ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 521-2 มือที่สรรค์สร้างสรรพสิ่ง (2)

Now you are reading ผู้กล้าเหนือกาลเวลา Chapter บทที่ 521-2 มือที่สรรค์สร้างสรรพสิ่ง (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 521-2 มือที่สรรค์สร้างสรรพสิ่ง (2)

ในนั้นแผ่แสงขมุกขมัวออกมา ทำให้หนอนหน้าคนสามสิบกว่าตัวนี้โครงสร้างร่างกายเปลี่ยนไป ปรากฏแสงผลึกวารีแวววาว ขณะที่เปล่งแสงเจิดจ้า แม้จะแหลกเละไปแล้วกว่าครึ่ง แต่สุดท้ายก็มีอยู่สี่ตัวที่ลอดเข้าไปสำเร็จ

หลังจากร่วงลงไปในตำหนักใหญ่ พวกมันก็เห็นทั้งหมดที่นี่

ทั่วทั้งตำหนักใหญ่มีของสิ่งหนึ่งวางอยู่ตรงกลางเพียงสิ่งเดียว

รอบด้านว่างเปล่า

ของสิ่งนี้ เป็นท่อนแขนที่ถูกตัดข้างหนึ่ง

ขนาดนับร้อยจั้ง

ตำแหน่งที่ถูกตัดเหมือนมีเลือดเนื้องอกเพิ่มขึ้น ทับถมกันจนเป็นเนื้องอกก้อนมหึมา รอบๆ เต็มไปด้วยรยางค์นับไม่ถ้วนกำลังโบกไหว

อยู่ในสภาพแบมือ เห็นว่ากลางฝ่ามือมีปากขนาดใหญ่บิดเบี้ยว และเห็นหนามคมนับไม่ถ้วนตัดสลับกันเลาๆ

“นี่มันของเล่นอันใด!”

ในตำหนักใหญ่ เสียงอุทานของนายกองที่ดังออกมาจากปากหนอนผลึกวารีสี่ตัวนั่น จากนั้นหนอนผลึกวารีสี่ตัวก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นมนุษย์ผลึกวารีตัวเล็กคนหนึ่ง

เป็นร่างของนายกองนั่นเอง

แต่ใบหน้าไม่ใช่นายกอง แต่เป็นหน้ากากหนังมนุษย์ที่เผยความเหี้ยมเกรียมและละโมบเพิ่มขึ้นมา

เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย อ้าปากกว้างฉับพลัน สำแดงวิชาเซียนสุนัขสวรรค์

พริบตาต่อมา สุนัขขนาดยักษ์ตัวหนึ่งก็จำแลงออกมาในตำหนักใหญ่ มาพร้อมกับความละโมบไร้ที่สิ้นสุด เขมือบแขนที่ขาดเข้าไปทั้งท่อนฉับพลัน

จากนั้นมนุษย์ผลึกวารีตัวเล็กก็แยกร่างอีกครั้ง กลายเป็นหนอนสี่ตัวพุ่งทะยานขึ้นไปที่รูระบายอากาศขนาดเล็กด้านบน มุดออกไปด้านนอกอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับผ่านไปสามสิบอึดใจแล้ว

รูปปั้นทั้งสี่หาสวี่ชิงไม่เจอก็กลับมาแล้ว

ด้วยแรงกดดันที่แผ่มา ผนึกต้องห้ามของตำหนักวังสีดำนี้ก็เหมือนจะได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

นายกองมุดออกมายากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ติดอยู่ในรูขนาดเล็กในผนึกต้องห้าม จะมุดไปข้างหน้าก็ไม่ได้จะถอยก็ไม่ได้ เมื่อพลังทำลายล้างเข้าปกคลุมจากการระเบิดของผนึกต้องห้าม เขาก็ร้อนรนทันที

แต่จู่ๆ ก็มีคลื่นพลังสูดรับไอพลังประหลาดอีกครั้งมาจากไกลๆ รูปปั้นทั้งสี่นั้นพลันสั่นคลอน หมุนกลับไปอย่างรวดเร็ว เสียงครืนครันกึกก้อง นายกองถือโอกาสนี้พุ่งออกไปทันที

ในที่สุดหนอนผลึกวารีทั้งสี่ก็มุดออกมาได้ ผสานร่างกลับเป็นคนตัวเล็ก ทะยานหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

หลังผ่านไปหนึ่งก้านธูป ที่แห่งนี้ก็กลับสู่สภาวะปกติ รูปปั้นทั้งสี่กลับมายืนนิ่งอีกครั้งไกลๆ ไม่ขยับเขยื้อน

ส่วนสถานที่ที่สวี่ชิงกับนายกองนัดกันไว้ สวี่ชิงหมอบอยู่ที่นั่นด้วยร่างสะบักสะบอม กระอักเลือดออกมา รู้สึกหวาดผวา

ก่อนหน้านี้เขาเห็นว่านายกองยังไม่กลับมา รู้ว่าเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น จึงกัดฟันล่อพวกรูปปั้นอีกครั้ง แม้จะซ่อนเร้นได้ทันท่วงที แต่การล่อรูปปั้นติดต่อกัน ทำให้มันคุ้มคลั่ง กวาดโจมตีไปทั่ว

แม้สวี่ชิงจะหลบ แต่ก็ยังโดนลูกหลง

เวลานี้ตอนที่ยังหวาดผวา สวี่ชิงพลันหันหน้าไปเห็นมนุษย์ผลึกวารีตัวเล็กคนหนึ่งมาถึงอย่างรวดเร็ว สังเกตเห็นว่าเป็นใบหน้าของนายกอง

และไม่รอให้สวี่ชิงได้ถามไถ่ นายกองร่างไหววูบ ขยายร่างอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็กลายเป็นคนปกติ แต่ใบหน้าขาวซีด อ่อนระโหยโรยแรง นอนแผ่อยู่บนพื้น หอบหายใจแฮ่กๆ แต่ดวงตากลับฉายแววตื่นเต้น

“ดีที่ข้ามีประกาศิตผนึกอยู่ ไม่เช่นนั้นครั้งนี้คงจบเห่แน่ แต่…ก็คุ้มแล้ว!”

เห็นว่านายกองไม่เป็นไร สวี่ชิงก็ถอนหายใจโล่ง

“ในนั้นมีอะไรหรือขอรับ”

“ข้าก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ข้าสัมผัสได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า” นายกองหอบหายใจ หยิบหน้ากากหนังมนุษย์ออกมาด้วยสีหน้าภาคภูมิ หลังจากสวมอีกครั้งก็จำแลงสุนัขสวรรค์ละโมบโลภมาก สำรอกออกมา

ขณะที่ลูกกระเดือกของสุนัขสวรรค์เคลื่อนไหวไม่หยุด น้ำลายปริมาณมหาศาลไหลย้อย สำรอกแขนขาดข้างหนึ่งออกมา ร่วงลงบนพื้น

ไม่ทันรอให้สวี่ชิงดูอย่างละเอียด ปากขนาดใหญ่ที่ฝ่ามือแขนท่อนนี้ก็พลันอ้าออก กลืนนายกองที่อยู่ใกล้ที่สุดลงไปทันที

ร่างของนายกองถูกกลืนลงไปในพริบตา

ทั้งหมดเกิดขึ้นไวมาก สวี่ชิงหน้าเปลี่ยนสี มือขวามีกริชปรากฏขึ้น ปาดที่ท่อนแขนในพริบตา

แต่กริชที่คมกริบมาตลอดของเขา ครั้งนี้กลับไม่มีผลใด ไม่ใช่แค่กรีดฝ่ามือนี้ไม่ได้ ยังสะท้อนกลับมาอีกด้วย ทำให้ร่างสวี่ชิงสั่นสะท้าน ต้องถอยหลังกลับมา

ในดวงตาเขาหม่นแสง สำแดงวิถีพิษในร่างออกมาทันที ตอนที่กำลังจะโจมตี จู่ๆ นิ้วทั้งห้าของฝ่ามือนั้นก็เปล่งแสงเจิดจ้าหลากสีสันออกมา ระหว่างที่ไหลเวียน ก็มีเสียงกร๊อบๆ ดังก้อง

แสงห้าสีเหล่านี้ไหลจากนิ้วลงไปที่ท่อนแขน กระทั่งไปรวมกันที่ก้อนเนื้อ ทำให้ตรงนั้นเต็มไปด้วยแสงหลากสี จากนั้นก็กลับไปยังนิ้วทั้งห้า

ถัดมา เส้นแสงทั้งห้าสายก็สาดออกมาจากนิ้วทั้งห้า ลอยวนเวียนอย่างรวดเร็วกลางอากาศ วาดเค้าโครงรูปหัวใจ

ดวงตาสวี่ชิงแข็งค้าง

ไม่ได้จบเพียงเท่านี้ แสงทั้งห้าสายราวกับกำลังถักทอ ขณะที่สวี่ชิงตาค้าง ในสี่ห้าอึดใจ ผลท้อห้าสีลูกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา

ต่อมา แสงของนิ้วสลายไป หลังจากกลับเป็นปกติ ปากใหญ่กลางฝ่ามือก็สำรอกร่างของนายกองออกมา

“สมบัติชั้นยอด! อาชิงน้อย รีบกินเร็ว!”

หลังจากนายกองลุกขึ้น ก็มองผลท้อที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างตื่นเต้นถึงขีดสุด หลังจากส่งเสียงร้องตกตะลึง ก็พุ่งออกไปกัดผลท้อนั่นทันที

สวี่ชิงลังเล ไม่ขยับตัว

ผลท้อนั่นตอนนี้ก็สั่นไหว แสงหม่นลง ด้วยการกัดของนายกองก็แตกสลายไป กลายเป็นน้ำสีดำเจิ่งพื้น ส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมาจากปากนายกอง

นายกองหน้าเปลี่ยนสี สำรอกออกมาทันที บนหน้าฉายแววไม่อยากเชื่อและมึนงง

“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้เล่า ให้ตายเถอะ เจ้าของเล่นชิ้นนี้หลอกกันได้ ถามข้าว่าต้องการอะไร ข้าบอกว่าต้องการผลท้อที่กินแล้วกลายเป็นเตรียมสู่เทวะได้”

สวี่ชิงประหลาดใจ มองไปที่น้ำสีดำเจิ่งพื้น จากนั้นก็มองไปที่ฝ่ามือนั่น สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดที่นายกองที่เหมือนวิญญาณหลุดลอย

“นายกอง เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ”

“อาชิงน้อย ข้าถูกหลอก!” นายกองขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“หลังจากข้ากลืนเจ้าสิ่งนี้ลงไป ด้านในก็มีเสียงถามข้าว่าอยากสร้างอะไร บอกว่ามันใช้พลังชีวิตอะไรสักอย่างสรรค์สร้างสรรพสิ่ง หลังจากข้าบอกไป มันก็สร้างขยะออกมากองหนึ่ง”

นายกองยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห เดินไปเตะท่อนแขนขาดทีหนึ่ง แต่ก็ยังไม่สาแก่ใจ จึงกัดไปอย่างแรงทีหนึ่ง

เมื่อกัด เขาก็ร้องออกมา ดวงตาสวี่ชิงแข็งค้าง เขาเห็นภาพที่ฟันของนายกองหลุดกระเด็นออกมาก็สูดลมหายใจ

“แข็งถึงเพียงนี้เชียว!!”

นายกองก็เบิกตากว้าง มองท่อนแขนขาด บนนั้นมีเพียงรอยฟัน แต่ไม่มีรอยแตกร้าว

“ทำให้ฟันข้าหลุดออกมาได้เช่นนี้ เจ้าสิ่งนี้ไม่ธรรมดาเลย หรือว่าข้าใช้ผิด อาชิงน้อยลองดูสิ”

สวี่ชิงครุ่นคิด เดินไปมองผาดหนึ่ง ยกมือแตะปากขนาดใหญ่กลางฝ่ามือ พริบตาที่ปากนั้นอ้า ก็มีแรงดูดมหาศาลแผ่ออกมา สวี่ชิงไม่หลบเลี่ยง ยอมให้ดูดกลืนเข้าไป

ครู่ต่อมา นิ้วทั้งห้าก็เปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นอีกครั้ง แสงห้าสีลอยขึ้นมา เริ่มถักทอ ไม่นานกระจกบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ

ของวิเศษต้องห้ามเจ็ดเนตรโลหิต

ไม่ว่าจะหน้าตา หรือว่ากลิ่นอาย ก็ล้วนสมจริงอย่างมาก

นายกองมองภาพนี้ ดวงตาก็ฉายแวววาดหวัง ตอนนี้ฝ่ามือแขนขาดอ้าปากคายร่างของสวี่ชิงออกมา พริบตาที่ปรากฏตัว เขาก็เงยหน้ามองกระจกที่อยู่กลางอากาศบานนั้นทันที

หลังจากเขาถูกกลืนลงไปก่อนหน้านี้ก็ไปปรากฏตัวที่มิติสีเลือด ข้างหูมีเสียงราบเรียบดังขึ้น บอกว่าสามารถใช้พลังชีวิตสรรค์สร้างสรรพสิ่ง

สวี่ชิงจึงสร้างกระจกบานนี้ ขณะเดียวกันก็พบว่า พลังชีวิตของตนไม่ได้ถูกสูบไป ราวกับว่าท่อนแขนขาดท่อนนี้เสียหาย สูญเสียความสามารถในการสูดรับ

มองไปที่กระจก สวี่ชิงยกมือคว้า เมื่อกระจกลอยมาหา พริบตาที่สัมผัส มันก็กลายเป็นน้ำสีดำไหลย้อยลงที่พื้น

สวี่ชิงขมวดคิ้ว นายกองถอนหายใจ

“หลอกลวง ครั้งนี้ขาดทุนแล้ว!”

“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านว่าที่ท่อนแขนขาดนี่วางอยู่ในตำหนักใหญ่นั่น เป็นไปได้หรือไม่ว่าในยุคสมัยของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว มัน…จะสามารถสรรค์สร้างสรรพสิ่งได้จริงๆ”

นายกองได้ยินก็ครุ่นคิด พยักหน้า

“น่าจะนานเกินไป มันถูกปนเปื้อนอย่างหนักจึงพังทว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าสิ่งนี้ก็เป็นสมบัติชั้นยอด ไม่ได้การ ข้าต้องลองอีก”

นายกองพูดพลางเข้าใกล้ท่อนแขนขาดนั้นทันที ถูกกลืนเข้าไปหลายรอบ ทดสอบไปหลายครั้ง ของที่สร้างออกมามากมายก่ายกอง กระทั่งของธรรมดาก็มี แต่ไม่มีสักชิ้นที่ใช้การได้ กลายเป็นน้ำสีดำทั้งหมด

สวี่ชิงก็ทดสอบหลายรอบ ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน

ทว่าการทดสอบหลายครั้งของทั้งสองก็คิดวิธีใช้อีกอย่างของฝ่ามือนี้ได้ นั่นคือหลังจากที่เข้าไปด้านใน หากไม่สร้างอะไรเลย ก็ใช้มันเป็นที่คุ้มกันได้

ระดับความแข็งแกร่งของมันน่าตกตะลึงมาก ทั้งสองสำรวจไปรอบหนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจ

“ความทนทานไปถึงระดับหวนสู่อนัตตาเลย!”

นายกองกัดอีกคำ ยืนยันหนักแน่น

สวี่ชิงพยักหน้า เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ

“วัสดุของสิ่งนี้ไม่เหมือนกับเลือดเนื้อ ยิ่งราวกับเป็นอุปกรณ์ที่ถูกสร้างออกมาเป็นพิเศษ เหมาะเป็นโล่มาก”

ในดวงตานายกองเปล่งประกายอีกครั้ง เขาชั่งน้ำหนักในใจ รู้สึกว่าครั้งนี้ไม่ได้ขาดทุน

“ฮ่าๆ เจ้าสิ่งนี้จะกลายเป็นโล่ของพวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้อง หนิงเหยียนเป็นอาวุธลับ สมบูรณ์แบบ!

“ไปเถอะ ศิษย์น้องเล็ก พวกเราแบกเจ้าท่อนแขนนี่แล้วไปดูที่อื่นกันดีกว่า”

สวี่ชิงก็รู้สึกว่าถ้าใช้สิ่งนี้เป็นโล่ ผสานกับการซ่นเร้นของทั้งสองนั้นเหมาะมากสำหรับที่นี่

ดังนั้นไม่นาน ในปราณหมอกของแดนต้องห้ามเซียนก็ได้เห็นท่อนแขนขาดขนาดร้อยจั้งข้างหนึ่ง เดินไปด้านหน้าด้วยความเร็วบนพื้นดิน

สวี่ชิงกับนายกองดัดนิ้วทั้งห้าสุดกำลัง กระทั่งยกมันฟาดกับพื้น ในที่สุดก็ทำให้เหมือนกำหมัดอยู่ได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อเข้าไป ก็ทำให้สวี่ชิงและนายกองรู้สึกปลอดภัยเต็มเปี่ยม

เวลาไหลผ่านไปเช่นนี้ ขณะที่ทั้งสองคนสำรวจเป็นวันสุดท้าย วันที่สี่ก็มาถึง

กองทัพเผ่ามนุษย์ที่นี้ บุกเบิกเส้นทางถอยทัพขึ้นมา ไม่บีบบังคับ ล้วนทำตามความสมัครใจ

บ้างก็เลือกจากไป บ้างก็เลือกสำรวจต่อ และในคืนของวันที่สี่ กองทัพเผ่ามนุษย์กลุ่มที่สองก็มาถึงที่นี่

คนกลุ่มสองที่เข้ามาเป็นกองทัพเมืองหลวงจักรพรรดิเป็นหลัก ในบรรดานี้มีคนในชุดนักพรตสีดำเป็นส่วนใหญ่ หลังจากพวกเขามาถึง ก็กระจายกำลังอย่างรวดเร็ว เข้าไปยังพื้นที่ที่ไม่รู้จักในส่วนลึกแดนต้องห้ามเซียน

ทั้งหมดนี้ สวี่ชิงที่อยู่ห่างไกลจากพื้นที่ปลอดภัยของเผ่ามนุษย์เกือบห้าร้อยลี้มองไม่เห็น

แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็อยู่ห่างไกลมาก แม้ตาเนื้อจะมองไม่เห็น แต่หอสัญญาณที่สร้างขึ้นในพื้นที่ปลอดภัย ก็ยังประกาศแจ้งบางอย่างมาที่กระบี่อาญาสิทธิ์ที่อยู่ในขอบเขตระดับหนึ่งได้

ตอนนี้สวี่ชิงกับนายกองก็รู้เรื่องการมาถึงของกลุ่มที่สองจากการสั่นสะเทือนของกระบี่อาญาสิทธิ์ และรู้ว่าหลังจากนี้สามวัน กลุ่มที่สามจะลงมา

ขณะเดียวกันมค่ำคืนของวันนี้ ท้องฟ้าของแดนต้องห้ามเซียนก็มีแสงสีแดงหม่นแปลกตาปรากฏขึ้น

กำลังแผ่ขยายไปช้าๆ

อาการใจสั่นอย่างรุนแรงวูบหนึ่ง ปะทุขึ้นมาในใจของสวี่ชิงต่อเนื่อง

ยิ่งวิถีสวรรค์ส่งสัญญาณเตือนอย่างรุนแรงในทะเลความรู้สึก

“ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเราต้องเร่งมือแล้ว ข้ารู้สึกว่า พระจันทร์สีชาด…ใกล้จะลืมตื่นแล้ว น่าจะเป็นช่วงสามวันจากนี้ตอนที่กลุ่มที่สามมาถึง” สวี่ชิงหมอบอยู่ในท่อนแขนขาด เอ่ยอย่างจริงจัง

นายกองที่หมอบอยู่ข้างๆ ได้ยินก็พยักหน้า จากนั้นก็ชี้ไปด้านหน้า เอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าดูทางนั้น ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้สนใจ เพิ่งจะเห็นว่าที่นี่มีที่เช่นนี้ด้วย”

สวี่ชิงหันหน้าไปมอง เป็นหมู่ตำหนักวังที่ล้อมด้วยกำแพงเลือดเนื้อ

“เจ้าดูสิ ถือว่าเก็บรักษาพวกมันได้สมบูรณ์แตกต่างกับที่พวกเราพบก่อนหน้านี้ ยังไม่ทรุดโทรมด้วย แม้เลือดเนื้อจะห่อหุ้มไว้ แต่ดูแล้วลักษณะตำหนักวังค่อนข้างคล้ายพญาหงส์ เป็นตำหนักวังของชายาสักคนของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวหรือเปล่า

“ผู้บำเพ็ญหญิงปกติจะรักความสะอาด ชอบอาบน้ำ หากที่นี่เป็นตำหนักในวังหลังแห่งหนึ่งจริง เจ้าว่าที่นั่นจะมีที่อย่างสระน้ำเซียนหรือไม่ จะมีพวกเสื้อผ้าแบบของโยวจิงบ้างหรือไม่ แล้วก็พวกเครื่องประดับต่างๆ…

“แล้วยังมีพวกของตกแต่ง ปกติที่พักของผู้บำเพ็ญหญิง ของเหล่านี้จะมีอยู่ไม่น้อย เจ้าเห็นของโยวจิงแล้วไม่ใช่หรือ นั่นเป็นสมบัติทั้งนั้น”

นายกองหายใจหอบถี่ ดวงตาเป็นประกาย

“ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นพื้นที่ตะวันออกด้วย ข้าเรียนหนังสือมาน้อย ไม่ได้รู้มากนัก แต่ข้ารู้สึกว่าหญิงสาวที่อยู่วังฝั่งตะวันออกน่าจะไม่ธรรมดา!”

สวี่ชิงได้ยินก็สายตาเหม่อลอย แต่ตอนนี้เอง ในใจเขาก็มีเสียงไอแห้งๆ ของบรรพจารย์สำนักวัชระดังมา

“นายท่าน เรื่องนั้น…จากที่ข้าน้อยอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการห้ำหั่นในวัง ปกติพวกที่พักในวังฝั่งตะวันออกส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกพระอัยยิการวมถึงองค์รัชทายาท องค์หญิง…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด