ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 531-2 ทำตามใจเรียกร้อง (2)

Now you are reading ผู้กล้าเหนือกาลเวลา Chapter บทที่ 531-2 ทำตามใจเรียกร้อง (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 531 ทำตามใจเรียกร้อง (2)

นี่คือพิธีขั้นสุดท้าย องค์ชายเจ็ดไม่มีฐานะมาตอบแทน ผู้ที่จะตอบคำถามนี้ควรจะเป็นคนของเขตปกครองผนึกสมุทร

“ได้!”

“ได้!!”

“ได้!!!”

แทบจะในพริบตาเดียวกับที่ปลัดเขตปกครองเอ่ย คนหลายแสนข้างล่างแท่นพิธีส่งเสียงดังก้อง และเสียงจำนวนมากกว่าเดิมดังออกมาจากปากของคนธรรมดาในเขตปกครอง ดังก้องไปในฟ้าดิน

นี่คือความต้องการของประชาชน!

นี่คือความคิดเป็นหนึ่งเดียวกัน!

นี่คือการยอมรับของฟ้า ดิน มนุษย์!

พลังดวงชะตาบนท้องฟ้าส่งเสียงดังเลื่อนลั่น ขณะอัสนีนับพันนับหมื่นฟาดผ่า กวานม่านหยกห้าสายที่เป็นสัญลักษณ์ปกป้องคุ้มครองเขตปกครองหนึ่ง ก่อเป็นรูปร่างทันที พลังดวงชะตาหลอมรวม ปฐพีสั่นคลอน ท้องฟ้าเกิดระลอกคลื่นหมื่นจั้ง

เสียงร้องไห้อ้อนวอนแปรเปลี่ยนเป็นสิ้นหวัง ค่อยๆ อ่อนแรงไปข้างหูสวี่ชิง

ตอนนี้ กวานนั่นลอยต่ำลงมาจากฟ้า เหมือนจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวถือเอาไว้ สวมให้ปลัดเขตปกครองช้าๆ

ในเสี้ยวขณะนี้ อารมณ์ในใจสวี่ชิงดิ้นรนจะมาถึงขีดจำกัดสูงสุด สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นอัสนีสวรรค์ ขณะฟาดผ่าครืนครัน ความคิดทุกอย่างแหลกละเอียด เขาเงยหน้า ถอนหายใจเสียงเบา

ในการถอนหายใจนี้ก็พ่นเอาความขุ่นเคืองที่สะกดเอาไว้ในร่างยี่สิบกว่าวันออกมาด้วย

เขารู้ เขาไม่ควรทำเรื่องพวกนี้ หลายวันนี้ก็ใช้เหตุผลมากมายมาบอกตัวเองว่าทำแบบนี้ถึงจะถูกต้อง

“แต่ข้าสุดท้ายแล้วก็หลอกใจตัวเองไม่ได้

“ข้า พูดคำว่าได้ไม่ออก…

“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าสะกดเอาไว้ไม่ได้แล้ว”

สวี่ชิงพึมพำ ท่ามกลางรูม่านตาที่หดเล็กของนายกอง ท่ามกลางเสียงสูดลมหายใจลึกของข่งเสียงหลง ท่ามกลางความอึ้งตะลึงเบิกตากว้างอ้าปากค้างของชิงชิว ภายใต้ความไม่เข้าใจของคนทั้งหลายรอบๆ ร่างของเขาลอยขึ้นสูงจากพื้นดิน!

คนหลายแสนคนบนพื้น สวี่ชิงลอยขึ้นกลางฟ้าคนเดียว!

ทั้งตัวปกคลุมด้วยประกายแสงพร่างพราย เหนือศีรษะมีอสูรสมุทรบรรพกาลปรากฏเหนือศีรษะ ฉัตรแต่ละคันๆ ปรากฏออกมา เจิดจ้าระยิบระยับ

ดึงดูดความสนใจจากผู้คนนับไม่ถ้วน

องค์ชายเจ็ดมองไป

ปลัดเขตปกครองจ้องเพ่ง

ผู้บำเพ็ญหลายแสนเงยหน้า

ในพริบตาที่กวานแห่งพลังดวงชะตาจะลอยลงมา ทันทีที่เสียงร้องไห้ของเด็กชายสิ้นหวังใกล้จะเงียบไป สวี่ชิงยืนอยู่กลางท้องฟ้า มองฟ้าดิน

ในเสี้ยวขณะนี้ เขาไม่อยากคิดว่าวิธีการของตัวเองถูกหรือผิด เป็นหรือตาย เขาอยากทำตามใจของตัวเอง

คำพูดมากมายที่เขาโน้มน้าวตัวเองกว่าครึ่งเดือนมานี้ ตอนนี้ล้วนว่างเปล่าไร้แรง จะอย่างไรก็สะกดความคิดที่ผุดขึ้นมาหลังจากที่รับรู้แล้วในใจไม่ได้

บางที ความคิดของเขาอาจจะเปลี่ยนไปในเสี้ยวพริบตาต่อมา บางทีหากเลือกได้อีกครั้ง เขาอาจจะไม่ทำเช่นนี้

แต่ตอนนี้เขาไม่อยากไปชั่งน้ำหนักแล้ว

เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทั้งแปดทิศ

“ข้า สวี่ชิงผู้มหาจักรพรรดิหยั่งใจประกายแสงหมื่นจั้ง ขอคัดค้าน!”

ในที่สุดเขาก็พูดประโยคนี้ออกไป และจะต้องเติมคำว่ามหาจักรพรรดิหยั่งใจประกายแสงหมื่นจั้งหลายตัวอักษรนี้เข้าไปด้วย นั่นคือสิทธิ์คุณสมบัติ

ประโยคนี้พูดจบ ความโล่งใจและความถ่องแท้ที่ไม่เคยมีมาก่อนก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างสวี่ชิง หมอกคลุมเครือที่อัดอั้นยี่สิบกว่าวันนี้สลายหายไปสิ้น

ความลังเลมารดามันสิ!

ความคิดเห็นของประชาชนฝังกลบจิตใจของเขาไม่ได้

อำนาจควบคุมวิญญาณเขาไม่ได้

อะไรคือถูกต้อง อะไรคือถูกผิด เรื่องพวกนี้…ช่างหัวมารดามันสิ!

เสี้ยวขณะนี้ ดวงตาสวี่ชิงเป็นประกายเจิดจ้านัก ร่างของเขาคล้ายว่ากำลังเปล่งประกายแสง พลังดวงชะตาบนท้องฟ้าก็เริ่มเดือดพล่านขึ้นมา ท่ามกลางความรางเลือน ก็แยกออกมาจากกวานม่านหยกห้าสายที่ก่อร่างอย่างสมบูรณ์นั่นออกมา มาเป็นกลุ่มๆ หลอมรวมมายังเหนือศีรษะของสวี่ชิง

กวานม่านหยกห้าสายที่ขนาดเล็กกว่าเล็กน้อยอันหนึ่ง ทำการสวมกวานให้กับสวี่ชิงเอง!

นั่นคือการยอมรับจากพลังดวงชะตาเขตปกครองผนึกสมุทร นั่นคือการยอมรับจากมรรคาสวรรค์ฝั่งหนึ่ง!

แม้คนที่เห็นมีไม่มาก แต่คนที่เห็นก็มี!

คำพูดของเขาตอนนี้เหมือนอัศนีน่าครั่นคร้าม ขณะเดียวกับที่ฟาดผ่าไปทั่วทุกทิศ คำรามไปในจิตใจของคนที่ได้ยินก็ทำให้คนหลายแสนบนลานเงียบกริบทันที

จากนั้นก็เป็นเสียงถอนหายใจ ราวลมคลั่งพัดกวาดไปทั่วทุกทิศ

ท้องฟ้าเปลี่ยนสี

องค์ชายเจ็ดสายตาจ้องเพ่ง มองไปยังเหนือศีรษะของสวี่ชิง ในใจเกิดคลื่นยักษ์ เขารู้จักสวี่ชิง

สิ่งเดียวที่ทำให้เขาก่อนหน้านี้จดจำสวี่ชิงได้ไม่ใช่ความชอบของสวี่ชิง และไม่ใช่ฐานะอาลักษณ์ตัวเล็กๆ ที่คอยติดตามเจ้าวังครองกระบี่ด้วยเช่นกัน แต่เป็นมหาจักรพรรดิหยั่งใจประกายแสงหมื่นจั้ง!

ในเขตปกครองผนึกสมุทรนี้ไม่เคยมีผู้ที่หยั่งจิตใจหมื่นจั้งมาก่อน คนอื่นๆ รู้เพียงว่าไม่ธรรมดา หาได้ยาก เหมือนผู้มาจากตระกูลดี เชื่อถือได้ อีกทั้งยังมีข้อดีอย่างมหาศาลต่อการเลื่อนขั้นในอนาคตอีกด้วย

แต่เขาในฐานะองค์ชายย่อมรู้มากกว่าคนอื่น เขารู้ มหาจักรพรรดิหยั่งจิตใจ นี่หมายถึงทิ้งชื่อไว้ที่รูปสลักมหาจักรพรรดิเมืองหลวงจักรพรรดิทางนั้น!

รูปสลักมหาจักรพรรดิแม้จะไม่ใช่สมบัติดินแดน แต่ก็เป็นสิ่งที่เป็นมรดก ปกป้องคุ้มครองเผ่ามนุษย์หลายครั้ง จักรพรรดิมนุษย์ทุกรุ่นล้วนไปกราบเคารพ

และทิ้งชื่อไว้ที่มหาจักรพรรดิทางนั้น มหาจักรพรรดิล้วนให้ความสำคัญ คนประเภทนี้…ต่อให้เป็นเขาก็ไม่อาจไปแตะต้องได้ง่ายๆ

สังหารผู้ที่หยั่งจิตใจหมื่นจั้งคนหนึ่ง ผลกระทบต่อชื่อเสียงมหาศาลนัก

และก็เป็นเพราะประกายแสงหมื่นจั้งจากมหาจักรพรรดิหยั่งใจ เสียงของสวี่ชิงตอนนี้ ขณะที่ดังสะท้อนก้องก็แผ่ออกไป หลังจากที่ดังขึ้นในหูของผู้บำเพ็ญทุกคนแล้ว ระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง

หากวันนี้เป็นวันแรกที่สวี่ชิงมาถึงเขตปกครองหลวง เช่นนั้นต่อให้เขาเป็นผู้ได้รับการสนับสนุนจากมหาจักรพรรดิก็ไม่มีทางสร้างระลอกคลื่นได้ขนาดนี้

ไม่มีใครรู้จักเขา ไม่มีใครเข้าใจเขา สำหรับคนอื่นแล้วเขาก็เป็นเพียงแค่ชื่อหนึ่งเท่านั้น

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเพียงแค่เปลือกนอกภาพมายา คนเขตปกครองผนึกสมุทรรู้ว่าเขาไม่ธรรมดา แต่ความจริงไม่ได้สำคัญขนาดนั้น

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน

สวี่ชิงเดินเข้าไปในใจของเผ่ามนุษย์เขตปกครองผนึกสมุทรโดยไม่รู้ตัว การช่วยเหลือของเขา ช่วยเหลือแนวหน้าเขตตะวันตกได้อย่างมาก ฐานะอาลักษณ์ของเขาทำให้คนนับไม่ถ้วนรู้การมีตัวตนอยู่ของเขา

สงครามแนวหน้าที่เขาเข้าร่วมหลังจากนั้นก็ทำให้ผู้บำเพ็ญประสบการณ์รบโชกโชนเหล่านั้นเข้าใจเขาอย่างลึกซึ้งและยอมรับ

เขา สำหรับเขตปกครองผนึกสมุทรแล้วเป็นคนกันเอง โดยเฉพาะสำหรับผู้ครองกระบี่แล้ว พวกเขาผ่านประสบการณ์เป็นตายมาด้วยกัน เป็นสหายร่วมรบที่ฝากแผ่นหลังไว้ได้!

มีพื้นฐานเช่นนี้ ประกายแสงหมื่นจั้งของเขาถึงจะเป็นจุดดึงดูดอย่างแท้จริง กลายเป็นวงแสง

ทำให้เขาโดดเด่น ทำให้อยู่ในใจผู้คนเขตปกครองผนึกสมุทร โดยเฉพาะในวังครองกระบี่ก็ได้รับการจดจำเอาไว้อย่างลึกซึ้งและยอมรับ ยิ่งเมื่อเห็นเขาก็จะคิดถึงเจ้าวังไปโดยสัญชาตญาณ

จุดนี้แม้แต่ข่งเสียงหลงก็ยังทำไม่ได้

เพราะฐานะของข่งเสียงหลง หลังจากเจ้าวังตายแล้วทุกคนถึงจะได้รู้ ส่วนสวี่ชิงทางนี้ ระหว่างสงคราม นอกจากช่วงตรงกลางช่วงนั้นแล้ว เวลาอื่นก็อยู่ข้างกายเจ้าวังเสมอ

ดังนั้นคำพูดของเขาตอนนี้ถึงจะสามารถเหมือนสายฟ้าฟาดผ่าสะท้านสะเทือนแปดทิศได้เช่นนี้ ทำให้ลานกว้างเงียบสงัด ทั้งเขตปกครองคล้ายว่าสั่นคลอน

แต่สวี่ชิงหลังจากที่ผ่านประสบการณ์เหล่านี้ เขาก็เข้าใจแล้วว่าจิตใจของประชาชนเป็นสิ่งที่ยากที่จะหยั่งที่สุดในโลก และเป็นสิ่งที่ได้รับอิทธิพลได้ง่ายที่สุด

คนธรรมดาสามัญทั้งเขตปกครอง ในสายตาของพวกเขา เทียบกับสวี่ชิงแล้ว ปลัดเขตปกครองถึงจะเป็นคนที่บันดาลสุขทุกอย่าง

ส่วนสวี่ชิงสู้ปลัดเขตปกครองไม่ได้

ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญทั้งสามวังตอนนี้แม้จะหวั่นไหว แต่ความไม่เข้าใจ ประหลาดใจ สับสนที่ฉายบนใบหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนทำให้สวี่ชิงเข้าใจว่าตัวเองจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร

มีสติรู้ตัวเป็นความผิดประเภทหนึ่ง

เหมือนกับในตอนนี้ ท่ามกลางเสียงดังก้องของคำพูดสวี่ชิง รองเจ้าวังครองกระบี่ ชายชราที่มองเจ้าวังจนสุดสายตาด้วยน้ำตาคลอเบ้าคนนั้นก็พลันพุ่งออกมา คำรามเสียงต่ำใส่สวี่ชิง

“สวี่ชิง วิชาที่ข้าให้เจ้า เจ้าฝึกเพิ่มไปขั้นหนึ่งใช่หรือไม่ เจ้าเลอะเลือนแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่าละโมบได้คืบเอาศอก ไยจึงไม่ฟัง!”

รองเจ้าวังคำรามอย่างโมโห แต่ในดวงตาเห็นได้ชัดว่าแฝงไว้ด้วยความตื่นตระหนก หันไปอย่างรวดเร็ว โค้งคารวะไปทางแท่นพิธี เอ่ยเสียงดัง

“องค์ชาย เจ้าเขตปกครอง สวี่ชิงฝึกบำเพ็ญเกิดปัญหา ขอท่านอย่าได้กล่าวโทษ กลับไปข้าจะลงโทษเขาแน่นอน!”

แทบจะในเวลาเดียวกับที่รองเจ้าวังพูดออกไป ผู้ดูแลซือหนานและผู้ดูแลซุนแห่งวังครองกระบี่ก็ลอยขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว โค้งคารวะไปทางแท่นพิธี

ยิ่งมีเงาร่างผู้ครองกระบี่ผู้บำเพ็ญที่ผ่านสงครามแต่ละร่างๆ ตอนนี้ก็ลอยขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว จำนวนมากถึงแสนกว่าๆ ข่งเสียงหลง นายกอง ชิงชิว หนิงเหยียนล้วนอยู่ในนั้นด้วย

ไม่ว่าจะอย่างไร ไม่ว่าสวี่ชิงจะทำผิดหนักหนาสาหัสถึงเพียงใด ตอนนี้ พวกเขาล้วนจะปกป้องไปโดยสัญชาตญาณ ในทางกลับกัน สวี่ชิงเองก็จะทำเช่นนี้เช่นกัน พวกเขาคือสหายร่วมรบ!

โดยเฉพาะนายกอง บนร่างยิ่งแผ่แสงสีฟ้าออกมา

บนท้องฟ้า รองเจ้าวังเห็นเป็นเช่นนี้ ก็คำรามเสียงต่ำทันที ขัดขวางการลอยขึ้นฟ้าของคนทั้งหลาย จากนั้นก็โค้งคารวะไปทางแท่นพิธีต่อ

องค์ชายเจ็ดหรี่ตา สายตาจับจ้องไปยังเหนือศีรษะสวี่ชิง ในใจยังคงมีระลอกคลื่นอารมณ์ จากนั้นก็มองไปยังผู้บำเพ็ญที่ผ่านสงครามมาโชกโชนแสนกว่าๆ ในฝูงชน เขาเข้าใจ วันนี้เรื่องนี้หากจัดการไม่ดีจะเกิดความวุ่นวาย

และต่อให้จัดการได้ดี เรื่องปลัดเขตปกครองดำรงตำแหน่งเจ้าเขตปกครองก็จะด่างพร้อยเล็กน้อย อย่างไรเสีย การคัดค้านจากผู้ที่หยั่งจิตประกายแสงหมื่นจั้ง อีกทั้งยังหลอมรวมการยอมรับจากพลังดวงชะตา คนแบบนี้…เสด็จพ่อของเขาก็ต้องขบคิดบ้างเช่นกัน

แต่ว่าเกี่ยวอะไรกับตนเล่า ตนทำตามสัญญาสำเร็จแล้ว หากปลัดเขตปกครองรับตำแหน่งไว้ไม่ได้ ก็ไม่เกี่ยวกับตน

ดังนั้น องค์ชายเจ็ดจึงไม่พูดอะไร เขาอยากดูว่าปลัดเขตปกครองจะจัดการเช่นไร

ปลัดเขตปกครองยืนอยู่บนแท่นพิธี ทอดสายตามองสวี่ชิง เอ่ยเสียงเบา

“ไม่เป็นไร แต่ข้าเองก็อยากฟังเช่นกัน ไยเจ้าจึงคัดค้าน อีกทั้งสวี่ชิง ข้าจำได้ว่าข้าเคยสอนเจ้าด้วยซ้ำ”

“วาจาเหลวไหลของเด็ก ใต้เท้าเจ้าเขตปกครองไยต้องจริงจัง” ไม่รอให้สวี่ชิงได้พูด รองเจ้าวังครองกระบี่ก็ประสานหมัดอีกครั้ง จากนั้นก็หันไปมองสวี่ชิง ตวาดออกไป

“ยังไม่กลับไปอีก!”

พูดแล้วเขาก็ถอยไปสามสี่ก้าว จะพาสวี่ชิงจากไป ทั้งร่างยิ่งแผ่พลังบำเพ็ญ ป้องกันเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงที่มาจากผู้บัญชาการเมืองหลวงจักรพรรดิและปลัดเขตปกครอง

“หลี่อวิ๋นซานหยุดก่อน!” ปลัดเขตปกครองเอ่ยขึ้นราบเรียบ

รองเจ้าวังฝีเท้าหยุดชะงัก นี่เป็นชื่อเขา แต่เขาก็ยังคงถอยไปสามสี่ก้าว มายังข้างกายสวี่ชิง เงยหน้ามองปลัดเขตปกครอง ขมขื่นแต่ก็กลับเอ่ยอย่างแน่วแน่

“ใต้เท้าเจ้าเขตปกครอง สวี่ชิงเป็นอาลักษณ์ของท่านเจ้าวัง เป็นผู้ครองกระบี่ เขาอายุยังน้อยไม่รู้ความ แต่โทษไม่ถึงตาย เจ้าวังก่อนพลีชีพก็ได้ฝากคนที่อยู่ข้างหลังไว้กับข้า ดังนั้น…ข้าต้องปกป้อง!”

คำพูดเขาเมื่อดังออกมา ผู้ดูแลซือหนานและผู้ดูแลซุนต่างแผ่พลังบำเพ็ญ ผู้บำเพ็ญที่ผ่านสงครามมาโชกโชนแสนกว่าๆ เหล่านั้นต่างปะทุกลิ่นอายขึ้นมาทันที

องค์ชายเจ็ดในดวงตามีระลอกคลื่นเล็กน้อย มองไปทางปลัดเขตปกครอง

ปลัดเขตปกครองจ้องมองสวี่ชิง

สวี่ชิงก้าวขึ้นไปโค้งคารวะรองเจ้าวังที่อยู่ข้างๆ โค้งคารวะผู้ดูแลทั้งสอง โค้งคารวะสหายร่วมรบแสนกว่าข้างล่าง จากนั้นก็เงยหน้า เสียงสงบนิ่ง เอ่ยเสียงเบา

“เดือนสี่ปีนี้ หลังจากสงครามปะทุขึ้น ในยามที่เจ้าวังนำทัพเดินทางได้ให้ภารกิจหนึ่งกับข้า ให้ข้าตรวจสอบสาเหตุการตายของเจ้าเขตปกครองอย่างลับๆ!”

คำพูดเขาดังออกไป รองเจ้าวังที่แต่เดิมจะขัดขวางท่าทางหยุดชะงักไปทันที ผู้บำเพ็ญหลายแสนที่อยู่ที่นี่ในใจของแต่ละคนต่างเกิดระลอกคลื่นอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง มองไปทางสวี่ชิง

ภายใต้การจับจ้องจากผู้คน สวี่ชิงใบหน้าไร้อารมณ์ เอาแผ่นหยกที่เจ้าวังมอบให้ออกมา นี่คือหลักฐาน

“ผ่านไปครึ่งปี ในที่สุดข้าก็ตรวจสอบเสร็จสิ้น คดีนี้นอกจากโหวเหยาแล้ว ก็ยังมีจุดน่าสงสัย คล้ายว่ายังมีฆาตกรอีก แต่เจ้าวังพลีชีพแล้ว ข้าไม่มีคนให้รายงาน ปลัดเขตปกครอง…ข้าสามารถรายงานกับท่านที่นี่ได้หรือไม่ เพื่อมอบความจริงที่มากขึ้นเกี่ยวกับการแตกดับของเจ้าเขตปกครอง ทำให้เผ่ามนุษย์ทุกคนในเขตปกครองผนึกสมุทรกระจ่างในเรื่องนี้ยิ่งขึ้น

“ขอปลัดเขตปกครองชี้แนะ!”

บนพื้น นายกองถอนหายใจ ประกายสีฟ้าดวงตายิ่งวาวโรจน์ เตรียมปลดผนึก

ข่งเสียงหลงตัวสั่นสะท้าน ในดวงตามีเส้นเลือดปรากฏ หันไปมองทางปลัดเขตปกครองทันที

หนิงเหยียนหดศีรษะ แอบกวาดสายตามองค์ชายเจ็ด ลอบถอนหายใจ

ชิงชิวเงียบนิ่ง แต่มือที่ถือเคียวออกแรงเล็กน้อย

และยังมีผู้ครองกระบี่แปลกหน้าคนหนึ่ง แฝงตัวอยู่ในกลุ่มคน เขามองสวี่ชิง สีหน้าฉายแววชื่นชม ยิ่งมีความภาคภูมิใจ แต่ขณะเดียวกันก็มีความจนปัญญา ในดวงตามีประกายแสงสีทองกลุ่มหนึ่งกะพริบวูบแล้วหายลับไป

ข้างล่างแท่นพิธี ในบรรดาผู้บัญชาการเหล่านั้นที่องค์ชายเจ็ดนำมา เสี่ยเหยี่ยนที่เคยรับผิดชอบการเปิดแดนต้องห้ามเซียน สวมหน้ากากคนนั้น ตอนนี้เงยหน้าเล็กน้อย ในดวงตามีประกายฉายวูบ

ทั่วทุกสารทิศเงียบกริบ ทุกคน จากคำพูดของสวี่ชิงล้วนมองไปทางปลัดเขตปกครองอย่างอดไม่ได้ สาเหตุการตายของเจ้าเขตปกครองเป็นความเจ็บปวดของทั้งเขตปกครองผนึกสมุทร

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคำสั่งสุดท้ายของเจ้าวังครองกระบี่

แม้แต่คนธรรมดาในเขตปกครองหลวง ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ล้วนเงียบนิ่ง จิตใจประชาชนสั่นคลอน

เทียบกับปลัดเขตปกครองแล้ว สวี่ชิงชื่อเสียงบารมีสู้ไม่ได้

แต่เทียบกับเจ้าวังและเจ้าเขตปกครอง ปลัดเขตปกครองสู้ไม่ได้

บนแท่นพิธี ปลัดเขตปกครองมองสวี่ชิง มองอย่างจริงจัง เหมือนว่าจะทำความรู้จักใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็เอ่ยอย่างสงบนิ่งออกมา

“เจ้าว่ามา”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด