ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 526 เจ้าแห่งแดนต้องห้ามเซียนองค์ใหม่!
บทที่ 526 เจ้าแห่งแดนต้องห้ามเซียนองค์ใหม่!
สวี่ชิงเฝ้าปรารถนาไอพลังประหลาดแดนต้องห้ามเซียนมานานแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาลองดูดซับข้างกายอาจารย์ การรวมตัวของไอพลังประหลาดในเสี้ยวพริบตานั้นทำให้สวี่ชิงได้รับประโยชน์ไม่น้อยเลย จากนั้นก็สะกดสัญชาตญาณของตัวเองเอาไว้ ควบคุมอย่างเต็มกำลัง
เหมือนคนที่หิวโหยอยู่ต่อหน้าอาหารโอชะ ทั้งๆ ที่ในใจมีความโหยหาปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับจำต้องสะกดความวู่วามบุ่มบ่าม ควบคุมแล้วควบคุมอีก
เพราะเขารู้ดีว่าหากตนปล่อยตัวปล่อยใจดูดซับ เช่นนั้นอันดับแรกจะดึงดูดความสนใจของอสูรกลายพันธุ์ที่นี่ จากนั้นก็จะดึงดูดกองทัพเผ่ามนุษย์ด้วย
นอกจากนี้ ก่อนที่เทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียนจะตาย ดูดซับไอพลังประหลาดที่นี่มากเกินไป ร่างของเขาจะอย่างไรก็จะได้รับผลกระทบ
ในยามที่วิกฤตพระจันทร์สีชาดยังอยู่ ทุกอย่างล้วนเป็นปัจจัยเปลี่ยนแปลงได้ทั้งนั้น ทำให้เรื่องไม่อาจควบคุมได้
ต่อให้มีผลึกวารีสีม่วงอยู่ สวี่ชิงมีวิชาปกป้องตัวเองในระดับหนึ่ง แต่ไม่มีเรื่องใดที่แน่นอน ในช่วงเวลาที่ไม่ใช่วิกฤตเป็นตายแต่พึ่งพาผลึกวารีสีม่วงมากเกินสมควร นี่ไม่ใช่ความเคยชินที่ดี
แต่ตอนนี้อุปสรรคขัดขวางทุกอย่างหมดสิ้นไปแล้ว
ในตอนที่เทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียนกับชื่อหมู่สู้กัน เพื่อสร้างร่างจึงเอาเลือดเนื้อสีม่วงแดงทั้งหมดไป ซึ่งรวมถึงอสูรกลายพันธุ์ที่เกิดมาจากเลือดเนื้อพวกนั้นด้วย
ขณะเดียวกันแดนต้องห้ามเซียนตอนนี้อยู่ท่ามกลางสภาวะใกล้พังถล่ม กองทัพเผ่ามนุษย์ก็ไม่มีเวลาสนใจทุกพื้นที่
นี่เป็นโอกาสอันดีที่ไม่เคยมีมาก่อน
สวี่ชิงจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อย รีบดูดซับทันที
เพียงพริบตา ไอพลังประหลาดที่หลงเหลือที่นี่ก็ซัดโหมมาจากทั่วทุกสารทิศราวคลื่น ทะลักเข้ามาตามรูขุมทั่วร่างของเขาอย่างรวดเร็ว
เสี้ยวขณะนี้ ร่างของเขาปลอดโปร่ง เลือดเนื้อทุกชุ่นในร่างแผ่ความปรารถนา ดูดซับสุดกำลัง
เวลาเพียงเสี้ยวพริบตา รอบๆ สวี่ชิงก็เกิดคลื่นวนลูกหนึ่งเนื่องจากการดูดซับไอพลังประหลาด
ท่ามกลางการหมุนวนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น สวี่ชิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในนั้น ก็มีเสียงนายกองดังมาข้างหู
“ศิษย์น้องเล็ก จากรอยปริแตกม่านฟ้าข้าเห็นข้างนอกมีกองทัพเผ่ามนุษย์กำลังซ่อมม่านฟ้า ดูจากความเร็วของพวกเขา เจ้ามีเวลาอย่างมากหนึ่งก้านธูป ช่วงนี้ข้าจะคุ้มครองเจ้า อำพรางระลอกคลื่นพลังให้ เจ้าก็เร่งมือเข้า!”
สวี่ชิงไม่อาจตอบได้ เส้นสีทองพวกนั้นในร่างของเขาตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นแผ่ขยาย ลามไปในเลือดเนื้อไม่หยุด เหมือนว่าอยู่ในพื้นที่แห้งแล้ง กำลังดูดซับสารอาหารทุกอย่างอย่างบ้าคลั่ง
จึงทำได้แค่พยักหน้าเล็กน้อย แสดงว่ารับรู้แล้ว
ส่วนไอพลังประหลาดที่นี่ความจริงแล้วก็ต่างไปจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย นอกจากกลิ่นอายที่หลงเหลือของเทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียนแล้วยังมีกลิ่นอายของชื่อหมู่ผสมปนอยู่ด้วย
การผ่านมาของชื่อหมู่ก่อนหน้านี้ทำให้แดนต้องห้ามเซียนที่ค่อนข้างปิดสนิท ไอพลังประหลาดเข้มข้นยิ่งขึ้น
สำหรับคนอื่นแล้ว นี่เป็นพิษร้ายแรง ต้องรีบกินยาลูกกลอนทันทีหรือใช้วิธีการกำจัดต่างๆ หากช้าไปก็จะกลายพันธุ์
แต่สำหรับสวี่ชิง ไอพลังประหลาดเทพเจ้าองค์อื่น ๆ เวลาเขาดูดซับยังต้องระมัดระวัง แต่ไอพลังประหลาดของชื่อหมู่นั้นไม่จำเป็น
เพราะเขามีพลังต้นกำเนิดเทพพระจันทร์สีม่วง ในระดับหนึ่งแล้วความจริงเขาถึงจะเป็นร่างสถิตย์ของพระจันทร์สีชาดที่เหมาะสมที่สุด
ดังนั้นตอนนี้ภายใต้การดูดซับ ไม่ว่าจะเป็นไอพลังประหลาดของเทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียนหรือไอพลังประหลาดของพระจันทร์สีชาดสวี่ชิงล้วนดูดซับไว้ในร่าง เสี้ยวขณะต่อมา ปราณเทพเจ้าสีทองเป็นเส้นๆ ก็เกิดขึ้นมาในร่างของสวี่ชิง
ลูกกลอนพิษต้องห้าม วังสวรรรค์พระจันทร์สีม่วง และยังมีเขาจักรพรรดิภูต ทั้งสามอย่างนี้เป็นตัวตนที่ต้องการการหล่อเลี้ยงจากปราณเทพมากที่สุด ทยอยสั่นสะเทือนขึ้นมา ความปรารถนาที่รุนแรงจนถึงขีดสุดต่างแปรเปลี่ยนเป็นหลุมดำ ดูดซับอย่างรวดเร็ว
นี่ทำให้ในร่างสวี่ชิงเกิดเป็นวัฏจักรขึ้นเอง
ผสานไอพลังประหลาดเป็นขั้นที่หนึ่ง เส้นสีทองสร้างปราณเทพเป็นขั้นที่สอง ปราณเทพทุกกลุ่มเพิ่งจะปรากฏขึ้นก็ถูกแบ่งไป นี่เป็นขั้นที่สาม
ทุกขั้นตอนในวัฏจักรนี้ล้วนเป็นตัวกำหนดความเร็วในการดูดซับไอพลังประหลาด
ตอนนี้พิษต้องห้าม พระจันทร์สีม่วงและเขาจักรพรรดิภูตเหมือนเป็นเตาหลอมขนาดใหญ่สามเตากำลังโคจรจนถึงขีดจำกัดสูงสุด เผาไหม้อย่างบ้าคลั่ง การดูดซับที่เกิดขึ้นส่งไปที่เส้นสีทอง แล้วส่งไปยังข้างนอก
ทันใดนั้นไอพลังประหลาดรอบๆ สวี่ชิงก็รวมตัวด้วยความเร็วที่เร็วยิ่งกว่าเดิม
เพียงพริบตาคลื่นวนนอกร่างของเขาก็ขยายถึงร้อยจั้ง และยังขยายต่อไป จวบจนถึงห้าร้อยจั้ง แปดร้อยจั้ง สุดท้ายถึงพันจั้ง
พื้นที่พันจั้ง เปลี่ยนเป็นคลื่นวนทั้งหมด
รัศมีอำนาจน่าครั่นคร้าม
ไอพลังประหลาดมหาศาล ระลอกแล้วระลอกเล่า ท่ามกลางการซัดโหมเข้ามาเรื่อยๆ รัศมีอำนาจที่เกิดขึ้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
เสี้ยวขณะนี้ หลังจากที่ไม่มีเทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียนแล้ว สวี่ชิงก็เหมือนเป็นเจ้าแห่งแดนต้องห้ามเซียนองค์ใหม่
นายกองช่วยอำพรางอยู่ข้างๆ ดวงตาเหม่อลอย สูดลมหายใจ
“ใหญ่ขนาดนี้เชียว!”
นายกองกัดฟัน ยกมือทั้งสองขึ้นแล้วพลันกดไปที่หน้าผาก ทันใดนั้นทั่วทั้งร่างของเขาก็เปล่งประกายแสงสีฟ้า กลิ่นอายเย็นยะเยือกแผ่ไปทั่วทุกสารทิศ ปกคลุมไปบนคลื่นวนที่สวี่ชิงแผ่มา เพิ่มพลังให้เขา
หากเปลี่ยนเป็นที่อื่น การอำพรางการเพิ่มพลังเช่นนี้ บางทีผลลัพธ์อาจจะไม่ได้ดีมาก การเปลี่ยนแปลงที่นี่เหมือนคบเพลิงในความมืด เห็นเด่นชัดนัก
แต่หากคบเพลิงอยู่ในทะเลเพลิงก็ไม่ได้เด่นชัดถึงเพียงนั้นแล้ว
แดนเซียนต้องห้ามที่ปั่นป่วนวุ่นวายตอนนี้ก็คือทะเลเพลิง
ดังนั้นจึงเหมือนกับที่นายกองบอก ขอเพียงดูดซับไม่นาน ในระยะเวลาสั้นๆ นั้นปลอดภัย
แต่สวี่ชิงรู้ว่าเวลากระชั้นชิด ทั้งกายและใจของเขาจึงจมอยู่ในนั้น ปราณเทพเกิดขึ้นมามากกว่าเดิมจากการดูดซับ
ร่างของเขาภายใต้การแผ่ขยายของเส้นสีทองก็ขยายใหญ่โตกว่าก่อนหน้านี้ เกือบจะสูงถึงหนึ่งจั้ง
ทั่วทั้งร่างไหลวนด้วยแสงสีทอง ทั้งยังมีอักขระซับซ้อนนับไม่ถ้วนกะพริบวูบวาบบนผิว เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์
เหมือนว่าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอีกต่อไป แต่ตลบอวลไปด้วยกลิ่นอายเทพเจ้า
หลังจากสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสวี่ชิง นายกองน้ำลายไหลไปตามสัญชาตญาณ จมูกฟุดฟิดๆ อย่างรวดเร็ว ดมไปหลายที
“หอมกว่าหนิงเหยียนอีก”
นายกองยิ่งดม น้ำลายก็ยิ่งไหล ดวงตาเผล่งประกาย
“อยากกินจังเลย แค่คำเดียว…”
นายกองกลืนน้ำลาย พบว่าไหลออกมามากกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน ในยามที่นายกองลังเล หลังจากลูกกลอนพิษต้องห้ามในร่างสวี่ชิงดูดซับปราณเทพจนเพียงพอแล้ว ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นอันดับแรก แก่นลมปราณสีดำในวังสวรรค์แก่นนั้น ท่ามกลางเสียงเปรี๊ยะๆ ก็เกิดรอยร้าวขึ้น
รอยร้าวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ระลอกคลื่นพลังฟื้นคืนสภาพแผ่ซ่านมาจากในนั้นเรื่อยๆ
แม้วังสวรรค์พระจันทร์สีม่วงและเขาจักรพรรดิภูตจะช้าเล็กน้อย แต่ก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงคล้ายกัน
หลังจากนั้นครึ่งก้านธูป ในยามที่สวี่ชิงดูดซับจนถึงขีดจำกัดสูงสุด รอยร้าวของลูกกลอนพิษต้องห้ามก็แผ่ลามไปทั่วทั้งแก่นลมปราณ สุดท้ายเสียงกร๊อบดังขึ้นก็แตกออกทันที
มนุษย์จิ๋วสีดำคนหนึ่งพุ่งออกมาจากในนั้น หน้าตาเหมือนสวี่ชิงทุกประการ เป็นปราณมรรคาของที่เกิดจากลูกกลอนพิษต้องห้ามนั่นเอง
หลังจากลอยออกมา มนุษย์จิ๋วสีดำคนนี้ก็อ้าปากกลืนกินเปลือกลูกกลอนพิษต้องห้ามที่แตกเป็นเสี่ยงๆ หลังจากกลืนกินทั้งหมดแล้ว ร่างของมันก็ไหววูบ ทั่วร่างแผ่พลังพิษต้องห้ามน่ากลัว พิจารณาจากระดับความน่ากลัวแล้วเพิ่มมากกว่าเมื่อครั้งที่แล้วหนึ่งขั้นอย่างเห็นได้ชัด
ยิ่งมีประกายแสงสีดำพราวพร่างปะทุมา สาดส่องออกมาจากทะเลความรู้สึก แผ่ซ่านไปทั่วร่างสวี่ชิง
นายกองที่จับตามองสวี่ชิงมาโดยตลอด สัมผัสได้ หน้าพลันเปลี่ยนสี
‘กลิ่นเปลี่ยนไปแล้ว แม้จะอร่อยยิ่งขึ้น แต่รู้สึกเหมือนว่าถ้ากินเสร็จชาตินี้ของข้าก็มาสุดปลายทางแล้ว นี่ๆๆ…นี่มันพิษอะไรกัน’
นายกองดวงตาเบิกโพลง ในขณะที่ในใจสั่นสะท้าน กลิ่นอายในร่างสวี่ชิงก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ ต้นกำเนิดการปะทุคือวังสวรรค์พระจันทร์สีม่วง!
พระจันทร์สีม่วง เกิดจากพระจันทร์สีชาดที่อยู่ภายใต้พลังจากพลังพิษต้องห้ามและผลึกวารีสีม่วงในร่างสวี่ชิงตอนนั้น ฉายเงาไปยังทะเลความรู้สึกของเขา กักเก็บช่วงชิงพลังต้นกำเนิดเทพกลุ่มหนึ่งมา
เนื่องจากเป็นของของสวี่ชิงแล้ว จึงถูกย้อมเป็นสีม่วง
เรื่องเช่นนี้นับแต่โบราณกาลมาเกิดขึ้นน้อยมาก ปกติแล้วล้วนเป็นระดับขั้นที่สูงกว่านี้ หรือเทพเจ้าที่อยู่ในระดับเดียวกันจึงจะสามารถช่วงชิงกันเองได้
ดังนั้น ตอนนั้นที่พระจันทร์สีชาดรู้ตัวว่าพลังต้นกำเนิดเทพของตัวเองหายไปกลุ่มหนึ่ง ทันทีที่ฟื้นตื่นขึ้นมาคือระแวงระวัง เพราะองค์ท่านที่เก่งกาจรอบรู้ก็หาร่องรอยใดๆ ไม่เจอ
พลังต้นกำเนิดเทพกลุ่มนั้นหายไปในอากาศ
ดังนั้นปฏิกิริยาแรกขององค์ท่านคือมีเทพเจ้าองค์อื่นจ้องเล่นงานเขาอยู่
ตอนนี้ในวังสวรรค์พระจันทร์สีม่วง พลังต้นกำเนิดเทพที่เดิมเป็นของพระจันทร์สีชาดกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในพระจันทร์สีม่วงมีเงาร่างหนึ่งเกิดขึ้นรางๆ กำลังก้าวออกมาจากในพระจันทร์สีม่วง
ชุดคลุมยาวสีม่วง ผมสีม่วง ดูแล้วมีความคล้ายกับพระจันทร์สีชาดอยู่สามสี่ส่วน แต่หน้าตาเหมือนกับสวี่ชิง
นั่นคือปราณมรรคาพระจันทร์สีม่วงของสวี่ชิง!
เสี้ยวพริบตาที่ปรากฏขึ้น มุมปากของมนุษย์จิ๋วสีม่วงยกยิ้มขึ้น ยกมือขวาอย่างสง่างาม ตวัดพระจันทร์สีม่วงที่อยู่ข้างหลัง แปรเปลี่ยนมันให้กลายเป็นตราประทับ กดไปที่หว่างคิ้ว
จากนั้นก็เดินไปยังสุดทางของวังสวรรค์ที่อยู่ นั่งบนบัลลังก์ในวังสวรรค์ เงยหน้าผ่านทะเลความรู้สึก มองไปทางสวี่ชิง
จิตเทพของสวี่ชิงกวาดมา ความรู้สึกอย่างตัวเองมองดูตัวเอง เขาล้วนสัมผัสได้จากปราณมรรคาทุกปราณ
และความรู้สึกที่ต่างก็เป็นหนึ่งเดียวกันทำให้สวี่ชิงเข้าใจ นับจากเสี้ยวขณะนี้ ต้นกำเนิดพลังพระจันทร์สีชาดในอดีต นับว่ากลายเป็นของของตนแล้วจริงๆ อีกทั้งยังเริ่มพัฒนาเติบโต
หากการเติบโตดำเนินไปได้เรื่อยๆ หากทุกอย่างพัฒนาไปตามปกติ เช่นนั้น หลังจากที่เวลาผ่านไป ในยามที่ปราณมรรคาพระจันทร์สีม่วงพัฒนาไปจนถึงขีดจำกัดสูงสุด บางทีองค์ท่านอาจเข้าครอบครองพระจันทร์สีชาดได้ เข้าแทนที่กลายเป็นเทพชั้นสูงพระจันทร์สีม่วง
กระทั่งว่าถึงตอนนั้นเขาสามารถเปลี่ยนความจำของคนทั้งหลายได้ ทำให้สรรพสิ่งหมื่นเผ่าพันธุ์ล้วนลืมพระจันทร์สีชาดในอดีตได้ จะคิดไปว่า…พระจันทร์สีม่วงถึงจะเป็นตัวตนที่ดำรงอยู่มาตลอดนับแต่โบราณกาลมา
“อาจารย์พูดได้ถูกต้อง เทพเจ้า…เป็นเพียงแค่ตัวตนที่ระดับสูงกว่าก็เท่านั้น ดังนั้น ใช่ว่าจะถูกแทนที่ไม่ได้”
สวี่ชิงพึมพำ ดูดซับต่อไป
หลังจากที่ลูกกลอนพิษต้องห้ามและวังสวรรค์พระจันทร์สีม่วงเกิดปราณมรรคาแล้ว ปราณมรรคาในร่างเขาก็มีถึงเจ็ดปราณแล้ว!
สี่ปราณในนั้นมาจากตะเกียงแห่งชีวิตสี่ดวง
และยังมีอีกปราณหนึ่งที่แปรเปลี่ยนมาจากเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ
รวมกับพิษต้องห้ามและพระจันทร์สีม่วง ในเสี้ยวขณะนี้ พลังปราณมรรคาเจ็ดปราณก็โหมซัดออกมาจากทั่วทั้งร่างของสวี่ชิง กำลังรบของเขายกระดับขึ้นอีกมากมหาศาล เทียบกับก่อนที่เข้ามาในแดนต้องห้ามเซียนแล้ว แตกต่างราวฟ้ากับเหว
แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่จบ
ไม่นานนัก จากการที่เขาจักรพรรดิภูตดูดซับพลังปราณเทพ ในเสี้ยวขณะที่ใกล้จะถึงหนึ่งก้านธูป วังสวรรค์จักรพรรดิภูตส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น ร่างจักรพรรดิภูตในนั้นสั่นสะเทือนรุนแรง
ร่างเดิมแหลกละเอียดไปจนหมด ท่ามกลางการแตกสลายนี้ปราณมรรคาร่างหนึ่งเดินออกมา
ประดุจหงส์เพลิงสู่นิพพาน ได้รับชีวิตใหม่หลังความตาย
ปราณมรรคาปราณที่แปด กำเนิดขึ้น!
พลังแปดปราณปะทุขึ้นทันที ร่างของสวี่ชิงสั่นสะท้าน ในยามที่กลิ่นอายสะท้านสะเทือนพวยพุ่ง เขาก็ลืมตา
สิ่งที่เห็นในพริบตาแรกคือฟ้าดินแดนต้องห้ามเซียนถล่มทลายเป็นพื้นที่บริเวณกว้างใหญ่ไพศาล
สิ่งที่เห็นในพริบตาที่สองคือนายกองที่มองมาทางตัวเองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียดาย ลังเลเป็นที่สุดข้างหน้า
“ศิษย์พี่ใหญ่?”
สังเกตเห็นสีหน้าของนายกอง สวี่ชิงอึ้งตะลึง
“อาชิงน้อย เจ้าหอมขึ้นอีกแล้ว แต่พิษก็แรงขึ้นกว่าเดิมเหมือนกัน ไม่อร่อย…”
นายกองถอนหายใจ
สวี่ชิงใบหน้าไร้อารมณ์ เมินเฉยไปทันที ยืนขึ้นจากการนั่งสมาธิ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบนิ่ง
“ศิษย์พี่ใหญ่เลิกเล่นเถิดขอรับ พวกเราควรไปแล้ว”
Comments