ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 538 ได้ใจผู้คนกลับคืน มีเพียงครรลองที่ถูกต้องและความยุติธรรมเท่านั้น

Now you are reading ผู้กล้าเหนือกาลเวลา Chapter บทที่ 538 ได้ใจผู้คนกลับคืน มีเพียงครรลองที่ถูกต้องและความยุติธรรมเท่านั้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 538 ได้ใจผู้คนกลับคืน มีเพียงครรลองที่ถูกต้องและความยุติธรรมเท่านั้น

ผู้ทะลวงฟ้า ย่อมต้องแบกรับน้ำหนักของมัน

น้ำหนักนี้มหาศาลนัก สามารถบดขยี้ร่างกายและวิญญาณทุกอย่าง

แต่หากแบกรับเอาไว้ได้สำเร็จก็จะเป็นดั่งนิพพาน

ผู้นิพพาน ยามสยายปีกบินบนนภา จะกลายเป็นจุดดึงดูดสายตาเพียงหนึ่งเดียว

เสี้ยวขณะนี้ สวี่ชิงที่ข้ามผ่านอุปสรรคอันตรายกลับมาก็คือผู้นิพพาน

หลังจากที่ผ่านเคราะห์ทุกอย่างก่อนหน้านี้ เงาร่างที่สะท้อนในสายตาของคนทั้งหลายประดุจแสงที่สว่างพร่างพรายที่สุดในฟ้าดิน

แสงนี้สูงหมื่นจั้ง จุดเพลิงแห่งอารมณ์ของคนในเขตปกครองหลวงทั้งหลาย กระตุ้นหัวใจที่กดดันอัดอั้นทุกข์ระทมต่อเนื่องมาของเขตปกครองผนึกสมุทร

ฟ้าดินเดือดพล่าน ทั้งแปดทิศโห่ร้องยินดีเพื่อเขา

คลื่นเสียงซัดโหม ลมเมฆหอบม้วน

เนื่องจากในช่วงเวลาที่ไม่ถึงสองปีนี้ สำหรับทุกคนในเขตปกครองผนึกสมุทรแล้วล้วนยากลำบากแสนสาหัสนัก

เจ้าเขตปกครองคนก่อนแตกดับเสมือนหมอกคลุมเครือปกคลุมในใจของคนทั้งหลาย และสงครามก็มาอย่างกะทันหัน การรบตายของเจ้าวังยิ่งทำให้เหมือนมีเคราะห์อัสนีฟาดลงมาในหมอกคลุมเครือนี้ ฉีกทึ้งเขตปกครองผนึกสมุทร ทิ้งเป็นรอยแผลขนาดมหึมาในใจของคนที่รอดมาได้ทุกคน

และการจบสิ้นของสงครามก็ทำให้เขตปกครองผนึกสมุทรที่อยู่ท่ามกลางพายุลมฝนกระหน่ำเพิ่งกลับมาฟื้นฟู แต่เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงจากปลัดเขตปกครองทำให้รู้สึกสิ้นหวัง

ในใจของทุกคนร้อนรนจนถึงขีดสุด พวกเขางุนงงสับสนทำตัวไม่ถูก พวกเขาขมขื่น พวกเขาไร้ซึ่งหนทาง พวกเขาต้องการให้ใครสักคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างนี้ พวกเขาต้องการใครสักคนพาพวกเขาฝ่าทุกอย่างนี้ออกไป

คนคนนี้พวกเขาเคยคิดว่าเป็นเจ้าวัง แต่เจ้าวังรบตาย

พวกเขาเคยคิดว่าเป็นองค์ชายเจ็ด เป็นปลัดเขตปกครอง…

แต่วันนี้พวกเขาคิดว่าคนคนนั้นคือสวี่ชิง!

ในเสี้ยวพริบตานี้ฟ้าเปลี่ยนสี นิมิตมงคลท่วมท้น บนผืนแผ่นดินเสียงตะโกนกู่ร้องยินดีดังกึกก้องกังวาน คลื่นเสียงซัดไปทั่วทุกทิศ ไม่ว่าจะชายหญิง คนแก่หรือเด็ก ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือผู้บำเพ็ญ ในสายตาของเขา ในใจของเขามีเพียงเงาของสวี่ชิงคนเดียวเท่านั้น

และสวี่ชิงก็เป็นจุดรวมสายตาของคนทั้งหลายในเขตปกครองผนึกสมุทรนี้

มังกรทองคำราม ชิงฉินกู่ร้อง ดวงชะตาจากร่างของทุกคน จากบนท้องฟ้า จากในแผ่นดิน รวบรวมมาไม่หยุด ทำให้กวานเหนือศีรษะสวี่ชิงยิ่งเจิดจ้าพร่างพราย

ดังนั้นท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดีนี้มีคนตะโกนคำว่าเจ้าเขตปกครองออกมา!

ไม่นานนัก คำเรียกนี้ก็ได้รับการยอมรับ เสียงมากมายทยอยตะโกนออกมา

“เจ้าเขตปกครอง!”

“เจ้าเขตปกครอง!”

ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดีของคนทั้งหลาย ในยามที่บรรยากาศของทั้งเขตปกครองหลวงผนึกสมุทรคึกคักจนขีดสุด ผู้อาวุโสใหญ่เผ่าต้นไม้วิญญาณที่คุ้มกันสวี่ชิงกลับมา ภายใต้การส่งสัญญาณของสวี่ชิงก็หยุดอยู่ห่างออกไปจากเมืองเขตปกครองหลวงร้อยจั้ง

สวี่ชิงที่อยู่บนไหล่ของเขามองทุกอย่างนี้ ในใจเกิดระลอกคลื่นลูกยักษ์ซัดโหม

จะอย่างไรเขาก็เพิ่งจะอายุยี่สิบปี ต่อให้ติดตามอาจารย์ เรียนรู้กับนายกองมากมาย แต่เสี้ยวขณะนี้ ในใจของสวี่ชิงเกิดระลอกคลื่นมหาศาล เขาไม่เคยคิดว่าจะเป็นเจ้าเขตปกครอง

ก่อนหน้านี้ไม่มีความคิดนี้เลยแม้แต่น้อย

เขาก็แค่ทำตามหัวใจของตัวเอง ลงมือทำในสิ่งที่คิดเท่านั้น

ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่นอกเขตปกครองหลวง เงียบนิ่งไปหลายอึดใจ

ในใจเกิดความงุนงงสับสนเล็กน้อย

จวบจนเสียงกู่ร้องยินดีในเขตปกครองหลวงดังขึ้นเรื่อยๆ สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก สะกดระลอกคลื่นในใจ ก้าวเดินไปข้างหน้าทีละก้าว

ก้าวเข้ามาในเขตปกครองหลวง พุ่งตรงไปยังแท่นพิธี

ทุกที่ที่ผ่าน คนธรรมดาหมอบคารวะ ผู้บำเพ็ญก็เช่นกัน ตลอดทางที่เดินไปล้วนเป็นเช่นนี้

กวานที่เหนือศีรษะของเขายิ่งเจิดจ้าพร่างพราย

จวบจนสวี่ชิงเดินไปถึงแท่นบูชา

พริบตาที่มาถึงที่นี่ ผู้บำเพ็ญทั้งสามวังจำนวนหลายแสนบนพื้น ในดวงตาต่างฉายประกายแสงแรงกล้า ประสานหมัดโค้งคารวะสวี่ชิง!

ไม่มีใครขอให้พวกเขาทำแบบนี้ แต่หลังจากที่เห็นทุกอย่างกับตาแล้ว พวกเขาอยากจะทำแบบนี้ไปโดยสัญชาตญาณ

เพื่อเจ้าวังของตัวเอง เพื่อการจากไปของเจ้าเขตปกครองคนก่อน เพื่อการคลี่คลายเคราะห์ครั้งใหญ่หลวงของเขตปกครองผนึกสมุทร เพื่อวีรชนผู้กล้าหาญ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ล้วนมากพอให้พวกเขาคารวะทำความเคารพด้วยความเต็มใจยินดี

การโค้งคารวะของคนหลายแสนทำให้กวานดวงชะตาเหนือศีรษะสวี่ชิงส่งเสียงครืนครัน ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ประกายแสงเกินหมื่นจั้ง

รองเจ้าวังทั้งสาม บนใบหน้าต่างฉายรอยยิ้ม ประสานหมัดคารวะเช่นกัน

หลี่อวิ๋นซานที่อยู่ในนั้นสีหน้าฉายความชื่นชม

ผู้ดูแลทั้งสามวังก้าวไปคารวะเช่นกัน สายตาที่มองสวี่ชิงแฝงความเหม่อลอยเหมือนฝัน

นายท่านเจ็ดไม่คารวะ นายกองด้วยเช่นกัน คนในเขตปกครองสมุทรผนึกสมุทร มีเพียงฐานะของเขาสองคนเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติไม่คารวะ เพราะพวกเขาเป็นสายเดียวกัน

โดยเฉพาะนายท่านเจ็ด ความภาคภูมิใจดวงตาปกปิดไม่มิด ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง

นายกองที่อยู่ข้างๆ ก็เช่นกัน ยืดอก ดวงตาฉายแววภาคภูมิใจ

องค์ชายเจ็ดบนท้องฟ้ามองสวี่ชิงที่เดินมา มองทุกอย่างรอบๆ เขารู้ดีว่าหลังจากนี้ในเขตปกครองปผนึกสมุทรจะไม่มีใครแตะสวี่ชิงได้อีกแม้แต่ปลายผม

ส่วนโหวเหยา เขาจ้องเพ่งสวี่ชิง ใบหน้าฉายรอยยิ้ม ในดวงตาแฝงด้วยความล้ำลึก ยิ่งมีความเด็ดเดี่ยวบางๆ

เขาในวันนี้จะเบิกฟ้าเบิกดิน จะทำเรื่องที่เผ่ามนุษย์ไม่เคยมีมาก่อน!

และที่นี่ในคนทั้งหลายเหล่านี้ ก็มีเพียงเขาที่มีคุณสมบัติผลักดันเรื่องนี้

แม้ว่าความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะสำเร็จแทบจะไม่มีก็ตาม เพราะธรรมเนียมโบราณยากจะแตะต้อง

แต่หลายๆ เรื่องจะไม่ทำเพราะไม่มีทางเป็นไปไม่ได้

ต่อให้ล้มเหลว ขอเพียงลงมือทำ เช่นนั้นก็คือท่าทีของเขตปกครองผนึกสมุทร ต่อให้เป็นจักรพรรดิมนุษย์ก็ต้องชั่งน้ำหนักตัดสินใจอย่างระมัดระวัง

อีกทั้งล้มเหลวก็ไม่เป็นไร เรื่องนี้ต่อให้ตอนนี้ไม่มีทางทำให้สำเร็จได้เลย แต่ขอเพียงลงมือทำ เช่นนั้นอนาคตจะต้องสำเร็จแน่นอน

‘คิดว่าวิญญาณของเจ้าเขตปกครองคนก่อรและสหายเลี่ยงซิวก็คงเห็นด้วยที่ข้าทำเช่นนี้’

โหวเหยาพึมพำในใจ มองไปทางสวี่ชิง

‘เด็กคนนี้ ไม่ว่าจะโดยส่วนตัวหรือส่วนรวมข้าก็จะสร้างร่างทองอมตะของเขตปกครองผนึกสมุทรให้เขาร่างหนึ่ง!’

คิดถึงตรงนี้ โหวเหยาก็ประสานหมัดโค้งคารวะสวี่ชิงสุดตัว เสียงของเขาแฝงด้วยความเคร่งขรึม ดังก้องไปทั่วทุกทิศ

“ถามฟ้า!”

เสียงของโหวเหยาเพียงดังออกมา รอบๆ ประดุจระเบิดปะทุ อารมณ์ของทุกคนล้วนถูกเหนี่ยวนำปะทุขึ้นมาโดยสมบูรณ์ ส่วนในใจขององค์ชายเจ็ดถอนหายใจยาว

เสียงตะโกนประปรายในหมู่คนธรรมดาก่อนหน้านี้ความจริงแล้วไม่นับเป็นเรื่องอะไร ในเมื่อต่อให้ตะโกนอย่างไรก็เป็นแค่คำพูดจากอารมณ์ที่พุ่งพล่านก็เท่านั้น เอามาเป็นจริงไม่ได้

แต่การเอ่ยปากของโหวเหยาในตอนนี้ ความหมายไม่เหมือนกัน เพราะถามฟ้า ถามดิน ถามมนุษย์ เป็นพิธีสวมกวานให้เจ้าเขตปกครอง!

และในประวัติศาสตร์เผ่ามนุษย์ไม่เคยมีผู้บำเพ็ญระดับก่อกำเนิดลวงดำรงตำแหน่งเจ้าเขตปกครองมาก่อน เรื่องนี้จะต้องดึงดูดความสนใจจากจักรพรรดิมนุษย์ในระดับสูงมากอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะเรื่องนี้เป็นโหวเหยาที่ผลักดัน ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้สร้างคุณงามความชอบจากเรื่องปลัดเขตปกครอง ในฐานะที่เป็นคนเก่าแก่เพียงคนเดียวที่รอดมาได้ในช่วงสงคราม ในฐานะผู้ที่ร้องขอความเป็นธรรม ทั้งยังเคยเป็นห้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขตปกครองผนึกสมุทร เขามีคุณสมบัตินั้น

‘เสด็จพ่อคงไม่เห็นด้วย แต่พระองค์ก็จะต้องชั่งน้ำหนักเจตจำนงมุ่งมั่นของเขตปกครองผนึกสมุทร ไม่ว่าจะอย่างไร การกระทำของโหวเหยาครั้งนี้ทุ่มสุดตัวโดยไม่สนอะไรแล้ว ไม่เสียดายทุกอย่างที่จะบอกกับคนในโลก บอกกับเผ่ามนุษย์ทั้งเผ่า บอกกับจักรพรรดิมนุษย์ว่า เขตปกครองผนึกสมุทร…ยอมรับแค่สวี่ชิงคนเดียวเท่านั้น

‘เขาได้ใจประชาชนแล้ว ยากจะสั่นคลอน กลายเป็นเพลิงแห่งนิรันดร์’

องค์ชายเจ็ดเงียบนิ่ง เขารู้ สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว

ตอนนี้ท้องฟ้ากะพริบวูบวาบ เงาร่างเจ้าเขตปกครองทุกรุ่นทยอยปรากฏขึ้นท่ามกลางดวงชะตา ไล่เรียงไปในท้องฟ้า ยืนตระหง่านทั้งแปดทิศ คล้ายว่าเป็นประจักษ์พยานในเสี้ยวพริบตานี้

บนท้องฟ้าอัสนีคำรามเลื่อนลั่น คำถามฟ้าแม้จะไม่ได้มีคำพูดตอบกลับ แต่เสียงอัสนีฟาดผ่านี้ก็คือเสียงม่านฟ้าแห่งเขตปกครองผนึกสมุทร

“ถามดิน!”

ดวงตาโหวเหยาทอประกายแสงวาววับ คำพูดเมื่อดังออกมา แผ่นดินสะท้านสะเทือน คล้ายตอบรับ

“ถามมนุษย์!”

โหวเหยามองไปทางเขตปกครองผนึกสมุทร

ผู้บำเพ็ญหลายแสนบนแท่นพิธี คนธรรมดานับแสนล้านในเมืองตอนนี้ล้วนส่งเสียงออกมา ณ เสี้ยวขณะนี้

“ได้!”

“ได้!”

เสียงนับไม่ถ้วนรวมเข้าด้วยกัน ประดุจอำนาจสวรรค์ฟาดลงมา

นี่เป็นสัญลักษณ์แทนใจประชาชน เป็นสัญลักษณ์ของเจตจำนงมุ่งมั่นของเขตปกครองผนึกสมุทร

นี่ถึงเป็นการตัดสินใจเลือกของเขตปกครองผนึกสมุทร!

สวี่ชิงท่ามกลางสายตาจับจ้องจากคนทั้งหลาย ท่ามกลางดวงชะตาเพิ่มพลัง ในใจฮึกเหิม ระลอกคลื่นอารมณ์รุนแรง

เขาจ้องมองรอบๆ ด้วยอารมณ์หลากหลาย สุดท้ายก็แปรเปลี่ยนมาเป็นการโค้งคารวะ

คารวะโหวเหยา คารวะวังทั้งสาม คารวะให้กับทั้งเขตปกครองอย่างสุดตัว

ตอนนี้ไม่ว่าจักรพรรดิมนุษย์จะยอมรับหรือไม่ ณ เขตปกครองผนึกสมุทร ต่อให้เขาไม่มีตำแหน่งเจ้าเขตปกครอง แต่คำพูดของเขาก็จะมีน้ำหนักอย่างมหาศาล

ฐานะของเขาจะอยู่ในจุดสูงสุดของเขตปกครองผนึกสมุทร

ภายใต้จันทร์กระจ่าง องค์ชายเจ็ดที่ไม่มีใครสนใจ หลังจากที่เขาเงียบนิ่งไปจู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา หมากตานี้ เขายอมรับผลแล้ว

ขณะที่ยิ้มเขาเลือกที่จะจากไป พากองทัพไปจากเขตปกครองผนึกสมุทร เขาจะกลับไปที่สนามรบคลื่นศักดิ์สิทธิ์ ที่นั่นถึงจะเป็นเวทีของเขา

ก่อนจากไป เขาหันมามองสวี่ชิงจากที่ไกลๆ การกลับมาครั้งนี้ พิธีครั้งนี้ เงาของสวี่ชิงในใจเขาชัดกระจ่างเป็นอย่างยิ่ง

“เพราะคนคนนี้ทำให้ข้าถูกเสด็จพ่อตำหนิ ก็เหมือนว่าจะรับได้”

องค์ชายเจ็ดจากไปอย่างสุขุม

เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงจากปลัดเขตปกครองจบลงเพียงเท่านี้

พลังของเขตปกครองผนึกสมุทรไม่นานนักก็เคลื่อนไหว จากการกระจายกันไปของผู้บำเพ็ญหลายแสน ก็เริ่มกำจัดไอพลังประหลาด ช่วยคนธรรมดา ทุกอย่างเป็นระบบระเบียบ

การช่วยเหลือทุกมณฑลในเขตปกครองผนึกสมุทร ภายใต้คำสั่งของเมืองหลวงเขตปกครองก็เริ่มขึ้น

ขณะเดียวกันกรรมเวรต่างๆ ในเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงจากปลัดเขตปกครองครั้งนี้ ก็ประกาศไปทั่วทั้งเขตปกครองผนึกสมุทรโดยไม่มีการปกปิดใดๆ ทั้งสิ้น

พิธีแต่งตั้งเจ้าเขตปกครองปิดฉากลง

ศักราชเสวียนจั้น ปีสองเก้าสามสอง ปลายเดือนสิบเอ็ด

เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเขตปกครองผนึกสมุทร ปลัดเขตปกครองคนเก่าเป็นสมาชิกองค์กรเทียนประทีปแฝงตัวมา ชื่อจริงคือไป๋เซียวจัว เคยเป็นเจ้าเขตปกครองผนึกสมุทรแห่งรัฐม่วงคราม ใช้วิธีแห่งเทพเจ้ากลับชาติมา สร้างความวุ่นวายให้กับเขตปกครองผนึกสมุทร หวังจะให้ห้วงบรรพกาลลงมาเยือน สร้างความวุ่นวายวิบัติให้สรรพชีวิตทั้งปวง

มหาจักรพรรดิเผ่ามนุษย์หยั่งใจประกายแสงหมื่นจั้ง ผู้ครองกระบี่สวี่ชิง ในพิธีสวมกวานเจ้าเขตปกครองหยั่งใจ ก้าวออกมาเพียงลำพัง ไม่กลัวความเป็นตาย ไม่ลืมปณิธานแรกเริ่ม กอบกู้สถานการณ์สุดกำลัง เปิดโปงแผนการร้าย กำจัดภยันตรายเขตปกครองผนึกสมุทร ช่วยเขตปกครองผนึกสมุทรพ้นจากเคราะห์ภัย

จักรพรรดิมนุษย์ซาบซึ้ง

เดือนเดียวกัน จักรพรรดิมนุษย์ประกาศราชโองการลงมาห้าฉบับ ฉบับแรกตำหนิเรื่องประมาทไม่รอบคอบขององค์ชายเจ็ดอย่างรุนแรง ลงภาคทัณฑ์เอาไว้

ราชโองการฉบับที่สองคือเผ่ามนุษย์ทั้งเผ่าประกาศจับองค์กรเทียนประทีป ออกคำสั่งให้ทุกเขตปกครองทำการตรวจสอบเองโดยทันที อีกทั้งยังสั่งให้ห้ากรมทมิฬบนตั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกลาดตระเวนทั่วทุกที่ สังหารผู้ที่เกี่ยวข้องกับเทียนประทีปทั้งหมด

ราชโองการฉบับที่สามแต่งตั้งให้ผู้สืบสายเลือดโหวนภาเหยาเทียนเยี่ยนดำรงตำแหน่งรักษาการณ์เจ้าเขตปกครอง และประกาศแต่งตั้งเจิ้งข่ายอี้ผู้บำเพ็ญสามัญชนเป็นปลัดเขตปกครอง ทั้งยังมอบอำนาจในการเสนอเจ้าเขตปกครองเองให้กับเขตปกครองผนึกสมุทร ผู้ที่ตรงตามเงื่อนไขผู้บำเพ็ญระดับหวนสู่อนัตตาทุกคน เขตปกครองผนึกสมุทรสามารถเสนอขึ้นมาเองได้ทั้งสิ้น

ราชโองการฉบับที่สี่คือถอดเจ้าวังทั้งสามที่มาจากผู้บัญชาการในเขตปกครองผนึกสมุทร ให้รองเจ้าวังขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าวัง

ราชโองการฉบับที่ห้ามอบป้ายทอง ชุดทอง สิทธิ์ในการศึกษาที่วังศึกษา แต้มความชอบขั้นหนึ่งเผ่ามนุษย์ให้กับผู้ครองกระบี่สวี่ชิง

ราชโองการห้าฉบับประกาศแจ้งแก่ใต้หล้า

เพียงพริบตา ดินแดนเขตปกครองเผ่ามนุษย์ฮือฮาไปทั่ว ชื่อเสียงของสวี่ชิงเลื่องลือไปทั่วทุกแห่งหน

และการแต่งตั้งในราชโองการมีสองจุดที่แสดงข้อมูลที่เป็นประเด็นสำคัญออกมาอย่างชัดเจน หนึ่งคือการแต่งตั้งเจิ้งข่ายอี้ หนึ่งคือสิทธิ์ในการเสนอชื่อเองของเขตปกครองผนึกสมุทร

เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิมนุษย์ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก แต่กฎระเบียบไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

แต่ท่าทีของเขตปกครองผนึกสมุทรจะไม่พิจารณาไม่ได้ ดังนั้นจึงมีการแต่งตั้งนายท่านเจ็ดขึ้น

เพราะความสัมพันธ์ระหว่างนายท่านเจ็ดและสวี่ชิง ในเขตปกครองผนึกสมุทรล้วนรับรู้กันทั้งสิ้น

ส่วนการเสนอชื่อเองเพื่อเป็นการชี้บอกว่าขอเพียงสวี่ชิงพลังบำเพ็ญถึงระดับหวนสู่อนัตตา เช่นนั้นเขา…ก็คือเจ้าเขตปกครองผนึกสมุทร

เคราะห์เขตปกครองผนึกสมุทรจบสิ้นลงเพียงเท่านี้ ทุกอย่าง…เริ่มฟื้นฟู

และสำหรับสวี่ชิงแล้ว จุดเริ่มต้นใหม่ ใบเรือผืนใหม่ กำลังกางออกสู่การเดินทาง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด