ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 527 รู้สึกคุ้นๆ

Now you are reading ผู้กล้าเหนือกาลเวลา Chapter บทที่ 527 รู้สึกคุ้นๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 527 รู้สึกคุ้นๆ

…………….

ในเสี้ยวพริบตาที่สวี่ชิงลุกขึ้น ไอพลังประหลาดรอบๆ แผ่ออกไปข้างนอก ร่างจั้งกว่าๆ ของเขาอยู่ในหมอกฉายความลึกลับออกมา

ยิ่งมีระลอกคลื่นพลังที่ไม่ธรรมดาแผ่ออกมาจากร่าง ทำให้ในยามที่ไอพลังที่แปรเปลี่ยนมาเป็นหมอกเดือดพล่าน คล้ายว่าคลานมาหาเขา

กระทั่งว่าในความรู้สึกของสวี่ชิง ในระดับหนึ่งแล้ว เขาสามารถใช้พลังของตัวเองเหนี่ยวนำการปะทุของไอพลังประหลาดที่นี่ได้

หลังจากเทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียนแตกดับ ทุกอย่างที่นี่ก็ค่อยๆ มีเขาเป็นใจกลางหลัก

‘น่าเสียดาย พลังบำเพ็ญของข้าในตอนนี้ไม่มากพอที่จะทนการดูดซับไอพลังประหลาดที่นี่มากเกินไป’ สวี่ชิงแอบส่ายหน้า สะกดความปรารถนาไอพลังประหลาดลงไป

ความจริงแล้วร่างของเขายังสามารถดูดซับได้ แต่ไม่มีเวลาแล้ว หากดูดซับต่อไปจะต้องถูกจับได้แน่นอน

นอกจากนั้นยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้สวี่ชิงตัดใจไม่ดูดซับต่อ นั่นก็คือ…นิ้วเทพเจ้าในติงหนึ่งสามสองกระสับกระส่ายอดทนไม่ไหวแล้ว

“ผลึกวารีสีม่วงอ่อนแอมากนัก จึงผนึกนิ้วเทพเจ้าไม่ได้อย่างสมบูรณ์ และทันทีที่ให้มันดูดซับไอพลังประหลาดที่นี่ เช่นนั้นน่ากลัวว่าไม่นานนิ้วคงพุ่งออกไปจากร่างของข้าอย่างแน่นอน…”

สวี่ชิงถอนหายใจ รู้สึกว่าผลึกวารีสีม่วงค่อนข้างไร้ประโยชน์

และในยามที่สวี่ชิงทอดถอนใจเสียดาย นายกองที่อยู่ข้างๆ เขามองๆ ร่างที่สูงจั้งกว่าๆ ของสวี่ชิง แล้วเปรียบเทียบกับตัวเองเล็กน้อย เลิกคิ้วขึ้น

สวี่ชิงเข้าใจความหมายของเขา ร่างจึงไหววูบ ภายใต้เสียงสนั่นหวั่นไหวครืนครัน หดย่อตัวจากร่างสูงจั้งกว่าๆ หลังจากคืนสู่สภาพปกติในพริบตา เขาก็สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของร่าง

ก่อนหน้านี้ สวี่ชิงรู้ว่าร่างนี้ของตัวเองไม่ธรรมดา แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมเส้นสีทองในร่างพวกนั้นได้ ยากจะสำแดงร่างเทพแท้จริงออกมา

ตอนนี้เขาพบว่าตัวเองสามารถควบคุมได้เล็กน้อย สามารถขยายได้สูงหนึ่งจั้งอย่างอิสระ

ส่วนร่างปกติกับร่างแปลงสูงหนึ่งจั้งก็เป็นสภาวะสองสภาวะที่แตกต่างกัน อย่างหลังสามารถทำให้พลังปะทุของสวี่ชิงแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เห็นสวี่ชิงแปลงร่างเป็นอย่างคนปกตินายกองถึงได้พอใจ เมื่อครู่หลังจากที่เขาสังเกตเห็นสวี่ชิงขยายร่างใหญ่ขึ้น ก็เกือบทนไม่ไหวปลดผนึกเพิ่มขึ้นหนึ่งผนึก ให้ตัวเองขยายร่างใหญ่เหมือนกัน จึงกำลังจะเอ่ยขึ้นมา

แต่ในตอนนี้เอง ท้องฟ้ามีเสียงระเบิดสะเทือนเลื่อนลั่นดังมา ท่ามกลางการพังทลายและร่วงหล่นจากรอยแยกที่มากยิ่งขึ้น ม่านฟ้าเผยให้เห็นตาข่ายสีขาวผืนหนึ่ง

มองให้ละเอียดก็จะเห็นว่าบนเส้นของตาข่ายผืนใหญ่นั้นมีผู้บำเพ็ญกองทัพเผ่ามนุษย์จำนวนไม่น้อย

ตาข่ายนี้ก็คือพวกเขากำลังวางค่ายกลนอกผืนฟ้า ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นดำเนินการทำให้ตาข่ายขยายไปเรื่อยๆ

จากนั้น พื้นที่ทางเข้าที่ไกลๆ กองทัพเผ่ามนุษย์กลุ่มที่สี่ก็ลงมาเยือน

มองไกลๆ คนที่นำไม่ใช่องค์ชายเจ็ด แต่เป็นผู้บัญชาการทั้งสามวัง

ในพริบตาที่ลงมาเยือน ผู้บำเพ็ญกองทัพเมืองหลวงจักรพรรดิจำนวนมหาศาลข้างหลังเขาก็กระจายตัวกันออกไป กำจัดไอพลังประหลาด พลางซ่อมแซมรอยแยกท้องฟ้าในม่านฟ้าไปด้วย จัดการทั้งภายในและภายนอก ทำให้สถานการณ์เสถียรมั่นคง

เห็นได้ชัดว่านี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมกองทัพเผ่ามนุษย์ถึงได้มาช้าไปเล็กน้อย

ขณะเดียวกัน กระบี่อาญาสิทธิ์ของสวี่ชิงและนายกอง จากการซ่อมแซมรอยแยกม่านฟ้าและการฟื้นฟูในพื้นที่ปลอดภัยเผ่ามนุษย์ก็สั่นขึ้นมา

ในนั้นมีคำสั่งด้วย

สั่งให้ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ทั้งสามกลุ่มก่อนหน้านี้ออกไปจากที่นี่ให้หมดภายในหนึ่งชั่วยาม

หนึ่งชั่วยามหลังจากนั้น แดนต้องห้ามเซียนจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ หากไม่มีคำสั่งเฉพาะ ห้ามมิให้ย่างก้าวเข้ามาโดยเด็ดขาด

ขณะเดียวกันก็บอกคนทั้งหลายว่า ผู้ที่อยู่ต่อโดยพลการจะลงโทษฐานขัดราชโองการ

“จากการวิเคราะห์ของอาจารย์ก่อนหน้านี้ องค์ชายเจ็ดผู้นี้นับว่าดำเนินภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากจักรพรรดิมนุษย์ได้สำเร็จ”

นายกองเบ้ปาก สายตากวาดไปรอบๆ เผยให้เห็นความบ้าคลั่ง เอ่ยเสียงต่ำ

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าออกไปก่อน ข้าจะอยู่ที่นี่สักพัก”

สวี่ชิงมองนายกองแวบหนึ่ง สังเกตุเห็นความบ้าคลั่งในดวงตาของเขา เขารู้ ศิษย์พี่ใหญ่ที่ฉายแววตาแบบนี้ยากจะพูดเตือนโน้มน้าว

แต่อยู่ที่นี่อันตรายมีมากกว่าประโยชน์ ในเมื่อองค์ชายเจ็ดผู้นั้นได้ควบคุมเส้นทางออกข้างนอกเอาไว้แล้ว หากแดนเซียนเกิดปัญหา ติดปีกก็ยากจะบินหนี

ดังนั้นสวี่ชิงคิดๆ แล้วพยักหน้า

“ได้ เช่นนั้นข้าไปก่อน ท่านอาจารย์ได้ของที่ดีที่สุดไป น่าจะรอข้าอยู่ข้างนอก ข้าจะไปแบ่งกับท่านอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวล เล่นอยู่ที่นี่ให้สนุกก็แล้วกันขอรับ”

สวี่ชิงเอ่ยแล้วก็เดินออกไปข้างนอก

นายกองอึ้งตะลึง วิ่งมาข้างสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว

สวี่ชิงประหลาดใจ

“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ากำลังจะกลับฐานที่มั่น ท่านทำอะไร”

นายกองหัวเราะฮ่าๆ โอบไหล่สวี่ชิง

“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ตาแก่เจ้าเล่ห์จะตาย ข้ากังวลว่าศิษย์น้องเล็กจะไม่เก่งในการต่อรองกับเขา ช่างเถอะๆ เพื่อศิษย์น้องเล็ก ข้าก็ไม่อาลัยอาวรณ์ของล้ำค่าที่นี่แล้ว!”

สวี่ชิงร้องอ้อขึ้นมา พลางมองดวงตานายกอง

นายกองกะพริบตาปริบๆ ความจริงใจบนใบหน้ากระตุ้นขึ้นมาหลังจากนั้น

คนทั้งสองวิ่งทะยานไปตลอดทางเช่นนี้ หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ต่างจงใจปล่อยไอพลังประหลาดออกมาเล็กน้อยเพื่ออำพราง กลับมาถึงยังพื้นที่ปลอดภัยที่กองทัพเผ่ามนุษย์บุกเบิกเอาไว้

แม้ที่นี่จะมีของวิเศษเวทกำจัดไอพลังประหลาด แต่การรุกรานจากมันก็ยังคงสาหัสรุนแรง บนพื้นจะเห็นเลือดเนื้อที่ระเบิดจากการกลายพันธุ์มากมาย

เห็นได้ชัดว่าการจุติของชื่อหมู่และการดิ้นรนของเทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียนทำให้ที่นี่จะอย่างไรก็ได้รับผลกระทบบ้าง โดยพื้นฐานแล้วผู้บำเพ็ญที่รอดมาได้ทุกคนล้วนมีไอพลังประหลาดปกคลุม ทำได้แค่สะกดเอาไว้ชั่วคราว ต้องออกไปจากสภาพแวดล้อมนี้ถึงจะสามารถทำการกำจัดขั้นต่อไปได้

ตอนนี้มีคนจำนวนไม่น้อยกำลังลอยขึ้นฟ้า เหาะเหินออกไปข้างนอก

สวี่ชิงกวาดสายตาไปรอบๆ คนรู้จักคุ้นเคยมีไม่มาก และไม่เห็นชิงชิวกับข่งเสียงหลงเช่นกัน จึงเอากระบี่อาญาสิทธิ์ออกมาสื่อเสียงถามไถ่

ก็ได้รู้ว่าเมื่อครบเจ็ดวันชิงชิวก็ออกไปแล้ว ส่วนข่งเสียงหลงเพิ่งออกไปได้ไม่นาน

หลังจากได้รับสื่อเสียงของสวี่ชิง ข่งเสียงหลงก็บอกเขาว่าจะรออยู่ข้างนอก

เห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี สวี่ชิงก็ถอนหายใจโล่งอก

ก่อนหน้านี้เนื่องจากท่านอาจารย์ พวกเขาบอกคนอื่นไม่ได้ และไม่อาจให้คนอื่นติดตามได้ อย่างไรที่ที่สวี่ชิงอยู่ตอนนั้นความจริงแล้วอันตรายยิ่งกว่า

สวี่ชิงและนายกองจึงแอบจากมา ไม่มีเวลาสนใจข่งเสียงหลงและชิงชิว แต่ก็บอกไปส่วนตัวกับอีกฝ่ายว่าที่นี่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ให้พวกเขาดูแลตัวเองดีๆ ระมัดระวังให้มาก

เห็นได้ชัดว่าชิงชิวเป็นเด็กที่เชื่อฟัง ส่วนข่งเสียงหลงแม้จะไม่ได้ออกไปเร็วขนาดนั้น แต่ดูจากผลแล้วก็นับว่าปลอดภัย

สวี่ชิงกับนายกองจึงมองหน้ากัน ในดวงตาของพวกเขาทั้งสองฉายแววเด็ดเดี่ยว ร่างเพียงไหววูบก็พุ่งตรงไปยังท้องฟ้า

รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ท่ามกลางการเหาะเหินไปไม่หยุด แดนต้องห้ามเซียนในสายตาของพวกเขาก็เล็กลงเรื่อยๆ

จวบจนอยู่บนม่านฟ้า ในที่สุดสวี่ชิงก็ได้เห็นตราประทับฝ่ามือของชื่อหมู่ที่ทิ้งเอาไว้บนพื้นที่ไกลๆ นั่น และยังมีที่เขตวังหลวงเยื้องไปทางตะวันตก รอยแยกขนาดมหึมากลิ่นอายเทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียนนั่นอีกด้วย

ต่อให้ดูมาจากท้องฟ้าสูง ตราประทับฝ่ามือนั่นก็ชัดเจนเป็นอย่างมาก แผ่พลังอำนาจน่าครั่นคร้ามมาเป็นระลอกๆ จินตนาการได้ถึงความน่ากลัวของพลังชื่อหมู่

สวี่ชิงกวาดสายตาไป ในใจเกิดความหวาดกลัว นายกองอยู่ข้างๆ เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม

“หลังจากที่ชื่อหมู่กลืนกินสำเร็จ แม้จะหลับใหลแต่ทันทีที่ดูดซับเสร็จสิ้นตื่นขึ้นมา จะต้องน่ากลัวขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าจักรพรรดิมนุษย์ทำเช่นนี้มีแผนรับมือหลังจากนี้หรือไม่”

คำถามนี้สวี่ชิงก็เคยคิดเหมือนกัน แต่ไม่มีคำตอบ

ตอนนี้ท่ามกลางความเงียบงัน ทั้งสองดึงสายตากลับมา เดินไปในปากขวดม่านฟ้า พุ่งขึ้นข้างบนออกไปตามทางที่นี่ ไปจากแดนต้องห้ามเซียน มาถึงยังส่วนลึกของกรมราชทัณฑ์ บริเวณที่ค่ายแหลกละเอียดแห่งนั้น

เหาะเหินขึ้นไปจากที่นี่ พวกเขาทะยานไปอย่างรวดเร็วตลอดทาง ผ่านตาข่ายมหึมาที่เกิดจากค่ายกลหลายสิบค่ายกล ประโยชน์ของตาข่ายมหึมาพวกนี้เอาไว้สกัดกั้นไอพลังประหลาดที่นี่

ทั้งสองผ่านมาได้อย่างราบรื่น ค่อยๆ เห็นทางออกหลุมลึกกรมราชทัณฑ์ที่เหนือศีรษะ เห็นราตรีมืดมิดบนผืนฟ้า

ตอนนี้ข้างนอกเป็นยามราตรี

หลังจากนั้นสิบกว่าอึดใจ ระหว่างที่ร่างของพวกเขาพุ่งไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ออกมาจากหลุมลึกกรมราชทัณฑ์มายังโลกภายนอก

ลมเย็นสบายมาพร้อมกับความสดชื่นพัดมาบนร่างของทั้งสองคน พัดผมยาวปลิว พัดชายเสื้อสะบัด

เทียบกับแดนต้องห้ามเซียนที่ปิดทึบ ลมที่พัดปะทะหน้ามานี้ทำให้คนจิตใจผ่อนคลายเบิกบานไปตามสัญชาตญาณ

ดวงจันทร์บนท้องฟ้าก็ไม่ใช่สีแดงแล้ว

นี่ทำให้สวี่ชิงและนายกองถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว

และภายใต้แสงจันทร์ ค่ายทหารเหล่านั้นที่เคยตั้งอยู่ในที่ไกลๆ ก็หายไปแล้ว!

กองทัพที่มาจากเมืองหลวงจักรพรรดิเหล่านั้นมีจำนวนสิบล้านขึ้นไป ไม่มีทางเข้าไปในแดนต้องห้ามเซียนทั้งหมด อีกทั้งพวกสวี่ชิงตลอดทางที่กลับมา กองทัพเมืองหลวงจักรพรรดิที่เข้าไปในแดนต้องห้ามเซียนที่เห็นมีจำนวนอย่างมากหนึ่งล้าน

ในตอนที่สวี่ชิงกำลังสงสัย เขาเห็นข่งเสียงหลง

ข่งเสียงหลงเดิมนั่งขัดสมาธิอยู่ริมหลุมลึกรอสวี่ชิง เมื่อเห็นสวี่ชิงปรากฏตัวก็ลุกขึ้นทะยานเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว

ไอพลังประหลาดบนตัวเขาไม่ได้เข้มข้นจนเกินไป อีกทั้งยังอยู่ในสภาวะสลายละลายไป เห็นได้ชัดว่าเมื่อออกมาก็ใช้วิธีบางอย่าง กำจัดไอพลังประหลาดอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้เมื่อเข้าใกล้มาสังเกตเห็นสายตาที่มองไปทางค่ายทหารของสวี่ชิง ข่งเสียงหลงก็อธิบายให้ฟัง

“ไปกันหมดแล้ว ได้ยินว่าจากไปกันเมื่อห้าวันก่อน ใช้ค่ายกลส่งข้ามของเมืองหลวงเขตปกครองไปแนวหน้า”

“ข้าออกมาแล้วถึงจะได้รู้เหมือนกัน ทางแนวหน้าทางนั้นน่าจะมีการเคลื่อนไหวใหญ่อะไร…เพราะเมื่อครึ่งชั่วยามก่อนองค์ชายเจ็ดก็ส่งข้ามจากไปแล้วเหมือนกัน ครั้งนี้ผู้บำเพ็ญเขตปกครองผนึกสมุทรไม่มีใครถูกเรียกไป”

สายตาสวี่ชิงจ้องเพ่ง เขานึกถึงการวิเคราะห์ของอาจารย์ เรื่องทุกอย่างที่จักรพรรดิมนุษย์ทำล้วนเพื่อสงครามครั้งนี้ ตอนนี้แผนการสำหรับชื่อหมู่เพิ่งจะเสร็จสิ้น กองทัพก็เคลื่อนทัพไปแนวหน้า

‘มีเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว!’ สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก มองไปทางนายกอง ตอนนี้นายกองก็กำลังมองมาทางเขาเช่นกัน

ในหัวของทั้งสองคนล้วนมีข้อสงสัยเหมือนกันผุดขึ้นมา

นั่นก็คือสมบัติแดนสงครามของเผ่ามนุษย์น่าจะเปิดเผยแล้ว

‘หมอกทั้งหมดที่บดบังอำพราง อีกไม่นานก็คงจะกระจ่างชัด’ นายกองส่งสื่อเสียง

ในขณะที่สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด ข่งเสียงหลงก็ถอนหายใจเสียงเบา

“สวี่ชิง ข้ารู้สึกว่าในเรื่องนี้มีเรื่องที่ไม่เข้าใจมากมาย หากเจ้าเดาอะไรได้บ้างก็บอกข้าด้วยล่ะ”

พูดจบ ข่งเสียงหลงก็เอาขวดลูกกลอนออกมาสองขวด ยื่นให้นายกองกับสวี่ชิง

“นี่คือลูกกลอนแก่นแท้ การเปิดของแดนต้องห้ามเซียนครั้งนี้ แม้จะมีการวางแผนเป็นชั้นๆ แต่ก็ยังมีไอพลังประหลาดจำนวนไม่น้อยไหลออกมา รวมกับคนที่กลับมาส่วนใหญ่ล้วนมีไอพลังประหลาดเข้มข้น ลูกกลอนแก่นแท้จึงหมด หาซื้อยากมาก

“ที่ข้าคือลูกกลอนที่ซื้อเอาไว้จำนวนหนึ่งเมื่อก่อนหน้านี้ ให้พวกเจ้าแล้วกัน”

นายกองหัวเราะฮี่ๆ รับเอามา หลังจากเปิดออกก็กลืนลูกกลอนแก่นแท้สองเม็ดที่อยู่ในนั้นลงไป

ท่ามกลางเหตุการณ์นี้มีกลิ่นหอมของยาโชยออกมาตลบอวลไปทั่วบริเวณ ทำให้ไอพลังประหลาดที่นี่สลายไปเล็กน้อย

สวี่ชิงอยู่ข้างๆ ก็ได้กลิ่น มีความรู้สึกคุ้นอย่างหนึ่ง คล้ายว่าในกลิ่นหอมของยาปนมาด้วยกลิ่นอย่างอื่นบางอย่าง แต่เบาบางมาก รู้สึกคุ้นนัก จึงยกมือรับมา

ลูกกลอนแก่นแท้นี่คือลูกกลอนที่ปลัดเขตปกครองทำการปรับปรุงมาจากลูกกลอนขาวเมื่อหลายปีก่อน สรรพคุณเหนือกว่าลูกกลอนขาวหนึ่งเท่า สร้างประโยชน์สุขให้กับเผ่ามนุษย์ เป็นคุณงามความชอบยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่งของเขตปกครองผนึกสมุทร

แต่ว่าน่าเสียดาย เนื่องจากวัสดุและความยากของการหลอม จำนวนจึงไม่ถึงระดับที่แพร่หลายไปทั่วทั้งเขตปกครองได้ ทำได้แค่ให้สิทธิพิเศษขายในเมืองหลวงเขตปกครองเท่านั้น

แต่หลายปีมานี้ก็มีเผ่ามนุษย์จำนวนมากที่ได้รับประโยชน์ โดยเฉพาะราคาที่ถูกกว่าลูกกลอนขาวเสียอีก ทำให้คนธรรมดาซื้อกินได้

แม้ตัวเขาจะไม่จำเป็นต้องใช้ แต่เรื่องบางอย่างเป็นความลับของตัวเอง ดังนั้นสวี่ชิงเมื่อรับมาก็เอ่ยขอบคุณ แล้วส่งสื่อเสียงบอกข่งเสียงหลงเรื่องที่อาจารย์คาดเดา

ก่อนหน้านี้มีปัจจัยเปลี่ยนแปลงมากมาย หลายๆ เรื่องพูดไม่ได้ ตอนนี้ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว ข่งเสียงหลงก็มีสิทธิ์ที่จะได้รู้ความจริง

ได้ยินคำพูดของสวี่ชิง ร่างของข่งเสียงหลงสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด ลมหายใจถี่กระชั้นเล็กน้อย ในดวงตามีเส้นเลือดปรากฏขึ้นมา มือทั้งสองกำแน่นแล้วคล้ายออก จากนั้นก็กำแน่นอีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่าเขาคิดถึงความตายของเจ้าวัง อ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เงียบนิ่ง

จวบจนหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาคลายหมัดออก เอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง

“ขอเผ่ามนุษย์เราจงได้รับชัยชนะ!”

ข่งเสียงหลงสีหน้าโศกเศร้า โบกมือให้สวี่ชิง หันหลังจากไป เงาแผ่นหลังอ้างว้างเดียวดาย ทั้งๆ ที่อายุไม่มากแต่กลับมีความหมดอาลัยตายอยาก

“ข่งเสียงหลงช่างยิ่งใหญ่นัก!”

นายกองมองเงาร่างที่จากไปของข่งเสียงหลง เอ่ยเสียงเบาออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด