ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 537-2 เหยียบขวากหนามให้เตียน เดินไปสู่บัลลังก์ (2)

Now you are reading ผู้กล้าเหนือกาลเวลา Chapter บทที่ 537-2 เหยียบขวากหนามให้เตียน เดินไปสู่บัลลังก์ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 537 เหยียบขวากหนามให้เตียน เดินไปสู่บัลลังก์ (2)

ณ เขตปกครองผนึกสมุทร

พริบตาที่ไป๋เซียวจัวตาย ภูเขาแม่น้ำที่โผล่ขึ้นมาจากการกลับมาของห้วงบรรพกาลในมณฑลต่างๆ ก็สั่นไหวพร้อมกัน

หลังจากที่ม่านฟ้าลำดับสองสลายหายไป เดิมพวกมันก็กำลังทรุดตัว แต่เหมือนยังมีเจตจำนงหนึ่งค้ำจุนไว้ จึงไม่ได้ถล่มทลายลงจนสิ้น

แต่ระหว่างที่ส่งเสียงครืนครัน ในที่สุดภูเขาแม่น้ำห้วงบรรพกาลเหล่านี้ก็พังถล่มลงมา แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

ขณะที่ทรุดลงมาทั้งหมดก็กลายเป็นฝุ่นธุลี ลอยคละคลุ้งราวกับกาลเวลานับหมื่นปีที่ประเดี๋ยวเดียวก็ไหลผ่านไป

ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นแจ่มใส พื้นดินค่อยๆ กลับคืนมา

เพียงแต่ทอดสายตามองไป ก็ยังเห็นความพังพินาศทั่วทุกหนแห่ง

ร่องรอยที่หลงเหลืออยู่จากการต่อสู้ครั้งนี้ กระจัดกระจายไปทั่วเขตปกครองผนึกสมุทร น่าสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง

ต่างเผ่าที่ตายไปยิ่งเป็นจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะแคว้นเล็กและสำนักเล็กของเผ่ามนุษย์ กวาดล้างไปนับไม่ถ้วน

สงครามก่อนหน้านี้ เดิมก็ทำให้เขตปกครองผนึกสมุทรสูญเสียครั้งใหญ่มโหฬาร ตอนนี้หายนะจากการเปลี่ยนไปของปลัดเขตปกครองเข้ามาอีก ทำให้ผนึกสมุทรที่อยู่ในระหว่างการฟื้นฟูเผชิญกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัด

ชั่วขณะหนึ่ง ที่ผู้คนในมณฑลต่างๆ กำลังอึ้งตะลึง มีผู้เสียชีวิตมากมายที่ไม่รู้กระทั่งสาเหตุของหายนะนี้ด้วยซ้ำ

การไว้อาลัยและหยาดน้ำตา ปกคลุมไปทั้งฟ้าดิน

ส่วนเมืองหลวงเขตปกครองผนึกสมุทรซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ก็เช่นเดียวกัน

ความโศกเศร้าอบอวลทั่วเมืองหลวง แม้สายอัสนีบนฟากฟ้าที่ฟาดลงมาบนพื้นกับฝนเลือดจะสร่างซา ทว่าความเศร้าโศกยิ่งมากขึ้น

ม่านราตรีและจันทร์กระจ่างค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนฟากฟ้า จับตาดูทุกสรรพสิ่งอย่างเงียบงัน

ภายใต้การจับจ้องนี้ หุ่นเชิดร่างทดสอบเทพเจ้าสองตัวที่อยู่กลางอากาศเหนือแท่นพิธี ในร่างกายส่งเสียงปริแตกออกมา ลงมือช้าลง กลิ่นอายค่อยๆ จางหายไป

การตายของปลัดเขตปกครอง ทำให้พวกมันสูญเสียพลังต้นกำเนิด จึงลืมตาทั้งสองขึ้น ขณะที่ค่อยๆ ปิดลง ก็เห็นว่าสูญเสียกลิ่นอายทั้งหมดไป

“ปลัดเขตปกครองก่อความไม่สงบ ทำลายผนึกสมุทรของข้า เรื่องนี้ฟ้าดินขุ่นเคือง อภัยให้ไม่ได้!

“ผู้บำเพ็ญทั้งหมดฟังคำสั่ง สยบความวุ่นวายทั้งหมดของจวนปลัดเขตปกครอง คืนฟ้าใสให้ฟ้าดินเขตปกครองผนึกสมุทร!”

ผู้บัญชาการรอบตัวเขาเหล่านั้นก็ลอยกลางอากาศตามเสียงกึกก้องขององค์ชายเจ็ด ส่วนตนเองก้าวออกมาก้าวหนึ่ง ตรงไปยังหุ่นเชิดที่กลิ่นอายใกล้จะจางหายไปจนหมดทั้งสองตัวนั้น

รวดเร็วยิ่ง พริบตานั้น ผู้บัญชาการนับสิบก็เข้าประชิด เสียงที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินดังก้องไปทั้งชั้นเมฆ

องค์ชายเจ็ดกล้าหาญชาญชัยอย่างยิ่ง ราวกับโทสะที่สะสมไว้เนิ่นนานระเบิดออกมา ส่งเสียงครืนครันไปหาหุ่นเชิดตัวหนึ่ง

เพราะโถมเข้าใส่สุดกำลัง จึงจำแลงร่างเงามายาใหญ่โตออกมาระหว่างฟ้าดิน ทำให้คนธรรมดาในเมืองหลวงเขตปกครองตอนนี้เห็นอย่างชัดเจน

การลงมือของผู้บัญชาการเขายิ่งราวกับสายฟ้าฟาด ดังนั้นไม่นานนักหุ่นเชิดสองตัววนั้นก็ไร้ซึ่งกำลังรบ ตกลงสู่พื้นดิน กลิ่นอายจางหายไปจนหมดสิ้น

ขณะเดียวกัน ร่างจำแลงองค์ชายเจ็ดก็อ้าแขนทั้งสองข้าง ทานรับฝนเลือดที่โปรยปรายลงมาในเมืองหลวงเขตปกครอง

เมื่อหยาดฝนเลือดหลั่งรินลงบนร่างเขา ก็กลายเป็นรอยกัดกร่อนเป็นทางๆ แต่ถึงอย่างไรองค์ชายเจ็ดก็ใช้ร่างกายต้านทาน จึงไม่โปรยปรายลงมาอีก และสุดท้ายท่ามกลางเสียงคำรามของมังกรทองบนฟากฟ้า ฝนเลือดก็หยุดลง

ขณะเดียวกัน ทหารนับสิบล้านคนนอกเมืองหลวงเขตปกครอง ก็ลอยขึ้นมา

แต่ละคนกางวิชาเวท กลายเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ ขับไอพลังประหลาดในที่แห่งนี้ออกไป

องค์ชายเจ็ดก็ซื่อสัตย์จริงใจ ออกคำสั่งให้เหล่าทหารทั้งหมดกระจายกำลังไปทั่วเมืองหลวงเขตปกครอง ช่วยเหลือคนธรรมดา

ด้วยคำสั่งของเขา คนธรรมดานับไม่ถ้วนถูกช่วยชีวิตกลับมาในตอนที่เกือบจะกลายพันธุ์ ส่วนไอพลังประหลาดในเมืองหลวงเขตปกครองก็เริ่มสลายหายไปเป็นวงกว้าง

บางครั้ง ยังมีเสียงโห่ร้องสรรเสริญอย่างตื่นเต้น มาพร้อมกับความซาบซึ้งในพระมหากรุณาขององค์ชายเจ็ดมาจากทั้งแปดทิศบ้างประปราย…

ทว่า ไม่ใช่ทุกคนที่กลายเป็นคนตาบอด กลายเป็นคนหูหนวก กลายเป็นคนโง่ที่จะถูกชักจูงไปตามใจชอบ ดังนั้นเสียงโห่ร้องจึงไม่ได้ดังมากนัก แต่คนส่วนใหญ่ล้วนกำลังนิ่งงัน

โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญสามวังนับแสนคนรอบๆ แท่นพิธี พวกเขาทุกคนมองการกระทำขององค์ชายเจ็ดอย่างเย็นชา ในสายตาพวกเขาแฝงความผิดหวัง แฝงความโกรธเคือง และแฝงความเย้ยหยัน

และความขื่นขม

บางคน คิดถึงเจ้าวัง

บางคน คิดถึงหลังจากที่เจ้าวังตาย คำไว้อาลัยเพียงประโยคเดียวคือจะซื่อสัตย์ต่อหน้าที่

ส่วนคุณูปการทั้งหมด เกียรติยศทั้งหมดกลายเป็นรัศมีให้องค์ชายเจ็ดอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว

ตอนนี้ ราวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเจ้าวังครองกระบี่ในครั้งนั้น กำลังฉายซ้ำไปซ้ำมา

เพราะ คนที่รู้ความจริงมีเพียงพวกเขา และคำกล่าวของเพียงแสนคน หากทอดมองไปทั้งเขตปกครอง ทอดมองไปทั้งเผ่ามนุษย์ ก็เป็นเพียงแค่คลื่นลูกเล็กๆ ลูกหนึ่งเท่านั้น

ส่วนคนธรรมดา อุปสรรคในด้านความรู้ความเข้าใจจะทำให้พวกเขาได้รับผลกระทบได้ง่าย นอกจากนี้เดิมนิสัยมนุษย์ ก็ขี้หลงขี้ลืมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ไม่นานนัก พวกเขาก็จะลืมเลือนเรื่องนี้ไปตามสัญชาตญาณเอง ถูกสิ่งใหม่ๆ ดึงดูดความสนใจ

แค่องค์ชายเจ็ดใช้ลูกกลอนแก่นแท้มาเป็นจุดสำคัญดึงดูดใจ เช่นนั้นเขาก็จะแก้ไขจุดบกพร่องทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรเมื่อเทียบกับความชั่วร้ายของปลัดเขตปกครอง พิษของลูกกลอนแก่นแท้ต่างหาก ที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกคน

ส่วนด้านนอกเมืองหลวงเขตปกครอง เหล่าคนที่ยังไม่รู้ความจริงเหล่านั้น ก็จะยิ่งได้รับผลกระทบได้ง่าย สิ่งที่พวกเขาจะได้ยินไปตลอดกาล คือคำตอบอีกคำตอบหนึ่ง

โดยเฉพาะองค์ชายเจ็ดที่เพิ่งจะบุกเบิกขยายอาณาเขต เป็นผู้นำที่ทำให้เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ล่าถอย และเคยกอบกู้วิกฤตของเขตปกครองผนึกสมุทร มีคุณูปการชนิดไม่มีใครเทียบเคียงได้

รัศมีของเขาประหนึ่งร่างที่ห่อหุ้มด้วยทองคำ ดังนั้นคำพูดของเขา จึงมีผู้คนเชื่อถือมากกว่า

นานวันเข้า ใจคนก็จะถูกคลื่นลูกใหญ่ชะล้างช้าๆ จวบจนฝังกลบไว้ที่มุมหนึ่งของประวัติศาสตร์ ไม่มีค่าให้เอ่ยถึง

เว้นเสียแต่ สวี่ชิงยังมีชีวิตอยู่ และกลับมาทันที!

ถ้าเป็นเช่นนี้ คุณค่าก็จะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

ขณะที่ใจคนไม่สั่นไหวก็จะมีจุดที่มาบรรจบกัน ดวงชะตามีที่ให้กลับมารวมเป็นหนึ่ง ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม

แต่ความเป็นไปได้นี้ ในความรู้ความเข้าใจของผู้คนนั้นน้อยมาก

บนท้องฟ้า โหวเหยามองทุกอย่าง หลับตาลง ลอบถอนหายใจ

เขารู้ดีว่า การมีอยู่ของตนอยู่ที่องค์ชายเจ็ดทางนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วงชิงผลของความพยายามทั้งหมดมา

เพราะอย่างไรองค์ชายเจ็ดก็ช่วยเหลือเขาไว้ และเดินออกมาจากในกลุ่มผู้บัญชาการขององค์ชายเจ็ด

รองเจ้าวังทั้งสาม ทำได้เพียงเงียบนิ่ง

ชิงฉินร้องขึ้นอย่างเศร้าโศก ไร้ซึ่งกำลัง

ร่างของนายท่านเจ็ดร่อนลงมา ยืนอยู่ข้างกายศิษย์คนโตของตน

นายกองจะเอ่ยปาก นายท่านเจ็ดส่ายหัว เอ่ยเสียงราบเรียบ

“รอก่อน!”

“ก่อนที่สวี่ชิงจะออกไปวันนี้ เคยกล่าวกับข้าว่าเขารู้วิธีสลายพิษให้ผู้ที่กินลูกกลอนแก่นแท้ ทำให้เผ่ามนุษย์ทั้งเขตปกครองรอดพ้นจากอันตรายของลูกกลอนแก่นแท้ได้!

“ข้าเคยกินลูกกลอนแก่นแท้ และมีผู้อื่นบอกวิธีสลายพิษ แต่ข้าไม่เชื่อ ข้าเชื่อแค่วิธีของสวี่ชิงที่ก้าวออกมาในวันนี้และเปิดโปงเรื่องทั้งหมด!”

คำพูดของนายท่านเจ็ดหลักแหลมอย่างยิ่ง ดังก้องไปทั้งเขตปกครอง เพียงพริบตาก็ชักนำจิตใจของเผ่ามนุษย์นับไม่ถ้วน ม่านตาขององค์ชายเจ็ดก็หดเล็กลง

ดวงตานายกองฉายประกายประหลาด แอบคิดว่าสมแล้วที่เป็นอาจารย์ ขิงยิ่งแก่ยิ่งแรง จึงพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก

และเสียงของนายท่านเจ็ด ก็ทำให้คนนับแสนคนในที่แห่งนี้พากันมองไปทางเขา

ดวงตาโหวเหยาเปล่งประกาย สีหน้าชิงฉินก็มีความหวัง รองเจ้าวังทั้งสามเงยหน้ามองไปทางนายท่านเจ็ด

ที่นี่คนที่เข้าใจสวี่ชิงมากที่สุด ย่อมเป็นอาจารย์ของเขา

ดังนั้นคำพูดของนายท่านเจ็ดตอนนี้ จึงมีน้ำหนักมากกว่าในใจผู้บำเพ็ญนับแสนคน

โดยเฉพาะความหมายแฝงในนั้น ก่อนหน้านี้อาจมีคนยังไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง

บนท้องฟ้า องค์ชายเจ็ดสงบอารมณ์ เอ่ยเสียงราบเรียบ

“พวกเจ้าไม่ชอบใจข้า!

“เรื่องในวันนี้ ที่พวกเจ้าเห็นคือข้าไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง แล้วข้าไม่ได้ลงมือหรือไร ข้าลงมือแล้ว!

“เหยาเทียนเยี่ยนคือผู้ที่ข้าช่วยชีวิตไว้ การปรากฏตัวของเขา ข้าไม่ได้ห้ามปราม ยอมรับการกระทำของเขาโดยปริยาย

“หากเหยาเทียนเยี่ยนไม่ได้อ้งหลักฐานในช่วงที่สำคัญที่สุด สวี่ชิงที่อาศัยความเลือดร้อนมีประโยชน์อันใด

“ฐานะของปลัดเขตปกครอง ข้าย่อมสืบค้นเบาะแสมาแล้ว นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมข้าถึงช่วยโหวเทียนเหยาในตอนนั้น เดิมทีข้าจะรอให้เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ล่าถอยไปก่อน หลังจากสถานการณ์เผ่ามนุษย์มั่นคง ค่อยจัดการกับเรื่องนี้

“เพราะหลังจากที่ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์พลีชีพไปนับไม่ถ้วน ขณะที่สละวิญญาณวีรชนไปมากมาย ขณะที่จักรพรรรดิมนุษย์ใช้ดวงตะวันแห่งแสงอรุณอย่างสิ้นเปลืองถึงสร้างอำนาจขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก ข้าจึงปล่อยให้สูญหายไปตามกาลเวลาไม่ได้!

“ความเร็วเป็นสิ่งสำคัญ เวลานี้ คือเวลาที่พวกเราจะนำแผ่นดินกลับคืนมา แนวหลังพวกเราจะวุ่นวายมิได้เด็ดขาด!

“ดังนั้น ข้าจึงฝืนทน

“ส่วนพวกเจ้าที่ไม่รู้ว่าไป๋เซียวจัวแค่คนเดียว ไยจึงวางแผนการใหญ่ได้เพียงนี้ เบื้องหลังของเขาต้องมีผู้นำที่ล้ำลึกยิ่งกว่าเป็นแน่ หรือก็คือนายท่านที่เขาเอ่ยถึง!

“ดังนั้น หลังจากที่ข้ากระจ่างแจ้งทั้งหมดจึงเลือกที่จะรอ รอให้นายท่านของเขาปรากฏตัว และความเป็นไปได้อีกประการ ถ้าข้าไม่ลงมือ นายท่านของเขาก็จะไม่ลงมือ ข้า…คืออำนาจสยบอย่างหนึ่ง เป็นผู้รับรองพวกเจ้า!

“พวกเจ้าไม่เข้าใจและสงสัยได้ แต่จะปฏิเสธคุณค่าของข้า ณ ที่แห่งนี้ไม่ได้”

ด้านล่างแท่นพิธี ผู้บำเพ็ญนับแสนคนล้วนเงียบนิ่ง ไม่มีผู้ใดสนใจ

องค์ชายเจ็ดถอนหายใจเบาๆ จากนั้นแววตาก็เด็ดขาด

“พวกเจ้ารอได้ แต่การบูรณะเขตปกครองผนึกสมุทรขึ้นใหม่และการฟื้นฟูเผ่ามนุษย์ของเมืองหลวงเขตปกครองนั้นรอไม่ได้ และการช่วยเหลือเผ่ามนุษย์อีกนับล้านคนยิ่งรอไม่ได้!

“ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ มีความเป็นไปได้ที่ต่างเผ่าจะสร้างความวุ่นวาย ครอบครัวของพวกเจ้า สำนักพวกเจ้าสังกัด บ้านเกิดของพวกเจ้า กำลังตกอยู่ในอันตราย

“พวกเจ้าติดตามกองทัพใหญ่เมืองหลวง ไปยังมณฑลต่างๆ ของผนึกสมุทรทันที สยบความวุ่นวายทั้งหมด ช่วยเหลือเผ่ามนุษย์ทั้งหมดที่ประสบภัย นี่คือหน้าที่ของพวกเจ้า!”

ด้านล่างแท่นพิธี ผู้บำเพ็ญแต่ละคนนับแสนสีหน้าซับซ้อน สิ่งที่องค์ชายเจ็ดตรัสไม่ผิด พวกเขาไม่มีข้อโต้แย้งแม้แต่น้อย นี่เป็นหน้าที่ของพวกเขาจริงๆ

แต่หากแยกย้าย ก็แยกย้ายจริงๆ

ใช่ว่ารวมตัวกันใหม่ไม่ได้ แต่ต้องหลังจากนั้นอีกนาน และเมื่อถึงตอนนั้น ทุกอย่างอาจจะถูกเปลี่ยนแปลง ดำอาจกลายเป็นขาวได้

การกระจายตัว ก็คือดาบเล่มหนึ่ง

รองเจ้าวังทั้งสามสีหน้ามืดครึ้ม โหวเหยาถอนหายใจ กำลังจะเอ่ยปาก แต่พริบตาต่อมาก็หันหน้ามองออกไปไกลๆ ทันที

นายท่านเจ็ดร่างสั่นเทิ้ม พลันหันหน้าไปมองที่ไกลๆ

นายกองก็เช่นกัน ลมหายใจหอบถี่เล็กน้อย แววตาเปล่งประกายสีน้ำเงิน สีหน้าฉายแววยินดี

ยิ่งชิงฉิน ก็แผดเสียงอย่างตื่นเต้นบนท้องฟ้า

“แกว๊ก!”

บนพื้นดิน ผู้บำเพ็ญนับแสนคนล้วนสังเกตเห็น

องค์ชายเจ็ดขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่อาจสังเกตได้ มองฟ้าดินที่ไกลออกไป

สายรุ้งยาวสายหนึ่ง เวลานี้หวีดหวิวมาทางเมืองหลวงเขตปกครองอย่างรวดเร็ว

ความเร็วนี้ ไม่ใช่ระดับก่อกำเนิดลวง แต่เป็นความเร็วของหวนสู่อนัตตา

มองออกว่า ผู้ที่มีความเร็วน่าตกตะลึงเช่นนี้คือคนในเผ่าต้นไม้วิญญาณขนาดยักษ์ร่างหนึ่ง

และบนบ่าของเขา มีร่างในชุดคลุมเปื้อนเลือดร่างหนึ่งยืนอย่าสง่าผ่าเผยอยู่

ลมพัดชุดนักพรตโบกสะบัดไปตามสายลม สายตาเด็ดเดี่ยว แฝงแม่น้ำดาราเอาไว้ หน้าตาหล่อเหลา ฟ้าดินไร้สีสัน

สวี่ชิงนั่นเอง

มีงูขาวตัวเล็กตัวหนึ่งพันเกี่ยวอยู่ที่มือขวา กำลังมองมาทางเมืองหลวงเขตปกครองอย่างอยากรู้อยากเห็น

การปรากฏตัวของเขา ทำให้ผู้บำเพ็ญทั้งเมืองหลวงเขตปกครองตื่นเต้นขึ้นมาทันที ส่งเสียงโห่ร้อง คลื่นเสียงสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ครืนครันไปทั้งแปดทิศ ฟ้าดินแซ่ซ้องพร้อมกัน

บนม่านฟ้า มังกรทองสี่กรงเล็บตัวนั้นก็ร้องคำรามเช่นกัน ร่างแผ่แสงสีทองสนับสนุนสวี่ชิง ยิ่งพ่นเมฆหมอก ทำให้ฟ้าดินพร่างพราย ทำให้เผ่ามนุษย์ทั้งหมดในเมืองหลวงเขตปกครองเห็นได้อย่างชัดเจน

นี่เป็นครั้งแรกที่มันแผ่นิมิตมงคลให้กับเผ่ามนุษย์คนอื่นนอกจากบุตรจักรพรรดิ

ดังนั้น ในเมืองหลวงเขตปกครองจึงยิ่งโห่ร้องดังขึ้น กึกก้องไปทั้งชั้นฟ้า ยิ่งใหญ่อลังการยิ่งกว่าครั้งที่องค์ชายเจ็ดได้รับชัยชนะจากเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์กลับมาหลังเจ้าวังสู้จนตัวตายเสียอีก คลื่นเสียงทำให้ฟ้าดินโหมคลื่นลูกมหึมาขึ้น

รูปปั้นจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวกำลังสั่นสะเทือน

ตอนนั้นสวี่ชิงที่อยู่ท่ามกลางทหารนับหมื่นคน เงยหน้ามององค์ชายเจ็ดที่ผู้คนแซ่ซ้องสรรเสริญในเมืองหลวงเขตปกครอง ทำได้เพียงเงียบนิ่ง

วันนี้ องค์ชายเจ็ดมองสวี่ชิงที่ได้รับเสียงโห่ร้องยินดีต้อนรับขับสู้ที่กลับมาจากทั้งเมืองหลวงเขตปกครองบนแท่นพิธีเหนือเหล่าผู้บำเพ็ญ ทำได้เพียงเงียบนิ่งเช่นกัน

ยิ่งมีดวงชะตาไม่จบไม่สิ้น ลอยขึ้นมาจากทั้งแปดทิศ พุ่งไปรวมกันที่สวี่ชิง

ระหว่างที่เขาลอยมา ก็รวมกันที่เหนือศีรษะเขาอย่างรวดเร็ว จำแลงเป็นสิ่งที่คนนับล้านมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า…

กวานนั่นเอง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด