ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 546 มารฟ้าชิงอายุขัย ปราณที่สิบสามปรากฏ (1)

Now you are reading ผู้กล้าเหนือกาลเวลา Chapter บทที่ 546 มารฟ้าชิงอายุขัย ปราณที่สิบสามปรากฏ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 546 มารฟ้าชิงอายุขัย ปราณที่สิบสามปรากฏ (1)

สำหรับศัตรู สวี่ชิงเย็นชามาโดยตลอด

เฉินเฟยหยวนได้ยินก็พยักหน้า มองสวี่ชิงผาดหนึ่ง ในใจก็นึกทอดถอนใจ หลังจากที่อาจารย์ตายจากไป เขาก็เสียการปกป้องคุ้มครอง อยู่ท่ามกลางการต่อสู้แย่งชิงภายในตระกูล จำต้องโหดเหี้ยม เย็นชาไร้ปราณีให้เป็น

“แต่สวี่ชิงในตอนที่ยังเป็นเด็ก ก็เรียนรู้สิ่งที่ข้าทำได้หลังจากที่เติบโตจนกลายเป็นสัญชาตญาณ”

ความเข้าใจต่อสวี่ชิงที่เฉินเฟยหยวนมี หลักๆ แล้วมาจากการตรวจสอบหลังจากที่เขาเข้าร่วมการช่วงชิงอำนาจตระกูล

ไม่ว่าจะเป็นชื่อเด็กน้อยในฐานที่มั่นคนเก็บกวาด หรือจะเป็นการสังหารหัวหน้าฐานที่มั่นอย่างโหดเหี้ยมในภายหลัง และการสังหารมาตลอดเส้นทางหลังจากที่เข้าร่วมกับสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ทุกอย่างนี้ล้วนทำให้เฉินเฟยหยวนยิ่งเข้าใจในตัวสวี่ชิง

เขารู้ นิสัยของสวี่ชิงตลอดจนวิธีการลงมือ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้ทั้งสิ้น

ตอนนี้ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เฉินเฟยหยวนนำแผ่นหยกสื่อเสียงออกมา ออกคำสั่งสังหาร

รายละเอียดยิบย่อยสวี่ชิงไม่ได้สนใจ เขาไม่ได้อยู่ที่ผืนอินทนิลนานเท่าไร หลังจากพูดคุยกับเฉินเฟยหยวนและถิงอวี้ได้สามวัน ภายใต้การน้อมส่งของแปดตระกูล สวี่ชิงก็จากไป

ในตอนลาจาก ถิงอวี้ร้องไห้อีกแล้ว

นับจากที่อาจารย์ตาย ความอ่อนแอของถิงอวี้เหมือนว่าจะปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการลาจากสำหรับนางแล้ว ยิ่งเป็นความเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง

สำหรับสวี่ชิง นางไม่ได้สงสัยใคร่รู้และใจสั่นไหวง่ายๆ เหมือนอย่างตอนเด็กแบบนั้นอีกแล้ว จากการเติบโตขึ้น มิตรภาพศิษย์อาจารย์เดียวกันระหว่างพวกเขา ในผืนอินทนิลที่เย็นชาและแปดตระกูลที่ต่างฝ่ายต่างหลอกลวงกัน ก็เป็นแหล่งความอบอุ่นที่มีไม่มากในใจของนาง

ชีวิตมนุษย์หลายครั้งก็เป็นเช่นนี้ แม้เวลาผันผ่านผมหงอกขาวแต่มิตรภาพยังคงแน่นแฟ้น ยิ่งเป็นโลกที่เย็นชายิ่งปรากฏให้เห็นได้ง่าย และอารมณ์ความรู้สึกในโลกก็ไม่ได้มีเพียงแค่ความรักอย่างเดียวเท่านั้น

สำหรับความรู้สึกที่น้อยมาก ยิ่งไม่สามารถใช้เพียงเวลานานหรือสั้นมาวัดได้

แต่การควบคุมอย่างสุดความพยายามของนางก็ไม่ได้ร้องไห้ต่อหน้าสวี่ชิง ทว่าเป็นหลังจากที่เขาจากไปแล้วถึงได้อดทนไว้ไม่ไหวซบไหล่เฉินเฟยหยวนร่ำไห้ออกมา

“ศิษย์พี่ ท่านยังจำประโยคนั้นที่อาจารย์พูดบ่อยๆ ได้หรือไม่

“ฟ้าดินเป็นที่พักของสรรพชีวิต เวลาเป็นแขกผู้มาเยือนนับตั้งแต่โบราณกาลมา…” เสียงของเฉินเฟยหยวนดังขึ้นในหูของถิงอวี้ นางเงยหน้าขึ้น พึมพำเสียงเบา

“ขอเพียงไม่ตาย ก็จะได้พบกันอีก”

ประโยคเดียวกันก็ดังพึมพำออกมาจากปากของสวี่ชิงที่ยืนอยู่ในหอคอยเรือศึกบรรพกาลบนท้องฟ้าเช่นเดียวกัน

ลมพัดมา พัดเสื้อของเขา พัดผมยาวของเขาปลิวพริ้ว ในยามที่เสียงครืนครันจากเรือศึกบรรพกาลดังก้อง ในสมองสวี่ชิงก็มีคำพูดเหล่านี้ผุดขึ้นมา และฉายสีหน้าของปรมาจารย์ไป่ในยามพูดคำพูดนี้ขึ้นมาด้วย

สามวันที่ผืนอินทนิล เขาถามรายละเอียดมากมายของปรมาจารย์ไป่ในยามมีชีวิตกับเฉินเฟยหยวนและถิงอวี้ ยกตัวอย่างเช่นสหายสนิทที่นอกจากนายท่านเจ็ดบางคน ว่ามีพฤติกรรมการกระทำที่ผิดปกติหรือไม่ ก่อนจะโดนลอบสังหารได้พูดอะไรที่เป็นพิเศษหรือไม่ เป็นต้น

เฉินเฟยหยวนไม่แน่ใจกับเรื่องนี้ แต่ถิงอวี้จำได้ชัดเจนมาก จากความทรงจำและการบรรยายของนาง สวี่ชิงหาจุดที่ผิดปกติของอาจารย์ไป่ไม่เจอ

มีเพียงแค่…ถิงอวี้บอกกับเขาว่าอาจารย์มีนิสัยหนึ่ง เขาชอบมองท้องฟ้า

นิสัยนี้ไม่ได้มีมาตั้งแต่ทีแรก แต่เป็นนิสัยที่เกิดขึ้นหนึ่งปีก่อนถูกลอบสังหาร

สวี่ชิงเงยหน้าเงียบๆ มองไปยังท้องฟ้า

“นอกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์…”

สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด

สรุปแล้ว สวี่ชิงยากจะได้คำตอบเรื่องของปรมาจารย์ไป่ที่ถูกต้องแม่นยำ สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ จากเรือศึกบรรพกาลที่ไปจากผืนอินทนิล ข้ามทะเลต้องห้าม ก็กลับมายังมณฑลรับเสด็จราชัน

ในการเดินทางนี้ สวี่ชิงไปแดนต้องห้ามปักษาราชันด้วยรอบหนึ่ง

เขาอยากพิสูจน์ตัวตนของหวงเหยียน

เพียงแต่ในแดนต้องห้ามปักษาราชันต่อให้ชิงฉินส่งเสียงร้องแกว๊กออกมา วิหคเพลิงสวรรค์ก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งแดนต้องห้ามปักษาราชันถูกปกคลุมไปด้วยหมอก

แต่ในเสี้ยวพริบตาที่เขาออกไปจากแดนต้องห้ามปักษาราชัน เขาก็ได้รับสื่อเสียงจากแผ่นหยกของศิษย์พี่หญิงรอง

“ศิษย์น้องเล็ก ข้าอยู่ในแดนต้องห้ามปักษาราชัน ข้าตั้งครรภ์แล้ว แต่ก็เพราะเหตุนี้ พลังบำเพ็ญในตอนกำลังทะลวงขั้นเลยเกิดปัญหาเล็กๆ ขึ้น หงุดหงิดเหลือเกิน โทษหวงเหยียนเจ้าอ้วนบ้าคนนี้เลย หงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว

“หวงเหยียนกำลังช่วยข้าจัดการอยู่ เพียงแต่พวกเราออกไปข้างนอกพบเจ้าไม่ได้ นอกจากนี้…หวงเหยียนให้ข้าบอกเจ้าว่า สิ่งที่เขาเคยพูดกับเจ้าตอนนั้น มีผลตลอด

“หากอยู่ข้างนอกไม่มีความสุข ก็กลับทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ”

หลังจากสวี่ชิงได้รับข่าวจากศิษย์พี่รอง ก็สูดลมหายใจลึก มองๆ ชิงฉิน

ชิงฉินร้องแกว๊ก สีหน้าตื่นเต้นและสงสัยใคร่รู้ เห็นได้ชัดว่ามันสังเกตได้ถึงสิ่งมหัศจรรย์ในแดนต้องห้ามปักษาราชัน

“หวงเหยียนก็คือวิหคเพลิงสวรรค์(เหยียนหวง)จริงๆ หรือ”

แต่ให้เบาะแสทุกอย่างชี้มาในทิศทางนี้ แต่นึกย้อนภาพแต่ละฉากๆ ของหวงเหยียนในตอนนั้น สวี่ชิงก็ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยจะเป็นจริงสักเท่าไร

สุดท้าย ก็จากไปด้วยความทอดถอนใจ สวี่ชิงอยู่บนเรือศึกบรรพกาล มองเห็นมณฑลรับเสด็จราชันจากที่ไกลๆ

การกลับมาครั้งนี้ สวี่ชิงไม่ได้อยู่ที่พันธมิตรแปดสำนักนานนัก หลังจากนั้นสองสามวัน นายท่านเจ็ดก็พาลูกศิษย์ของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต และลูกศิษย์กว่าครึ่งของสำนักโลกันต์ทมิฬ จากไปพร้อมกับสวี่ชิง ส่งข้ามไปยังเมืองหลวงเขตปกครอง

จื่อเสวียนไม่อยู่ นางเดินทางไปล่วงหน้าแล้ว ที่เมืองหลวงเขตปกครองรับผิดชอบเลือกที่ตั้งและการก่อสร้าง

และการจากไปของพวกเขา ประธานพันธมิตรแปดสำนักล้วนยิ้มอยู่ตลอด สีหน้ายังฉายความทอดถอนใจและความอาลัยอาวรณ์ มาส่งนายท่านเจ็ด

พันธมิตรแปดสำนักก็ยังคงเป็นแปดสำนัก ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ส่วนสำนักครามทมิฬที่กำลังจะสร้างในเมืองหลวงเขตปกครองก็จะเป็นสำนักเอกเทศ อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นฐานะหรือการพัฒนาในอนาคตล้วนเหนือกว่าพันธมิตรแปดสำนักอย่างมหาศาล

ฐานะปลัดเขตปกครองของนายท่านเจ็ด การเข้าร่วมของชื่อสวี่ชิง ทุกอย่างนี้ทำให้ขั้วอำนาจแต่ละฝ่ายในเขตปกครองผนึกสมุทรต่างรู้ดี ต่อให้ตอนนี้ยังอ่อนด้อย แต่อีกไม่นาน ในเขตปกครองผนึกสมุทรจะมีสำนักขั้นสุดยอดเพิ่มมาอีกหนึ่งสำนักอย่างแน่นอน

การเดินทางของสวี่ชิงจบสิ้นอย่างสมบูรณ์เพียงเท่านี้

ครั้งนี้เขาไปหลายที่ และสมหวังสมปรารถนาไปหลายข้อ ในใจโปร่งโล่งไปมาก วันที่สี่ที่กลับมาถึงเมืองหลวงเขตปกครอง ปราณที่สิบสามของสวี่ชิงก็ปรากฏขึ้นในตะเกียงปีกโลหิตวิญญาณทมิฬ

ปีกซ้ายเชี่ยวชาญเรื่องความเร็ว ปีกขวาทำการโจมตีเป็นหลัก

ในพริบตาที่เงาปีกขวาปรากฏขึ้น พลังสังหารทำลายล้างน่าครั่นคร้ามกลุ่มหนึ่งก็ปะทุขึ้นมาจากปราณ ความแข็งแกร่งของพลังสังหารทำลายล้าง อยู่เหนือกว่าตะเกียงดวงอื่นๆ ทั้งหมด

หลังจากสัมผัสถึงความคมบนนั้น สวี่ชิงก็คิดๆ แล้วนำแผ่นหยกชิ้นหนึ่งออกมา

นี่เป็นแผ่นหยกที่นายท่านเจ็ดมอบให้ในระหว่างทางที่กลับมาเมืองหลวงเขตปกครองกับนายท่านเจ็ด

สิ่งที่บันทึกอยู่ในนั้นคือวิชาปราณที่นายท่านเจ็ดคิดค้นมาเพื่อเขา

เคล็ดวิชามารฟ้าชิงอายุขัย

เคล็ดวิชามารฟ้าชิงอายุขัย

เหมือนกับพรางมารยาชิงมรรคา เคล็ดวิชาที่นายท่านเจ็ดคิดค้นขึ้นเพื่อสวี่ชิง สร้างขึ้นตามนิสัยและรูปแบบ ตลอดจนความสามารถของตัวเขาเองโดยเฉพาะ มีเพียงหนึ่งเดียวไม่ซ้ำใคร

สวี่ชิงนึกย้อนถึงสีหน้าที่ภาคภูมิใจในตอนที่นายท่านเจ็ดมอบเคล็ดวิชาให้กับตนตอนนั้น ในใจเกิดความอบอุ่น และหลายวันนี้จากความเข้าใจต่อวิชานี้ ก็ทำให้เขารู้ว่าคิดค้นวิชาชุดหนึ่งแบบนี้ขึ้นมา ยากเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ หากอยากฝึกก็ต้องมีวัตถุพิเศษเพื่อเอามาช่วยสนับสนุน ถึงจะเป็นต้นกำเนิดพลังเคล็ดวิชา

วัตถุเหล่านี้ นายท่านเจ็ดเตรียมไว้ให้เขาแล้ว

มองแผ่นหยก ในสมองสวี่ชิงมีเนื้อหาของเคล็ดวิชาปรากฏขึ้นมา

ผู้บำเพ็ญเผ่าต่างๆ ของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ทันทีที่ก้าวสู่ระดับปราณก่อกำเนิด จุดสำคัญในการฝึกบำเพ็ญจะไม่เหมือนกับในอดีตโดยสิ้นเชิง มีการเปลี่ยนแปลงไป

พวกเขาต้องการอายุขัยสวรรค์

อายุขัยสวรรค์เป็นสิ่งที่ยากจะใช้คำพูดอธิบายได้ชนิดหนึ่งที่อยู่ในระดับปราณก่อกำเนิดระดับนี้เท่านั้นจึงจะเริ่มปรากฏขึ้น

มันไม่เหมือนดวงชะตา

พูดให้ถูกคือ อายุขัยสวรรค์คือพลังพื้นฐานที่สุดที่ประกอบกฎเกณฑ์ฟ้าดิน จะมองเป็นอักขระดนตรีที่ประกอบกันบทเพลง หรือเส้นขีดที่ประกอบกันเป็นตัวอักษร หรืออิฐหินที่ประกอบกันจนเป็นสิ่งก่อสร้างแบบนั้นก็ได้

ประโยชน์ของมัน นอกจะทำให้ปราณได้รับการหล่อเลี้ยงเติบโตแล้ว ยิ่งกว่านั้นคือผสานปราณไปในกายปราณ ภายใต้การสะสมอยู่ตลอด สุดท้ายหลังจากที่ผ่านเคราะห์อัสนีห้าครั้งรวมอยู่ด้วยกัน ก่อเป็นสมบัติลับหนึ่งคลัง

จำนวนมากน้อยของอายุขัยสวรรค์จะเป็นตัวกำหนดอัตราความสำเร็จของการเกิดขึ้นของสมบัติลับ ขณะเดียวกัน นี่ก็เป็นพื้นฐานของการเกิดขึ้นของสมบัติวิญญาณเช่นกัน

และหากอายุขัยสวรรค์มากพอ เช่นนั้นหลังจากที่สมบัติลับเกิดขึ้น อายุขัยสวรรค์ที่เกินมาจะกลายเป็นกฎเกณฑ์ในสมบัติลับ ทำให้ทุกอย่างที่กำเนิดมรรคาสวรรค์ถึงเงื่อนไขก่อนกำหนด

ดังนั้น สำหรับผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิด ในระดับปราณก่อกำเนิดระดับนี้ อายุขัยสวรรค์สำคัญเป็นที่สุด

และหากอยากได้อายุขัยสวรรค์ให้มากขึ้น ก็ต้องทนรับทัณฑ์สวรรค์

ปกติแล้วพลังของทัณฑ์สวรรค์ครั้งแรกจะธรรมดา แต่ภายหลังจากน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ

กระทั่งว่าหลังจากครั้งที่สี่ พูดได้กระทั่งว่าทำลายล้างสังหาร ผู้ที่สามารถผ่านไปได้มีไม่มาก

ปราณตะเกียงแห่งชีวิตในนั้นยังดี หลังจากที่ล้มเหลว ปราณจะไม่หายไป ตะเกียงแห่งชีวิตจะรับทัณฑ์เอง

แต่ปราณทั่วไปหากล้มเหลว สถานเบาคือบาดเจ็บสาหัส ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลถึงจะพอฟื้นฟูกลับมาได้

ส่วนสถานหนักคือแตกสลายทันที เสียไปตลอดกาล ไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้

เช่นนี้แล้ว ระดับปราณก่อกำเนิดระดับนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่มีคนจำนวนมากไม่กล้าผจญเคราะห์ ยอมหยุดฝีเท้าอยู่ตรงนี้

แม้ผู้บำเพ็ญสมบัติวิญญาณปกติดูแล้วจะมีไม่น้อย แต่นั่นเป็นเพราะจำนวนของผู้บำเพ็ญแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์มีมาก ความจริงแล้วผู้บำเพ็ญสมบัติวิญญาณทุกคน ล้วนผ่านการทดสอบเป็นตายจากเคราะห์สวรรค์ทั้งสิ้น

แน่นอน แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์พัฒนามานานขนาดนี้ การศึกษาค้นคว้าเคราะห์ชะตาปราณก่อกำเนิดมีมากมาย ดันนั้นจึงมีวิธีต่างๆ มากมาย

บางวิธีก็ได้ผลจริงๆ แต่ค่าตอบแทนก็มหาศาลเช่นกัน และมีบางวิธีที่ภายนอกดูไม่เลว เงื่อนไขการฝึกบำเพ็ญเข้มงวด เป็นเพียงแค่ทฤษฎีเท่านั้น

มีเพียงวิชาล้ำค่าบางวิชาของสำนักใหญ่บางสำนัก หรือไม่ก็เคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิที่ฝึกฝนได้ ถึงจะทำให้ผู้บำเพ็ญลดความเสียหายจากการผจญเคราะห์ เพิ่มความเป็นไปได้ของความสำเร็จ ได้รับอายุขัยสวรรค์มากยิ่งขึ้น

และนอกจากนี้แล้ว ในเผ่าต่างๆ ความจริงจะมากจะน้อยล้วนมีเคล็ดวิชาที่ล้ำค่ายิ่งกว่าเอาไว้

วิชาเหล่านี้ทำให้คนแทบจะสามารถผจญเคราะห์ได้โดยไร้ซึ่งการบาดเจ็บเสียหาย เพียงแต่เงื่อนไขการฝึกฝนล้วนมีข้อกำหนดที่เข้มงวดมากมาย ไม่ได้ได้มาจากการฝึกฝนอย่างเดียวเท่านั้น ยังต้องใช้ของวิเศษล้ำค่าฟ้าดินบางอย่างในการสนับสนุนช่วยเหลือด้วย

ไม่ได้มีให้เห็นทั่วๆ ไป

รวมกับตัวตนระดับบน จึงกลายเป็นวัตถุที่มีเพียงผู้มีอำนาจผู้สูงส่งเท่านั้นถึงจะสามารถครอบครองได้

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดในขั้นนี้ ก่อนอื่นคือต้องทำให้ปราณของตัวเองเติบโต

ไม่ว่าจะเป็นพลังวิญญาณฟ้าดิน หรือกลืนกินปราณของคนอื่น หรือจะกินของล้ำค่าฟ้าดินหรือยาลูกกลอน เป้าหมายทั้งหมดล้วนเพื่อทำให้ปราณทนเคราะห์สวรรค์ได้ ได้รับอายุขัยสวรรค์หล่อเลี้ยงปราณ จากนั้นก็เติบโตต่อไป ผจญเคราะห์ต่อไป

นี่คือรากฐาน

นอกเสียจากเคล็ดวิชาที่พิเศษมากๆ ไม่เช่นนั้นแล้วล้วนใช้วิธีเหล่านี้เป็นพื้นฐานทั้งสิ้น

เคล็ดวิชามารฟ้าชิงอายุขัยที่นายท่านเจ็ดมอบให้สวี่ชิงกลับเป็นวิธีการที่กลับกัน ฉายความแข็งแกร่งทรงพลังไร้เทียมทาน ทั้งยังแฝงด้วยรูปแบบของยอดเขาลำดับเจ็ดเอาไว้อย่างเข้มข้น

มันต่อยอดจากวิชาพรางมารยา ยังคงกลืนกินเป็นหลัก

เพียงแต่สิ่งที่กลืนกินไม่ใช่แก่นลมปราณวังสวรรค์ แต่เป็นอายุขัยสวรรค์ในปราณ!

กลืนกินอายุขัยสวรรค์ที่ผู้อื่นได้รับหลังจากที่ผ่านเคราะห์แล้วมาเป็นอายุขัยสวรรค์ของตัวเอง

และอายุขัยสวรรค์ก็เป็นของที่หล่อเลี้ยงปราณที่ดีที่สุด ดังนั้นฝึกฝนวิชานี้ไม่จำเป็นต้องใช้ของวิเศษล้ำค่าฟ้าดินอะไร แค่สังหารไปเรื่อยๆ ก็พอ

ดังนั้นจึงเรียกว่าชิงอายุขัย

สวี่ชิงสีหน้าค่อนข้างจะแปลกประหลาด เขารู้สึกว่าคำว่าชิงคำนี้ นายท่านเจ็ดน่าจะปรับมันให้ดูสวย ต้องเป็นขโมยอายุขัยถึงจะถูก ไม่ใช่ขโมยจากลักขโมย แต่เป็นขโมยช่วงชิงจากการใช้กำลังข่มเหงต่างหาก

ส่วนมารฟ้าสองตัวอักษรนี้ก็มีความหมาย

นี่เป็นจุดพิเศษจุดที่สองของวิชานี้ มันสามารถทำให้ผู้ที่ฝึกบำเพ็ญแยกส่วนปราณที่กลืนกินได้

อายุขัยสวรรค์ในปราณจะกลายเป็นสารหล่อเลี้ยงและสารที่ต้องการสำหรับตัวเอง ส่วนอื่นๆ ก็จะหลอมรวมอยู่นอกร่าง กลายเป็นร่างมารฟ้าที่อยู่ในสภาวะมายา

ร่างมารฟ้ากับร่างแยกดูแล้วคล้ายกัน ทว่า คุณสมบัติภายในกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

มันสามารถก่อเป็นอะไรได้มากมาย ยกตัวอย่างเช่นคอยติดตามร่างตัวเองเหมือนวิญญาณ สู้ให้กับร่างของตัวเอง

และสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของร่างมารฟ้า เป้าหมายการเกิดขึ้นของมันคือรับเคราะห์แทน!

เคราะห์สวรรค์แข็งแกร่ง น่าสะพรึงกลัวขึ้นเรื่อยๆ เสียปราณไปจะเสียหาย จะแตกสลาย แต่ในเมื่อเป้าหมายคือได้รับอายุขัยสวรรค์ เช่นนั้น…ความจริงการผจญเคราะห์ก็เป็นพิธีหนึ่งก็เท่านั้น

ให้ร่างมารฟ้าของตัวเองไปผจญเคราะห์ ผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนกัน

สลายไปหนึ่ง ยังมีร่างที่สอง ร่างที่สาม…

ขอเพียงสำเร็จครั้งหนึ่งก็สามารถเรียกพลังอายุขัยสวรรค์มาได้ ถึงตอนนั้นผู้ที่ฝึกฝนวิชานี้ ค่อยใช้วิชาชิงอายุขัยไปคว้ามาก็ได้

นี่คือรูปแบบของยอดเขาลำดับเจ็ด และเป็นรูปแบบของนายท่านเจ็ดเช่นกัน

สวี่ชิงดวงตาเป็นประกาย ขณะสะบัดมือก็เอาขวดยาลูกกลอนออกมาสามขวด

เคล็ดวิชามารฟ้าชิงอายุขัยในการฝึกฝนทีแรกเหมือนเคล็ดวิชาพรางมารยาชิงมรรคาที่ต้องการดวงใจประหลาดหนึ่งดวง มันก็ต้องการวัตถุที่พิเศษบางอย่างเช่นกัน

อันดับแรก มันต้องให้ผู้บำเพ็ญมีปราณทั้งหมดปรากฏขึ้น อีกทั้งปราณทั้งหมดยังต้องผ่านเคราะห์สวรรค์มาครั้งหนึ่ง หนึ่งในนั้นมีอายุขัยสวรรค์จำนวนหนึ่ง

นี่คือพื้นฐาน

จากนั้นก็เป็นวัตถุในขวดยาลูกกลอนทั้งสามใบนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด