ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่งบทที่ 831 พระมหาไวโรจนะ (1)

Now you are reading ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง Chapter บทที่ 831 พระมหาไวโรจนะ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 831 พระมหาไวโรจนะ (1)

เว่ยเยวียนยิ้มและพยักหน้า เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เชิญพระอรหันต์ตู้เอ้อร์ขึ้นรถดื่มชาสักแก้ว”

‘การเชื้อเชิญที่ไม่สามารถอธิบายได้…’ พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ขมวดคิ้วมุ่น หลังจากดูเว่ยเยวียนอย่างละเอียดถี่ถ้วนครู่หนึ่งแล้ว ก็มองโค่วหยางโจวที่ทำหน้าที่เป็นคนขับ และกล่าวโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา

“ข้ามา เพื่อฆ่าคน”

“ฆ่าคนหรือ” เว่ยเยวียนพยักหน้าก่อนจากนั้นก็ถามกลับ

“พระอรหันต์ตู้เอ้อร์จะฆ่าข้าหรือฆ่าโค่วหยางโจว หรือประชาชนไร้เดียงสานับพันนับหมื่นที่อยู่ในเมืองด้านหลัง”

พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ค่อยๆ กล่าวออกมา

“ใครขวางข้า ข้าก็จะฆ่าคนนั้น”

ที่เขาเดินทางมาทิศตะวันออกในครั้งนี้ ก็เพื่อเอาชนะผู้แข็งแกร่งระดับเหนือมนุษย์ในต้าฟ่ง เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับสำนักพ่อมดในการโจมตีเมืองหลวง ตัดไฟต้นลมระดับเหนือมนุษย์ในต้าฟ่งที่โจมตีอรัญตา

ส่วนจะฆ่าใครนั้นไม่ได้กำหนดแน่นอน

“ไม่ขัดขวาง ไม่ขัดขวาง” เว่ยเยวียนโบกมือด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ว่าท่านจะฆ่าใครล้วนไม่ขัดขวางการดื่มชาของพวกเรา ผู้อาวุโสโค่ว ท่านถอยไปร้อยจั้งไม่ต้องสนใจข้า”

โค่วหยางโจวไม่ใช่ลูกน้องของเว่ยเยวียน พอได้ยินก็พยักหน้า

“ถูกฆ่าก็อย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน”

พายุก่อตัวขึ้นและเขาก็ถอยออกไปร้อยจั้งจริงๆ

เว่ยเยวียนหันหลังเดินกลับรถม้า เขาหยุดฝีเท้าลงก่อนมองกลับไปด้วยรอยยิ้ม และเอ่ยคำเชื้อเชิญอีกครั้ง

“พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ เชิญ!”

กล่าวจบก็รีบขึ้นรถม้าและมุดเข้าไปในรถ

ตู้เอ้อร์ลังเลเล็กน้อย และมองไปยังโค่วหยางโจวที่อยู่ไกลๆ ครั้งนี้เขาตามเว่ยเยวียนเข้าไปในรถม้าโดยไม่ปฏิเสธ

โค่วหยางโจวไม่ได้ไปไหน เขาไม่กล้าเข้ารถม้าจริงๆ ผลลัพธ์ของการเข้าใกล้จอมยุทธ์มีแต่ความตายเท่านั้น

ภายในรถม้าที่กว้างขวางและหรูหรา มีตั่งวางน้ำชาแบบยาววางอยู่ตัวหนึ่ง เก้าอี้ขนาดใหญ่สองตัวถูกหุ้มด้วยหนังเสือ เว่ยเยวียนนั่งอยู่ด้านใน แขนซ้ายกดทับแขนเสื้อทางมือขวา มือขวาถือกาน้ำชาและเทน้ำชาสีเหลืองสดใสที่มีไอน้ำลอยอยู่ไม่ขาดสายลงในแก้วชา

“ชาหอมชั้นยอดของเทพบุปผา ของดีที่ดินแดนประจิมทิศดื่มไม่ถึง” เว่ยเยวียนดันแก้วชาไปตรงหน้าพระชราถ้วยหนึ่ง และยิ้มกล่าว

“ชิมดู”

พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ดมกลิ่นชาที่หอมไปทั่วรถม้า และยกถ้วยชาขึ้นมาจิบด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่านี่คือชารสชาติดีที่สุดเท่าที่เขาเคยลิ้มลองในชีวิตนี้

ทางด้านการสัมผัสของปุ่มรับรสชาติยังเป็นแค่เรื่องรอง ชานี้ช่วยบำรุงร่างกาย ผ่อนคลายความเมื่อยล้า เป็นโอสถเทพที่ทำให้อายุยืนจริงๆ

พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ไม่จำเป็นต้องทำให้อายุยืน แต่สำหรับประสบการณ์การดื่มชาแล้ว มันดีจริงๆ

บางทีอาจเป็นเพราะกินของเขาแล้วก็เลยใจอ่อน พระอรหันต์ตู้เอ้อร์เป็นฝ่ายเลือกหัวข้อสนทนา และกล่าวเสียงต่ำ

“หากข้าจะฆ่าเจ้าในตอนนี้ มันง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ”

ต่อให้โค่วหยางโจวจะไวแค่ไหนก็ไม่อาจปกป้องเว่ยเยวียนในเวลานี้ได้

เว่ยเยวียนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าเป็นคนพิการคนหนึ่ง ฆ่าข้าจะมีประโยชน์อันใด”

ตู้เอ้อร์กล่าวราบเรียบ

“เทพสงครามยุคแรก สิ่งที่น่าหวาดกลัวไม่ใช่ตบะ”

เว่ยเยวียนถามกลับด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม

“พระอรหันต์ตู้เอ้อร์คิดว่าแนวโน้มใหญ่ในอนาคตคือสนามรบที่ทุ่มกำลังทหารนับร้อยนับหมื่นอยู่เสมอหรือ”

ตู้เอ้อร์มองดูเขาอย่างเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร และรอคำอธิบายจากเว่ยเยวียน

ชายที่มีผอมจอนขาวเล็กน้อยทอดถอนใจกล่าว

“เจ้าไม่เห็นหรือ สถานการณ์ของจิ่วโจวในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อยี่สิบปีก่อนอย่างสิ้นเชิง ระดับสุดยอดต่างๆ กำลังจะหลุดพ้นความลำบากอยู่แล้ว ในดินแดนของระดับเหนือมนุษย์ จำนวนยอดฝีมือปรากฏพุ่งพรวดอย่างเห็นได้ชัด มีสวี่ชีอัน ฝ่าบาทฮว๋ายชิ่ง จอมยุทธ์หญิงนกนางแอ่นเหิน และยอดฝีมือรุ่นหลัง มีคนเช่นโค่วหยางโจวและอาซูหลัวที่สั่งสมประสบการณ์การมามากมาย ยังมีเสินซูที่กำลังจะสร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่ และ ‘ฮวง’ มารเทพที่กลับมาจากโพ้นทะเล ข้ารับรองได้ว่าสนามรบในภายหน้า ระดับเหนือมนุษย์ถึงเป็นตัวเอกที่แท้จริง”

พระอรหันต์ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ เขากล่าวเรียบๆ

“เจ้าพูดเรื่องเหล่านี้กับข้าทำไม”

“ที่ข้าเว่ยเยวียนมาต้อนรับพระอรหันต์ตู้เอ้อร์ด้วยตัวเองก็เพื่อที่จะเจรจาค้าขายกับท่าน”

“ค้าขาย?”

เว่ยเยวียนพยักหน้า “ได้ยินอาซูหลัวพูดว่าท่านอยากเผยแพร่นิกายมหายาน บรรยายธรรมตามพื้นที่ต่างๆ ในดินแดนประจิมทิศอย่างกระตือรือร้น แต่พระโพธิสัตว์กว่างเสียนกลับไม่สนใจ และเจียหลัวซู่แสดงออกไว้อย่างชัดเจนว่านับถือนิกายปัจจุบัน ห้ามเผยแพร่นิกายมหายาน”

ตู้เอ้อร์ฟังจนเข้าใจแล้วก็หัวเราะอย่างเยือกเย็น

“เจ้าอาศัยเรื่องนี้มาซื้อตัวข้า ให้ข้าละทิ้งสำนักพุทธ หันมาเข้าร่วมกับที่ราบกลางหรือ”

เขายิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าน่าขันจึงกล่าวเรียบๆ

“พระโพธิสัตว์เจียหลัวซู่ขัดแย้งกับนิกายมหายานจริงๆ ทว่านับตั้งแต่การศึกในที่ราบกลางสิ้นสุดลง ข้าเผยแพร่นิกายมหายานในดินแดนประจิมทิศอยู่ตลอด เจียหลัวซู่แสดงท่าทียอมรับโดยปริยาย และประชาชนในดินแดนประจิมทิศก็ยอมรับนิกายมหายานเป็นอย่างสูง ข้ารับรองว่าไม่ถึงหนึ่งร้อยปีพุทธศาสนานิกายมหายานจะเบ่งบานไปทั่วดินแดนประจิมทิศ เว่ยเยวียน เหตุใดข้าต้องละทิ้งสำนักพุทธมาคลุกคลีตีโมงกับพวกเจ้าล่ะ”

เว่ยเยวียนจิบชาทีหนึ่ง หลังจากวางแก้วชาลงแล้วก็กล่าวอย่างไม่รีบร้อน

“อย่าด่วนปฏิเสธไป เจรจาค้าขายน่ะจักต้องคุยกันก่อนสักหน่อย ที่เจียหลัวซู่อนุญาตให้ท่านส่งเสริมนิกายมหายานให้แพร่หลายไปทั่วทิศนั้น เป็นเพราะหลังจากอาซูหลัวทรยศแล้ว ผู้แข็งแกร่งระดับเหนือมนุษย์ที่อยู่ต่ำกว่าโพธิสัตว์ในสำนักพุทธก็เหลือแค่ท่านแล้ว เขาย่อมไม่บีบบังคับในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ แต่ว่าไม่ว่าใครจะแพ้ชนะในศึกนี้ พอสถานการณ์สงบลง ช้าเร็วเขาต้องสะสางบัญชี และดับไฟของนิกายมหายานอย่างสมบูรณ์”

พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ขมวดคิ้ว เกี่ยวกับจุดนี้แท้จริงแล้วเขาก็มีลางสังหรณ์อยู่รางๆ ท่าทีของพระโพธิสัตว์หลิวหลีบอกเขาว่า เจียหลัวซู่แค่กำลังอดทน ไม่ได้ยอมรับนิกายมหายานอย่างแท้จริง

แต่พระอรหัน์ตู้เอ้อร์ยังคงไม่ยอมฟังเว่ยเยวียน ไม่ยอมตกอยู่ในเกมของเขาจึงกล่าวโต้แย้ง

“ในเมื่อเจ้ารู้ว่าสำนักพุทธกำลังต้องการใช้คน ก็ควรจะเข้าใจด้วยว่า การสะสางบัญชีนี้จะเกิดขึ้นหลังจากนี้อีกนาน นานมากๆ หากอนาคตนิกายมหายานวางรากฐานมั่นคงแล้ว เขาอาจถูกบีบให้ยอมรับได้”

เพราะพระโพธิสัตว์หลิวหลีคือความเป็นกลาง ที่จริงพระโพธิสัตว์กว่างเสียนยังคงเอนเอียงไปทางนิกายมหายาน อรัญตาไม่ใช่สถานที่ที่คำพูดของเจียหลัวซู่เป็นใหญ่

เว่ยเยวียนพยักหน้าแสดงท่าทีเห็นด้วย จากนั้นก็โยนคำถามของตนเองออกไป

“พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ ท่านคิดอย่างไรกับสำนักพุทธ อย่างเช่นพระโพธิสัตว์ฝ่าจี้ อย่างเช่นพระพุทธเจ้า”

สายตาของพระอรหันต์ตู้เอ้อร์คมกริบขึ้นมาทันที และจ้องเขาไม่วางตา

ภายในรถม้าเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารที่เย็นเยือก

เว่ยเยวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มสุขุมเยือกเย็น

“อาหลัวซู่ได้บอกพวกเราเกี่ยวกับสถานการณ์นี้แล้ว ดูเหมือนสวี่หนิงเยี่ยนจะมีความคิดเช่นเดียวกับข้า เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ท่านได้ยินมีความเป็นได้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์ฝ่าจี้ที่สูญหายไปนาน มิใช่พระพุทธเจ้า แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร มันก็เกิดปัญหาบางอย่างกับพระพุทธเจ้าแล้ว แม้กระทั่งในตอนนี้ท่านยังไม่อาจสรุปได้ว่า ผู้ที่หลับลึกอยู่ในอรัญตานั้นใช่พระพุทธเจ้าหรือไม่ บางทีเสินซู่ที่โจมตีภูเขาในตอนนี้อาจเป็นพระพุทธเจ้าที่แท้จริง ภายใต้เบื้องหลังเช่นนี้ ท่านร่วมมือกับที่ราบกลางไม่ได้หมายความว่าละทิ้งสำนักพุทธ แต่คือการละทิ้งความมืดมิดหันไปหาแสงสว่าง พระโพธิสัตว์ทั้งสามท่านจักต้องรู้เรื่องราวภายในบางอย่างแน่นอน แต่กลับไม่เปิดเผยสิ่งใดให้กับท่านเลยแม้แต่น้อย ท่านไม่แสลงใจบ้างเลยหรือ”

ตู้เอ้อร์นิ่งเงียบ

ช่วงนี้เขามีความรู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าตนเองไม่ใช่บุคคลสำคัญของสำนักพุทธอย่างแท้จริง

เว่ยเยวียนราดน้ำมันบนกองเพลิงต่อ

“หากเกิดปัญหากับพระพุทธเจ้า หรือพระพุทธเจ้าถูกเปลี่ยนตัวตั้งแต่ห้าร้อยปีก่อนแล้ว หรือการที่เจียหลัวซู่ต่อต้านนิกายมหายานคือพระประสงค์ของพระพุทธเจ้า ที่พระโพธิสัตว์กว่างเสียนเปลี่ยนท่าทีก็เพราะสาเหตุนี้…”

เว่ยเยวียนเอนตัวไปด้านหน้า และจ้องมองพระอรหันต์ตู้เอ้อร์กล่าว

“ท่านจะจัดการตัวเองอย่างไร”

เขาถอดทอนใจกล่าวโดยไม่รอให้พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ตอบ

“แน่นอน หากท่านละทิ้งการส่งเสริมนิกายมหายานทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหา วันนี้ก็สามารถฆ่าข้าได้ เพียงแต่ปราชญ์เคยกล่าวไว้ว่า เช้าได้ฟังธรรม เย็นก็ตายได้แล้ว ถามใจตนเองว่าท่านยอมละทิ้งมหายานหรือไม่”

เห็นพระอรหันต์ตู้เอ้อร์ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ บนใบหน้า แต่หมดความสนใจในการพูด เว่ยเยวียนก็รู้ว่าทั้งหมดนี้จี้ใจดำอีกฝ่ายเต็มๆ

ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหมดความคิดที่จะโต้แย้ง และปลุกเร้าความกังวลของฝ่ายตรงข้าม

“ท่านยอมนั่งลงฟังข้าพูด ไม่มีความคิดที่จะร่วมมือ อาจมีความคาดหวังในใจที่ไม่อาจบรรยายได้ เพราะนิกายมหายานไม่ได้มาจากดินแดนประจิมทิศ แต่เป็นที่ราบกลาง มาจากสวี่หนิงเยี่ยน พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ ท่านเชื่อหรือไม่ โชคชะตาของนิกายมหายานไม่ได้อยู่ที่ดินแดนประจิมทิศ แต่อยู่ในที่ราบกลาง”

เว่ยหยวนกระแอมไอก่อนกล่าว

“หากท่านตกลง ข้าสามารถตัดสินใจได้ อนุญาตให้ท่านเผยแผ่ศาสนา ส่งเสริมนิกายมหายาน ราชสำนักจะให้ท่านเป็นราชครู แต่งตั้งให้สำนักพุทธที่ท่านสร้างขึ้นมาทั้งหมดเป็นศาสนาประจำบ้านเมือง แนวคิดของท่านจะเบ่งบานไปทั่วพื้นที่ราบกลาง ท่านจะกลายเป็นผู้สร้างรากฐานนิกายมหายาน และทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์”

คำพูดประโยคสุดท้ายกระตุ้นความปรารถนาในใจของพระอรหันต์ตู้เอ้อร์

พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ยังคงปฏิเสธและกล่าวเสียงทุ้ม

“ดินแดนประจิมทิศมีศิษย์ผู้ศรัทธาข้าอยู่ ข้าจะไม่ละทิ้งพวกเขา”

ภายนอกดูปฏิเสธ ที่จริงเขาเสนอเงื่อนไขแล้ว

เว่ยเยวียนยิ้มออกมา

“บรรดาผู้ศรัทธาเหล่านั้น หากพวกเขาเต็มใจ ท่านสามารถพามาที่ราบกลางได้ ราชสำนักจะเปิดที่ให้พวกเขาพัก กำลังต้องการเผยแพร่พุทธศาสนานิกายมหายานในที่ราบกลางพอดี ท่านต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา”

พระอรหันต์ตู้เอ้อร์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าว

“ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร!”

เว่ยเยวียนส่ายหน้า

“ท่านไม่จำเป็นต้องเชื่อใจข้า แต่ท่านสามารถเชื่อใจสวี่ชีอันได้ การเจรจาในวันนี้เป็นเจตนารมณ์ของเขา เป็นคำสัญญาของเขา ท่านก็รู้จักเขาดี ต้าฟ่งอาจจะกลับคำ แต่เขาไม่”

สีหน้าเว่ยเยวียนดูนอบน้อมและจริงใจราวกับว่านี่ความเป็นจริง

แต่ความจริงสวี่ชีอันไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย

แต่ว่าคำพูดเหล่านี้กำจัดความลังเลในใจพระอรหันต์ตู้เอ้อร์ได้อย่างสมบูรณ์

“ข้าต้องพิจารณาดูสักหน่อย”

พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ค่อยๆ ถอนหายใจออกมา

“เข้าใจแล้ว!” เว่ยเยวียนพยักหน้าก่อนกล่าว “แต่ข้าหวังว่าตอนที่ข้าไปหาท่านคราหน้า ท่านจะตัดสินใจได้แล้ว”

ทั้งสองยกแก้วขึ้นพร้อมกัน และดื่มน้ำชาจนหมดแก้ว

เว่ยเยวียนออกไปจากรถม้า และเดินไปทางโค่วหยางโจว

“สำเร็จแล้วหรือ”

โค่วหยางโจวถาม

ตั้งแต่ต้นจนจบเขายังไม่รู้จุดประสงค์ของเว่ยเยวียนที่มาเจอพระอรหันต์ตู้เอ้อร์ในครั้งนี้

………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด