ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่งบทที่ 717 เปลี่ยนแปลงสังคม

Now you are reading ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง Chapter บทที่ 717 เปลี่ยนแปลงสังคม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 717 เปลี่ยนแปลงสังคม

นักบวชเต๋าจินเหลียนส่งข้อความบอกว่า

หมายเลขเก้า ‘อาตมาไม่เข้าใจเรื่องยกทัพออกรบ แต่มีเรื่องหนึ่ง พวกเจ้าเหมือนจะมองข้ามไป นั่นก็คือเฮยเหลียน!’

อ่านข้อความของจินเหลียน ทุกคนในพรรคฟ้าดินตกตะลึง

หมายเลขหนึ่ง ‘นักบวชเต๋า ท่านหมายความว่าอย่างไร…’

หมายเลขเก้า ‘ใช่ การดำรงอยู่ของสมาชิกพรรคฟ้าดินถูกเปิดเผยตั้งนานแล้ว ระหว่างเฮยเหลียนกับข้า จะต้องมีผลลัพธ์ ยามนี้สวี่ชีอันเข้าสู่ขั้นเหนือมนุษย์ พวกเจ้าก็ล้วนเป็นขั้นสี่ พลังต่อสู้นับว่าใช้ได้

เปลี่ยนมุมมองใคร่ครวญ ถ้าพวกเจ้าคือเฮยเหลียน จะทำอย่างไร’

‘ร่วมมือกับทัพกบฏอวิ๋นโจว โจมตีต้าฟ่ง’…ความคิดนี้แวบผ่านในหัวของสมาชิกพรรคฟ้าดิน ส่วนลี่น่าก็นึกขึ้นได้ทันที ยามนั้นตนเองเข้าร่วมพรรคฟ้าดิน เคยรับปากว่าวันหน้าบำเพ็ญตบะสำเร็จ จะช่วยนักบวชเต๋าจินเหลียนสะสางพรรค

เวลาผ่านไปนาน นางแทบลืมคำสัญญานี้แล้ว

นอกจากนี้ เมื่อครู่นางไม่ได้คิดจะขัดแย้งกับนักบวชเต๋าจินเหลียน นางคิดไม่เข้าใจเลยว่านักบวชเต๋าจินเหลียนผิดที่ใด

หมายเลขสอง ‘แต่ เฮยเหลียนไม่ปรากฏตัว’

หมายเลขหนึ่ง ‘เป็นไปได้หรือไม่ว่าในระหว่างที่เฮยเหลียนปลีกวิเวก ไม่ว่างสนใจโลกภายนอก เช่นเดียวกับสภาพก่อนหน้านี้ของนักบวชเต๋าจินเหลียน’

เมื่อพูดถึงเรื่องใหญ่ ฮว๋ายชิ่งมักจะกระตือรือร้นออกความคิดเห็น แสดงมุมมองของตนอย่างเต็มที่

หมายเลขเก้า ‘คงไม่ใช่สถานการณ์เช่นนี้ แม้เฮยเหลียนใช้เวลาส่วนใหญ่หลับสนิท แต่เขาก็ยังทิ้งร่างอวตารไว้ข้างนอก ไม่ได้ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง’

ฉู่หยวนเจิ่นส่งข้อความว่า

‘เรื่องนี้ผิดปกติจริงๆ เฮยเหลียนเคยเป็นพันธมิตรกับเจินเต๋อ ร่วมกันจัดการสวี่หนิงเยี่ยน งั้นเขาก็ต้องเป็นพันธมิตรกับทัพบฏอวิ๋นโจว ต่อให้เฮยเหลียนไม่เต็มใจ สวี่ผิงเฟิงก็จะเกลี้ยกล่อมเขา’

‘แต่ทัพกบฏกับทัพชิงโจวสู้รบกันนานขนาดนี้ เฮยเหลียนไม่เคยปรากฏตัว เขากำลังวางแผนอะไร’

นักบวชเต๋าจินเหลียนส่งข้อความวิเคราะห์ว่า

‘เฮยเหลียนเจ้าเล่ห์เพทุบาย ถ้าสมรู้ร่วมคิดกับโหรขั้นสองอีก ด้วยแผนสกปรกของทั้งสอง ไม่มีผู้ใดเดาได้ว่าพวกเขาวางแผนอะไรอยู่’

เหล่าสมาชิกพรรคฟ้าดินระวังตัวขึ้นมาทันที

แต่ไม่ใช่หวาดกลัวเกินไป เพราะระดับในยามนี้ของสวี่ชีอัน ถ้าทุ่มสุดกำลัง จัดการเฮยเหลียนตามลำพังก็ไม่ยากเกินไป

แม้บอกว่าเด็กคนนั้นเป็นจอมยุทธ์ขั้นสาม แต่เขามีเล่ห์กลเยอะ ไพ่ตายเยอะ พลังต่อสู้ที่ปะทุออกมาได้ไม่ใช่สิ่งที่ขั้นสามทั่วไปทำได้แน่นอน อีกทั้ง นักบวชเต๋าเฮยเหลียนไม่ใช่คนปกติ เขาพิการ

ในระดับขั้นสอง น่าจะอยู่ในระดับกลางค่อนบน ไม่ถึงขั้นสุดยอดฝีมือที่ครึ่งก้าวเข้าสู่ขั้นหนึ่งเช่นลั่วอวี้เหิง

จินเหลียนส่งข้อความบอกว่า ‘เมื่อครู่สวี่ผิงเฟิงที่หมายเลขสี่พูดถึง…’

ฉู่หยวนเจิ่นส่งข้อความตอบว่า ‘สวี่ผิงเฟิงก็คือโหรขั้นสองผู้นั้น’

หมายเลขเก้า ‘ชื่อนี้แปลกอยู่บ้าง’

นักบวชเต๋าจินเหลียนแสดงความสงสัยของตนอย่างอ้อมค้อม ถ้าจำไม่ผิด อารองของสวี่ชีอันชื่อว่าสวี่ผิงจื้อ

‘นี่มัน’…ทุกคนในพรรคฟ้าดินไม่รู้ควรอธิบายอย่างไรชั่วขณะ

‘ละครครอบครัวบ้านสกุลสวี่ซับซ้อนเกินไปจริงๆ ไม่รู้ควรเริ่มพูดอย่างไร เจ้าบอกว่า ผู้ได้ยินก็เศร้าใจ ผู้ได้เห็นก็ร้องไห้กระมัง ไม่มีปัญหา เจ้าบอกว่ามันแย่ลงทุกวัน ศีลธรรมเสื่อมสลายกระมัง ก็ไม่มีปัญหา’

หมายเลขสาม ‘เขาคือบิดาข้า พี่ชายของอารองข้า’

ยามนี้ สวี่ชีอันกระโจนออกมา

ที่จริงเขาฟังอยู่ตลอด ยามนี้นอนอยู่บนเรือน้อย อาบแดดตากลมทะเล ไกลออกไปคือฝูงนกนางนวลวนเวียนขึ้นลง

ในที่สุดหัวหน้ากลุ่มก็เชื่อมต่อได้ ถ้าเจ้าออกมาช้ากว่านี้อีกหน่อย ที่ราบลุ่มภาคกลางอาจเปลี่ยนราชวงศ์ไปแล้ว…สวี่ชีอันสบายใจอย่างอธิบายไม่ได้

ไม่ใช่ว่าจินเหลียนแข็งแกร่งเพียงใด แต่ยามที่เขายังอ่อนแอ นักบวชเต๋าจินเหลียนทำตัวเป็นผู้อาวุโสที่พึ่งพาได้เสมอ แม้ยามนี้เขากลายเป็นสุดยอดฝีมือ แต่ยังมีความรู้สึกอุ่นใจราวกับ ‘ลูกได้เจอพ่อแม่’ นั้น

ในพรรคฟ้าดิน ถึงฮว๋ายชิ่งกับฉู่หยวนเจิ่นจะเฉลียวฉลาด ถึงสมาชิกอื่นจะพึ่งพาได้ แต่เทียบไม่ได้กับหัวหน้ากลุ่ม

ในมุมมองของสวี่ชีอัน นักบวชเต๋าจินเหลียนนั้นหาได้ยาก เป็นขิงแก่ที่รับมือกับพวกผู้ใหญ่เช่นโหราจารย์และสวี่ผิงเฟิงได้

มีเขาช่วยวางแผน วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย อีกทั้งประสบการณ์ยุทธภพโชกโชนของนักบวชเต๋าจินเหลียน สวี่ชีอันสบายใจขึ้นมาก

โหรขั้นสองผู้นั้นแห่งอวิ๋นโจวเป็นบิดาของสวี่ชีอัน!

หน้าผากของนักบวชเต๋าจินเหลียนดัง ‘วิ้งๆ’ นิ่งอึ้งอยู่นาน นึกไม่ถึงว่าภูมิหลังของสวี่หนิงเยี่ยนจะอัศจรรย์พลิกผันเช่นนี้

‘บิดาเขาเป็นโหรขั้นสอง โหรขั้นสองเกิดในสำนักโหราจารย์ สวี่หนิงเยี่ยนมีโชคชะตารัดตัว เป็นเบี้ยที่โหราจารย์ให้ความสำคัญ’…ครู่หนึ่งนี้ ความคิดของนักบวชเต๋าจินเหลียเจิดจ้าราวกับประกายไฟ

เขาไขปัญหาหลายข้อที่สงสัยก่อนหน้านี้ได้แล้ว

หมายเลขเก้า ‘สถานการณ์โดยเฉพาะคือ?’

หมายเลขสามไม่ตอบเสียที

‘ไม่พูดถึงสวี่หนิงเยี่ยน เพราะเขาไม่ต้องการพูดถึงบิดาผู้บ้าคลั่งนั้น’…ฉู่หยวนเจิ่นรู้อยู่แก่ใจ ส่งข้อความว่า

หมายเลขสี่ ‘เรื่องนี้ยังต้องเริ่มพูดหลังจากฆ่าเจินเต๋อแล้ว…’

ฉู่จ้วงหยวนที่มีความคิดชัดเจน เริ่มจากสวี่ผิงเฟิงปรากฏตัวครั้งแรก หวังแย่งโชคชะตาคืน พูดไปพูดมา จนกระทั่งถึงอวิ๋นโจวก่อกบฏ แนวคิดชัดเจน ใช้คำและประโยคถูกต้องเหมาะสม ไม่ซับซ้อน แต่ก็ไม่ขาดรายละเอียด

แสดงทักษะด้านภาษาของจ้วงหยวนหลางผู้หนึ่งอย่างลึกซึ้ง

‘ตั้งแต่เจินเต๋อถึงสวี่ผิงเฟิง ล้วนเป็น ‘พ่อที่ดี’ เสมอ’…นักบวชเต๋าจินเหลียนถอนใจอย่างหดหู่

หมายเลขสอง ‘สวี่หนิงเยี่ยน บอกความลับของพระพุทธเจ้าให้นักบวชเต๋าจินเหลียนฟังได้หรือไม่’

หมายเลขสี่ ‘อืม นักบวชเต๋ารอบรู้และมีประสบการณ์มาก ได้สัมผัสความลับระดับสูงมากกว่าพวกเรา อาจให้ความเห็นที่แตกต่างออกไปได้’

คำพูดของหลี่เมี่ยวเจินได้รับการเห็นด้วยจากฉู่หยวนเจิ่น

หลี่หลิงซู่ก็ส่งข้อความคล้อยตาม ‘เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความลับของขั้นเหนือมนุษย์ เมื่อก่อนพวกเราระดับต่ำเกินไป ต้นสายปลายเหตุไม่พอ ไม่มีอะไรนอกจากความตกใจ แต่นักบวชเต๋าเป็นผู้นำเต๋านิกายปฐพี อาจได้แนวความคิดจากสิ่งนี้ นึกถึงเรื่องบางเรื่อง’

‘พวกเจ้ากำลังพูดถึงอะไร’…นักบวชเต๋าจินเหลียนนิ่งเงียบมองเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพี

‘เกี่ยวข้องกับความลับของขั้นเหนือมนุษย์? ความลับของพระพุทธเจ้า? ไม่ใช่ แม้ข้าเป็นผู้นำเต๋านิกายปฐพี แต่ข้าก็ไม่รู้ความลับของขั้นเหนือมนุษย์…ไม่ นี่ไม่ใช่ประเด็น สิ่งสำคัญคือพวกเจ้ากุมแม้แต่ความลับของพระพุทธเจ้าได้อย่างไร’

‘อีกทั้งดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับสวี่ชีอันอีกแล้ว?’

นักบวชเต๋าจินเหลียนสงสัยอีกครั้งว่าตนเองไม่ใช่ปลีกวิเวกครึ่งปี แต่ปลีกวิเวกหกสิบปี

หมายเลขสาม ‘ให้ข้าพูดเถอะ!’

ยามนี้ สวี่ชีอันเล่าความสัมพันธ์ระหว่างพระพุทธเจ้ากับเสินซู ความลับของสงครามกวาดล้างปีศาจเมื่อห้าร้อยปีก่อน รวมทั้งการคาดคะเนสองข้อของตนให้นักบวชเต๋าจินเหลียนฟัง

ส่งข้อความเสร็จ นักบวชเต๋าจินเหลียนไม่ตอบสนองอยู่นาน ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว

นานจนกระทั่งเหล่าสมาชิกพรรคฟ้าดินนึกว่านักบวชเต๋าจินเหลียนขาดการเชื่อมต่อแล้ว

หมายเลขเก้า ‘น่าตระหนกตกใจ อาตมาก็นึกไม่ถึงว่าการกวาดล้างปีศาจหกสิบปีเมื่อห้าร้อยปีก่อนมีความลับเช่นนี้’

นักบวชเต๋าจินเหลียนที่ได้สติขึ้นมาส่งข้อความอย่างใจหาย แสดงความคิดของตน… ‘ระดับสูงเกินไป อาตมาก็ไม่รู้แน่ชัด’

‘ดูเหมือนนักบวชเต๋าจินเหลียนก็ยากที่จะได้สัมผัสความลับของขั้นเหนือมนุษย์ แม้เขามีฐานะเป็นผู้นำเต๋านิกายปฐพี’…สมาชิกทุกคนที่เดิมทีหวังว่าคัมภีร์นิกายปฐพีจะมีเบาะแสร่องรอยนั้นรู้แจ้งแก่ใจแล้ว ไม่ได้ซักถาม และไม่ได้ส่งข้อความถอนใจ แม้แต่นักบวชเต๋าจินเหลียนก็ไม่รู้เช่นนี้

ไม่ใช่พูดไม่ได้ แต่ไม่จำเป็น

ครึ่งปีก่อนนักบวชเต๋าเป็นหัวหน้ากลุ่มของพรรคฟ้าดิน ทุกคนสงสัยอะไร นักบวชเต๋าตอบได้เสมอ

ขณะที่ทุกคนคิดจะเปลี่ยนหัวข้อ ลี่น่าส่งข้อความมาเหมือนเพิ่งรู้ตัว

‘อา แม้แต่นักบวชเต๋าจินเหลียนก็ไม่รู้หรือ ข้ายังนึกว่านักบวชเต๋าจินเหลียนจะต้องรู้บ้าง เจ้าเป็นถึงผู้นำเต๋านิกายปฐพี ทั่วทั้งจิ่วโจวมีอยู่ไม่กี่คน’

…เหล่าสมาชิกพรรคฟ้าดินลอบกุมขมับ

หมายเลขเก้า ‘ที่จริง ยามนั้นลี่น่าบอกว่าในการกวาดล้างปีศาจหกสิบปี มีเทพยุทธ์ครึ่งก้าวปรากฏตัว ข้าก็คิดว่าแปลกๆ ตามที่อาตมารู้ จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางอยู่ขั้นหนึ่ง ความเป็นไปได้ที่จะพยายามก้าวหน้าต่อไปแทบเป็นศูนย์

ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าลี่น่าคงจำผิด แต่ภายหลังในคดีทะเลสาบซังผอ เสินซูดึงดูดความสนใจของข้า เขามาจากสำนักพุทธ และห้าร้อยปีก่อนก็ถูกปิดผนึกที่ทะเลสาบซังผอ กายเนื้อไม่เน่าเปื่อย จิตเดิมไม่แตกดับ แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ฆ่าไม่ได้

นอกจากไม่มีหลักฐาน อาตมาแทบสรุปได้ว่าเขาก็คือเทพยุทธ์ครึ่งก้าวผู้นั้น’

นักบวชเต๋าจินเหลียนพยายามพูดคล้อยตาม…สวี่ชีอันส่งข้อความบอกว่า

‘สมกับเป็นนักบวชเต๋าจินเหลียน รู้มาตั้งนานแล้ว จริงสิทุกท่าน ข้าเพิ่งกลับมาจากโพ้นทะเล มีข่าวลับเกี่ยวกับเทพปีศาจจะแบ่งปันกับทุกท่าน’

‘เขามีข่าวลับมากขนาดนั้นเสมอได้อย่างไร’…เหล่าสมาชิกพรรคฟ้าดินตื่นตัว อารมณ์ซับซ้อนขึ้นมาทันที

ตั้งแต่เมื่อใดที่ความลับโบราณและความลับขั้นเหนือมนุษย์กลายเป็นเหมือนผักกาดขาว ให้เขาพบเจอผู้เดียวทั้งหมด

หมายเลขสาม ‘ทุกท่านรู้หรือไม่ว่าเทพปีศาจล่มสลายได้อย่างไร’

สวี่ชีอันเริ่มพูดก่อน

หมายเลขเจ็ด ‘ปลายยุคเทพปีศาจ เผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจโผล่ขึ้น ยอดฝีมือแต่ละท่านถือกำเนิด เผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจทำลายยุคเทพปีศาจ ในนี้ ส่วนใหญ่เป็นความดีความชอบของปราชญ์เผ่ามนุษย์ เผ่าพันธุ์ปีศาจช่วยเล็กน้อยเท่านั้น ปรมาจารย์ลัทธิเต๋าของพวกเรา ในฐานะระดับเหนือมนุษย์ท่านแรกของเผ่ามนุษย์ เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ทำลายเทพปีศาจ’

สิ่งที่หลี่หลิงซู่พูดคือคำตอบมาตรฐาน

หลี่เมี่ยวเจินพูดเสริมว่า

หมายเลขสอง ‘แต่ที่จริงยุคที่ปรมาจารย์เต๋าเกิด น่าจะหลังยุคเทพปีศาจ แม้บันทึกสวรรค์ พิภพ มนุษย์ไม่มีบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับปรมาจารย์เต๋า’

พูดจบ นางกับทุกคนในพรรคฟ้าดินจ้องเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีเขม็ง รอคำตอบของสวี่ชีอัน

หมายเลขสาม ‘ข้าอยู่ระหว่างทางกลับจากโพ้นทะเล ไม่นานมานี้ ข้าเจอลูกหลานของเทพปีศาจท่านหนึ่ง มันรอดชีวิตจากยุคบรรพกาลจนถึงปัจจุบัน เป็นประจักษ์พยานของความวุ่นวายครั้งนั้น

มันบอกข้าว่าเหตุผลที่แท้จริงของการสิ้นสุดยุคเทพปีศาจ คือเทพปีศาจบ้าคลั่งอย่างไม่มีสาเหตุ เข่นฆ่าซึ่งกันและกัน’

ข่าวนี้ราวกับปืนใหญ่ ยิงสู่จิตวิญญาณของสมาชิกพรรคฟ้าดิน ก่อเกิดคลื่นยักษ์ลมพายุที่เพียงพอจะทำลายสติสัมปชัญญะ

ชั่วครู่หนึ่ง หลี่เมี่ยวเจิน ฮว๋ายชิ่ง ฉู่หยวนเจิ่นและคนอื่นๆ พูดไม่ออก กลุ่มสนทนาหนังสือปฐพีตกอยู่ในความเงียบ

ข้อมูลที่สวี่ชีอันเปิดเผย ทำให้พวกเขาลบล้างหมอกทึบแห่งประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับฟ้าผ่าในหัว นำมาซึ่งความคิดราวกับประกายไฟ

หรือเข้าใจในทันที หรือตกตะลึงงงงวย หรือรู้สึกเหลือเชื่อ หรือตื่นเต้นเร้าใจ…ทุกคนล้วนไม่อาจสงบใจได้

ในขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งความสงสัยใหม่

หมายเลขสี่ ‘เหตุใดเทพปีศาจต้องเข่นฆ่าซึ่งกันและกัน’

อาจเพราะพวกเขามีนิสัยเสีย ‘เจ้ามองอะไร มองหน้าหาเรื่องหรือ’ กระมัง…สวี่ชีอันถอนใจส่งข้อความ

‘ไม่รู้ ลูกหลานเทพปีศาจท่านนั้นก็ไม่รู้ แต่มันบอกว่า ปรมาจารย์เต๋าอาจรู้ ยามนั้นปรมาจารย์เต๋าขับไล่ลูกหลานเทพปีศาจทั้งหมดออกจากแผ่นดินใหญ่จิ่วโจว’

‘ปรมาจารย์เต๋ายังขับไล่ลูกหลานเทพปีศาจทั้งหมดออกจากแผ่นดินใหญ่จิ่วโจว?!’ นักบวชเต๋าจินเหลียนทั้งตกใจ ทั้งคิดว่าเป็นความลับที่เขาไม่รู้

เหล่าสมาชิกพรรคฟ้าดินไม่ได้ออกความเห็น เห็นได้ชัดว่า นี่คือความลับโบราณระดับสูงกว่า ‘ความลับของพระพุทธเจ้า’ การคาดคะเนใดก็ตามล้วนไร้ความหมาย

แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ให้ความสำคัญ จำไว้ในใจตั้งนานแล้ว

นักบวชเต๋าจินเหลียนเห็นหัวข้อสนทนาจบลง ไม่มีคนพูด เริ่มส่งข้อความก่อนว่า

ในที่สุดเทพบุตรก็ได้รับอิสรภาพ ‘รู้สึกดีกับรสชาติของกรรมรักหรือไม่’

เรื่องนี้เจ้าต้องถามเอวของเขาเท่านั้น…สวี่ชีอันแขวะ เขาเชื่อว่ายามนี้เหล่าสมาชิกพรรคฟ้าดินก็แขวะอยู่ในใจ

หมายเลขเจ็ด ‘น่าละอาย ผ่านประสบการณ์กรรมรัก ไม่ค่อยเกิดประโยชน์ต่อการตัดอารมณ์ความรู้สึก แต่ติดตามพี่สวี่ท่องยุทธภพหลายปี ทำให้ข้าเกือบจะบรรลุการตัดอารมณ์ความรู้สึก’

ส่งข้อความจบ ในใจเทพบุตรร้อง ‘ถุย’ สวี่หนิงเยี่ยนพ่อคนเจ้าชู้

นักบวชเต๋าจินเหลียนไม่มีกะจิตกะใจสนใจเส้นทางความรักของหลี่หลิงซู่ ส่งข้อความว่า

‘เดี๋ยวข้าจะไปดูที่ปลีกวิเวกของหมายเลขแปดสักหน่อย หมายเลขแปดปลีกวิเวกหลายปีแล้ว ยามนี้ยังไม่ตื่นขึ้นมา ข้ากังวลอยู่บ้าง’

‘อา พรรคฟ้าดินของพวกเรายังมีหมายเลขแปด?’ ข้อสงสัยนี้แวบผ่านในใจของสมาชิกพรรคฟ้าดินทุกคน

หมายเลขสอง ‘นักบวชเต๋า หมายเลขแปดผู้นี้เป็นผู้วิเศษจากที่ใด’

หลี่เมี่ยวเจินถามแทนเสียงในใจของทุกคน

หมายเลขเก้า ‘เหอะๆ แม้ยามนี้พวกเจ้าเจ็ดคนเคยเจอหน้ากัน เชื่อมสัมพันธ์มิตรภาพ ไม่ต้องกังวลเรื่องเปิดเผยตัวตน แต่นี่ไม่รวมถึงหมายเลขแปด นอกจากเขายินยอม มิฉะนั้นอาตมาก็ต้องเคารพกฎของพรรคฟ้าดิน’

เห็นเขาพูดเช่นนี้ ทุกคนก็ไม่ดึงดันแล้ว ถึงอย่างไรก็แค่ถามเฉยๆ

ถึงเวลานั้นเมื่อหมายเลขแปดออกมา ทุกคนเมินเฉยเขา (นาง) ด้วยกัน

หมายเลขสาม ‘เมื่อข้ากลับถึงชายแดนตอนใต้ ก็จะขึ้นเหนือเข้าร่วมสงครามชิงโจว พวกเจ้าก็มาชิงโจวด้วยกันเถอะ ถ้าเฮยเหลียนกล้าปรากฏตัว จะได้จัดการเขา’

จัดการเรื่องเผ่าพันธุ์กู่กับเผ่าพันธุ์ปีศาจแล้ว เขาไร้ซึ่งพันธะอีก พร้อมเข้าสู่สนามรบ งัดข้อกับสวี่ผิงเฟิง

เหล่าสมาชิกพรรคฟ้าดินทยอยรับปาก หลี่เมี่ยวเจินถึงขนาดอยากกลับสู่หน้าที่ พิชิตสนามรบจนแทบทนไม่ไหว

ชายแดนตอนใต้ เผ่าลี่กู่

ลี่น่านั่งอยู่บนธรณีประตูนอกลานบ้าน พลิกไปพลิกมาจ้องเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพี

“เอ๊ะ เหตุใดพวกเขาไม่พูดคุยแล้ว”

สาวผิวขาวแห่งชายแดนตอนใต้กะพริบตาอย่างงงวย ถือเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีเคาะธรณีประตูดัง ‘ตุบๆๆ’ ก็ยังไม่ได้รับข้อความ

“เหตุใดอยู่ดีๆ ก็ไม่พูดคุยแล้ว พวกเจ้ายังอยู่หรือไม่”

ลี่น่าถือหนังสือปฐพี ส่งข้อความในกลุ่ม

ส่งข้อความออกไป หายเข้ากลีบเมฆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ลี่น่าพูดว่า ‘อา แม้แต่นักบวชเต๋าจินเหลียนก็ไม่รู้’ หลังจากนั้นก็กลายเป็นเช่นนี้แล้ว

นางรู้สึกได้รางๆ ว่าที่ใดผิดปกติ

ยามนี้ สวี่หลิงอินพาเด็กๆ เผ่าลี่กู่วิ่งเข้ามา โบกมือ

“ท่านอาจารย์ พาพวกเราไปล่าสัตว์เถอะ พาพวกเราไปเล่นเถอะ”

ลี่น่ายัดหนังสือปฐพีเข้าสู่อ้อมแขนทันที พูดอย่างร่าเริง

“ได้เลย!”

และพาพวกเด็กๆ ไปเล่นอย่างมีความสุข

……………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด