ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 532-2 ปลัดเขตปกครอง โปรดชี้แนะ! (2)

Now you are reading ผู้กล้าเหนือกาลเวลา Chapter บทที่ 532-2 ปลัดเขตปกครอง โปรดชี้แนะ! (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 532 ปลัดเขตปกครอง โปรดชี้แนะ! (2)

…………….

นายกองสีหน้าเหี้ยมเกรียมเล็กน้อย หนิงเหยียนหดหัวในดวงตาฉายแววหวาดหวั่น ชิงชิวสีหน้าไร้อารมณ์แต่กำเคียวแน่นขึ้น

ในฝูงชน คนที่เคยแสดงความไม่พอใจกับความเย่อหยิ่งจองหองของสวี่ชิง เวลานี้ก็ขมวดคิ้ว จ้องปลัดเขตปกครองเขม็ง แผ่ความไม่เป็นมิตรออกมา

ใต้แท่นพิธี แม่ทัพเสี่ยเหยี่ยนที่สวมหน้ากาก ขยับเท้าขวาเล็กน้อย เหมือนจะก้าวออกมา…

แต่ตอนนี้เอง สวี่ชิงก็ยกมือขึ้น เอ่ยเสียงแผ่วเบา

“หลังจากเจ้าวังแตกดับ ข้าได้ตรวจสอบเรื่องนี้ต่อ เพราะข้าคิดว่าแค่เบาะแสอย่างแสงประกายอรุณพบยังไม่สามารถอธิบายสาเหตุการตายของเจ้าเขตปกครองคนเก่าว่าเกิดจากลูกกลอนประกายเคราะห์ชะตาชีวิต เพราะเจ้าเขตปกครองคนเก่าเป็นถึงครึ่งก้าวเตรียมสู่เทวะ จะวางยาเขาเป็นเรื่องยากเกินไป”

คำพูดของสวี่ชิงทำให้คนไม่น้อยขมวดคิ้ว เหมือนเขาในตอนนี้ลืมเรื่องทั้งหมดที่ปลัดเขตปกครองกล่าวก่อนหน้านี้ และมองไม่เห็นปลัดเขตปกครองที่มีปราณดำกระจายทั่วร่างด้วย เขาเอ่ยต่อจากที่ตนเองถูกตัดบทไปก่อนหน้า

“ตอนแรกข้าใคร่ครวญว่าวางยาพิษกับเจ้าเขตปกครองคนเก่าอย่างไร้ซุ่มเสียงได้อย่างไร ข้าก็ถนัดวิถีโอสถแต่กลับไม่มีคำตอบ ทว่าข้านึกถึงกลิ่นที่คล้ายกับดอกกุ้ยด้านในกล่องปรารถนา

“จนเมื่อยี่สิบสามวันก่อน หลังจากที่ข้ากลับมาจากแดนต้องห้ามเซียน ข้าได้กลิ่นที่คล้ายๆ กันจากลูกกลอนแก่นแท้เม็ดหนึ่ง”

ขณะที่คำว่าลูกกลอนแก่นแท้ออกมาจากปากสวี่ชิง ม่านตาของปลัดเขตปกครองก็หดลงเล็กน้อยอย่างไม่ทันได้สังเกต จากนั้นก็เอ่ยราบเรียบว่า

“ถึงแม้ข้าจะไม่คิดว่าลูกกลอนแก่นแท้เป็นคุณูปการยิ่งใหญ่มาโดยตลอด แต่เจ้าใช้สิ่งนี้มาเป็นเหตุผล ทำให้ข้ารู้สึกอับอาย ตบปากตนเองหนึ่งครั้งเสีย”

จากเสียงที่เอ่ยออกมา พลังหวนสู่อนัตตาวูบหนึ่งก็ปะทุออกมาขณะที่ปลัดเขตปกครองโบกแขนเสื้อ พุ่งไปหาสวี่ชิงในพริบตา

สีหน้ารองเจ้าวังเปลี่ยนไป ต้านทานสุดกำลัง แต่ยังไม่ใช่คู่มือของปลัดเขตปกครองที่ครึ่งร่างมีดวงชะตาค้ำจุน ถอยหลังไป แต่จู่ๆ ชั้นเมฆบนท้องฟ้าก็กระจายตัว เสียงเจาะทองทลายหินพลันดังมาจากขอบฟ้า

“แกว๊ก!”

พริบตาที่ได้ยินเสียง มหาวิหคสามหัวตัวหนึ่งก็มาถึงในพริบตา

ด้วยความเร็วนี้ก็ปรากฏตัวด้านล่างสวี่ชิงทันที ศีรษะขวาอยู่ที่ใต้เท้าสวี่ชิง หลังจากยกตัวเขาขึ้น หัวทั้งสามก็จ้องปลัดเขตปกครองเขม็ง ขนแหลมคมทั่วร่างสยาย แผ่ซ่านจิตสังหารโถมฟ้า จะงอยปากเปล่งเสียงแกว๊กดังเสียดหู!

ระเบิดคลื่นเสียง กลายเป็นครืนครันสั่นสะเทือนไปทั่วสารทิศ ทำให้เมืองหลวงเขตปกครองสั่นสะเทือน ฟ้าดินเปลี่ยนสี!

พริบตานี้ คนธรรมดาทั้งเมืองหลวงเขตปกครองสูดลมหายใจ ผู้บำเพ็ญนับแสนบนพื้นตื่นตะลึง สีหน้าองค์ชายเจ็ดแข็งค้างเล็กน้อย ปลัดเขตปกครองขมวดคิ้ว สีหน้ามืดครึ้ม

ทั่วทั้งฟ้าดิน มีเพียงมหาวิหคชิงฉินที่ผู้คนจับตามอง

มีเพียงเสียงร้องแกว๊กของมัน ที่ดังก้องไปทั้งชั้นเมฆ

มีเพียงหนึ่งเดียวที่เหนือกว่าการเป็นจุดสนใจของมันได้ มีเพียงร่างสูงโปร่งในชุดนักพรตผู้ครองกระบี่สีขาวที่โบกสะบัดท่ามกลางสายลมบนท้องฟ้ายืนอยู่บนหัวขวาที่เชิดสูงขึ้นเท่านั้น!

ฉัตรสี่ฉัตร แสงประกายเจิดจ้า อสูรสมุทรบรรพกาลจำแลงออกมา กลืนกินและพ่นแสงประกายอรุณ เงาเขาจักรพรรดิภูตตั้งตระหง่านด้านหลัง คล้ายยังมีแม่น้ำแห่งกาลเวลาสายหนึ่งไหลเวียนรอบกายรางๆ

พริบตานี้ ราวกับอาลักษณ์สวี่ของเจ้าวังรุ่นที่แล้วเมื่อครึ่งปีก่อนกลับมาอีกครั้ง!

พริบตาต่อมา เผ่าต่างๆ ที่เห็นทั้งหมดรอบๆ ก็สั่นเทิ้ม เงามืดในตอนนั้นปรากฏตัวอีกครั้ง!

และเสียงของสวี่ชิงยังคงดังก้องสะท้อนในตอนนี้

“นั่นคือลูกกลอนแก่นแท้ที่ประชาชนในเมืองหลวงเขตปกครองนับล้านเคยกินหลายปีมานี้

“ตอนนั้น ข้าจึงรู้วิธีวางยาพิษแล้ว

“คนร้ายไม่ได้วางพิษกับเจ้าเขตปกครองคนก่อนโดยตรง ในช่วงหลายปีมานี้เขาทำให้ประกายเคราะห์ชะตาชีวิตเบาบางลงไม่รู้กี่เท่า ผสานเข้าไปในลูกกลอนแก่นแท้ ให้เผ่ามนุษย์ในเมืองหลวงเขตปกครองทั้งหมดกินมันลงไป”

พริบตาที่เขาพูดสามประโยคนี้ออกมา ราวกับอัสนีสร้างโลกาผ่าฟ้าแยกปฐพีครืนครันในใจผู้บำเพ็ญนับแสนตน สะเทือนเลื่อนลั่นในหูของคนธรรมดาอีกนับไม่ถ้วน

น้ำหนักของมัน หนักหนาเหลือเกิน!

เสียงสูดลมหายใจ เสียงตกตะลึง เสียงความโกลาหล เสียงกระสับกระส่าย จากเดิมที่เกิดจากการปรากฏตัวของชิงฉินก็รุนแรงยิ่งขึ้น

“ใช้ประชาชนนับร้อยล้านคนเป็นพิษ เปลี่ยนแปลงดวงชะตาสรรพสิ่งทั้งเมืองหลวงเขตปกครอง ทำให้ทุกคนกลายเป็นพาหะพิษ เผ่ามนุษย์นับไม่ถ้วนแฝงไว้ด้วยดวงชะตาพิษสะสมที่เจ้าเขตปกครองตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เจ้าเขตปกครองติดพิษประกายเคราะห์ชะตาชีวิตขณะที่ไม่รู้ตัว”

สวี่ชิงยังคงพูดต่อ เมืองหลวงเขตปกครองสั่นสะเทือนครืนครันถึงขีดสุด คนนับแสนใต้แท่นพิธีหอบหายใจถี่ สะท้านฟ้าสะเทือนดิน โหมพายุขนาดยักษ์

“ลูกกลอนแก่นแท้มีพิษหรือ”

“ลูกกลอนแก่นแท้ นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน!!”

“แต่ทุกอย่างก็สมเหตุสมผล สอดคล้องกับตรรกะ”

“ลูกกลอนแก่นแท้เป็นสิ่งที่ปลัดเขตปกครองสร้างขึ้น แหล่งผลิตเพียงแห่งเดียวของทั้งเมืองหลวงเขตปกครอง ร้านยาทั้งหมดต้องไปรับที่จวนปลัดเขตปกครอง!”

“อันใดคือจริง อันใดคือเท็จกันแน่!”

“เช่นนี่…ความจริงคืออะไรเล่า!”

เสียงฮือฮาดังไปรอบทิศ

สิ่งที่สวี่ชิงพูดมา ทำให้ทุกคนที่ได้ยินพรั่นพรึงขีดสุด ทำให้ทุกคนอดหนังศีรษะชาขึ้นมาไม่ได้ โหมคลื่นยักษ์โถมฟ้า

ข่งเสียงหลงสูดลมหายใจ ไม่มีผู้ครองกระบี่คนใดที่ไม่สั่นสะท้าน รองเจ้าวังก็หน้าเปลี่ยนสีกันหมด

ส่วนปลัดเขตปกครอง ก็มองสวี่ชิงอย่างล้ำลึกผาดหนึ่ง เรื่องลูกกลอนแก่นแท้ที่สวี่ชิงพูดออกมา เขาทราบว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องแล้วจึงถอนหายใจในใจ

สวี่ชิงยืนอยู่บนศีรษะด้านขวาของชิงฉิน ก้มหน้ามองพื้นดินเมืองหลวงเขตปกครอง เอ่ยเสียงเบา

“ผู้คนทั้งเมืองหลวงเขตปกครองติดพิษกันหมด ข้าไม่รู้ว่าหลังจากนี้พิษจะกำเริบอย่างไร…หากกำเริบ จะกลายเป็นมหันตภัยเช่นไร

“ข้า สวี่ชิงผู้ที่จักรพรรดิหยั่งใจหมื่นจั้ง ขอรับผิดชอบคำพูดทุกคำที่ข้าเอื้อนเอ่ย

“ใต้เท้าปลัดเขตปกครอง การรายงานของข้าสิ้นสุดลงเท่านี้ โปรดชี้แนะด้วย!”

เสียงของสวี่ชิงดังก้องไม่หยุด ขณะที่เลื่อนลั่นไปทั้งสี่ทิศ บนลานแท่นพิธี ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ สายตาทั้งหมดล้วนจับจ้องไปทางปลัดเขตปกครองโดยมิได้นัดหมาย

ไม่ใช่แค่พวกเขา เวลานี้คนธรรมดาในเมืองหลวงเขตปกครองก็เช่นกัน ท่ามกลางสายตานับล้านที่ตกตะลึงจนแปรเป็นความโกรธจับจ้องมาจากทั้งแปดทิศ

เพราะนี่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของพวกเขาทุกคน!

จะเรื่องใด เมื่อเกี่ยวข้องกับแต่ละบุคคล ต่อให้จะเล็กเพียงใด ก็เป็นเรื่องใหญ่โตทั้งสิ้น

ในตอนนี้ คนจำนวนน้อยมากที่จะพิจารณาถึงเรื่องอื่น พวกเขาทุกคนในพริบตานี้ล้วนต้องการเพียงคำตอบเดียว!

ลูกกลอนแก่นแท้ที่เจ้าให้พวกข้ากินมาหลายปี มันมีพิษอยู่จริงหรือไม่!

สวี่ชิง ได้ใจประชาชนไปอีกครั้ง!

ครั้งแรก เขาใช้อำนาจที่เหลืออยู่ของเจ้าเขตปกครองรวมถึงเจ้าวัง สลายการครอบครองใจประชาชนของปลัดเขตปกครองไป ทำให้ตนมีสิทธิ์ในการพูด

ต่อมาถูกปลัดเขตปกครองขจัดไป

ครั้งนี้ เขาใช้ความปลอดภัยของทุกคน ยืนอยู่ข้างเดียวกับพวกเขา รวมตัวเป็นขั้วอำนาจขนาดใหญ่ บีบคั้นปลัดเขตปกครอง

ทั้งหมดนี้ สวี่ชิงไม่ได้ขอคำชี้แนะจากอาจารย์แต่อย่างใด เป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้มาจากองค์ชายเจ็ดหลังผ่านเรื่องราวทำนองเดียวกันในเมืองหลวงเขตปกครองว่าต้องเล่นกับใจประชาชนอย่างไร

จากนั้นนายท่านเจ็ดยิ่งไขความรู้ความเข้าใจให้กับเขาอีกในแดนต้องห้ามเซียน ทำให้เขารู้ว่าในยามที่ตนจะกระทำและใคร่ครวญต้องยืนอยู่ในจุดที่สูงกว่าขั้นหนึ่ง เช่นนี้ ถึงจะมองเห็นภาพรวมทั้งหมดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ถึงจะเดินไปสู่จุดสูงสุดได้อย่างแท้จริง

เจ็ดปีมานี้ จากคนเก็บกวาดในถ้ำยาจกแห่งหนึ่ง ในที่สุดก็เดินทางมาจนถึงวันนี้ นิสัยของเขา ทัศนคติของเขา ในเจ็ดปีนี้ก็เหมือนกับหยกที่ยังไม่ผ่านการเจียระไนชิ้นหนึ่ง ที่สุดท้ายก็แวววาวพร่างพรายด้วยการขัดเกลาและเรียนรู้

คนสอนหนังสือในถ้ำยาจก สอนเขาให้รู้จักตัวอักษร สอนหนังสือให้เขา

หัวหน้าเหลยสอนให้เขารู้จักให้อภัย ทำให้เขาที่ไม่เชื่อใจใครเหมือนหมาป่าเดียวดาย มีความรู้สึกเหมือนมีบ้าน มีความอบอุ่นอย่างมนุษย์ขึ้นมา

ปรมาจารย์ไป่สอนเรื่องสมุนไพรให้เขา มนุษย์ก็เฉกเช่นสมุนไพร ทุกอย่างแตกต่างกัน นี่คือวิถีการเป็นมนุษย์

นายท่านเจ็ดสอนเรื่องโครงสร้างให้เขา วิธีการจัดการ ขยายโลกทัศน์

นายกองสอนให้เขาบ้าคลั่ง ทุกสรรพสิ่งต้องช่วงชิง ฝืนลิขิตสวรรค์ไปจะเป็นไรเล่า

องค์ชายเจ็ดสอนเขาว่าการเล่นกับใจประชาชนมีทั้งดีและเสีย กลับดำเป็นขาว ความคิดทะเยอทะยาน ไร้ทางหวนกลับ

เจ้าวังสอนเขาให้เป็นคน คำสาบานครองกระบี่ เรื่องบางเรื่องที่ต่อให้ตายก็ต้องทำ ความศรัทธาบางอย่างต่อให้ตายก็ต้องปกปักษ์เอาไว้

ปลัดเขตปกครองสอนให้เขารู้จักวางแผน สรรพสิ่งแปรเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อม พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินด้วยมือ

คนมากมาย บ้างก็เป็นฝ่ายกระทำ บ้างก็ถูกกระทำ ทำให้เจ็ดปีมานี้สวี่ชิงเติบโตอยู่เสมอ

จนกระทั่งถึงวันนี้!

ในพริบตา กวานห้าสายที่ก่อร่างขึ้นจากดวงชะตาที่ยังไม่สวมที่ศีรษะปลัดเขตปกครองก็พลันสั่นสะเทือน

ดวงชะตามหาศาลในนั้นแผ่ออกมา มาพร้อมกับการสรรเสริญที่ผู้อื่นสัมผัสไม่ได้ พุ่งมาเหนือศีรษะสวี่ชิง

ขณะที่ไปรวมตัวกันที่นั่นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กวานที่ล่องลอยอยู่เหนือศีรษะสวี่ชิงชัดเจนเป็นวัตถุจริงขึ้นเรื่อยๆ

ในสายตาของคนที่เห็นภาพนี้ สวี่ชิงที่ยืนอยู่บนหัวด้านขวาชิงฉินเวลานี้ ทั่วร่างเปล่งแสงเจิดจรัส กวานที่อยู่เหนือฉัตรบนศีรษะ ยิ่งแผ่ดวงชะตาออกมาท่วมท้นราวกับกำลังสนับสนุนมัน

ขณะที่เลือนราง ยังมีเงาร่างของเด็กชายคนหนึ่งกระโดดโลดเต้นอยู่ในกวานนั้น

ราวกับกำลังบอกกับคนที่เห็นทั้งหมดว่าใครที่เป็นฝ่ายถูกต้องในตอนนี้!

ใคร ที่เป็นผู้รวบรวมดวงชะตาผนึกสมุทร!

ใคร ที่เป็นผู้ผนึกสมุทรอย่างแท้จริง!

ตอนนี้ ดวงชะตาสนับสนุน ประชาชนรวมใจ ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมโหมเมฆทะลัก ก่อตัวเป็นมหาอำนาจที่รวบรวมผู้คนจากสวรรค์และโลกา จับจ้องไปที่ปลัดเขตปกครองโดยมีสวี่ชิงเป็นผู้นำ

ปลัดเขตปกครองนิ่งเงียบ

ดวงตาองค์ชายเจ็ดฉายแววแปลกประหลาด จ้องสวี่ชิงเขม็ง ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เขาก็ได้รู้จักสวี่ชิงใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า

‘เด็กคนนี้ จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า!’

ขณะที่องค์ชายเจ็ดครุ่นคิด ปลัดเขตปกครองกำลังจะเอ่ยปาก สวี่ชิงก็ประสานหมัด คารวะอย่างสุดซึ้ง หลังจากเงยหน้าขึ้น ก็เอ่ยเสียงแผ่วเบา

“การคารวะนี้ เป็นการคารวะต่อบุญคุณที่ใต้เท้าปลัดเขตปกครองได้สั่งสอนและไขข้อสงสัยก่อนหน้านี้ หลังจากที่คารวะ จิตใจข้ามั่นคง ข้าถึงสามารถเอ่ยคำพูดบางอย่างออกมาได้

“ใต้เท้าปลัดเขตปกครอง ข้ารู้ว่าท่านคือเทียนประทีป”

“และการฝึกบำเพ็ญของเทียนประทีป ดูแคลนคำโป้ปด พิถีพิถันกับความสมเหตุสมผลทั้งปวง เช่นเดียวกับบทเรียนที่ท่านได้ไขข้อสงสัยก่อนหน้านี้ เอื้อนเอ่ยคำตอบออกมา ท่านที่กล้าหาญเยี่ยงนี้ วางหมากได้อย่างสมเหตุสมผล เช่นนั้นการถูกเปิดโปงก็สมเหตุสมผลเช่นกัน

“ใต้เท้าปลัดเขตปกครอง โปรดชี้แนะด้วย” สวี่ชิงจ้องเขม็ง

เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ประกายในสายตาองค์ชายเจ็ดก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ก่อนหน้านี้ปลัดเขตปกครองคิดจะสังหารสวี่ชิงที่หยั่งใจหมื่นจั้ง คำพูดตอบกลับเวลานี้ของสวี่ชิงก็เป็นการแทงใจด้วยเช่นกัน

จากที่เขาได้ร่วมมือกับปลัดเขตปกครองมาถึงตอนนี้ นิสัยของอีกฝ่ายก็ดูแคลนคำโป้ปดจริงๆ ทั้งหมดล้วนอาศัยความสมเหตุสมผล

เจ้าถามเช่นไร ข้าก็จะตอบเช่นนั้น

ทว่าตอนนี้ ถ้ายอมรับก็เท่ากับไร้ซึ่งความเป็นไปได้ที่จะปกปิดซ่อนเร้น แผนการทั้งหมดจะมลายหายไปกับสายน้ำ

หากไม่ยอมรับ ก็เท่ากับทรยศกับหลักการการทำงานมาโดยตลอด จิตใจไม่ปลอดโปร่ง ความคิดไม่ราบรื่น

ปลัดเขตปกครอง เงียบนิ่งอีกครั้ง

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็มองสวี่ชิงอย่างล้ำลึก ถอนหายใจออกมา ราวกับชราภาพลง ทั้งร่างแผ่ความอ่อนล้า จากนั้นก็จำแลงร่างสูงใหญ่ ให้ทั้งเขตปกครองได้เห็น ล้วงลูกกลอนแก่นแท้เม็ดหนึ่งออกมากลืนมันลงไปต่อหน้าทุกคน เอ่ยเสียงแผ่วเบา

“ลูกกลอนแก่นแท้ ไม่มีพิษ”

ผู้คนทั่วสารทิศ พากันสั่นสะท้าน

“สวี่ชิง ข้าไม่รู้ว่าไยเจ้าจึงให้ร้ายเช่นนี้ แต่เห็นแก่ความชอบในอดีตของเจ้า ข้ายังสังหารเจ้าไม่ลง จับเจ้าขังไว้ในวังครองกระบี่ ไต่สวนถึงการชักจูงเบื้องหลัง หลี่อวิ๋นซาน นี่คือขีดจำกัดของข้าแล้ว เจ้ารับผิดชอบคอยคุ้มกันกับไต่สวนด้วย”

“ทหาร!”

พูดจบ แผ่นดินก็ส่งเสียงเลื่อนลั่น ร่างเงาหลายร่างลอยขึ้นมาฉับพลัน ในบรรดานั้น คือบ่าวรับใช้ข้างกายปลัดเขตปกครองที่สวี่ชิงเคยเห็นในอดีต

เขามองสวี่ชิงอย่างเสียดาย ร่างระเบิดคลื่นพลังหวนสู่อนัตตาขั้นสอง

ส่วนปลัดเขตปกครองทางนั้น ระหว่างที่โบกมือ ข้างกายก็มีคลื่นวนปรากฏขึ้น ขณะที่หมุนวนเสียงครืนครัน หุ่นเชิดเกราะดำที่ใบหน้าเลือดเนื้อเลือนรางร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากในคลื่นวนทีละก้าว

ปราณความตายแผ่ซ่าน ดวงตามืดมนเย็นชา คลื่นพลังหวนสู่อนัตตาขั้นสี่ ปะทุออกมาจากร่างมัน

“ที่แท้ ท่านก็ไม่ใช่ม่วงคราม” สวี่ชิงเอ่ยเสียงแผ่วเบา

ปลัดเขตปกครองสีหน้าไร้อารมณ์ พูดเสียงเรียบ

“เอาตัวไป”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด