ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 523 ระดับปราณมรรคาลิขิตสวรรค์ (1)
บทที่ 523 ระดับปราณมรรคาลิขิตสวรรค์ (1)
นายกองลังเล
สวี่ชิงขมวดคิ้ว
ในตอนที่พวกเขาถอยก่อนหน้านี้ก็ได้ลองกัน วังพญาหงส์ทั้งเก้าในกำแพงเลือดเนื้อเต็มไปด้วยพลังประหลาด เมื่อเข้าใกล้จะปรากฏ เมื่ออยู่ห่างจะผุพัง
การเปลี่ยนแปลงที่นั่นเปลี่ยนไปตามผู้มาเยือน
แต่หากอยู่ใกล้มากไป ก็จะเกิดเรื่องแปลกประหลาด ทำให้คนอยู่ในสภาวะบิดเบี้ยวอย่างหนึ่ง เวลาจะไหลผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
“อาชิงน้อย เจ้าจำได้หรือไม่ว่าเมื่อครู่เจ้าบอกว่าคุ้นที่นั่นมาก ความรู้สึกแรงมากหรือไม่”
จู่ๆ นายกองก็เอ่ยขึ้น
“แรงมาก” สวี่ชิงพยักหน้า
“เช่นนั้นแล้ว เจ้าว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเราสามวันนี้ทำการสำรวจที่นี่มาหลายครั้งมากๆ แล้ว”
“ส่วนข้าแม้จะรู้สึกว่าคุ้น แต่ความรู้สึกเบาบางมาก เช่นนั้นจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าทุกครั้งที่สำรวจล้วนเป็นเจ้าที่เข้าไป ดังนั้นความรู้สึกคุ้นของเจ้าจึงรุนแรงกว่าข้า”
นายกองมองไปทางสวี่ชิง
สวี่ชิงหรี่ตา เอ่ยเสียงเบา
“หากเป็นเช่นนั้นจริง หากเมื่อครู่ไม่ได้รับข่าวจากกระบี่อาญาสิทธิ์ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไป เช่นนั้นจากการดำเนินไปตามเรื่อง ข้าจะต้องขอให้ศิษย์พี่ใหญ่ช่วยข้าแน่นอน ข้าอาจจะใช้การป้องกันของท่อนแขนผสานตัวเข้าไปในนั้น ให้ท่านโยนเข้าไป
“เช่นนี้แล้วมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะผ่านพันธนาการได้ และข้าอยู่ในกำแพงเลือดเนื้อนั่น ก็จะเดินออกจากท่อนแขนไปสำรวจในวังพญาหงส์ได้”
สวี่ชิงพูดจบ มองไปทางท่อนแขนขาด อยากจะหาหลักฐานบนนั้น แต่พลังฟื้นฟูที่ท่อนแขนนี้มี ตอนนี้ดูไปแล้วเหมือนไม่มีอะไรแตกต่างสักเท่าไร
ทว่าในส่วนรายละเอียดก็ยังสามารถเห็นรอยเลือดเนื้อที่งอกขึ้นใหม่บางแห่ง การค้นพบนี้ทำให้ทั้งสองดวงตาจ้องเพ่ง
นายกองดวงตาฉายประกายวาววาบ
“ดังนั้นเจ้ามั่นใจว่าสำรวจไปแล้วหลายรอบ แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าจำไม่ได้ว่าเห็นอะไรข้างใน…ศิษย์น้องเล็ก เจ้าลองนึกให้ละเอียดอีกครั้ง ดูว่านึกอะไรได้หรือไม่”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง นึกย้อนอย่างละเอียด แต่ความทรงจำในสมองไม่มีร่องรอยอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างเชื่อมต่อกันโดยไม่มีความแตกต่างเลยแม้แต่น้อย หาช่องโหว่ไม่เจอ
สวี่ชิงขมวดคิ้ว นี่คล้ายกับประสบการณ์ที่ติงหนึ่งสามสองในตอนนั้น แต่ก็มีความแตกต่าง
ติงหนึ่งสามสองมีสองชั้น หนึ่งชั้นนอก หนึ่งชั้นใน
เนื่องจากผลกระทบจากดวงชะตา ที่นั่นจึงอยู่ในสภาวะที่ค่อนข้างสมดุล นี่ทำให้สิ่งที่คนทั่วไปเห็นล้วนเป็นสภาพภาพนอก
แต่สภาพจริงภายนอกนั้นคงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังอยู่ตรงหน้า แต่ผลกระทบจากมันยังมีอยู่ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมผู้ดูแลไม่ว่าคนใดล้วนตายอนาถข้างนอก
และทันทีที่มีคนตื่นขึ้นด้วยเหตุไม่คาดฝันต่างๆ มองเห็นความจริงใต้สภาวะข้างนอก เช่นนั้นความจำของเขาจะถูกเปลี่ยนเมื่อออกไป ลืมทุกสิ่ง
ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เป็นเพราะทุกวันที่สวี่ชิงตื่นขึ้นที่นี่ ทุกวันล้วนสูญเสียความจำหลังจากที่ตื่นขึ้นมา
นี่จึงทำให้เกิดความรู้สึกว่าซ้ำวน
และวังพญาหงส์ข้างหน้ากลุ่มนี้ มันเหมือนจะไม่แบ่งแยกชั้นในนอกทั้งสองชั้น มันเป็นแค่ชั้นเดียว เกิดวงจรขึ้นเอง
สวี่ชิงวิเคราะห์ในใจ จากนั้นลูกกลอนพิษต้องห้ามในร่างพลันโคจร เขาจักรพรรดิภูตปะทุเช่นกัน ขณะเดียวกันพลังวิถีสวรรค์ก็ตลบอวล ยิ่งกว่านั้นคือมีพลังติงหนึ่งสามสองแผ่มา
เพียงพริบตา พลังของเขาก็พุ่งเพิ่มขึ้น ลมกระหน่ำมาจากรอบๆ นายกองที่เห็นภาพนี้เป็นครั้งแรกดวงตาก็เกิดประกายวาววาบขึ้นมา อึ้งตะลึงไปเล็กน้อย
สวี่ชิงไม่ได้สังเกตนายกอง ตอนนี้ภายใต้พลังที่ยกระดับขึ้นไม่หยุด เขามองไปทางวังพญาหงส์กลุ่มนั้น
ทุกอย่างเป็นปกติ
สวี่ชิงอึ้งเล็กน้อย หลังจากขบคิดร่างเทพเจ้าก็โคจร พยายามทำให้เส้นสีทองในนั้นหมุนวนเล็กน้อย ในดวงตาฉายประกายสีทองแวววาว มองไปอีกครั้ง
ครั้งนี้ต่างออกไปเล็กน้อย
วังพญาหงส์ปรากฏขึ้น ครั้งนี้กลับรางเลือน ถูกแสงสีม่วงกลุ่มหนึ่งปกคลุม และแสงกลุ่มนั้นเหมือนเป็นภาพมายา ทำให้คนอยู่ในความรู้สึกระหว่างความจริงกับภาพมายาอย่างหนึ่ง ทั้งยังเหมือนว่ามีการไหลของเวลา
ทุกสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นความรู้สึก ยากจะอธิบายได้ชัดเจน
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สวี่ชิงเก็บทุกอย่างลงไป ถอนหายใจเสียงเบา มองนายกองที่อยู่ข้างๆ ส่ายหน้า
“นึกไม่ออก”
นายกองถอนหายใจ
“แต่ว่าศิษย์พี่ใหญ่ ข้ามีวิธี มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเอาขวดสีม่วงใบเล็กในนั้นมาได้” สวี่ชิงจู่ๆ พูดขึ้นมา
นายกองดวงตาจ้องเพ่ง
มือขวาสวี่ชิงยกขึ้น ติงหนึ่งสามสองในร่างสั่นสะเทือน สิงโตหินกับศีรษะถูกดูดออกมาพร้อมกัน หลังจากร่วงลงบนพื้น ศีรษะครั้งนี้เรียนรู้ฉลาดขึ้นมาแล้ว รีบแสดงสีหน้าประจบประแจง เอ่ยเสียงดัง
“คารวะใต้เท้าผู้ดูแลผู้ยิ่งใหญ่ที่เคารพสูงสุด!”
สิงโตหินไม่มีหัว ไม่สามารถอ้าปากพูดได้ แต่หางกลับกระดิกอย่างรวดเร็ว หมอบอยู่กับพื้น
นายกองเคยเห็นศีรษะแต่ไม่เคยเห็นสิงโตหิน ตอนนี้หลังจากมองไปก็ฉายความสนใจ ประเมินอยู่ครู่หนึ่ง
“ศิษย์น้องเล็ก พวกนี้เป็นสหายของเจ้ากระมัง ศีรษะนั่นข้าเคยเห็นมาก่อน ตอนนั้นก็รู้สึกว่าค่อนข้างน่าสนใจแล้ว แล้วยังมีสิงโตนี่อีก ดูแล้วไม่เลวเลย ในตัวมันข้าได้กลิ่นของอสูรเมฆา นอกจากนี้…สหายเจ้าสองคนนี้แปลกประหลาดนัก ไม่ใช่แค่มีดวงชะตา แต่เคยถูกสาปด้วย พลังสองประเภทนี้ต่างเหมือนว่าจะสมดุลซึ่งกันและกัน
“สามารถเกิดความสมดุลกับดวงชะตาได้ หมายถึงเป็นไปได้สูงมากว่าคำสาปมาจากเทพเจ้า…ศิษย์น้องเล็กเคยได้ยินคำว่าเป็นชางเพื่อช่วยเสือ ชางคำนั้นก็คือผีชางนั่นเอง ตำนานเล่าว่าคนที่ถูกเสือกัดตายก็จะกลายเป็นผีพิเศษประเภทหนึ่งคอยวนเวียนช่วยอยู่ข้างๆ มัน สหายเจ้าสองคนก็คือชาง!”
นายกองเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
สิงโตหินได้ยินประโยคนี้ก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที ศีรษะก็เบิกตาโพลง มองนายกองอย่างรวดเร็ว ในใจตื่นตะลึง นี่เป็นครั้งที่สองที่พวกมันเจอกับผู้ที่สามารถค้นพบสิ่งผิดปกติได้ในเพียงผาดเดียว
คนแรกคือสวี่ชิง คนที่สองก็คือคนที่อยู่ข้างหน้าคนนี้
“เขาเรียกปีศาจสวี่ว่าศิษย์น้องเล็ก พวกเขาคือคนสำนักเดียวกัน จริงๆ ด้วยคนที่มีความสัมพันธ์ดีกับเจ้าปีศาจล้วนเป็นปีศาจเหมือนกันหมด!” ศีรษะหวาดกลัว ก่อนหน้านี้มันถูกสวี่ชิงเรียกออกมาก็เหยียบแหลกทันที หลังจากฟื้นสภาพเดิมก็ถูกดึงกลับไปทันที
สมาธิในตอนนั้นก็อยู่ที่ร่างของเจ้าคนน่ากลัวคนนี้ จึงไม่ได้มองคนที่สองคนนี้อย่างละเอียด ตอนนี้กระตุ้นพลังของตัวเองอย่างอดไม่ได้ มองไปอย่างละเอียดแวบหนึ่ง
หลังจากมองไปผาดหนึ่ง ศีรษะก็พลันร้องโหยหวนน่าสังเวชออกมา ดวงตาระเบิดทันที
“ปาก ปากนับไม่ถ้วน โซ่เหล็ก โซ่เหล็กจากปรโลก…ผนึก ผนึกนับไม่ถ้วน สวรรค์ ที่ข้าเห็นนี่มันคืออะไรกัน กระดูกเทพ กระดูกเทพนับไม่ถ้วน!”
ศีรษะระเบิดเสียงดังบึ้ม
สวี่ชิงมองไปทางนายกอง นายกองใบหน้าไร้เดียงสา
สิงโตหินตัวสั่นหนักขึ้นไปอีก
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ศีรษะฟื้นสภาพกลับมาอีกครั้ง สั่นงันงกก้มหน้าอย่างรวดเร็ว เรียบร้อยเชื่อฟังเป็นอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยแววประจบประแจง ไม่กล้ามอง ในใจมีเสียงร้องครวญครางโหยหวนดังก้อง
มันนึกถึงก่อนหน้านี้ที่สวี่ชิงเรียกออกมา คนที่เห็นคนที่สามคนนั้น
ตอนนั้นแม้สวี่ชิงจะเก็บมันลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ในเขตติงหนึ่งสามสอง มันตัวสั่นอยู่นานมาก ความจริงมันรู้สึกว่าคนที่สามคนนั้นน่ากลัวเป็นที่สุด น่ากลัวจนมันไม่กล้ากระตุ้นพลังของตัวเอง
“นี่คือสามมหันตภัย!”
สวี่ชิงก็สงสัยเช่นกัน ต่อให้เขาจะรู้ว่านายกองมีความลับมากมาย แต่ปฏิกิริยาของศีรษะจะมากเกินไปเล็กน้อย แต่ว่าเขาก็รู้ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา จึงมองไปทางศีรษะอย่างเย็นชา เอ่ยราบเรียบ
“พวกเจ้าสองคนไปเอาขวดใบเล็กสีม่วงในนั้นมาให้ข้า หากทำได้ดีข้าจะพิจารณาลดโทษให้พวกเจ้า”
“ใต้เท้าผู้ดูแลผู้ยิ่งใหญ่ ความจริงจะลดโทษหรือไม่ไม่สำคัญ ขอเพียงแค่…” ศีรษะรีบเอ่ยปาก แต่พูดยังไม่ทันจบ
สิงโตหินที่อยู่ข้างๆ สองกรงเล็บข้างหน้ายกขึ้นแล้ว เหยียบไปบนพื้นอย่างเต็มแรง หันหลังก็พุ่งไปทันที
ศีรษะเห็นเป็นเช่นนี้ก็ร้อนใจทันที รีบกลิ้งไป แล้วร่อนลงบนคอของสิงโตหิน พุ่งตรงไปยังบริเวณผุพังที่ปกคลุมไปด้วยกำแพงเลือดเนื้อ
สวี่ชิงสังเกตอย่างละเอียด นายกองก็หรี่ตา
“พวกมันไหวหรือไม่”
“พวกมันล้วนเป็นนักโททษในติงหนึ่งสามสอง อยู่ในนั้นมาเป็นเวลานาน น่าจะไหว” หลังจากสวี่ชิงอธิบายทฤษฎีของติงหนึ่งสามสองนายกองก็ดวงตาเป็นประกาย
“ในกรมราชทัณฑ์ยังมีสถานที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ด้วยหรือ!”
พูดประโยคนี้จบ นายกองก็เห็นสีหน้าสวี่ชิงฉายแววหมองหม่น รู้ว่าเขานึกถึงชีวิตที่กรมราชทัณฑ์ นึกถึงเจ้าวัง นึกถึงความสงบสุขในอดีต จึงถอนหายใจในใจ ตบไหล่สวี่ชิง จากนั้นก็ชี้ไปที่ไกล
“ทำได้จริงๆ ด้วย!”
สวี่ชิงเงยหน้ามองไป ตอนนี้สิงโตหินทูนศีรษะเอาไว้ ขณะที่ห้อตะบึงไปอย่างรวดเร็วก็เข้าใกล้กำแพงเลือดเนื้อไป โผนกระโจนกระโดดขึ้นมา เหมือนว่าเนื่องจากตัวตนของพวกมันพิเศษ พลังควบคุมที่นี่ไม่มีผลอะไรกับพวกมัน
สวี่ชิงเห็นกับตาว่าสิงโตหินกระโดดเข้าไปในกำแพงเลือดเนื้ออย่างรวดเร็ว วนล้อมอยู่ในนั้นไม่หยุด เหมือนกำลังค้นหา ทั้งๆ ที่ขวดใบเล็กสีม่วงอยู่ห่างจากพวกมันไม่ไกล แต่กลับหาไม่เจอ
สวี่ชิงขมวดคิ้ว
แต่ไม่นานนักสถานการณ์ก็ดีขึ้น เหมือนจะเป็นความคิดของศีรษะ พวกมันแยกกัน จากนั้นก็กระแทกเข้าหากันอย่างเต็มแรง จนต่างฝ่ายต่างกระจายอยู่ทั่วพื้น
ไม่นานนักก็ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ทะยานไปข้างหน้าด้วยสีหน้าฮึกเหิมได้ระยะหนึ่ง จากนั้นก็กระแทกกันตายอีกครั้ง ทำวนๆ ซ้ำๆ จนสุดท้ายก็ค่อยๆ ใกล้เข้าไปยังขวดใบเล็กสีม่วง
“เจ้าสองตัวนี้ฉลาดดีนี่ พวกมันอาศัยเสี้ยวพริบตาที่ฟื้นจากความตาย อาศัยดวงชะตาในร่างผสานกับคำสาป ไปสำรวจรอบๆ” นายกองยิ้มขึ้นมา
สวี่ชิงพยักหน้า
ภายใต้การจับตามองของพวกเขา หลังจากที่สิงโตหินและศีรษะตายไปสิบกว่าครั้ง ในที่สุดพวกมันก็มาถึงตรงขวดใบเล็กสีม่วง ศีรษะไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น อ้าปากคาบขวดใบเล็ก กลับมากับสิงโตหินอย่างรวดเร็ว
จากนั้นกำแพงเลือดเนื้อรอบๆ ก็รุมเข้าไป ปกคลุมที่นั่นโดยสมบูรณ์
และในระหว่างเหตุการณ์นี้ สิงโตหินกับศีรษะก็วิ่งอย่างบ้าคลั่งกลับมา จนเมื่อกลับมาข้างกายสวี่ชิง ศีรษะก็ปล่อยขวดเล็กสีม่วงในปาก กำลังจะประจบประแจงต่อ แต่มือขวาสวี่ชิงแค่สะบัดก็เก็บพวกมันกลับไป
นายกองย่อตัวลง ถือขวดใบเล็กสีม่วงเอาไว้ ในเสี้ยวพริบตาที่แตะมัน ร่างกายของเขาก็สะท้านเฮือกอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในตอนที่สวี่ชิงตั้งสมาธิจับตามอง นายกองก็กลับเป็นปกติ สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ สูดลมหายใจลึก
“นี่คือ…ขวดแห่งกาลเวลา!”
พูดจบ นายกองก็มองไปรอบๆ ตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็คว้าสวี่ชิงเอาไว้ จากไปอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงในใจเต็มไปด้วยความสงสัย แต่มองความเคร่งขรึมจริงจังของนายกองออก จึงไม่ได้เอ่ยปากออกไป จวบจนเมื่อจากไปจากที่นี่โดยสมบูรณ์กับนายกองแล้ว เมื่ออยู่ที่ที่ค่อนข้างปลอดภัยแห่งหนึ่ง ทั้งสองคนก็นั่งย่อตัวในท่อนแขน นายกองลมหายใจหอบถี่ ดวงตาฉายประกายวาววับ
“ศิษย์พี่ใหญ่ อะไรคือขวดแห่งกาลเวลาหรือ” สวี่ชิงถามขึ้น
นายกองทำเสียงชู่ สำรวจรอบๆ อีกครั้ง มั่นใจว่าไม่มีปัญหาก็ประสานปางมือวางผนึกบางอย่าง หลังจากปกคลุมที่นี่แล้ว ทั้งตัวเขาก็ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง รีบเอ่ยปากทันที
“อาชิงน้อย ครั้งนี้พวกเรารวยเละแล้ว!!”
“ขวดกาลเวลา ข้าเคยเห็นในบันทึกโบราณบางเล่มเขียนเอาไว้ว่า นี่เป็นวัตถุในยุคจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวที่มีเพียงเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่จะสามารถใช้ได้ มีจำนวนน้อยมาก ไม่ว่าใบไหนปรากฏบนโลกล้วนดึงดูดความสนใจของราชวงศ์ทั้งนั้น คนที่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์หากเก็บเอาไว้โดยส่วนตัว จะต้องถูกล้างโคตร เป็นโทษหนัก
“แต่เล่ากันว่า ตอนนั้นที่จักรพรรดิโบราณเสวียนโยวพาเชื้อพระวงศ์และเผ่ามนุษย์บางส่วนไปจากโลกแห่งนี้ ก็ได้นำขวดกาลเวลาไปหมดแล้วนี่นา ทำไมที่นี่ถึงมีอยู่ใบหนึ่งด้วย!”
เห็นสวี่ชิงสงสัย นายกองก็เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“ขวดกาลเวลาที่มาที่ไปลึกลับเกินหยั่ง นับแต่โบราณมาก็ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปที่แท้จริงสักเท่าไร แต่ว่าเหล่าจักรพรรดิโบราณทั้งหลายที่รวบรวมมหาพิภพต้องประสงค์ให้เป็นหนึ่งล้วนค้นหารวบรวม
“เรื่องเล่าก็เป็นแค่เรื่องเล่า ในขวดกาลเวลาแฝงไว้ซึ่งความลับยิ่งใหญ่ในการสร้างมหาพิภพต้องประสงค์ แล้วยังมีคนพูดว่าในนั้นมีวิธีทำลายพันธนาการของผู้ปกครองจักรพรรดิโบราณ
“ยิ่งมีคนบอกว่า ในขวดกาลเวลาแฝงไว้ด้วยมรดกล้ำค่าสูงส่งวิชาหนึ่ง”
“มีพูดกันไปต่างๆ นานา และจำนวนของขวดกาลเวลา ในหนึ่งศักราชจะเกิดขึ้นมาหนึ่งใบ
“สรุปแล้วคือลึกลับเกินหยั่ง มองว่าเป็นวัตถุเฉพาะของราชวงศ์เท่านั้น
“แต่ว่าเวลาเนิ่นนานมานี้ เหมือนจะไม่มีใครไขความลับในนั้นจริงๆ ได้เลย แต่ขวดนี้สามารถกักเก็บเวลาได้เอง ขณะเดียวกันก็มีสรรพคุณในการหลอมอาวุธ ทำให้วัตถุไม่เสื่อมสลาย
“ศิษย์น้องเล็ก ข้ารู้ว่าทำไมก่อนหน้านี้พื้นที่บริเวณนั้นถึงแปลกประหลาดแล้ว เพราะมีช่วงเวลาหนึ่งถูกขวดกาลเวลากักเก็บเอาไว้ แผ่ออกมาข้างนอกไม่หยุด เป็นวัฏจักรซ้ำๆ”
สวี่ชิงได้ยินวัตถุนี้เป็นครั้งแรก ในใจก็ตื่นตะลึงเช่นกัน นึกถึงกล่องปรารถนาและขวดจับเสียง จึงถามขึ้นมา
“กล่องปรารถนากับขวดจับเสียงหรือ ความจริงของสองอย่างนั้นเป็นวัตถุลอกเลียนแบบที่สร้างออกมาตามขวดกาลเวลา อย่างหนึ่งลอกเลียนแบบความสามารถที่ไม่เสื่อมสลาย อีกอย่างหนึ่งลอกเลียนแบบพลังการกักเก็บเวลา!”
นายกองอธิบายเสร็จ ถือขวดใบเล็กสีม่วงเขย่าเล็กน้อย
“ในนี้ยังมีอะไรอยู่ ฟังจากเสียงแล้ว เป็นของเหลว!”
นายกองดวงตาวาววับยิ่งกว่าเดิม ดมๆ ดู ใบหน้าเคลิบเคลิ้ม
Comments