ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 535 ไพ่ตายของสวี่ชิง! (1)
บทที่ 535 ไพ่ตายของสวี่ชิง! (1)
เงื่อนไขสำคัญของการเปิดโลกกาฬกาลกิณีก็คือก้างปลาทั้งสามอันนั้น!
ก้างทั้งสามชิ้นสวี่ชิงจำได้เพียงในพริบตา มันคือวัตถุที่มือหยกขาวมหึมาข้างนั้นช่วงชิงไปในแดนต้องห้ามเซียนนั่นเอง
ตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าประโยชน์ของก้างสามชิ้นนั้นคืออะไร
ท้องฟ้าส่งเสียงเลื่อนลั่น ในม่านฟ้าชั้นที่สองที่แปลงมาจากระลอกคลื่นพลังหนามทั้งสามอัน หมอกสีดำทะลักโหม เสียงผีครวญคร่ำหมาป่าหอนโหยหวนชวนให้คนหวาดผวาเป็นระลอกๆ ดังมาจากทั่วทุกทิศ
ในภาพหมอกดำมืด วิญญาณร้ายนับไม่ถ้วนเงยหน้า ในเสี้ยวพริบตาที่มองไปข้างนอก เสียงเรียกให้กลับคืนมาของปลัดเขตปกครองแปรเปลี่ยนเป็นเส้นด้ายแห่งกรรมเวรนับไม่ถ้วน
ฝั่งหนึ่งเชื่อมกับเสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครอง อีกฝั่งหนึ่งพุ่งเข้าไปในโลกกาฬกาลกิณี เชื่อมไปในวิญญาณคนตายของเขตปกครองผนึกสมุทรรัฐม่วงคราม แปรเปลี่ยนเป็นแรงเหนี่ยว
ดังนั้น วิญญาณร้ายที่ถูกเหนี่ยวรั้งมาเป็นทางๆ จึงมาตามเส้นด้ายแห่งกรรมเวร มุดออกมาจากม่านฟ้าชั้นที่สอง มองไปยังผืนแผ่นดินอย่างละโมบ มองไปยังคนที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกคนที่นี่
นี่ถึงจะเป็นแผนการใหญ่ของปลัดเขตปกครอง
สิ่งที่เขาจะสังเวยให้กับนายของเขาไม่ใช่แค่ผลชะตาที่หลอมรวมไว้ซึ่งชีวิตของผู้คนทั้งหลายในเขตปกครองผนึกสมุทรและพลังดวงชะตาเท่านั้น ยังมี…การหวนคืนกลับมาของเขตปกครองผนึกสมุทรด้วย!
ใช้เรื่องนี้เป็นการชดใช้
และคนทั้งหลายในเขตปกครองผนึกสมุทรก็คือร่างที่เตรียมไว้ให้ประชาชนที่กลับมาจากดินแดนกาฬกาลกิณีของตัวเอง
เพียงแต่จังหวะยังไม่ทันสมบูรณ์ดี ผลยังไม่ทันสุกงอม เขายังไม่ทันหลอกคนทั้งหลายได้เป็นเจ้าเขตปกครองผนึกสมุทรทำให้ตัวเองมีพลังดวงชะตาเขตปกครองผนึกสมุทร
เขาจึงไม่อาจทำการปกป้องให้การมาเยือนของประชาชนราบรื่นได้ตามแผน
ดังนั้น การฝืนลงมาเยือนของวิญญาณร้ายเหล่านั้น ในเสี้ยวพริบตาที่ปรากฏขึ้น ภายใต้การโจมตีจากพลังของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ วิญญาณร้ายเหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบ ตายอย่างน่าเวทนา
ต่อให้แตกดับไปถึงขนาดนี้ แต่ก็ยังมีวิญญาณร้ายอีกจำนวนนับไม่ถ้วนลงมาเยือนเขตปกครองผนึกสมุทร
แต่ว่าปลัดเขตปกครองเป็นคนรักษาคำพูด เขาทำตามสัญญา คนขององค์ชายเจ็ดไม่ตกเป็นเป้าไปด้วย
ทว่าองค์ชายเจ็ดตอนนี้ในใจเกิดคลื่นยักษ์ซัดโหมเช่นกัน เขาคาดการณ์ไม่ถึงแผนการชั้นนี้ของปลัดเขตปกครอง เดิมเขาคิดว่าแค่เป็นการสังเวยเท่านั้น กระทั่งว่าก้างปลาสามชิ้นนั้นเขาก็คิดไม่ถึงว่าจะเอามาใช้ที่นี่
“ไป๋เซียวจัว!” องค์ชายเจ็ดหรี่ตา เขาที่ยืนอยู่บนแท่นพิธีลมหายใจหอบถี่เล็กน้อย ฝีเท้าคิดจะก้าวออกไป
เรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก ใหญ่จนเขาหวั่นไหว
ผู้บัญชาการที่อยู่รอบๆ เขาแต่ละคนในดวงตาฉายประกาย มองมาทางเขา
บนท้องฟ้า มังกรทองสี่กรงเล็บคำรามเสียงต่ำ มองไปเช่นกัน
บนพื้น หนิงเหยียนในกลุ่มผู้คน ขณะที่ตัวสั่นงันงกดวงตาก็แดงก่ำเล็กน้อย มองไปทางองค์ชายเจ็ดเช่นกัน
แต่สุดท้าย องค์ชายเจ็ดที่จ้องปลัดเขตปกครอง ภายใต้สายตาที่ไหววูบเล็กน้อย แต่ก็…ไม่ได้เคลื่อนไหว
เขาในฐานะองค์ชาย รู้ความลับมากมาย และความรู้ความเข้าใจที่เกิดขึ้นจากการเติบโตเช่นนี้ ทำให้เขาวิเคราะห์สถานการณ์ข้างหน้านี้ได้อย่างชัดเจน
เขารู้ ปลัดเขตปกครองในเสี้ยวขณะนี้ไม่ใช่พลังธรรมดาทั่วไปที่จะสยบได้ จะต้องมีคุณสมบัติสายเลือดที่สูงมากจึงจะกำจัดไปได้
ยกตัวอย่างเช่นการมาเยือนของระดับเตรียมสู่เทวะ หรือยกตัวอย่างเช่นจางซืออวิ้นยังอยู่
เพราะปลัดเขตปกครองในสภาวะนี้ความจริงสำหรับชื่อหมู่แล้ว ก็เป็นอาหารโอชะเช่นกัน
น่าเสียดายที่ชื่อหมู่หลับใหลสู่ห้วงนิทราลึกแล้ว
และเทพเจ้าองค์อื่นๆ หลังจากการเคลื่อนไหวของชื่อหมู่ก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่ก็หลบซ่อนอำพรางไป
ส่วนเสี้ยวหน้าเทพเจ้าบนท้องฟ้า จากเอกสารลับในเมืองหลวงจักรพรรดิ เขารู้ว่าเผ่าต่างๆ ที่ทำการแลกเปลี่ยนกับเสี้ยวหน้าเทพเจ้า มีมาเนิ่นนานแล้ว
แต่ก็เป็นเพียงการแลกเปลี่ยน เสี้ยวหน้าจะไม่ลืมตาให้พวกเขา
ในประวัติศาสตร์ ครั้งเดียวที่เสี้ยวหน้าลืมตาให้มนุษย์ มีเพียงจื่อชิง
ดังนั้น หากตนฝืนลงมือ แม้จะขัดขวางไม่ให้โศกนาฏกรรรมเกิดขึ้นได้ แต่ค่าตอบแทนมหาศาลนัก เขาจะต้องเสี่ยงอันตราย อีกทั้งตัวเองก็จะสูญเสียหลังรากฐานในระดับสูงสุด
เป็นฝ่ายฉีกสัญญาก่อน ทั้งยังผลาญพลังรากฐานของตัวเองในระดับสูงสุด ตัวเองยังมีอันตรายเป็นตาย ทุกอย่างนี้เทียบกับเขตปกครองผนึกสมุทรแล้ว องค์ชายเจ็ดรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า
พลังรากฐานของเขาไม่ควรมาเสียเปล่าที่นี่ เสียเปล่าในตอนนี้
ดังนั้นเขาจึงไม่ขยับ เขากำลังรอ รอการดำเนินไปของเรื่องราวหลังจากนี้ ขณะเดียวกันสมองก็วิเคราะห์อย่างรวดเร็วว่าจะจัดการอย่างไรถึงจะรักษาผลประโยชน์ได้มากที่สุด
ส่วนเคราะห์ของเขตปกครองผนึกสมุทร…ไม่มีความวุ่นวาย จะมีความดีความชอบได้อย่างไร
ดังนั้น คนที่มองมาที่เขาจากรอบๆ เขาจึงเมินเฉยไปเสีย
ส่วนสวี่ชิงไม่ได้มององค์ชายเจ็ดคนนี้มาตั้งแรกแรกแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เขาก็รู้แล้วว่า ฝากความหวังไว้ที่องค์ชายเจ็ด เดิมก็เป็นเรื่องที่ไร้เดียวสาประเภทหนึ่ง
มังกรทองสี่กรงเล็บบนท้องฟ้า คำรามโศกเศร้าอีกครั้ง ตามังกรมองไปทางสวี่ชิงที่อยู่บนพื้นไปตามสัญชาตญาณ
สวี่ชิงยกมือเงียบๆ ไฟของวิเศษเวทต้องห้ามเมืองหลวงเขตปกครองบนร่าง ลอยไปจากร่าง แปรเปลี่ยนเป็นตาข่ายสีทอง ปกป้องเขตปกครองผนึกสมุทรเหมือนกับก่อนหน้านี้ พลันขยายไปทั่วทุกทิศ ขวางกั้นวิญญาณร้ายจากม่านฟ้า
“ไม่มีประโยชน์ ชื่อหมู่กลืนกินเทพเจ้าแห่งดินแดนกาฬกาลกิณีไปแล้ว ทำให้ที่นั่นเสียการควบคุม ดังนั้นข้าจึงลงมือได้อย่างราบรื่นแบบนี้ เจ้าขวางกั้นไม่ได้”
เสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครองเอ่ยเสียงเบา
สวี่ชิงมองปลัดเขตปกครอง จู่ๆ พลันพูดขึ้นมา
“เช่นนั้นเจ้าตอนนี้ สมดังเจตนารมณ์แล้ว กล้าเข้าใกล้ข้าหรือไม่”
เสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครองเงียบนิ่ง มองสวี่ชิงอย่างล้ำลึกแวบหนึ่ง
“เสี้ยวขณะนี้นอกจากเทพเจ้าลงมาจุติหรือจักรพรรดิมนุษย์เสด็จมา ไม่เช่นนั้นแล้วทางด้านคุณสมบัติสายเลือดไม่มีใครสยบข้าได้
“แต่เจ้าถามคำถามนี้กับข้าหลายครั้งแล้ว ข้าก็จะให้โอกาสเจ้า ให้ข้าดูหน่อยสิว่า เจ้าถือไพ่ตายอะไรเอาไว้
“เจ้าเดินมาได้เลย”
ปลัดเขตปกครองเอ่ยเสียงสงบนิ่ง
สวี่ชิงยกเท้า เดินไปหาเขา
ผืนดินรางเลือนไร้ขอบเขต
ผืนฟ้าบิดเบี้ยวไปทั้งผืน
พลังสยบควบคุมทำให้ทุกอย่างในมิติล้วนลำบากเป็นอย่างยิ่ง ส่วนหุ่นเชิดร่างทดสอบเทพเจ้าทั้งสองตัวนั้น ท่ามกลางสายฝนเลือดพลังอำนาจท่วมฟ้า การลงมือของพวกมันสกัดกั้นทุกสิ่ง
นายกองเงียบนิ่ง เขามองเงาแผ่นหลังของสวี่ชิง จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา พูดออกไปว่า
“อาชิงน้อย หากเจ้ากับอาจารย์พลีชีพกันหมด ข้าจะตามพวกเจ้าไปอยู่ด้วย”
“ได้!” สวี่ชิงไม่ได้หันกลับไป เอ่ยเสียงเบา
นายกองหัวเราะ พึมพำในใจ
“ศิษย์น้องเล็กทำอะไรน้อยครั้งนักที่จะบุ่มบ่าม เขาน่าจะมีไพ่ตายของตัวเอง แต่ว่าในฐานะที่เป็นศิษย์น้องแต่กลับทำท่าเหมือนเป็นศิษย์พี่มาขวางข้า หึ
“ช่างเถิด เห็นแก่ที่เขาเป็นห่วงข้า ข้าก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้ ในเมื่อเขาไม่อยากให้ข้าปลดผนึกตอนนี้ เช่นนั้น อีกเดี๋ยวหากเขาล้มเหลวก็ไม่มีเหตุผลมาขวางข้าแล้ว
“ข้าต้องคิดสักหน่อย อีกเดี๋ยวในตอนที่ลงมือต้องทำท่าอย่างไร ต้องพูดอะไร ถึงจะทำให้การสิ้นสุดของชาตินี้ยิ่งยอดเยี่ยม ยิ่งสะท้านไปทั่วภพ
“ในเมื่อ…ให้ตายสิ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการปลดผนึกสุดท้ายครั้งข้าจะมีชาติต่อไปหรือไม่…นับๆ ครั้งดูแล้วคงจะไม่มีแล้ว น่าเสียดาย ข้ายังอายุน้อยแท้ๆ เถาจื่ออวบอั๋นยังรอข้า นวลนางนิ้วทั้งห้าก็เฝ้ารอข้า ในอนาคตยังมีพวกน้องสาวอีกมาก ข้ายังไม่ได้แต่งงานเลย…”
นายกองยกมือ นับๆ นิ้ว ถอนหายใจ
ตอนนี้สวี่ชิงเดินไปทางท้องฟ้า แต่จากการเข้าไปใกล้ พลังกดดันที่มาจากเสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครองทำให้เขายิ่งก้าวเดินได้ยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ ห่างร้อยจั้งประดุจห่างกันราวฟ้ากับดิน
ในตอนที่เดินไปได้อีกสิบจั้ง ร่างของสวี่ชิงก็มีหลายที่ที่เลือดเนื้อเหวอะหวะ ปากมีเลือดสดๆ ไหลย้อย ท่ามกลางฝีเท้าที่โซเซ เขายกมือสะบัด ทันใดนั้นพลังปราณทั้งสิบสองปะทุขึ้นเพิ่มพลังให้กับทั้งร่าง เดินไปข้างหน้าต่อ
หลังจากเดินไปสิบสามจั้ง ปราณตะเกียงแห่งชีวิตร่มดำหมองหม่น หลังจากสิบหกจั้ง ปราณตะเกียงลมครวญเจ็ดสีรางเลือน หลังจากสิบเก้าจั้ง ปราณตะเกียงปีกโลหิตวิญญาณทมิฬหลบเร้น หลังจากยี่สิบสองจั้ง ปราณตะเกียงสังหารเซียนกัดกินเทพบิดเบี้ยว
ฝีเท้าของสวี่ชิงพลันหยุดนิ่ง หอบหายใจฮัก เขาพยายามเงยหน้า มองไปทางเสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครอง
ปลัดเขตปกครองก็จ้องมองมาทางเขาเช่นกัน
“ยังเหลืออีกเจ็ดสิบแปดจั้ง”
สวี่ชิงพยักหน้า วิหคทองปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ เป็นกายปราณ เพิ่มพลังให้ทั่วทั้งกายเคลื่อนไปข้างหน้า จากนั้นแสงประกายอรุณกะพริบวูบวาบ เคลื่อนไปข้างหน้าอีกครั้ง
ยังไม่จบ อสูรสมุทรบรรพกาลในร่างสวี่ชิงปรากฏออกมา เงยหน้าคำราม เขาเดินไปอีกหลายจั้ง
ปราณในร่างสวี่ชิงทยอยปะทุขึ้นมาเช่นนี้เอง ปราณพิษต้องห้าม ปราณพระจันทร์สีม่วง ปราณจักรพรรดิภูต เพิ่มพลังอยู่เรื่อยๆ ทำให้เขาเคลื่อนไปข้างหน้าไม่หยุด แต่ละครั้งเป็นระยะไม่เท่ากัน
จวบจนเดินไปได้สามสิบจั้ง สี่สิบจั้ง ห้าสิบจั้ง…สุดท้ายเมื่อเงาเด็กชายตัวน้อยคนนั้นปรากฏขึ้นมาซ้อนทับกับสวี่ชิง เขาเดินได้ถึงห้าสิบหกจั้ง!
“ถึงขีดจำกัดแล้วหรือ” ปลัดเขตปกครองห่างออกไปสี่สิบสี่จั้ง ส่ายหน้าเบาๆ
สวี่ชิงเงียบนิ่ง ในดวงตาประกายวาววับฉายวูบ ยกมือขวาขึ้นแล้วพลันกดไปทางพื้นดินข้างล่าง ปากส่งเสียงต่ำทุ้มออกมา
“จงมา!”
ใต้เมืองหลวงเขตปกครอง แผ่นดินรางเลือนสั่นคลอนทันที หอกระบี่นับไม่ถ้วนพังถล่ม เหมือนมังกรดินพลิกตัว และต้นกำเนิดทุกอย่างนี้มาจากในจุดลึกกรมราชทัณฑ์ มาจาก…แดนต้องห้ามเซียนที่นั่น
สวี่ชิงตอนนั้นอยู่ในแดนต้องห้ามเซียนเขาก็สัมผัสได้แล้ว หลังจากที่เทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียนจากไป เขาสามารถดูดซับไอพลังประหลาดที่หลงเหลือในนั้นได้ เพียงแต่ความสามารถของเขามีจำกัด อีกทั้งยังกังวลว่านิ้วเทพเจ้าในติงหนึ่งสามสองจะฟื้นตื่น จึงควบคุมตัวเองเอาไว้
แต่ตอนนี้เขาไม่คิดจะควบคุมแล้ว
เพราะเขาจะปลุกนิ้วเทพเจ้าในติงหนึ่งสามสอง!
ตอนนี้จากการเหนี่ยวนำของเขา เสียงครืนครันจากแดนต้องห้ามเซียนในกรมราชทัณฑ์บนพื้นก็ส่งเสียงดังก้องฟ้าดิน
ไอพลังประหลาดในนั้นทะลักโหมบ่าออกมาจากทางออก ซัดทะลวงค่ายกลทั้งหมด เกิดเป็นไอพลังสีดำเข้มข้นกลุ่มหนึ่ง พวยพุ่งขึ้นมาบนฟ้าจากในหลุมลึกกรมราชทัณฑ์
มองไกลๆ เหมือนมังกรดำทะยานขึ้นฟ้า พุ่งตรงมาหาสวี่ชิง
เพียงพริบตา ไอพลังประหลาดพวกนี้ก็ปกคลุมสวี่ชิงไว้ในนั้น พุ่งเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าสวี่ชิงฉายแววเจ็บปวด ร่างกายส่งเสียงดังกร๊อบๆ หลังจากมาถึงขีดจำกัดสูงสุดก็ถูกฝืนทะลวงเปิด ร่างเปลี่ยนจากหนึ่งจั้งก่อนหน้านี้เป็นสองจั้ง สามจั้ง…
จวบจนสูงถึงสิบจั้ง ประดุจยักษ์
พลังมหาศาลบิดม้วนปรากฏขึ้นรอบๆ กลิ่นอายเทพเจ้าปะทุขึ้นมาอย่างมหาศาลแข็งแกร่งจากบนร่างสวี่ชิง
นิ้วเทพเจ้าที่หลับใหลในติงหนึ่งสามสองในร่างเขา ท่ามกลางการแผ่ขยายของเส้นสีทองในเลือดเนื้อสวี่ชิงตอนนี้ ท่ามกลางไอพลังประหลาดที่ตลบอวลไปทั่วร่างสวี่ชิงก็พลันตื่นขึ้นมา
ในเสี้ยวพริบตาที่ตื่นขึ้น ร่างสวี่ชิงร่างนี้ก็แผ่กลิ่นอายเทพเจ้าที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิมออกมา เสียงคำรามที่ไม่เหมือนเสียงมนุษย์คำรามมาจากในร่างของเขา
แววตาของเขาเปลี่ยนไป ฉายความสับสนงุนงง สีหน้าของเขาฉายอำนาจน่าเกรงขาม
ส่วนร่างของเขากำลังพุ่งไปหาปลัดเขตปกครอง
“อ๊าก เจ้ากำลังจะทำอะไร!”
เสียงคำรามดังออกมาจากในร่างสวี่ชิง นิ้วเทพเจ้าถูกกระตุ้นจนตื่นขึ้นมาโดยสมบูรณ์
ในเสี้ยวพริบตาที่ตื่นขึ้น สิ่งที่องค์ท่านเห็นข้างหน้าก็คือเสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครอง
คุณสมบัติสายเลือดและกลิ่นอายของอีกฝ่ายทำให้องค์ท่านสะท้านเฮือก ยิ่งเมื่อได้เห็นม่านฟ้าชั้นที่สอง นั่นเป็นก้างปลาที่เกิดขึ้นจากร่างของตัวเอง
จากนั้นองค์ท่านก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของโลก ความบิดเบี้ยวและรางเลือนรอบๆ ทำให้องค์ท่านตื่นตระหนกไปตามสัญชาตญาณ
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ในยามที่ในใจองค์ท่านเกิดคลื่นยักษ์ท่วมฟ้าซัดโหม สวี่ชิงก็ก้าวข้ามระยะสามสิบกว่าจั้ง คำรามเสียงดังลั่นออกมา
“ยังไม่ลงมืออีก!”
นิ้วเทพเจ้าโมโหตกใจ คิดอยากหนี แต่ก็ถูกผลึกวารีสีม่วงควบคุมไม่สามารถจากไปได้ คิดอยากจะดิ้นรนแต่สิทธิ์การควบคุมร่างกายอยู่กับสวี่ชิงทางนั้น
Comments