ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 511 ม้วนอักษรลับทั้งสิบเก้าม้วน

Now you are reading ผู้กล้าเหนือกาลเวลา Chapter บทที่ 511 ม้วนอักษรลับทั้งสิบเก้าม้วน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 511 ม้วนอักษรลับทั้งสิบเก้าม้วน

บนลานพิธีไว้อาลัยระดับเขตปกครอง สวี่ชิงหันไปมองเหยาอวิ๋นฮุ่ยและจางซืออวิ้นที่ถูกนำตัวไป

เขานึกถึงตอนที่อยู่เขาประกายอรุณเรื่องที่เผ่าควันขจรพูดว่าเหยาโหวส่งคนมาขัดขวาง

คิดเชื่อมโยงถึงการกระทำในอดีตของโหวเหยา และเรื่องที่หายตัวไปที่สนามรบ

ทุกอย่างดูจากแนวโน้มภายนอกแล้วเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ปัญหาในตัวโหวเหยามีสูงมาก

กระทั่งว่าในตอนที่เจ้าวังยังมีชีวิตอยู่ก็สงสัยในตัวโหวเหยา

แต่สวี่ชิงไม่เข้าใจ คนประเภทนี้ทำไมถึงส่งคนทั้งตระกูลนอกจากผู้หญิง เด็กเล็กไปสนามรบ อีกทั้งยังรบตายทั้งหมด

ส่วนผู้หญิงและเด็กเล็กทำไมถึงยังอยู่ รอคอยการกวาดล้าง

อีกทั้งในตอนที่กองทัพพันธมิตรร้อยเผ่าอยู่ที่สนามรบเพิ่งเริ่ม เหตุที่มุ่งหน้าไปเขตสงครามทางเหนือ ก็เป็นโหวเหยาเป็นผู้ไปจัดการด้วยตัวเอง ถึงได้ทำให้ทุกอย่างราบรื่น

ทุกอย่างเมื่อรวมด้วยกันแล้วก็ทำให้ดูไม่สมเหตุผล

แต่สวี่ชิงรู้ คนที่เข้าใจว่าเรื่องพวกนี้ไม่สมเหตุผลไม่ใช่เขาเพียงแค่คนเดียวอย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้…ไม่มีใครพูดอะไรได้

ด้านหนึ่งคือโหวเหยาไม่ได้ใจผู้คน อีกด้านหนึ่งคือไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้หักหลังเผ่ามนุษย์

สวี่ชิงเงียบนิ่ง

สงครามของเขตปกครองผนึกสมุทร ตอนนี้ในความรู้ความเข้าใจของเขาไม่ใช่การฆ่าล้างสังหารของสองฝ่ายง่ายๆ แล้ว

ความจริงเจ้าวังรบตาย ในพริบตาที่องค์ชายเจ็ดมา สวี่ชิงก็ได้กลิ่นชั้นที่ลึกลงไปอีกที่แฝงในนั้น

‘องค์ชายเจ็ดผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย เล่นกับจิตใจคน!’

ข้างกายสวี่ชิงมีเสียงเล็กเหมือนยุงของนายกองดังมา

“เดี๋ยวก็เป้าหมายโจมตีศัตรูร่วมกัน เดี๋ยวก็แนวโน้มสถานการณ์ เดี๋ยวก็ทำตามความต้องการของประชาชน!” นายกองหรี่ตา เอ่ยเสียงเบา

“ตอนนี้ทั้งเขตปกครองผนึกสมุทรแทบจะเป็นแคว้นบรรณาการของเขาแล้ว เขาไม่ใช่แค่ฐานะสูงส่ง ยิ่งมีคุณงามความชอบครั้งใหญ่ช่วยเหลือเขตปกครองผนึกสมุทร ได้รับความเคารพรักจากคนนับไม่ถ้วน และในความจริงแล้ว หากวันนั้นที่สนามรบด้านตะวันตกเขามาเร็วอีกนิด บางทีเจ้าวังอาจไม่ต้องรบตาย

“แต่หากเจ้าวังไม่รบตาย แสงขององค์ชายผู้นี้ก็ไม่เจิดจ้าแบบนี้ จะถูกเจ้าวังแบ่งเอาไปบ้างเล็กน้อย

“แต่เขามาช้า แสงในตอนนี้ก็เป็นของเขาคนเดียว

“พยายามแก้ไขสถานการณ์วิกฤต ชื่อเสียงเลื่องลือ ศึกเดียวประกาศให้ใต้หล้านี้ได้รับรู้

“เรื่องที่ข้าพูดพวกนี้ ข้ารู้ในใจเจ้าสงสัยตั้งนานแล้ว ศิษย์น้องเล็ก แม้เจ้าจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับข่งเสียงหลง แต่ทุกอย่างอย่าได้บุ่มบ่ามวู่วาม คนคนนี้หาเรื่องล่วงเกินได้ยาก

“เจ้าไม่เห็นรองเจ้าวังกับปลัดเขตปกครองพวกนั้นเลือกที่จะเงียบนิ่งหรอกหรือ ข่งเสียงหลงก็เงียบนิ่งเหมือนกันไม่ใช่หรือ คนที่เข้าใจมีมากมาย ไม่ใช่แค่พวกเราเท่านั้น!

“ตัวละครเล็กๆ อย่างพวกเรา ปกป้องญาติสนิทมิตรสหายเอาไว้ให้ดีก็เพียงพอแล้ว เรื่องราวมากมาย…พวกเราตอนนี้สนใจไม่ได้”

นายกองตบไหล่สวี่ชิง

สวี่ชิงมองท้องฟ้า ทุกอย่างเขาย่อมรู้ตั้งนานแล้ว อีกทั้งยังฝังอยู่ในใจมาเนิ่นนาน

“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าเข้าใจ

“เจ้าวังไม่ตาย ของวิเศษเวทต้องห้ามไม่พังทลาย เขาจะไม่มา บางทีนี่ก็เป็นเหตุผลว่าเจ้าวังถึงขอความตายและทำการสั่งการจัดการกองทัพเหล่านั้นตอนมีชีวิต”

สวี่ชิงหลับตา นึกย้อนถึงทุกประโยค ทุกคำสั่ง ตอนเจ้าวังยังมีชีวิต เอ่ยตอบเสียงเบา

ฝนบนท้องฟ้าตกลงมาทั้งวัน

แต่พิธีไว้อาลัยระดับเขตปกครองกลับไม่อาจดำเนินไปได้นานเช่นนั้น จัดเพียงแค่ชั่วยามเดียวเท่านั้น

จากการจากไปขององค์ชายเจ็ด ทุกอย่างจบสิ้น

คนทั้งหลายแยกย้ายกันไปด้วยความเหงาเศร้า นายกองกังวลสวี่ชิงทางนี้ กำชับอีกหลายครั้ง ตอนนี้เขาแลกประกาศิตผนึกบรรพกาลวิถี เตรียมหาสถานที่ปลดผนึก

แต่ขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลา

“ศิษย์น้องเล็ก ข้าต้องปิดด่านประมาณครึ่งเดือน เจ้าต้องจำไว้ว่าห้ามบุ่มบ่าม รอข้าออกจากด่าน พวกเราค่อยดูสถานการณ์ หากไม่ไหวก็ลาออกจากผู้ครองกระบี่”

นายกองสั่งสอนชี้แนะออกมาจากใจจริง สวี่ชิงได้ยินก็พยักหน้า

มั่นใจว่าสวี่ชิงไม่ได้แกล้งตบตาตน นายกองถึงได้จากไปอย่างเร่งร้อน

สวี่ชิงไม่ได้ตบตานายกองจริงๆ เขารู้ ตัวเองเล็กจ้อยไร้กำลัง และเข้าใจว่าไม่ว่าจะเป็นฐานะ พลังบำเพ็ญ ทุกสิ่งทุกอย่าง ตนล้วนไม่เพียงพอที่จะสร้างประโยชน์ที่สำคัญให้กับสงครามที่ซับซ้อนวุ่นวายเช่นนี้ได้เลย

แต่ในใจของเขามักจะมีภาพฉากต่างๆ ในตอนที่เจ้าวังยังมีชีวิตอยู่ผุดขึ้นมา

นานหลังจากนั้น สวี่ชิงก็ถอนหายใจเบาๆ ในยามพลบค่ำของวันนี้กลับมาที่หอกระบี่

มองรอบๆ สวี่ชิงพึมพำ

“คิดถึงสำนักเจ็ดเนตรโลหิตแล้ว”

สวี่ชิงหลับตา นั่งสมาธิเงียบๆ

ข้างนอกเวลาพลบค่ำหมุนผ่าน จันทร์กระจ่างลอยสูง ราตรีมาเยือน ในยามสาม[1]…นอกหอกระบี่ของเขามีเสียงขมขื่นดังมา

“สวี่ชิง อยู่หรือไม่”

สวี่ชิงลืมตา นั่นเป็นเสียงของข่งเสียงหลง เขาลุกขึ้นผลักประตูหอกระบี่ มองเห็นภายใต้แสงจันทร์ ข่งเสียงหลงที่เมามาย

ในแสงจันทร์ ใบหน้าของข่งเสียงหลงฉาบรอยยิ้มที่ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าร้องไห้ออกมา

“เยี่ยหลิงตายแล้ว หวังเฉินตายแล้ว ซานเหอจื่อบาดเจ็บสาหัสรักษาตัวอยู่ที่สำนักของเขา ข้า…ข้าไม่มีคนที่จะดื่มเหล้าด้วยแล้ว

“สวี่ชิง วันนี้ดื่มกับข้าอีกครั้งได้หรือไม่”

สวี่ชิงไม่พูดอะไร ถอยหลังไปสามสี่ก้าว

ข่งเสียงหลงแยกเขี้ยวยิ้ม เดินโซเซเข้ามา หลังจากนั่งลงก็โยนกาเหล้าให้สวี่ชิง ตัวเองถือกาเหล้าอีกกา ดื่มลงไปอึกใหญ่

“สวี่ชิงเจ้าลองเดาว่าเมื่อบ่ายข้าเจอใครมา” ข่งเสียงหลงฝืนฉีกยิ้ม มองไปทางสวี่ชิง

สวี่ชิงรับกาเหล้า ดื่มลงไปอึกหนึ่ง ส่ายหน้า

“รองเจ้าวังพาข้าไป องค์ชายผู้นี้น่ะนะ รู้ว่าเจ้าวังเป็นตาแก่บ้านข้า ดังนั้นก็เลยสรรเสริญชมเชยตบรางวัลให้ข้านิดๆ หน่อยๆ สุดท้ายยังมอบหน้าที่ให้ข้าด้วย”

“ให้ข้าตั้งกรมราชทัณฑ์ขึ้นมาใหม่ ข้าเสนอเจ้า เขาก็อนุญาตให้ข้าจัดการเองได้เลย ฮ่าๆ ข้าซาบซึ้งบุญคุณเสียเหลือเกิน”

ข่งเสียงหลงเอ่ยเสียงดัง พูดจบตัวเองก็หัวเราะขึ้นมา แต่รอยยิ้มไม่ใช่แค่ย่ำแย่ เสียงหัวเราะก็แฝงไว้ด้วยอารมณ์เข้มข้น สุดท้ายก็ส่งเสียงขากออกมา แล้วถ่มเสมหะเหนียวไปข้างๆ

“ไปหามารดามันสิ

“นักโทษชุดแรกที่คุมขังก็คือคนตระกูลเหยา

“นี่คือจะให้ข้าฆ่าคนตระกูลเหยาอย่างนั้นหรือ คิดว่าข้าโง่จริงๆ หรือไง หรือในช่วงเวลาสำคัญสุดท้าย เงาที่ปรากฏต่อหน้าตาแก่จะเป็นโหวเหยาอย่างนั้นหรือ”

ข่งเสียงหลงหัวเราะขึ้นมา ในดวงตาฉายประกายเย็นยะเยือก ดื่มลงไปอึกใหญ่อีกครั้ง

“ส่วนคนตระกูลเหยาพวกนั้น ตอนกลางวันข้าไปดู ล้วนเป็นผู้หญิงกับเด็ก อีกทั้งจางซืออวิ้นก็ไม่อยู่ในนั้น ได้ยินว่าผู้ดูแลซือหนานเขียนฎีกาประกันตัวไป

“แต่ว่า ข้ารู้สึกว่าโง่สักหน่อยก็ดี หากฆ่าแล้ว บางทีอาจจะได้โอกาสสัมผัสกับองค์ชายผู้นี้ เข้าใจความจริงของสงครามครั้งนี้”

เขาก้มหน้า เสียงเปลี่ยนจากระเบิดอารมณ์คลุ้มคลั่งก่อนหน้านี้มาเย็นเยียบ ในดวงตาเขามีประกายวาววับฉายวูบ

“สวี่ชิง เจ้าคิดว่าอย่างไร”

สวี่ชิงมองข่งเสียงหลงผาดหนึ่ง หลังจากสงคราม คนข้างกายของอีกฝ่ายล้วนตายจาก จวบจนเจ้าวังแตกดับ นิสัยของข่งเสียงหลงเปลี่ยนไปเพราะเหตุนี้เล็กน้อย

และน้ำเสียงนี้ในตอนนี้ ด้วยความเข้าใจในข่งเสียงหลงของสวี่ชิง เขาฟังออกว่าอีกฝ่ายเกิดจิตสังหารขึ้นมาแล้วจริงๆ

เพื่อเข้าใจในความจริง เพื่อเข้าใกล้องค์ชายเจ็ด ข่งเสียงหลงสามารถทำเรื่องที่ผิดกับหลักเจตจำนงของตัวเองได้

สวี่ชิงเงียบนิ่ง จากนั้นครู่หนึ่งจึงเอ่ยเสียงเบาออกมา

“หากพวกเราสามารถเลือกได้ ข้าแนะนำว่าอย่าฆ่า”

ข่งเสียงหลงเงยหน้ามองสวี่ชิง

“ทำไม”

สวี่ชิงไม่ได้ตอบ แต่มองดวงตาข่งเสียงหลง

ภายใต้การจับจ้องของเขา จิตเย็นเยือกในดวงตาข่งเสียงหลงค่อยๆ หายไป สุดท้ายทั้งคนก็เปลี่ยนมาสลดหดหู่ ดื่มเหล้าจากกาเหล้าในมืออึกแล้วอึกเล่า

สวี่ชิงคอยอยู่เคียงข้าง ทั้งสองเหมือนเมื่อวานนี้ ดื่มเหล้าเงียบๆ

นานหลังจากนั้น ข่งเสียงหลงวางกาเหล้า เอนกายลง มองหลังคาหอกระบี่ พึมพำเสียงต่ำ

“คิดถึงเมื่อก่อนเหลือเกิน สวี่ชิงเจ้ายังจำได้หรือไม่ เวลานี้เมื่อปีที่แล้ว พวกเราสี่ห้าคนออกไปที่หนึ่งด้วยกัน…”

สวี่ชิงพยักหน้า เบื้องหน้ามีภาพจำผุดขึ้นมา ตอนนั้นพวกเขาสองคนกับเยี่ยหลิง หวังเฉิน แล้วก็ยังมีซานเหอจื่อออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอกด้วยกัน ไปช่วยสายลับของผู้ครองกระบี่ที่อยู่ในเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ ได้กล่องปรารถนาเปล่ามาใบหนึ่ง

ภายหลังพวกเขาฆ่าองครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่ชายแดน ล้างแค้นให้กับเด็กหนุ่มคนนั้น วิ่งทะยานบ้าคลั่งไปด้วยกัน สุดท้ายที่ที่ราบแห่งหนึ่ง ทุกคนต่างเหนื่อยกันจนสุดขีด นอนอยู่บนพื้นด้วยกัน

ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ลึกซึ้งขึ้นอีกมากจากเหตุการณ์นี้

“น่าเสียดาย…” ข่งเสียงหลงส่ายหน้า ถือกาเหล้าขึ้นมาอีกครั้ง แต่ข้างในว่างเปล่า เหมือนกล่องปรารถนาใบนั้นในตอนนั้น

สวี่ชิงยื่นกาเหล้าของตัวเองไปให้ ข่งเสียงหลงนั่งรับเอาไว้

“ใช่แล้ว คนขององค์ชายเจ็ดเอากล่องปรารถนาเปล่าที่เราได้จากภารกิจไปแล้ว บอกว่านี่เป็นหลักฐานแผนการลับของโหวเหยา”

สวี่ชิงได้ยินก็เงยหน้า นึกถึงกล่องปรารถนาเปล่าใบนั้นในตอนนั้นขึ้นมา

“ในนั้นแต่เดิมมีอะไร ในวังภายหลังได้คำตอบหรือไม่”

“ได้ แต่ว่าเป็นความลับสูงสุด เนื่องจากข้าเป็นคนรับผิดชอบภารกิจถึงได้มีสิทธิ์รู้ อีกทั้งรายงานการตรวจสอบตอนนี้ก็ยังไม่ไขความลับ…ช่างเถอะ ก็ไม่มีอะไรจะปิดเจ้า”

ข่งเสียงหลงดื่มเหล้า

“จากข้อมูลที่หลงเหลือ ในนั้นถูกตรวจสอบออกมาว่าเคยมีลูกกลอนโบราณเม็ดหนึ่ง ชื่อว่าลูกกลอนชะตาชีวิต”

ข่งเสียงหลงอึ้ง

“เจ้าเป็นอะไรไป”

“ลูกกลอนประกายเคราะห์ชะตาชีวิตใช่หรือไม่”

“ใช่ ลูกกลอนนี้แหละ” เห็นสวี่ชิงมีท่าทางเช่นนี้ ข่งเสียงหลงก็เคร่งขรึมขึ้นมา สร่างเมาไปกว่าครึ่ง

“สวี่ชิง มันเรื่องอะไรกัน”

สวี่ชิงไม่ได้พูดอะไร นึกย้อนถึงแผ่นหยกตรวจสอบที่เจ้าวังมอบให้ หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ถามขึ้น

“พี่ข่ง ท่านบอกว่ารายงานที่ท่านบอกว่ายังไม่ได้ไขความลับในม้วนอักษรลับทั้งสิบเก้าม้วนใช่หรือไม่”

ความเมามายของข่งเสียงหลง เมื่อได้ยินถึงลำดับม้วนเอกสารที่ชัดเจนจากสวี่ชิงก็สร่างเมาโดยสมบูรณ์ ในดวงตาของเขาฉายประกายวาววับ มองสวี่ชิง

“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!”

สวี่ชิงยื่นแผ่นหยกตรวจสอบที่เจ้าวังมอบให้ในตอนนั้นให้กับข่งเสียงหลง

และม้วนเอกสารลับฉบับนั้น หลังจากที่เขากลับจากเขาประกายอรุณมายังเขตปกครองหลวง เนื่องจากร้อนใจว่าสนามรบขาดทรัพยากรและกำลังทหาร ยุ่งแต่กับการจัดการ จึงลืมเลือนไป

อย่างไรเสีย เรื่องม้วนเอกสารลับเจ้าวังรู้ตั้งนานแล้ว และภารกิจของเขาก็แค่ยืนยันเรื่องแสงประกายอรุณ ส่วนจะสืบอย่างไร เจ้าวังย่อมมีแผนจัดการ

แต่ตอนนี่ไม่เหมือนกันแล้ว

ข่งเสียงหลงกำแผ่นหยกเอาไว้ อ่านอย่างรวดเร็ว ร่างกายค่อยๆ สั่นสะท้าน ลมหายใจหอบถี่ สุดท้ายก็กำแผ่นหยกเอาไว้แน่น มองสวี่ชิง

สวี่ชิงเอ่ยเสียงเบา

“แสงประกายอรุณ ข้าสืบได้ว่า มีทางหนึ่งไม่ได้บันทึกไว้จริงๆ”

ในดวงตาข่งเสียงหลงเต็มไปด้วยเส้นเลือด ส่งเสียงร้อนรนออกมา

“ในช่วงเวลาสำคัญชุดท้าย เงาที่ปรากฏต่อหน้าตาแก่!

“เป็นมันที่ฆ่าเจ้าเขตปกครองใช้ลูกกลอนนี้หรือ มิน่าเล่าความตายของเจ้าเขตปกครองตอนนั้นถึงไม่มีร่องรอยต่อสู้ใดๆ แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก!”

สวี่ชิงพยักหน้า

“แต่เรื่องที่ข้าไม่เข้าใจคือ ต่อให้ลูกกลอนนี้มีพลังน่าครั่นคร้ามจริงๆ เช่นนั้นอีกฝ่ายลงมือวางยาอย่างไร ข้าเชี่ยวชาญการใช้พิษ รู้ว่าการลงมือวางยามีมากมายหลายวิธี แต่พลังบำเพ็ญของเจ้าเขตปกครองสูงส่ง คิดจะวางยาโดยที่เขาไม่รู้ตัว เรื่องนี้ยากมาก!

“โดยเฉพาะเจ้าเขตปกครองทั้งชีวิตผ่านการลอบสังหารหลายต่อหลายครั้ง เขาย่อมระมัดระวัง ต่อให้เป็นคนที่เชื่อใจก็ไม่มีทางไม่ป้องกันใดๆ อีกทั้งความตายของเขายังกะทันหันมาก หมายถึงว่าคนที่วางยา วิธีการใช้พิษแอบซ่อนเอาไว้ลึกมาก!

“ปกปิดทุกอย่าง”

สวี่ชิงพูดจบก็ตกอยู่ในความเงียบงัน

ข่งเสียงหลงก็เงียบนิ่งไปเช่นกัน

นานหลังจากนั้น ข่งเสียงหลงลุกขึ้น ประสานหมัดโค้งคารวะสวี่ชิงสุดตัว

“สวี่ชิงเรื่องนี้เจ้าไม่ต้องตรวจสอบแล้ว อันตรายเกินไป ข้าจัดการเอง!”

สวี่ชิงไม่พูดอะไร

มองสีหน้าท่าทางของสวี่ชิง ข่งเสียงหลงจะพูดอะไรแต่ก็หยุดเอาไว้ สุดท้ายก็ถอนหายใจเสียงเบาออกมา เขารู้ว่านิสัยของสวี่ชิง เรื่องนี้อีกฝ่ายใช้ความเงียบนิ่งมาปฏิเสธ

“พวกเราลงมือด้วยกัน!” ข่งเสียงหลงสูดลมหายใจลึก เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม

สวี่ชิงพยักหน้า

ตอนนี้ใกล้สว่างแล้ว สุราหมดไปแล้ว และผ่านจากเรื่องก่อนหน้านี้ ข่งเสียงหลงไม่มีความคิดจะดื่มสุราต่อ เขาลุกขึ้นเตรียมจากไป

ก่อนไปมองเห็นบริเวณที่ตนถ่มเสมหะออกไป เขาเกาหัวแกรกๆ เดินไปใช้แขนเสื้อเช็ดให้แห้ง กำลังจะจากไป

“พี่ข่ง นี่ข้าให้ท่าน ท่านแบ่งให้ซานเหอจื่อด้วยจำนวนหนึ่ง ส่วนของเยี่ยหลิงกับหวังเฉิน…ท่านจัดการด้วยก็แล้วกัน” สวี่ชิงเอาถุงเก็บของใบหนึ่งออกมาให้ข่งเสียงหลง

“นี่คืออะไร” ข่งเสียงหลงอึ้งตะลึง

“ผลมรรคา” สวี่ชิงเอ่ยเสียงเบา

[1] ช่วงเวลาตั้งแต่ 21.00-01.00 น.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด