ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 544 อำนาจแห่งวิหคเพลิงสวรรค์ (1)

Now you are reading ผู้กล้าเหนือกาลเวลา Chapter บทที่ 544 อำนาจแห่งวิหคเพลิงสวรรค์ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 544 อำนาจแห่งวิหคเพลิงสวรรค์ (1)

พื้นที่ต้องห้ามกลายเป็นสิ่งประหลาดจากเสียงเพลงที่ดังมา

เสียงของความว่างเปล่านั้นแผ่ความเยือกเย็นมา จุดที่แล่นผ่านล้วนมีเกล็ดน้ำแข็งบนพื้น หญ้าหลายต้นแข็งตัวเป็นหนาม ต้นไม้แต่ละต้นกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็ง

และเสียงเพลงนี้ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของราตรีมืดมิดอยู่แล้ว ดังนั้นการปรากฏตัวของมันจึงไม่ได้ทำลายความเงียบงันของที่นี่ แต่กลับทำให้พื้นที่ต้องห้ามนี้ยิ่งลึกล้ำขึ้นไปอีก

สวี่ชิงยืนอยู่ตรงนั้น ฟังอยู่เงียบๆ ในใจเกิดระลอกคลื่นเล็กน้อย ความทรงจำเมื่อเจ็ดปีก่อนผุดขึ้นมา

นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ยินเสียงเพลง

เสียงเพลงพื้นที่ต้องห้าม เป็นต้นกำเนิดของความน่ากลัวสำหรับคนเก็บกวาด ผู้ที่ได้ยินล้วนตายไปหมดแล้ว

แต่สำหรับสวี่ชิง ตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนนั้นแล้ว

ในตอนนั้นเขายังไม่มีพลังป้องกันตนเอง ทำได้เพียงเฝ้ารอการมาเยือนของความตายท่ามกลางความมืดมนเยือกเย็นที่แช่แข็งสรรพสิ่ง

แต่ตอนนี้ต่อให้เขายืนอยู่บนแผ่นดินที่ไม่ใช่เขตปกครองผนึกสมุทร ก็ยังสัมผัสถึงการรวมตัวของดวงชะตาที่มาจากเขตปกครองผนึกสมุทรได้

การสนับสนุนของดวงชะตาเช่นนี้ เว้นเสียแต่จะพบกับสิ่งประหลาดที่มีกายทิพย์น่าหวาดหวั่น ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางโจมตีเขาได้เลยแม้แต่น้อย

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบนท้องฟ้าที่ยังมองเห็นเรือศึกบรรพกาลได้อย่างเลือนราง ชิงฉินก็กำลังจับจ้องอยู่บนจุดที่สูงกว่า

ดังนั้นในใจสวี่ชิงจึงไม่ได้หวาดกลัวเสียงเพลงนี้ ในดวงตากลับฉายแววคาดหวัง จับจ้องไปทางที่เสียงฝีเท้าดังมา

เขากำลังรอ รอเงาที่จะปรากฏตรงนั้น

เจ้าเงาขยายอาณาเขตใต้เท้าเขาออกไปถึงร้อยจั้ง ราวกับกลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามพิเศษแห่งหนึ่ง ต้นหญ้าทั้งหมดในขอบเขตร้อยจั้งนี้กลายเป็นดวงตา ต้นไม้ใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นโลงศพ

ดวงตานับไม่ถ้วนลืมขึ้นพร้อมกัน ล้อมสวี่ชิงไว้ด้านใน จับจ้องตามเขาไป

กลิ่นอายสิ่งประหลาดที่มาจากเจ้าเงาฟุ้งกระจายขึ้นมาในเสี้ยวขณะนี้ เผยความป่าเถื่อน ความหิวโหย และความหวาดกลัว

พื้นที่ต้องห้ามตอนนี้ หากมองจากด้านบนลงมา จะเห็นว่าหมอกหนาปกคลุมที่นี่ มีเพียงพื้นที่ร้อยจั้งที่สวี่ชิงอยู่เท่านั้นที่ยังชัดเจน

และเสียงเพลงของความว่างเปล่าในหมอก ค่อยๆ ชัดขึ้น เสียงฝีเท้าเข้าใกล้มาเรื่อยๆ

จนกระทั่งด้านนอกฮาณาเขตร้อยจั้ง เสียงเพลงยังคงอยู่ แต่ฝีเท้ากลับหยุดชะงัก

เห็นได้ว่ามีรองเท้าฟางย้อมเลือดสดจนกลายเป็นสีแดงคู่หนึ่งที่ชายขอบปราณหมอกท่ามกลางความเลือนราง

รองเท้าคู่นี้ ไม่อยู่ในความทรงจำสวี่ชิง เขาไม่เคยเห็น

บนรองเท้าฟาง ปราณหมอกพัดม้วน ค่อยๆ ก่อร่างเป็นเงาร่างคนแปลกหน้าร่างหนึ่ง มองออกว่าเป็นหญิงสาว สวมชุดคลุมยาวสีดำ

ชุดคลุมตัวใหญ่มาก ราวกับว่าปกคลุมพื้นที่ต้องห้ามด้านหลังนาง และเมื่อนางมาถึง ต้นหญ้ารอบด้านก็ลู่ลง ต้นไม้ใหญ่บิดเบี้ยว ราวกับกำลังหมอบกราบ

ยิ่งมีไอพลังประหลาดแผ่ซ่านมา ผสานไปในปราณหมอก ทำให้ปราณหมอกยิ่งตีเกลียว กลายเป็นแรงกดดัน ปกคลุมไปทั้งสี่ทิศ

ดวงตาทั้งสองของนางเป็นเอกลักษณ์ยิ่ง ข้างหนึ่งแดงข้างหนึ่งขาว

ในดวงตาสีแดง มองเห็นดวงวิญญาณนับไม่ถ้วน ส่วนในดวงตาสีขาว เป็นโครงกระดูกมหาศาล

ตอนนี้ ดวงตาคู่นี้จับจ้องไปที่สวี่ชิง และกำลังจับจ้องไปที่เจ้าเงาของสวี่ชิง

“อาหาร!”

เสียงแหบพร่าดังออกมาจากปากนาง ออกมาจากในปราณหมอก ออกมาจากต้นไม้ใบหญ้า มาจากทั่วทั้งพื้นที่ต้องห้าม สะท้อนก้องไม่หยุด กลายเป็นเสียงแว่วกังวาน

ดวงตาของเจ้าเงาในอาณาเขตร้อยจั้งเปล่งแสงมืดมน ขณะที่เพ่งเล็งไปที่หญิงสาวผู้นี้ ความรู้สึกหวาดกลัวก็รุนแรงอย่างยิ่ง

“เจ้า…พื้นที่ต้องห้าม…”

คลื่นอารมณ์ของที่มาจากเจ้าเงา ส่งเข้ามาในใจสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว

สวี่ชิงสายตาเย็นชา ส่วนหญิงสาวชุดดำตอนนี้กำลังย่างเข้ามาในอาณาเขตร้อยจั้งของสวี่ชิง แต่จู่ๆ ก็ชะงักฝีเท้า เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เงียบนิ่งไป

ครู่ต่อมา เสียงก็ดังขึ้นอีก

“หลีกไป!”

เสียงนี้แปรเป็นการกีดกันและขับไล่ ปะทุขึ้นมาจากในพื้นที่ต้องห้าม

สวี่ชิงสีหน้าเป็นปกติ ประสานหมัดคารวะไปทางเจ้าพื้นที่ต้องห้ามผู้นั้น เอ่ยอย่างสงบนิ่ง

“รบกวนท่านแล้ว”

ปราณหมอกพัดเกลียว ค่อยๆ โหมทับไปที่ร่างของหญิงสาวคนนั้น และพลังกีดกันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นในตอนนี้ ซ้ำยังเผยจิอาฆาตออกมารางๆ ราวกับกำลังหาโอกาส

แต่เห็นได้ว่าชัดแรงกดดันที่มาจากท้องฟ้าทำให้มันหวาดกลัวอยู่บ้าง จึงไม่ได้เปลี่ยนจิตอาฆาตนี้เป็นการกระทำ

เมื่อเห็นร่างของเจ้าพื้นที่ต้องห้ามนั้นยังคงเลือนราง สวี่ชิงส่งเสียงออกมาอย่างยำเกรง

“ท่านลืมเรื่องอะไรบางอย่างไปหรือไม่”

ร่างในปราณหมอกก็ทำเหมือนหูทวนลม

สีหน้าสวี่ชิงยังคงยำเกรง เอ่ยเสียงแผ่วเบา

“พื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้ คนที่ได้ยินเสียงเพลงครั้งที่สองจะได้รับของขวัญ ให้คนผู้นั้นได้เห็นร่างที่อยากเห็นมากที่สุด

“วันนี้ เป็นครั้งที่สองที่ข้าได้ยินเสียงเพลง”

ร่างในปราณหมอกกวาดผ่านสวี่ชิงอย่างเยือกเย็น ไม่สนใจ หันหลังเดินเข้าไปในหมอก ขณะที่เลือนรางลงเรื่อยๆ ความเย็นเยียบมืดมนรอบด้านก็ยิ่งเข้มข้น เสียงสะท้อนก้องยังคงดังกังวานในฟ้าดิน กลายเป็นการกีดกันที่เข้มข้นยิ่งขึ้น

สีหน้าสวี่ชิงมืดครึ้ม สายตาเปลี่ยนเป็นเย็นชา เก็บความยำเกรงลงไป เอ่ยอย่างแช่มช้า

“เรือศึกบรรพกาล!”

สิ้นเสียง ท้องฟ้าก็ครืนครัน เรือศึกบรรพกาลพันจั้งก็ร่อนลงมาในพริบตา แผ่แรงกดดันที่น่าครั่นคร้ามออกมา ยิ่งมีนักพรตซือหนานรวมถึงผู้ครองกระบี่อีกพันคน ทยอยแผ่กระจายกลิ่นอาย สะกดพื้นที่ต้องห้าม

พื้นที่ต้องห้ามสั่นสะเทือน ปราณหมอกตีเกลียวอย่างรุนแรง ร่างที่คิดจะจากไปชะงักฝีเท้า ตอนที่หันหลังมาบนร่างก็แผ่คลื่นพลังที่น่าหวาดหวั่น จับจ้องสวี่ชิงด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม

“ข้อเรียกร้องของข้า ไม่มีอะไรไม่สมเหตุสมผล”

สวี่ชิงสบตาเจ้าพื้นที่ต้องห้าม เอ่ยแช่มช้า

“ผู้อาวุโสชิงฉิน”

บนท้องฟ้า เสียงแกว๊กทำลายล้างที่เหมือนรออยู่นานแล้ว ในที่สุดสวี่ชิงก็เรียกเสียที มาพร้อมความตื่นเต้นกึกก้องไปทั้งแปดทิศ และร่อนลงมาจากฟากฟ้า ราวกับเป็นมือใหญ่ไร้ลักษณ์ตบลงมายังพื้นที่ต้องห้าม

ร่างของชิงฉินมาเยือน

แผ่นดินใหญ่สั่นสะเทือน พัดเกลียวปราณหมอกจนสลายหายไปเป็นวงกว้างอย่างรุนแรงถึงสูงสุด

เจ้าพื้นที่ต้องห้ามตนนั้น สองตาเปล่งแสงวูบวาบ ทั่วร่างแผ่จิตสังหารน่าครั่นคร้าม ทั้งในส่วนลึกของพื้นที่ต้องห้ามก็มีเสียงพิณหวีดแหลมเสียงหนึ่งดังมาเลาๆ

เสียงพิณนี้ดังไปทั้งพื้นที่ต้องห้าม ขณะที่ดังกังวานพื้นที่ต้องห้ามก็สั่นสะเทือน โครงกระดูกหลายร่างเดินออกมาจากในต้นไม้ วิญญาณร้ายหลายร่างมุดออกมาจากต้นหญ้า

ระเบิดจิตสังหารตรงมาทางสวี่ชิง

และทัศนียภาพที่นี่ก็เปลี่ยนไปด้วยเสียงพิณนี้

ราวกับก่อนหน้านี้พื้นที่ต้องห้ามทั้งหมดมีผ้าโปร่งคลุมไว้ ตอนนี้เลิกผ้าโปร่งออก เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา ต้นหญ้าที่นี่ส่วนใหญ่แปรมาจากวิญญาณร้าย ต้นไม้ใหญ่ของที่นี่ส่วนใหญ่เติบโตขึ้นมาจากการทับถมของโครงกระดูกหลายต่อหลายร่าง

ต้นหญ้าธรรมดากับต้นไม้ใหญ่ก็มี กินครองพื้นที่ไปสี่ส่วน ส่วนพื้นที่ต้องห้ามอีกหกส่วน ล้วนเต็มไปด้วยโครงกระดูก

นั่นเป็นเรื่องหลายปีมาแล้ว สรรพชีวิตที่ตายที่นี่ทั้งหมด

“พื้นที่ต้องห้ามนี้ไม่ได้แข็งแกร่งนัก กลายพันธุ์ไปแค่ครึ่งเดียว ตอนที่ที่นี่กลายพันธุ์ได้ถึงสิบส่วน ถึงจะกลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามระดับสูงสุด ถึงตอนนั้น ก็ไม่ใช่ที่ที่ข้าสะกดได้แล้ว ต้องใช้แรงคนมากกว่านี้

“แต่ตอนนี้ลองผนึกมันได้”

กลางท้องฟ้า ร่างของนักพรตซือหนานเดินออกมาจากเรือศึกบรรพกาล มองเจ้าพื้นที่ต้องห้ามตนนั้น เอ่ยกับสวี่ชิง

คำพูดของนักพรตซือหนาน ทำให้เสียงพิณในส่วนลึกของพื้นที่ต้องห้ามยิ่งหวีดแหลม โครงกระดูกรอบด้านก็ยิ่งร้องคำราม

เจ้าเงาทางนี้ ก็แสดงความปรารถนาไปหาสวี่ชิงด้วย

แต่สวี่ชิงไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ หลังจากเขาคารวะนักพรตซือหนาน ก็มองเจ้าพื้นที่ต้องห้ามตนนั้น เอ่ยราบเรียบ

“โปรดจำแลงร่างที่ข้าอยากจะเห็นออกมา นี่คือกฎเกณฑ์ของพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้”

เสียงพิณสะท้อนก้องอย่างหนักหน่วง เจ้าพื้นที่ต้องห้ามตนนั้นเอ่ยอย่างเย็นชา

“จะหยามเกียรติพื้นที่ต้องห้ามไม่ได้!” พูดจบ นางก็ยกมือขึ้น พื้นที่ต้องห้ามทั้งหมดเริ่มฟื้นคืน พลังกีดกันและขับไล่ปะทุขึ้นมารอบด้าน

เห็นว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่พร้อมจะปะทุขึ้นมาทุกเมื่อ

สวี่ชิงก็สีหน้าไร้อารมณ์ ยกมือซ้ายขึ้นชี้ท้องฟ้า

“ของวิเศษเวทต้องห้าม!”

ในเมืองหลวงเขตปกครองที่อยู่ห่างจากที่นี่ไกลแสนไกล ของวิเศษเวทต้องห้ามพลันสั่นสะเทือนขึ้น บนท้องฟ้าเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า พุ่งไปทางทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ

โหวเหยาที่กำลังจัดการงานราชการในจวนเจ้าเขตปกครองสังเกตเห็น เงยหน้าขึ้นมองผาดหนึ่ง ยิ้มแล้วก็ไม่สนใจ

ในพริบตาพริบตานี้ แสงสีทองผืนนั้นปรากฏบนท้องฟ้าทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ ปรากฏบนท้องฟ้าของเขตพื้นที่ต้องห้ามคนเก็บกวาด กลายเป็นตาข่ายสีทองขนาดยักษ์ ปกคลุมพื้นที่ต้องห้าม แผ่พลังสะกดที่น่ากลัวออกมา

เสียงพิณหยุดลงฉับพลัน

เจ้าพื้นที่ต้องห้ามตนนั้น หน้าเปลี่ยนสีเป็นครั้งแรก พลันเงยหน้าขึ้น จ้องไปที่ตาข่ายสีทองบนท้องฟ้าเขม็ง ปราณหมอกด้านหลังตีเกลียว เห็นได้ชัดว่าระลอกคลื่นลูกมหึมาโหมซัดในใจ

โครงกระดูกและวิญญาณร้ายที่กินพื้นที่ไปหกส่วนของพื้นที่ต้องห้ามก็ชะงักไป

ครู่ต่อมา เจ้าพื้นที่ต้องห้ามเก็บสายตากลับมา เงียบนิ่งไปครู่หนึ่ง ก็โบกมือ ทันใดนั้นปราณหมอกสีแดงกลุ่มหนึ่งก็กระจายออกมาจากร่าง เริ่มรวมตัวข้างๆ

ปราณหมอกนี้ ราวกับแปรมาจากต้นกำเนิด ตอนนี้หลังจากกระจายออกมา นางก็ดูเลือนรางลงย่างชัดเจน

ปราณหมอกไม่ได้รวมตัวเร็วมากนัก ราวกับแฝงความไม่พอใจอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ยังค่อยๆ รวมกันเป็นรองเท้าคู่หนึ่ง

นั่นคือรองเท้าที่หัวหน้าเหลยสวมก่อนที่จะตาย

ในใจสวี่ชิงโหมระลอกคลื่นขึ้นมา ขณะที่ปราณหมอกบิดเบี้ยวก็ค่อยๆ จำแลงร่างของหัวหน้าเหลย คั่นร่างสวี่ชิงด้วยปราณหมอก ดวงตาทั้งสี่ประสานกัน

สวี่ชิงดวงตาแดงรื้นเล็กน้อย

“หัวหน้าเหลย…”

หัวหน้าเหลยยิ้ม พยักหน้าให้กับสวี่ชิง จากนั้นก็มองไปรอบๆ ราวกับถอนใจแผ่วเบา ค่อยๆ เดินถอยหลัง จนแปรกลับไปเป็นปราณหมอกอีกครั้ง สลายหายไป

รองเท้าคู่นั้น ก็ค่อยๆ ถอยไปเช่นกัน จนสลายหายไปในหมอก

สวี่ชิงเงียบนิ่ง

เขานึกถึงประโยคนั้นที่หัวหน้าเหลยเคยพูดไว้

‘ไม่ต้องรอ รอจนถึงถึงที่สุด สุดท้ายก็เป็นความว่างเปล่า…’

“ความว่างเปล่าหรือ” สวี่ชิงพึมพำ มองปราณหมอก เขายังรออยู่

รอร่างที่อาจจะปรากฏขึ้นหลังจากนี้

แม้ตำนานของพื้นที่ต้องห้ามนี้คือการทำให้คนหลังจากได้ยินเสียงเพลงครั้งที่สองมองเห็นคนที่อยากพบ เช่นนั้นสวี่ชิงจึงรู้สึกว่านอกจากหัวหน้าเหลยแล้ว ตนก็ยังอยากจะพบปรมาจารย์ไป๋ และอยากพบกับนายท่านหก

เขายังอยาก จะพบกับพ่อแม่ของตนด้วย

เพียงแต่…เวลาไหลผ่านไปทีละนิด สวี่ชิงรออยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายรองเท้าคู่ที่สองก็ไม่ปรากฏ สิ่งนี้ทำให้สีหน้าเขาหดหู่เล็กน้อย เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกหดหู่ท้อแท้ มองไปที่เจ้าพื้นที่ต้องห้าม

“ผู้อาวุโส ยังมีเงาร่างอื่นอีกหรือไม่”

เจ้าพื้นที่ต้องห้ามดวงตาจดจ้อง มองสวี่ชิงเขม็ง

ชิงฉินคำรามต่ำ เรือศึกบรรพกาลแผ่พลังอำนาจ ตาข่ายของวิเศษเวทต้องห้ามส่องแสงวูบวาบ

เจ้าพื้นที่ต้องห้ามเงียบนิ่ง

ร่างของนายท่านหกก็ค่อยๆ ปรากฏในปราณหมอก

สีหน้านายท่านหกตอนแรกงุนงงเล็กน้อย จากนั้นก็เหมือนครุ่นคิด สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่ที่ร่างสวี่ชิง

เผยรอยยิ้ม

มองนายท่านหก สวี่ชิงก็รู้สึกเศร้า ประสานหมัดคารวะอย่างลึกซึ้ง

นายท่านหกยิ้มตอบรับ ร่างค่อยๆ เลือนราง จนสลายหายไปในปราณหมอก

ปราณหมอกเริ่มกลับไป

“ไม่ทราบว่าผุ้อาวุโสสามารถชักนำร่างของปรมาจารย์ไป๋รวมถึงพ่อแม่ของข้ามาได้หรือไม่ขอรับ หากมีค่าใช่จ่ายในระดับหนึ่ง ผู้เยาว์จะชำระให้”

สวี่ชิงเอ่ยอย่างยำเกรง

แต่ความยำเกรงของเขาถูกเจ้าแห่งพื้นที่ต้องห้ามมองข้าม เกียรติของพื้นที่ต้องห้าม ทำให้เสียงพิณดังขึ้นอีกครั้ง หวีดแหลมอย่างยิ่ง เจ้าพื้นที่ต้องห้ามตนนั้นสีหน้ามืดครึ้มเย็นยะเยือกถึงขีดสุด เสียงเยือกเย็นสะท้อนก้อง

“วิหคเพลิงสวรรค์รับสั่ง พื้นที่ต้องห้ามปักษาสวรรค์ทักษิณไม่รุกรานภายนอก แต่ผู้ที่รุกรานพื้นที่ต้องห้ามปักษาสวรรค์ทักษิณ จะต้องถูกแดนต้องห้ามปักษาราชันสยบ!”

โครงกระดูกรอบๆ ร้องคำราม

ต่อให้พลังอำนาจของตาข่ายของวิเศษต้องห้ามบนฟากฟ้ารวมถึงชิงฉินและนักพรตซือหนานจะปะทุขึ้นในพริบตา ความเหี้ยมโหดของที่แห่งนี้ยังคงพวยพุ่งออกมา

พื้นที่ต้องห้าม สามารถถูกสะกดได้ ถูกผนึกได้ แต่ไม่อาจหยามเกียรติได้

แต่พริบตาต่อมา ชิงฉินก็ปะทุแสงสีแดงม่วงทั่วร่าง หัวตรงกลางฉายแววโอหังและหยามเหยียด เมื่อสะบัด ปากก็มีขนนกสีแดงเพิ่มขึ้นมา

พริบตาที่ขนนกเส้นนี้ปรากฏขึ้น พื้นที่ต้องห้ามสั่นสะเทือน เจ้าพื้นที่ต้องห้ามในชุดคลุมดำตนนั้นตื่นตะลึง สีหน้าขัดขืนดิ้นรนสุดท้ายก็ก้มหน้า ส่วนสียงพิณในส่วนลึกเริ่มเสียงสั่นเครือ

นี่คือขนของวิหคเพลิงสวรรค์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด