สมบัติแดนสงครามฟ้าทมิฬกำลังลงมาเยือน ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
“เจ้ารู้ว่าอะไรคือสมบัติแดนสงคราม ดังนั้น เจ้าจะลองขัดขวางดูก็ได้ พวกเราจะไม่ขัดขวาง แต่ความจริง…เจ้าขวางไม่ได้หรอก”
เสียงกังวานดังก้องฟ้าดิน ผู้ครองกระบี่นอกกระโจมทุกคน สีหน้าต่างฉายแววมุ่งมุ่น ในยามที่จิตสังหารท่วมฟ้า เจ้าวังเงยหน้า มองสองจักรพรรดิที่ยืนอยู่ที่เทือกเขาคลื่นนภา เสียงสงบนิ่ง ดังไปทั่วทั้งสี่ทิศ
“ใช่แล้ว ทุกอย่างจะจบลงแล้ว”
พูดจบ เจ้าวังก็หันกลับไปมองเขตปกครองผนึกสมุทร เอ่ยเสียงแผ่วเบา
“ถ่ายทอดคำสั่ง กองทัพที่สอง กองทัพที่สาม ถอยออกไปจากแนวป้องกันทันที ถอยไปหมื่นลี้ ห้ามออกรบ
“ถ่ายทอดคำสั่ง กองทัพที่เหลือทั้งแปดกองที่ถอยไปในตำแหน่งที่กำหนด รักษาคุ้มกันอยู่กับที่ ห้ามออกรบ
“ถ่ายทอดคำสั่ง ผู้ครองกระบี่ทุกคนที่นี่…ถอยไปห้าพันลี้ ห้ามออกรบ!”
คำพูดของเจ้าวังเมื่อดังออกมา ผู้คนรอบๆ ต่างหน้าเปลี่ยนสี สวี่ชิงพลันเงยหน้ามองเจ้าวัง
รองเจ้าวังครองกระบี่ก้าวขึ้นมาก้าวหนึ่ง บนใบหน้าที่ลึกล้ำผ่านกาลเวลาปรากฏร่องรอยตะวันลับฟ้า เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“ทั้งหมดห้ามไม่ให้ออกรบ เหลือเพียงท่านคนเดียวอย่างนั้นหรือ…เจ้าวัง ข้าแก่แล้ว ข้าจะตามท่านไปด้วย
“เจ้าวัง ซือหม่าหนานพลังบำเพ็ญไม่พอ แต่เลือดของข้าก็ยังพอร้อนอยู่ จะเสียเปล่าไม่ได้ ข้าเห็นว่าแดนล้ำค่านั่นแผ่ไอความเย็นออกมาดียิ่งนัก อยากจะไปตากลมเย็นสักหน่อย” ผู้ดูแลซือหม่าในดวงตาฉายความตาย แต่ใบหน้ากลับแฝงด้วยรอยยิ้ม ก้าวขึ้นไปเช่นกัน
“ในสี่ผู้ดูแล เหล่าโจวกับเหล่าซ่งต่างจากไปแล้ว เหลือข้ากับซือหม่า ท่านเจ้าวัง ท่านจะลำเอียงเข้าข้างซือหม่าไม่ได้ ข้าก็จะไปด้วยเหมือนกัน”
ในตอนที่สวี่ชิงเดินทางไปวังครองกระบี่ครั้งแรก ผู้ดูแลซุนที่ดูแลดำเนินพิธีสาบานตนผู้ครองกระบี่ของรุ่นเขารุ่นนี้ ตอนนี้ก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง
คนอื่นๆ ต่างทยอยกันพูด ตอนนี้พลังเย็นเยียบในคลื่นวนบนท้องฟ้ายิ่งรุนแรงขึ้น
ท้องฟ้าถูกย้อมกลายเป็นสีดำ จากการหมุนของคลื่นวน ความเย็นที่ชวนให้จิตใจสั่นสะท้านเป็นระลอกๆ หมุนวนแผ่มา ปกคลุมฟ้าดิน ครอบคลุมทุกอย่าง
ระหว่างนั้นเหมือนว่าทุกที่ที่ผ่าน เมฆหมอกกลายเป็นน้ำแข็ง พื้นดินเกิดควันลอยขึ้น แล้วถูกแช่แข็งกลางอากาศ แปรเปลี่ยนเป็นเสาที่ไม่เป็นระเบียบแต่ละต้นๆ น่าครั่นคร้ามพรั่นพรึงยิ่งนัก!
มองทุกอย่างนี้ เจ้าวังเอ่ยเสียงราบเรียบ
“ข้ายังเป็นเจ้าวังอยู่หรือไม่”
คนทั้งหลายเงียบนิ่ง
“วังครองกระบี่ไม่ต้องการให้มีแล้วหรือ
“ผู้ที่ออกรบเผ่ามนุษย์เหล่านั้นตายอย่างเสียเปล่าหรือ
“พวกเจ้าทำตามคำสั่งเดี๋ยวนี้!”
เจ้าวังเอ่ยเสียงเย็นเยียบ เดินออกไปที่สนามรบ มือขวายกขึ้นสะบัด ลมพายุทรงพลังหอบท่วมฟ้า พัดกวาดที่นี่ ทำให้ผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วนในแนวป้องกันต่างร่ายกายสะท้านเฮือก ถูกผลักจนจำต้องถอยหลัง จวบจนถอยไปหมื่นจั้ง
ฟ้าดินมืดหม่น ทั้งแนวป้องกันทั้งสี่ เหลือเพียงเงาร่างโดดเดี่ยวที่ไม่เคยถอดชุดเกราะออกเลยร่างหนึ่ง
ฝุ่นทรายหอบม้วนอยู่ในสายลม น้ำค้างแข็งพวยพุ่งจากพื้น
ทุกอย่างคลุมเครือ
มีเพียงเงาร่างนั้น ยิ่งเดินยิ่งจากไปไกล รัศมีอำนาจยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งกว่านั้นในขณะที่สะบัดมือ ระฆังเต๋าบนท้องฟ้าส่งเสียงวู้ม หลุดออกจากการรายล้อมของหมู่โลงศพ ทะยานออกไปเพียงลำพัง พุ่งตรงไปยังคลื่นวน ทำการสะกดมัน
จากนั้น เสียงแหบแห้งของเจ้าวังก็ดังไปทั่วสารทิศ
“หงหลิง เยวี่ยอู้ เจ้าทั้งสองกล้ามาสู้กับข้าหรือไม่!”
Comments