ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 530-2 สมบัติดินแดนเผ่ามนุษย์ ดวงอาทิตย์แห่งแสงอรุณ! (2)
บทที่ 530 สมบัติดินแดนเผ่ามนุษย์ ดวงอาทิตย์แห่งแสงอรุณ! (2)
“ข้าเป็นเพียงแค่คนไร้ชื่อเสียงก็เท่านั้น” ปลัดเขตปกครองยิ้ม
องค์ชายเจ็ดเงียบนิ่ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พยักหน้า
“สามวันหลังจากนี้จัดพิธีใหญ่ ข้าจะประกาศตำแหน่งเจ้าเขตปกครอง นับจากนี้เขตปกครองผนึกสมุทรเป็นของส่วนตัวของเจ้า เจ้าจัดการตามสบาย
“ส่วนวัตถุที่จักรพรรดิมนุษย์จิ้งอวิ๋นทิ้งเอาไว้ที่เจ้าอยากได้ เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ได้วางไว้ในเงื่อนไขการกลับคืนสู่เผ่ามนุษย์ครั้งนี้ ก็สมเหตุสมผล
“ดังนั้นต่อให้เสด็จพ่อสังเกตได้ สุดท้ายก็ต้องตกลงเพื่อส่วนรวมอยู่ดี และเปิดพื้นที่เดิมเอามันออกมา และมีเพียงเขาที่ทำถึงจุดนี้ได้ นอกจากเขาแล้วไม่มีใครทำได้
“แต่ข้าสงสัยนัก นั่นเป็นแค่ถ้วยใบเดียวเท่านั้น เจ้ากลับวางแผนขนาดนี้…”
องค์ชายเจ็ดหันมามองปลัดเขตปกครอง
ปลัดเขตปกครองยิ้ม เอ่ยเสียงเบา
“ข้าบอกท่านได้ แต่ข้าก็มีข้อสงสัยเช่นกัน หากวันหน้าเผ่ามนุษย์เขตปกครองผนึกสมุทรถูกกลืนกินไปพร้อมกับพลังดวงชะตาที่ข้ามอบให้นายของข้า ท่านจะทำอย่างไร”
“มองจากมุมมองส่วนตัว นั่นเป็นของส่วนตัวของเจ้า ไม่เกี่ยวกับข้า มองจากมุมของเผ่าพันธุ์ ข้าจะมาเปิดศึกทำสงครามกับพวกเจ้า” องค์ชายเจ็ดตอบไปอย่างสงบนิ่ง
ปลัดเขตปกครองได้ยินก็ยิ้ม เดินออกไปที่ไกล
“เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลย” องค์ชายเจ็ดใบหน้าไร้อารมณ์
ปลัดเขตปกครองไม่ได้หันกลับมา แค่หัวเราะพลางตอบกลับมาว่า
“หากข้าบอกว่า นั่นเป็นถ้วยที่ทำจากกะโหลกของนายข้า ท่านจะเชื่อหรือไม่”
ในดวงตาองค์ชายเจ็ดฉายประกายวาววาบทันที
เขารู้ วังหลวงของดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์เป็นจักรพรรดิมนุษย์จิ้งอวิ๋นบูรณะขึ้นใหม่ ที่นั่นเก่าแก่โบราณมาก มีความลึกลับมากมาย กระทั่งว่าหากสืบย้อนกลับไปก็สามารถย้อนไปได้ถึงกระทั่งยุคจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว
และจักรพรรดิมนุษย์จิ้งอวิ๋นตลอดชั่วชีวิตมีของรักมากมาย แต่สุดท้ายสิ่งที่ฝังลงไปในสุสานของเขามีเพียงถ้วยใบเดียวเท่านั้น
นั่นเป็นถ้วยกระดูกใบหนึ่ง ฝังเอาไว้ข้างๆ เขาในโลงที่มีขนาดเท่ากับของเขา ทั้งสุสาน เกิดเป็นภาพสองจักรพรรดิเคียงคู่
สำหรับถ้วยใบนั้นใช้กระดูกอะไรทำขึ้นมา และเป็นกระดูกของใคร เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ และไม่มีบันทึกใดๆ เช่นกัน
ความจริงถูกลบไปโดยสมบูรณ์ในวันเวลาแล้ว มีเพียงแค่การคาดเดาที่หลงเหลือ มีหลายคนบอกว่าเป็นกระดูกขององ๕รัชทายาทรัฐม่วงคราม สหายสนิทของเขา
องค์ชายเจ็ดเงียบนิ่ง ไม่ถามอะไรอีก
ปลัดเขตปกครองเดินจากไปไกลต่อไป ทั้งคนหายไปในฟ้าดิน
จ้องมองเงาร่างของอีกฝ่ายที่จากไป รอบๆ องค์ชายเจ็ดมีไอพลังเป็นกลุ่มๆ แปลงเป็นคนชุดคลุมดำจำนวนหนึ่ง
เหมือนกับพวกที่ติดตามจางซืออวิ้นเมื่อก่อนหน้านี้ทุกประการ
ผู้ที่เป็นหัวหน้าโค้งคารวะองค์ชายเจ็ด เสียงแหลมเล็กเย็นเยือก
“องค์ชาย ขอเพียงท่านบัญชา เขาจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่นอน ที่มาที่ไปของเขาพวกหม่อมฉันสืบกระจ่างนานแล้วพ่ะย่ะค่ะ เป็นองค์กรที่ชื่อว่าเทียนประทีป ส่วนตัวตน…”
องค์ชายเจ็ดส่ายหน้า
“สิ่งที่พวกเจ้าสืบได้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาอยากให้พวกเจ้ารู้
“ทุกอย่างดำเนินต่อให้สำเร็จตามที่สัญญากับเขาก่อนหน้านี้
“แล้วร่องรอยของน้องสิบสองหาเจอแล้วหรือยัง”
องค์ชายเจ็ดนวดหว่างคิ้ว เอ่ยเนิบนาบ
“องค์ชาย ร่องรอยขององค์ชายสิบสอง พวกเราหาทุกเขตปกครองแล้ว แต่ก็ไม่เจอร่องรอยแม้แต่แม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้แม้จะมีเบาะแสชี้มาที่เขตปกครองผนึกสมุทร แต่ที่นี่ก็ไม่มีร่องรอยเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
คนชุดดำก้มหน้า
องค์ชายเจ็ดดวงตาฉายแววครุ่นคิด หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า หันหลังจากไป
ไม่นานนัก สำหรับเรื่องที่จะจัดพิธีใหญ่ จากการกลับมาขององค์ชายเจ็ด ก็แพร่ไปทั่วทุกทิศ หมื่นเผ่ารับรู้ เผ่ามนุษย์ทุกสำนัก ขั้วอำนาจทุกขั้วล้วนรู้เรื่องนี้
เพราะนี่คือพิธีมอบตำแหน่ง
เจ้าเขตปกครองคนใหม่ ในพิธีครั้งนี้องค์ชายเจ็ดจะเป็นผู้สวมกวานให้ด้วยพระองค์เอง
นับจากนี้ ใต้เท้าเจ้าเขตปกครองผนึกสมุทรผู้นี้จะเป็นผู้ที่สูงส่งเหนือใครในเขตปกครองผนึกสมุทร ทุกคำพูดทุกการกระทำสามารถตัดสินเป็นตายได้นับไม่ถ้วน วังทั้งสาม ผู้บำเพ็ญทุกคน ผู้ครองกระบี่ทั้งหมดล้วนต้องฟังคำสั่งเขา
ในสิบสามมณฑลเขตปกครองผนึกสมุทร สำนักใด ขั้วอำนาจใด โองการฉบับเดียวของเจ้าเขตปกครองก็สามารถกวาดล้างให้สิ้นซากได้
ยิ่งมีการเพิ่มพลังจากพลังชะตาเขตปกครองผนึกสมุทรปกคลุมร่างของเขา ทำให้พลังบำเพ็ญทะลวงพันธนาการที่มีแต่เดิม มาถึงระดับสุดยอดในระดับหนึ่ง
สุดยอดในเขตปกครองหนึ่ง
และในขณะเดียวกับที่อำนาจเช่นนี้ก็ต้องมีความรับผิดชอบในระดับหนึ่งเช่นกัน นั่นก็คือปกป้องเผ่ามนุษย์ ปกป้องเขตปกครองผนึกสมุทร
ส่วนผู้มีสิทธิ์ชิงตำแหน่งเจ้าเขตปกครองคนใหม่ แม้จะยังไม่ได้ประกาศออกมา แต่แทบจะทุุกคนในเขตปกครองผนึกสมุทรล้วนจินตนาการได้
เพราะ…หลังจากที่ทั้งเขตปกครองผนึกสมุทรผ่านเหตุการเปลี่ยนแปลงมากมายขนาดนี้ ผู้มีคุณสมบัติเพียงคนเดียวที่เหลือรอดมามีเพียงปลัดเขตปกครองเท่านั้น!
ส่วนปลัดเขตปกครองมีคุณูปการยิ่งใหญ่จากลูกกลอนแก่นแท้ ประชาชนเลื่อมใสนับถือ ในยามสงครามยิ่งสุขุมรอบคอบมีความรับผิดชอบ คุ้มกันอยู่แนวหลัง ขณะเดียวกันเมื่อองค์ชายเจ็ดมาถึงก็ทำการรักษาสิทธิ์ผลประโยชน์มากมายให้เขตปกครองผนึกสมุทร
ผลงานแต่ละอย่างนี้ล้วนเห็นอยู่ในสายตา อยู่ในใจของผู้คน ได้รับความรักเลื่อมใสอย่างมากมาย
หากเจ้าวังครองกระบี่ยังอยู่ เช่นนั้นเจ้าวังย่อมเป็นผู้มีสิทธิ์ชิงตำแหน่งเป็นอันดับแรก ต่อให้เป็นเจ้าวังทั้งสองที่เหลือก็มีสิทธิ์เช่นกัน แต่ตอนนี้เหลือเพียงปลัดเขตปกครองเท่านั้น
เขาไม่เพียงแต่เป็นที่พึ่งของคนทั้งหลาย ยิ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มเก่าของเขตปกครองผนึกสมุทร
ดังนั้น เขาเป็นเจ้าเขตปกครอง ทุกคนมองแล้วว่า ดำรงตำแหน่งได้โดยไม่มีอะไรให้ต้องละอาย สมเหตุสมผล
สวี่ชิงอยู่ในหอกระบี่ รู้เรื่องนี้เช่นกัน เขายังคงดื่มเหล้าต่อไป กาแล้วกาเหล้า
“ยังเหลืออีกเก้าวันก็หนึ่งเดือนแล้ว หลังจากเก้าวันข้าก็จะกลับสำนักเจ็ดเนตรโลหิตได้แล้ว
“ข้าจะไปเยี่ยมจอมเซียนจื่อเสวียนสักหน่อย…แล้วก็ทางหลิงเอ๋อร์ทางนั้น ก่อนข้าจะไปก็ต้องไปดูสักหน่อยว่านางตื่นหรือยัง
“แล้วก็ทางอาจารย์ทางนั้นไม่รู้ว่าหลอมอะไรออกมาได้ แต่ต้องเป็นของล้ำค่าแน่นอน”
สวี่ชิงเอ่ยเสียงต่ำแผ่วเบา
‘ศิษย์พี่ใหญ่วันหน้ายังมีเรื่องใหญ่มากมายที่จะทำ ก็ไม่รู้ว่าเรื่องต่อไปคืออะไร ข้าก็ต้องฝึกบำเพ็ญให้ดี พยายามยกระดับตัวเอง ในเมื่อบอกไว้แล้วว่าชาตินี้เดินทางด้วยกัน จะต่างชั้นมากไม่ได้
‘สุสานของหัวหน้าเหลยก็ต้องไปกวาดสักหน่อย สุสานของปรมาจารย์ไป่ก็ต้องไปไหว้สักหน่อย แล้วก็ป้ายวิญญาณของนายท่านหกก็ต้องไปเช็ด
‘เรื่องราวมากมายต้องไปทำ แล้วก็ทางหวงเหยียนทางนั้นก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ตัวตนของเขาคืออะไร ข้ายังไม่เคยได้ยืนยัน
‘บรรพจารย์เสี่ยเลี่ยนจื่อก็อายุมากแล้ว
‘แล้วก็ยังมีศิษย์พี่จางซาน แล้วยังมีเหยียนเหยียนกับติงเสวี่ยไม่ได้เจอมานานมากแล้ว
‘ข้ามีเรื่องที่ต้องทำมากมายขนาดนี้ไม่สามารถอยู่ในเมืองหลวงเขตปกครองต่อไปได้ และไม่สามารถทำเรื่องวู่วามบางอย่างได้’ สวี่ชิงดื่มเหล้าอึกใหญ่ลงไป
‘ใช่แล้ว เป็นแบบนี้แหละ
‘พลังบำเพ็ญข้าอ่อนแอนัก ข้าแบกภูเขาไม่ไหว สงครามเขตปกครองผนึกสมุทรข้าก็เข้าร่วมแล้ว ที่นี่ ไม่มีอะไรเสียดายแล้ว
‘ผู้ครองกระบี่…ข้าอาจจะไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่เป็นไร ข้าเดิมทีก็ดิ้นรนเอาตัวรอดในโลกที่โหดร้ายคนเดียวมาตั้งแต่เด็กๆ อยู่แล้ว ข้าจะจัดการเรื่องราวมากมายไม่ไหว
‘อุดมการณ์ของข้าตั้งแต่เล็กจนโตไม่ใช่มีชีวิตรอดต่อไปหรือ มีชีวิตอยู่ให้ดี…’
สวี่ชิงก้มหน้า ดื่มเหล้าต่อ จวบจนเหลือเวลาห่างจากที่อาจารย์ขอให้กลับสำนักเจ็ดเนตรโลหิตอีกเจ็ดวัน
และวันนี้คือวันพิธีใหญ่ของเขตปกครองผนึกสมุทร
สวี่ชิงเดิมไม่คิดจะไป เขาคิดว่ารอหลังจากเจ็ดวันค่อยจากไปกับนายกอง
แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไม ในยามที่เสียงระฆังเขตปกครองหนึกสมุทรก้องกังวาน หลังจากกระบี่อาญาสิทธิ์วังครองกระบี่สั่น เขายังวางกาเหล้าไปตามสัญชาตญาณ เดินออกไปจากหอกระบี่เงียบๆ เดินไปยังเมืองหลวงเขตปกครอง เดินไปยังลานสักการะบูชาวิญญาณผู้กล้าเขตปกครองผนึกสมุทรในวันนั้น
ที่นี่มีคนมากมาย แต่กลับเป็นระเบียบนัก
ผู้บำเพ็ญเขตปกครองหลวงทั้งหมดของวังทั้งสามแห่งเขตปกครองผนึกสมุทรล้วนมาถึงแล้ว คนจำนวนมากถึงหลายแสนรวมตัวกันที่นี่ รัศมีอำนาจยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม และทุกคนสีหน้าล้วนแฝงด้วยความฮึกเหิม สวมเสื้อผ้าใหม่ แววตาเฝ้ารอ
เจ้าวัง รองเจ้าวังทั้งสามในนั้นก็เช่นเดียวกัน สีหน้ากลัดกลุ้มหมองเศร้าหายไป ต่อให้เป็นผู้ครองกระบี่ที่เข้าร่วมสงครามแต่ละคนในดวงตาล้วนตื่นเต้น
เผ่ามนุษย์ได้ชัยชนะครั้งใหญ่ มีสมบัติดินแดนของตัวเอง นับจากนี้ไม่ใช่เหยื่ออีกต่อไป ข่าวเป็นชุดเหล่านี้ทำให้คนจิตใจอิ่มเอม ความยินดีในใจมาจนถึงขีดสูงสุดแล้ว
โดยเฉพาะแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้ครึ่งหนึ่งเป็นของเผ่ามนุษย์ ความรุ่งโรจน์เช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหลังจากที่กลับมาจากการหารือ เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์กลับสู่เผ่ามนุษย์ ก็เท่ากับว่าเผ่ามนุษย์นับจากนี้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งดินแดน เป็นครั้งแรกในหลายหมื่นปี
เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นจุดที่ทำให้คนตื่นเต้น!
และเขตปกครองผนึกสมุทรก็กำลังจะต้อนรับเจ้าเขตปกครองคนใหม่ที่ได้รับความไว้วางใจจากทุกคน ทุกอย่างนี้เหมือนกำลังดำเนินไปอย่างงดงาม
ตอนนี้ในฝูงชน นายกองกับข่งเสียงหลง ชิงชิว หนิงเหยียน ล้วนอยู่ในนั้น
หลังจากเห็นสวี่ชิง นายกองก็ก้าวขึ้นไปโอบไหล่สวี่ชิง ดมไปทีหนึ่ง สีหน้าแปลกประหลาด
“นี่เป็นอะไรไป ก่อนหน้านี้ข้าสื่อเสียงหาเจ้า เจ้าบอกว่าเจ้าปิดด่าน ทำไมถึงกลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั้งตัว ดื่มมากขนาดนี้”
สวี่ชิงส่ายหน้า ยิ้ม
“ไม่เป็นไร”
นายกองสงสัย ในตอนที่กำลังจะถามต่อ เสียงระฆังดังกังวาน มังกรทองบนท้องฟ้าพ่นแสงประรุ้ง แสงเจ็ดสีระยิบระยับพร่างพราย องค์ชายเจ็ดสวมชุดคลุมยาวสีเหลือง สวมกวานม่านมุกเก้าสาย อยู่สูงส่ง เดินลงมาจากฟ้า
ขณะที่เดินอย่างสง่างามทรงอำนาจ รัศมีอำนาจท่วมท้น ร่างที่เหยียดตรงผ่าเผยยิ่งฉายความสง่างาม
การปรากฏตัวของเขาสร้างเสียงโห่ร้องยินดีจากคนหลายแสนบนพื้นทันที
“ไชโย!”
“ไชโย!”
“ไชโย!”
องค์ชายเจ็ดยิ้มพยักหน้า ในยามที่เดินไปบนแท่นพิธี ข้างหลังเขายังมีคนอีกหลายสิบคนเดินตาม ทุกคนล้วนสวมชุดขุนนาง
ในนั้นมีผู้บัญชาการของวังทั้งสาม มีขุนพลกองทัพเชื้อพระวงศ์ ในนั้นแม่ทัพใหญ่เสี่ยเหยี่ยนที่สวมหน้ากากคนนั้นผู้รับผิดชอบแดนต้องห้ามเซียนก็อยู่ในนั้นเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีปลัดเขตปกครอง!
เขายังคงเหมือนเดิม ใบหน้าแฝงด้วยความอ่อนโยน ดวงตาฉายความเมตตา ยังเห็นได้รางๆ ว่าในสีหน้ามีความซาบซึ้งนิดๆ เหมือนว่าเผ่ามนุษย์ได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่เช่นนี้สำหรับเขาแล้วช่างน่ายินดีนัก
พวกเขาเดินอยู่บนท้องฟ้า เข้าใกล้ไปยังแท่นพิธี สุดท้ายก็ยืนอยู่ข้างแท่น มีเพียงองค์ชายเท่านั้นที่เดินไปทีละก้าวๆ ไปจนถึงจุดสูงสุดของแท่นพิธี หันหลังให้กับรูปสลักจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวที่ทั้งใหญ่โตและทรงอำนาจน่าเกรงขาม เขามองไปข้างล่าง
เพียงพริบตา ผู้บำเพ็ญหลายแสนข้างล่างแท่นพิธีล้วนเก็บเสียง แต่ละคนสีหน้าเคร่งขรึม มององค์ชายที่อยู่ข้างบน มองรูปสลักจักรพรรดิโบราณที่อยู่ข้างหลังเขา
สวี่ชิงเงยหน้าเช่นกัน ขณะที่จ้องมองภาพนี้ ในใจของเขาสั่นสะท้าน กำลังดิ้นรน
สวี่ชิงชินแล้ว ยี่สิบสามวันนี้เขาผ่านมาแบบนี้ ตอนนี้เขาอยากดื่มเหล้า แต่ข้างกายไม่มี จึงพึมพำเสียงต่ำทุ้ม
“หลังจากพิธีสิ้นสุด จะไปซื้อสมุนไพรสักหน่อย
“แล้วก็แต้มกองทัพที่เหลือช่วงหลายวันนี้ก็รีบแลกให้หมด ครั้งต่อไปที่จะมาเขตปกครองหลวงคงจะนานหลังจากนี้
“อืม แล้วก็ของพวกอาวุธเวทก็ต้องซื้อสักหน่อยเช่นกัน”
สวี่ชิงพยายามขบคิด เขายังมีเรื่องอะไรที่ต้องทำก่อนจากไปอีก ในยามที่ใช้เรื่องนี้มาสะกดความดิ้นรนในใจ องค์ชายเจ็ดที่ยืนบนแท่นพิธี ก็ประสานหมัดโค้งคารวะคนหลายแสนข้างล่าง
“วันนี้เขตปกครองผนึกสมุทร เป็นข้าที่ปกป้องได้มา เป็นพวกท่านที่ปกป้องได้มา เป็นพวกเราร่วมกันปกป้องได้มา!
“ชัยชนะเป็นของข้า แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นของพวกท่าน เป็นของเหล่าทหารที่สังหารที่แนวหน้า!
“ดังนั้น ในพิธีวันนี้ ข้าขอคารวะพวกท่านก่อน จากนั้นพวกท่านร่วมไปกับข้า ไปคารวะวิญญาณผู้กล้า!”
องค์ชายเจ็ดสีหน้าเคร่งขรึม พูดจบก็หันหน้าไปทางสนามรบ โค้งคารวะสุดตัว
คำพูดของเขาทำให้คนทั้งหลายที่นี่ในใจเกิดระลอกคลื่นอารมณ์ ประสานหมัดคารวะไปตามสัญชาตญาณ
“ขอให้เผ่ามนุษย์เราสุขสวัสดิ์ชั่วนิรันดร์ ขอให้เผ่ามนุษย์เรากลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง!”
เสียงขององค์ชายเจ็ดก้องกังวาน ฟ้าดินส่งเสียงครืนครานเลื่อนลั่น เมฆพรายรุ้งเดือดพล่าน นิมิตมงคลปรากฏออกมาจนสิ้น!
Comments