ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 542 หญิงสาม งูหนึ่ง ชายหนึ่ง (1)
บทที่ 542 หญิงสาม งูหนึ่ง ชายหนึ่ง (1)
ท่ามกลางความอ่อนโยนแฝงด้วยเสียงที่ไพเราะ เหมือนสายฝนกระทบมาในเรือศึกเวท ดังมาในหูของสวี่ชิง หลิงเอ๋อร์ก็ได้ยินเช่นกัน
หลิงเอ๋อร์เบิกตากว้าง มองไปข้างนอกอย่างสงสัย
สวี่ชิงสีหน้าเป็นปกติ เมื่อได้ยินก็ยกมือขึ้นสะบัด ทันใดนั้นเกราะป้องกันเรือศึกเวทสลายไป และเงาร่างของติงเสวี่ยในเสี้ยวพริบตาที่เกราะป้องกันเรือเวทสลายไป ก็เหยียบเงาจันทร์เข้ามา
คนที่ปรากฏในดวงตาสวี่ชิงผมยาวประบ่า สวมชุดสีม่วงทั้งชุด ที่ผมผูกแถบผ้าสีทอง แสงจันทร์สาดทอ เกิดประกายแสงกระจ่างวาววาม หลังแบกกระบี่โบราณสัมฤทธิ์เอาไว้ ยิ่งฉายความงามสง่า
แต่ก็ไม่ขาดความงดงามอ่อนโยน ดวงตาทั้งสองที่แฝงด้วยรอยยิ้มพราวเสน่ห์งดงาม ฉายอารมณ์ชัดเจน มุมปากเล็กยกขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากแดงเผยอเล็กน้อย มีความรู้สึกที่ชวนอยากใกล้ชิดสนิทสนม
รวมกับวัยสาวที่เต็มไปด้วยความอ่อนเยาว์ ทำให้ติงเสวี่ยที่มาเยือนหลังจากที่ไม่ได้พบหน้ากันมาสองปี กลายเป็นหญิงสาวที่ฉายเสน่ห์งดงามมาจากในกระดูก
และแสงจันทร์เมื่ออยู่ต่อหน้าเงาร่างงดงามที่คอยดึงดูดความสนใจจากเพศตรงข้ามอยู่ตลอดเวลานี้ก็เหมือนจะเปลี่ยนมาเขินอายถอยหลบ ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง นางยิ่งดูงดงามน่าหลงใหล
สวี่ชิงคาดไม่ถึงเช่นกัน มองไปทางฝั่งที่อยู่ไกลไปตามสัญชาตญาณ
“พี่สวี่ชิง ไยท่านถึงมองข้าเช่นนี้เล่า” ใบหน้างดงามของติงเสวี่ยแดงเล็กน้อย เดินเข้ามาในห้องโดยสารเรือ
“ข้าไม่ได้มองเจ้า ข้ากำลังมองหาเจ้าจงเหิง” สวี่ชิงพูดตามตรง
อกอวบอิ่มของติงเสวี่ยสะท้านขึ้นลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าคำพูดไม่รู้ประสาของสวี่ชิงประโยคนี้มีพลังทำลายล้างไม่น้อย แต่สำหรับติงเสวี่ยแล้วนี่ไม่นับเป็นเรื่องอะไร
ความลำบากไม่ใช่สิ่งที่เอาไว้กำจัดข้ามไปหรอกหรือ!
ท่ามกลางดวงตางดงามที่แฝงด้วยห้วงอารมณ์วาดหวัง ก็เดินมาข้างหน้าสวี่ชิง มองใบหน้างดงามที่ทำให้คนวิญญาณเฝ้าถวิลหาแม้ในฝันข้างหน้า หัวใจของติงเสวี่ยเต้นตึกตัก กลืนน้ำลายอึกหนึ่งอย่างควบคุมไม่ได้
ขณะเดียวกับที่พยายามควบคุมตัวเอง ในใจของนางก็นึกเสียดายเรื่องที่ตัวเองคว้าเอาตัวสวี่ชิงมาไม่ได้ที่เกาะเงือกในตอนนั้นเสียเหลือเกิน
‘โทษเจ้าจงเหิงคนนั้นเลย หึ แต่ไม่เป็นไร เรื่องอะไรก็ไม่พ้นความพยายามคน!’
ติงเสวี่ยให้กำลังใจตัวเอง ยกมือเอาตั๋ววิญญาณออกมาปึกหนึ่ง วางไว้ข้างหน้าสวี่ชิง ระหว่างนั้นก็จงใจเผยท่อนแขนขาวเนียนละเอียดเรียวงามราวหยกออกมา
“พี่สวี่ชิง นี่เป็นผลกำไรท่าเรือที่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกในสองปีนี้ ต่อให้จางซานนั่นจะเก่งกาจเพียงใด ก็ละเอียดสู้ข้าไม่ได้ เหรียญวิญญาณขาดไปเหรียญหนึ่งก็ไม่ยอม”
สวี่ชิงพยักหน้า ก่อนหน้านี้ทางศิษย์พี่จางซานทางนั้น เขาก็ได้รู้แล้วว่าติงเสวี่ยสองปีมานี้ช่วยตนดูแลผลกำไรมาตลอด สำหรับความกระตือรือร้นของติงเสวี่ย สวี่ชิงซาบซึ้งนัก
โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงตอนที่ตนยากจนที่สุดในตอนนั้น หินวิญญาณเหล่านั้นที่อีกฝ่ายจ่ายเพื่อแสดงความเคารพต่อความรู้ ก็ทำให้สวี่ชิงรู้สึกดีกับติงเสวี่ยมาโดยตลอด
ดังนั้นบนใบหน้าของเขาจึงฉายรอยยิ้ม รับตั๋ววิญญาณมา ดึงจากในปึกออกมาจำนวนหนึ่งแล้วยื่นให้ติงเสวี่ย
“พวกนี้ให้เจ้าแล้วกัน”
ติงเสวี่ยกะพริบตาปริบๆ ไม่ได้ยื่นมือไปรับทันที แต่มือทั้งสองบิดชายเสื้อ ทำท่าเหมือนอยากจะพูดแต่ก็หยุดเอาไว้ หลังจากนั้นหลายอึดใจ ในใจนางคิดว่าสมควรแก่เวลาแล้ว จึงหยิบขวดสีขาวงดงามไร้ตำหนิใบหนึ่งออกมาจากถุงเก็บของ แล้ววางไว้ข้างๆ
“พี่สวี่ชิง นี่เป็นน้ำแกงข้นลูกบัวดอกกุ้ยที่ข้าตุ๋นด้วยตัวเอง ข้าคิดว่าจะส่งไปให้ท่านน้ากับน้าเขย ท่านช่วยข้าชิมหน่อยสิเจ้าคะ”
สวี่ชิงลังเล แต่เรื่องนี้ไม่มีอะไรให้ปฏิเสธได้ จึงหยิบมา หลังจากชิมไปคำหนึ่ง คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย
“หวานเสียจริง”
ใบหน้าดวงเล็กของติงเสวี่ยแดงวาบขึ้นมาทันที เอ่ยอย่างเขินอาย
“พี่สวี่ชิงท่าน…ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ”
สวี่ชิงรู้สึกว่าประโยคนี้ค่อนข้างจะแปลกๆ กำลังจะพูด ติงเสวี่ยก็หน้าแดงก่ำลุกขึ้นมา
“พี่สวี่ชิง ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ท่านเพิ่งกลับมาพักผ่อนให้ดี พรุ่งนี้ข้าค่อยมาหาท่านใหม่
“แล้วก็ ขอบคุณพี่สวี่ชิงที่ให้เงินค่าขนมข้า”
ติงเสวี่ยหยิบตั๋ววิญญาณที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา ใบหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากไปจากเรือศึกเวทแล้ว ที่ริมฝั่ง สีหน้าของนางฉายแววได้ใจออกมา
‘วิธีที่ท่านน้าสอนได้ผลจริงๆ ด้วย ต้องวางตัวเองให้เป็นคนดูแลบ้าน และคิดอยากจะคว้าตัวพี่สวี่ชิงมา เรื่องนี้ข้าจะรีบร้อนไม่ได้ จะต้องทำเงียบๆ เนียนๆ ไม่ให้รู้ตัว มีเพียงทำเช่นนี้ถึงจะคลายความระแวงระวังของเขาได้ จากนั้นก็จะถูกข้าหลอมละลายโดยไม่รู้ตัว
‘อีกทั้งจะเป็นฝ่ายเสนอตัวมากเกินไปไม่ได้ ต้องสวมบทตัวเองเป็นเหยื่อ ท่านน้าบอกแล้ว ตอนนั้นนางก็ใช้วิธีนี้คว้าน้าเขยมา”
ติงเสวี่ยคิดถึงตรงนี้ ในใจก็เริ่มจัดลำดับแผนการของตัวเอง ละเอียดมาก…
ในห้องโดยสารเรือ สวี่ชิงขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้ คำพูดของติงเสวี่ยค่อนข้างจะกำกวม
“พี่สวี่ชิง” หลิงเอ๋อร์มุดออกมาจากแขนเสื้อสวี่ชิง น้ำเสียงแฝงด้วยความจริงจัง
“ท่านต้องระวังนาง เมื่อครู่ข้ารู้สึกถึงสายตาที่นางมองท่านมันแฝงด้วยการโจมตี คล้ายว่ามีจุดประสงค์อันแรงกล้า ข้าเคยได้ยินท่านพ่อข้าพูดไว้ มีคนจำนวนไม่น้อยเชี่ยวชาญการสิงร่าง สายตาของนางมีความหมายนี้ พี่สวี่ชิง นางเป็นคนไม่ดี”
สวี่ชิงได้ยินก็ระแวงขึ้นมาตามสัญชาตญาณเป็นอันดับแรก แต่จากนั้นก็รู้สึกว่าไม่ค่อยจะเป็นได้ ทว่าสุดท้ายแล้วในใจก็เพิ่มความระแวดระวังขึ้นมาเล็กน้อย
เห็นสวี่ชิงยังคงเห็นด้วยกับตน หลิงเอ๋อร์ดีใจมาก
“พี่สวี่ชิง ข้าเก่งกาจมาก โดยเฉพาะเรื่องสังเกตรายละเอียดสีหน้าท่าทางของคนอื่น มีข้าอยู่จะต้องช่วยท่านแยกแยะว่าใครเป็นคนไม่ดีได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
สวี่ชิงหัวเราะออกมา กำลังจะเตรียมนั่งสมาธิ แต่ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น มองไปข้างนอก
ไม่นานนัก เสียงผู้หญิงที่มีความตื่นเต้นยินดี แฝงด้วยความสั่นเครือเล็กน้อยก็ดังมาจากนอกเรือ
“พี่สวี่ชิง ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที…”
นอกเรือ เด็กสาวชุดดำทั้งตัวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงนั้น ในมือถือไหดินใบใหญ่เอาไว้ แบกไว้บนบ่า
ไหนั่นใหญ่กว่าร่างผอมแห้งของนางมาก ดูแล้วไม่สมดุล
แต่ก็เพราะเหตุนี้ยิ่งขับเน้นความพิเศษของนาง ใบหน้าขาวเนียน คิ้วใบหลิวอ่อนๆ ดวงตาไม่โตแต่กลับเหมือนแสดงโลกในใจของนางออกมาโดยไม่ปิดบัง
ในนั้นเต็มไปด้วยความหลงใหล คลั่งไคล้ และความรักที่บิดเบี้ยวอย่างหนึ่ง
จากแขนที่โผล่ออกมาก็จะเห็นรอยเลือดนับไม่ถ้วน นั่นเป็นรอยเล็บข่วน เกิดจากการทำร้ายตัวเอง
นอกจากนี้แล้ว จมูกเล็กๆ และปากเล็กๆ บนใบหน้าก็วิจิตรปราณีตนัก ผมรวบหางม้าที่สูงจนถึงกลางกระหม่อมยิ่งเพิ่มความงดงามอีกหลายส่วน
รูปลักษณ์ภายนอกที่สดใสกระฉับกระเฉง สายตาที่หลงใหล รอยแผลบนแขน ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้เกิดเป็นเงาร่างที่พิเศษเป็นอย่างมากร่างหนึ่ง
เหยียนเหยียน
จากการกระโดดของนาง เห็นว่าใกล้จะชนกับเกราะป้องกันเรือศึกเวทเต็มที และเรือศึกเวทของสวี่ชิงมีพลังระดับแก่นลมปราณ สำหรับเหยียนเหยียนที่พลังบำเพ็ญอยู่ในระดับสร้างฐานบริบูรณ์ เพียงสัมผัสก็จะต้องถูกพลังสะท้อนกลับได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่นอน
แต่นางไม่สนใจแม้แต่น้อย
สวี่ชิงรู้สภาพจิตใจของเหยียนเหยียนดี จึงสลายการป้องกัน ทำให้เหยียนเหยียนก้าวเข้ามาได้อย่างราบรื่น
ในพริบตาที่เหยียบไปบนกระดานเรือ สีหน้าของเหยียนเหยียนก็ฉายแววเสียดายออกมาเล็กน้อย นางเหมือนเตรียมเอาไว้แล้วว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส และวาดหวังเอาไว้ด้วย ตอนนี้ปลอดภัยไร้ขีดข่วนทำให้นางไม่ค่อยชิน
แต่นึกถึงเรื่องต่อจากนี้นางก็ตื่นเต้นจนเนื้อตัวสั่นระริก พุ่งไปในห้องโดยสารเรืออย่างรวดเร็ว วางไหดินไว้ข้างๆ ดังตึง ขณะสะบัดมือ เครื่องมือลงทัณฑ์ครบชุดก็ปรากฏขึ้นเสียงดังเคร้งอยู่ข้างๆ
มีเข็ม มีด คีม เลื่อย…
ครบครันขึ้นกว่าเมื่อสองปีที่แล้ว กระทั่งว่าบนนั้นมีรอยเลือดแห้งดำมากมายด้วย
เครื่องมือลงทัณฑ์พวกนี้เห็นได้ชัดว่าใช้มาหลายครั้งแล้ว แปดเปื้อนวิญญาณแค้นและรังสีอำมหิต อวลไปทั่วทั้งห้องโดยสารเรือ
“พี่สวี่ชิง พวกเรา…พวกเราเริ่มเลยเถอะ”
ปีกจมูกของนางหด ลมหายใจหอบถี่ ยกมือซัดไปยังไหดิน
จากไหดินที่แตกออก หมอกเป็นกลุ่มๆ ลอยออกมาจากในนั้น เป็นเผ่าควันขจรนั่นเอง
แม้หลังจากเหตุการเปลี่ยนแปลงปลัดเขตปกครองจะถูกเผ่ามนุษย์ลงโทษไปแล้ว แต่ก็เผ่าควันขจรยังมีจำนวนหนึ่งที่ไหวตัวทัน จึงหนีไปก่อน หรือออกไปนอกเผ่ายังไม่ได้กลับไป
ในนั้นมีผู้แข็งแกร่ง และก็มีพวกที่ธรรมดาๆ เช่นกัน
ที่ปรากฏออกมาจากไหดินพวกนี้เป็นพวกหลัง แม้จำนวนจะไม่มาก แต่ส่วนใหญ่ล้วนแผ่ระลอกพลังระดับสร้างฐานออกมา มีบ้างที่เป็นแก่นลมปราณวังสวรรค์ แต่ก็อ่อนแรงยิ่งนัก
“พี่สวี่ชิง นี่เป็นพวกเผ่าควันขจรที่ท่านย่าพาข้าไปจับมา น่าเสียดายที่ตัวใหญ่ๆ หาไม่เจอ มีแค่พวกปลายแถวพวกนี้ แต่ก็พอให้พวกเราเล่นแล้ว
“หลังจากท่านไป ข้าก็ตัวคนเดียว เล่นไม่สนุกเลย”
ในสายตาเหยียนเหยียนแฝงด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง ยกมือคว้า ทันใดนั้นเงาร่างเผ่าควันขจรกลุ่มหนึ่งก็ถูกนางกระชากมา ลอยอยู่กลางฝ่ามือ ขณะที่ดิ้นรนก็มีมีดมากมายพุ่งมาจากข้างๆ ล้อมอยู่รอบๆ ลอยวนอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมมีด
นอกจากฉีกร่างหมอกขาดวิ่นแล้ว กลับไม่มีเสียงร้องโหยหวนดังออกมา
เพราะต่อให้ขาดวิ่นเพียงใด ร่างหมอกของเผ่าควันขจรก็ยังสามารถผสานได้ใหม่อย่างรวดเร็ว เช่นนี้แล้วความเจ็บปวดจากการฉีกขาดก็อยู่ไม่นาน ยากที่จะส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดออกมา
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เห็นร่างหมอกเผ่าควันขจรถูกฉีกขาด ภาพนี้ก็ยังคงทำให้เหยียนเหยียนหลงใหล ขณะที่ร่างยิ่งสั่นสะท้าน นางก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางสวี่ชิง
กำลังจะอ้าปากพูด แค่พบว่าสีหน้าของสวี่ชิงเหมือนไม่แยแส นี่ทำให้นางอึ้งตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ ส่งเสียงถามออกไปอย่างลังเล
“พี่สวี่ชิง ท่านไม่ชอบแบบนี้แล้วหรือ”
ขณะพูด ในดวงตาเหยียนเหยียนก็ฉายแววกระวนกระวาย กระทั่งว่ากลิ่นอายบนตัวนางเริ่มวิตกปั่นป่วน สีหน้ามีรอยกังวล แฝงด้วยความสิ้นหวัง
นางสนใจกับคำตอบของสวี่ชิงมากๆ และคำตอบนี้สามารถส่งอิทธิพลต่อโลกในใจของนางได้ทั้งใบ
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด เขามองท่าทีไม่ชอบมาพากลของเหยียนเหยียนออก
สองปีก่อนแม้อีกฝ่ายจะอยู่ในสภาวะป่วย แต่ก็ห่างไกลจากความบ้าคลั่งแบบนี้ในตอนนี้มาก รอยบนแขนของนาง เก่าใหม่เต็มไปหมด จินตนาการได้ว่าทั้งตัวก็จะต้องเป็นแบบนี้เช่นกันแน่นอน
และแววขาดอากาศหายใจที่แฝงอยู่ในสุดลึกของดวงตานางเหมือนคนที่จมน้ำที่ขอความช่วยเหลือตามสัญชาตญาณก่อนตาย
อาการป่วยของนางสาหัสยิ่งกว่าเดิมแล้ว
ไม่ทารุณคนอื่น แต่ทำร้ายตัวเอง มีเพียงอยู่ในความเจ็บปวดและความบิดเบี้ยวอย่างสุดขีดเท่านั้น นางถึงจะหายใจได้คล่อง ถึงจะหาความสุขเจอ
ในดวงตาสวี่ชิงฉายประกายล้ำลึก ข้างหูมีเสียงแก่ชราที่คนอื่นไม่ได้ยินดังมา
“สวี่ชิง เจ้าช่วยหลานสาวเพียงคนเดียวของหญิงชราคนนี้ด้วยเถิด…เนื่องจากในกายนางไม่มีไอพลังประหลาด ตั้งแต่เด็กก็เกิดจิตมารขึ้น นิสัยก็โหดเหี้ยมทารุณขึ้นเรื่อยๆ แม้ข้าจะชำระล้างให้นางอยู่บ่อยๆ แต่ไม่สามารถกำจัดจิตชั่วร้ายที่พัวพันกับนิสัยของนางได้อย่างสิ้นซาก
“โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ยกระดับสู่แก่นลมปราณล้มเหลว จิตใจของนางเกือบแตกสลาย แม้ข้าจะรักษาร่างกายของนางเอาไว้ได้ แต่ความกดดันในใจของนางมาถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว ไม่ทารุณสังหารคนอื่น ก็ทำร้ายสังหารตัวเอง อีกทั้งยังเก็บเนื้อเก็บตัวมากยิ่งขึ้น ข้าไม่มีวิธีแล้ว นางยอมรับแค่เจ้าเท่านั้น”
นั่นเป็นเสียงของจอมคนบูรพาสงัดผู้เป็นย่าของเหยียนเหยียน เสียงขมขื่นนัก
สวี่ชิงเงียบนิ่ง มองไปทางเหยียนเหยียน และมองเห็นความสิ้นหวังในดวงตาตลอดจนความกลัดกลุ้มกดดันของกลิ่นอาย ทะเลความรู้สึกของทั้งคนคล้ายว่าพรุนเป็นรังผึ้ง ถูกความเครียดที่สะสมเอาไว้จนเข้มข้นกลุ่มหนึ่งปกคลุมเอาไว้
“ไร้สาระ!” จู่ๆ สวี่ชิงก็พูดขึ้นมา
เหยียนเหยียนเงยหน้า มองไปทางสวี่ชิง
สวี่ชิงใบหน้าไร้อารมณ์ มือขวายกขึ้นคว้า ทันใดนั้นหมอกเผ่าควันขจรกลุ่มหนึ่งก็ลอยมา ในพริบตาที่ปรากฏกลางฝ่ามือสวี่ชิง ไอเย็นก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างของสวี่ชิงแล้วรวมกัน เพียงพริบตา ท่ามกลางเสียงเปรี๊ยะๆ ก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา แช่แข็งหมอกนั่นเอาไว้ในนั้น
สวี่ชิงสะบัดมือ ทันใดนั้น เข็มในกองเครื่องมือลงทัณฑ์ของเหยียนเหยียนก็พุ่งมา ภายใต้การเพิ่มพลังจากพลังบำเพ็ญของสวี่ชิงก็ทะลุก้อนน้ำแข็ง แทงไปในร่างหมอกเผ่าควันขจรที่ถูกแช่แข็งจนไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้
เสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากก้อนน้ำแข็งทันที ยิ่งไปกว่านั้นจากการพุ่งมาของมีดบิน ก็เสียบไปในก้อนน้ำแข็งทีละครั้งๆ ทำการหั่นเผ่าควันขจรที่ถูกแช่แข็งเอาไว้
Comments