ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่งบทที่ 860 หลุมดำ

Now you are reading ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง Chapter บทที่ 860 หลุมดำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 860 หลุมดำ

……….

พอได้ยินเจ้าอาณาจักรหมื่นปีศาจบอก หัวใจของสวี่ชีอันก็แทบหยุดเต้น เขาไม่ได้มองไปข้างหลัง แต่เกิดปฏิกิริยาตอบโต้จากลางล่วงรู้วิกฤต

ภาพๆ หนึ่งแวบขึ้นมาในใจเขา

ลึกเข้าไปในหมอกหนาทึบ บังเกิดภาพคลับคล้ายคลับคลาใบหน้ามนุษย์ปรากฏขึ้น บดบังท้องฟ้าและแสงแดดหมดสิ้น ทั้งยังอ้าปากชุ่มโชกโลหิตขึ้นตรงหน้าเขาราวกับห้วงเหว

ภายใต้สถานการณ์ปกติ ลางล่วงรู้วิกฤตย่อมสัมผัสถึงอันตรายได้ก่อนที่นางปีศาจผมขาวเตือน แทนที่จะตอบสนองอย่างเชื่องช้าหลังจากนางร้องตะโกน

คำอธิบายเดียวก็คือความฝันส่งผลให้เกิดความสับสนอย่างยิ่ง แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นหนึ่งยังได้รับผลกระทบ

เขาใช้วิชากระโดดสู่เงาโดยปราศจากความลังเลใดๆ พยายามกระโดดออกจากขอบเขตแดนฝันด้วยความช่วยเหลือจากจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางที่อยู่ไกลออกไป

แต่ในขณะนี้ ทิวทัศน์ตรงหน้าสวี่ชีอันเปลี่ยนแปลงเกินควบคุม เห็นโครงร่างพระราชวังอันงดงามพร่าเลือน ไอน้ำม้วนตัวขึ้นสูง เรือนร่างขาวผ่องหลายร่างชุ่มแช่อยู่ในสระน้ำพุร้อน มีเสียงหัวเราะรื่นเริงสนุกสนานราวกับเสียงลั่นระฆังเงิน

คนพวกนั้นคือ หลินอัน ฮว๋ายชิ่งและจงหลี…

บนเก้าอี้ยาวข้างสระน้ำพุร้อน ลั่วอวี้เหิงกับมู่หนานจือนอนคว่ำหน้าอยู่บนนั้น ยกบั้นท้ายขึ้น มองย้อนกลับมาพลางแย้มยิ้ม

เขาผล็อยหลับไปอีกครั้ง นี่คือความฝันอันแสนหวานที่เคยถูกขัดจังหวะก่อนหน้านี้ของเขา

ก่อนหน้านี้ สวี่ชีอันรู้สึกว่าฉากนี้ไม่สอดคล้องกันมากเกินไปและไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง ไม่สอดคล้องกันอย่างยิ่งจนขาดความรู้สึกมีส่วนร่วม ดังนั้นเขาจึงหลบหนีจากความฝันครั้งนั้นได้

ดูเหมือนตอนนี้ถึงเขาจะตระหนักชัดเจนว่านี่คือความฝัน แต่ตราบใดที่ยังอยู่ในหมอกหนา ย่อมถูกบังคับให้เข้าสู่ความฝันอย่างแน่นอน

หลังจากประสบการณ์ครั้งล่าสุด เขาย่อมอยากหลบหนีจากความฝัน แต่มันก็เป็นเพียงความคิดเท่านั้น

แต่การยอมให้ตัวเองหลับใหลในเวลานี้ก็เท่ากับการยืนอยู่ต่อหน้าฮวงโดยไร้กำลังขัดขืน แม้เพียงชั่วครู่ชั่วยามก็อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้

เรือนร่างของลั่วอวี้เหิงกับมู่หนานจือแตกสลายเหมือนภูตผี สวี่ชีอันหลุดพ้นจากความฝันและตระหนักว่าเขายังไม่ตาย

“อืม?”

เขาส่งเสียงถามขึ้นจมูกโดยไม่สนใจไยดีความตื่นเต้นสุขสันต์และร่ายวรยุทธ์ที่เขาต้องการก่อนหน้านี้ต่อไป ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นเงาหายวับไปอยู่ใต้กระโปรงจิ้งจอกเก้าหาง

ในเวลานี้ เขามีเวลาสังเกต ‘ฮวง’ และเห็นว่ารูม่านตาสีทองดูหมองคล้ำเล็กน้อย ใบหน้าที่ดูละม้ายคล้ายคลึงใบหน้ามนุษย์บ่งบอกความสุขเล็กน้อย

เขาเองก็ตกอยู่ในความฝันด้วย โชคชะตาของข้าก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปซะทีเดียว…ขณะที่สวี่ชีอันรู้สึกยินดี เขาก็คว้าแขนจิ้งจอกเก้าหางไว้แล้วกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ไปก่อน! กลับไปก่อน”

แม้ว่าตอนที่ลงมาถึงเกาะ เขาได้เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้จนตัวตายแล้วก็ตาม แต่สวี่ชีอันกลับรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าไม่น่าใช้ที่นี่เป็นสนามรบ

เนื่องจากสำหรับพวกเขาแล้ว ที่นี่ไม่มีข้อได้เปรียบใดและไม่สามารถใช้ประโยชน์จากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ได้

ใบหน้างดงามของจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางซีดเผือด นางพยักหน้ารับคำอย่างรุนแรง กำลังภายในอันน่าสะพรึงกลัวราวกับคลื่นบ้าคลั่งรุนแรงทำให้นางรู้สึกถูกกดดันอย่างหนัก

แม้ฮวงจะไม่ได้อยู่ขั้นสูงสุดอีกแล้ว แต่เขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าขั้นหนึ่งมาก

ร่างกายของพวกเขาทั้งสองคนละลายไหลลงเป็นเงามืด แต่ในขณะนี้ ม่านตาสีทองที่อยู่ลึกเข้าไปในหมอกกลับมามีสมาธิอีกครั้ง

เขาจ้องมองคนสองคนที่อยู่ข้างหน้าซึ่งกำลังจะหลอมรวมเข้ากับเงามืด อ้าปากอย่างสงบนิ่งเยือกเย็นและหายใจเข้าเบาๆ!

เงาที่กำลังจะละลายถูกดึงให้บิดเบี้ยวไปอย่างกะทันหัน จนไม่สามารถรักษารูปร่างของมันได้และกลับมาเป็นสวี่ชีอันกับจิ้งจอกเก้าหางอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าหนีไม่พ้น สวี่ชีอันก็ตัดสินใจเด็ดขาด

“ช่วยข้าด้วย ถ้าข้าเอาชนะพวกมันไม่ได้ก็ให้หาโอกาสหลบหนีไป ข้าจะรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาภายหลังเอง”

จิ้งจอกเก้าหางจ้องมองเขาแล้วพูดว่า “ตกลง!”

‘ฟู่ ฟู่’…ละอองเลือดพวยพุ่งออกจากรูขุมขนของเขา ผิวหนังของเขาร้อนราวกุ้งต้ม

สวี่ชีอันดึงดาบไท่ผิงกับดาบสยบดินแดนออกจากกระจกหยกบานเล็ก ตอนนี้มันกลายเป็นอาวุธพิเศษของเขาไปแล้ว

‘ตูม ตูม ตูม!’ สวี่ชีอันคิดจะเผชิญหน้ากับฮวง ขณะที่เขาวิ่ง หมอกเลือดก็พวยพุ่งออกจากรูขุมขนของเขา ระบายน้ำกับแก่นแท้ในตัวเขาออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากหายใจเข้าลึกๆ สองครั้ง เขาก็ดูไม่ต่างจากศพตายซาก

‘เพียะ!’

สวี่ชีอันใช้มือซ้ายที่ถือดาบไท่ผิงไว้ดีดนิ้วและครู่ต่อมา ร่างกายอันใหญ่โตเปรียบปานกำแพงเมืองของฮวงก็พ่นหมอกเลือดหนาทึบกับไอน้ำออกมา ขนของฮวงไม่สดใสอีกต่อไป ม่านตาสีทองของฮวงก็ไม่ส่องประกายแวววาวอีกแล้ว

พายุหมุนในปากฮวงสงบลง

ในเวลานี้ สวี่ชีอันเข้าใกล้ฮวงได้สำเร็จ สำหรับจอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง ไม่ว่าฮวงจะเป็นอะไร ตราบใดที่คว้าโอกาสเข้าไปใกล้ได้ ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง

‘เปรี้ยง!’

เขาตีเข่าใส่คางของฮวง ทำให้ศีรษะใหญ่โตราวประตูเมืองพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

หลังจากนั้นทันที สวี่ชีอันก็หมุนตัวควงสว่าน ดาบไท่ผิงกับดาบสยบดินแดนกลับกลายเป็นพายุใบมีด ตัดประกายไฟหนาแน่นบนคอฮวงออก

สิ่งที่ฮวงสูญเสียไปคือแก่นแท้ทางจิตวิญญาณของตัวเอง ทว่าร่างกายของฮวงไม่ได้อ่อนแอลง แม้ว่าฮวงจะไม่ใช่เทพมารผู้มีร่างกายแข็งแกร่ง แต่ฮวงก็มิใช่สิ่งที่ดาบไท่ผิงกับดาบสยบดินแดนจะสามารถทำร้ายได้อย่างง่ายดายเช่นกัน

ข้าไม่ควรเยาะเย้ยอาจารย์โค่วเลย ตัวข้าเองก็ได้กลายเป็นราชาแห่งการขูดไปแล้ว…สวี่ชีอันหมุนเร็วขึ้นแทนที่จะช้าลงและมีประกายไฟหนาแน่นมากขึ้น

ดาบไท่ผิงกับดาบสยบดินแดนสร้างรอยบากสีขาวขึ้นทีละรอย รอยบากสีขาวเริ่มหนาแน่นขึ้นและลึกขึ้น เลือดค่อยๆ ไหลซึมออกมา

สวี่ชีอันอาศัยร่างกายอันแข็งแกร่งของจอมยุทธ์และอาวุธอันคมกริบทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพได้สำเร็จ

ฮวงพบเจอความสยดสยองในการต่อสู้ด้วยมือเปล่ากับจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งอีกครั้ง เขาไม่ได้ถูกครอบงำด้วยอารมณ์ เมื่อเห็นว่าเขาไม่อาจควบคุมมือล่างซึ่งเป็นจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งได้ เขาก็เปลี่ยนกลยุทธ์ทันทีโดยปล่อยให้เขาทั้งหกเขาที่อยู่เหนือหัวสว่างขึ้นทีละเขาและแผ่ขยายพื้นผิวเปล่งประกายแสงสีดำไปทั่วร่างทันที

กำลังรวบรวมและสะสมพลังอันน่าสะพรึงกลัวอยู่

“หลีกทางไป!”

เสียงของท่านโหราจารย์ดังมาจากเขาข้างหนึ่ง

สวี่ชีอันสัมผัสได้ถึงวิกฤตในเวลาเดียวกัน จึงหยิบดาบเข้าฝักแล้วถอนตัวออกไปนอนเอนหลังและเลื่อนออกไปราวกับภูตผี

ในเวลานี้ พื้นผิวที่แผ่ขยายออกจากเขาทั้งหกเขาของฮวงได้กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว ช่วงเวลาต่อมา มันก็กลายเป็น ‘หลุมดำ’ บริสุทธิ์ที่มีรูปร่างพร่ามัว เนื่องจากดูดซับแสงที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมดไว้

ฮวงได้กลืนกินทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ รวมทั้งหมอกหนาทึบ ผืนดิน อากาศและสวี่ชีอันแล้ว

เหตุที่ฮวงถูกเรียกว่าฮวงเป็นเพราะไม่ว่าจะผ่านจุดใด ชีวิตทั้งมวลก็พลันสูญสลาย พลังงานทั้งหมดมลายหายไป เหลือไว้เพียงฮวงเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สวี่ชีอันประสบกับพลังเหนือธรรมชาติซึ่งเป็นพรสวรรค์แต่กำเนิดของฮวง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับครั้งที่เขาสังหารสวี่ผิงเฟิง พลังกลืนกินในครั้งนี้มากกว่าเป็นสิบเท่าและแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อนเป็นร้อยเท่า

‘กึก กึก!’

เขาปักดาบไท่ผิงกับดาบสยบดินแดนลงไปที่พื้น จิกเท้าของเขาลึกลงไปในพื้นและเอนตัวไปด้านหลังเพื่อต้านทานแรงดูดอันบ้าคลั่งนี้

แต่ถึงอย่างนั้น พลังงานและความชื้นของเขาก็ยังคงไหลออกไปอย่างบ้าคลั่ง

คนทั้งคนหดตัวลงด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ขัดขืน ในขณะที่แก่นแท้ลมปราณของเขาถูกกลืนหายไปด้วยพลังกลืนกินอันน่าสะพรึงกลัวนั้น เขาก็ปล่อยไอพิษ ปราณเสน่หาและหยกสลายออกมาด้วย

เป็นที่เข้าใจได้ว่าสองอย่างแรกไม่ได้ผล แม้แต่ความเสียหายที่เกิดจากหยกสลาย ดูเหมือนจะถูกกลืนหายไปโดยไม่ก่อให้เกิดคลื่นใดๆ ขึ้น

แข็งแกร่งมาก…สวี่ชีอันประมาณว่าความแข็งแกร่งของฮวงนั้นอาจน่ากลัวพอๆ กับเสินซู แต่ก็มีบางอย่างแตกต่างออกไป

ฮวงไม่มีความสามารถพิเศษอื่นใด วิธีการโจมตีของเขามีแบบเดียวคือต้องกลืนกินเข้าไป

แต่ความสามารถที่เรียบง่ายเช่นนี้กลับไม่สามารถใช้แก้ปัญหาได้อีกต่อไปแล้ว

เจ็ดยอดกู่ไม่สามารถช่วยข้าได้ ความสามารถในการคืนสภาพของหยกสลายก็ไม่ถูกต้อง ดังนั้นข้าจึงทำได้เพียงใช้ดาบเดียวตัดฟ้าดินเท่านั้น แต่ข้าตกอยู่ในวังวนและไม่สามารถยุบพลังปราณกักเก็บพลังงานของหยกสลายได้อย่างสมบูรณ์ โชคดีที่หนานจือให้แก่นแท้จิตวิญญาณมากมายแก่ข้าก่อนออกทะเล ไม่งั้นข้าคงถูกมนุษย์ฆ่าตายไปแล้ว…ความคิดต่างๆ แวบขึ้นมาในใจสวี่ชีอันและพยายามคิดหาทางช่วยตัวเอง แต่กลับพบว่าเขาไม่มีทางเลือก

ในเวลานี้ จู่ๆ แรงดูดของ ‘หลุมดำ’ ที่เปลี่ยนเป็นฮวงพลันลดลงเล็กน้อย

ตรงใจกลางหลุมดำ มีร่างลวงตาลอยอยู่ปริ่มๆ ราวกับมันถูกดึงออกมา กระบวนการนี้ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น

ในอีกด้านหนึ่ง จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางถือกระจกเทพฮุ่นเทียนไว้และส่องกระจกไปที่ ‘หลุมดำ’ จากระยะไกล

หลังจากใช้พระธรรมสูตรนี้ไตร่ตรองอยู่นาน ก็สะสมพลังงานจนสามารถสร้างผลกระทบต่อฮวงได้สำเร็จ แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นก็ตาม

ในเวลาเดียวกัน ก็มีเสียงของท่านโหราจารย์ดังขึ้นจากหลุมดำ

“กระดูก!”

กระดูก? กระดูกอะไร?

เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็นึกถึงกระดูกสันหลังที่หลุดออกจากหินหนืด

สวี่ชีอันเลือกเชื่อมั่นในตัวท่านโหราจารย์โดยปราศจากความลังเลและคว้าโอกาสชั่วขณะที่กระจกเทพฮุ่นเทียนสร้างขึ้น โดยเอื้อมมือข้างหนึ่งออกไปจับแขนของเขา จับที่เศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีแล้วสะบัดมืออย่างรุนแรงไปทาง ‘หลุมดำ’

เศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีเชื่อมต่อกับจิตใจของเขาและจะไม่มีอะไรออกมาอีกแล้ว

ชิ้นส่วนของกระดูกสีเทาปนแดงลอยหวือออกมาจากกระจกและถูกโยนเข้าไปในหลุมดำอย่างรวดเร็วภายใต้แรงดูดอันแรงกล้า

‘เปรี้ยง!’ แสงไฟสว่างจ้าระเบิดออก แม้กระทั่งประกายไฟก็ยังถูกหลุมดำกลืนกินเข้าไปทันที

บังเกิดฉากมหัศจรรย์ขึ้น แรงดูดของหลุมดำค่อยๆ อ่อนลง อ่อนลงจนไม่สามารถดูดกลืนแสงได้อีกต่อไป ปรากฏโครงร่างของฮวงขึ้นอีกครั้งต่อหน้าสวี่ชีอันและจิ้งจอกเก้าหาง

“เดิน!”

เขาใช้วิชากระโดดสู่เงาหนีไปในทิศทางที่จิ้งจอกเก้าหางเข้ามา

หลบหนีเข้าไปในบริเวณพื้นที่กระจัดกระจายถูกทำลาย

หากฮวงตามทัน ย่อมสามารถใช้ลักษณะพื้นที่ที่เปลี่ยนแปลงไปเข้าพัวพันกับเขาได้

“ท่านโหราจารย์!”

เมื่อฮวงมองไปยังพื้นที่ว่างเปล่าด้านหน้าก็กัดฟันพูด

มันพลาดโอกาสกำจัดสวี่ชีอันแล้ว

ท่านโหราจารย์หัวเราะเบาๆ

“เขาข้าก็ยังไม่ช่วย แล้วข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร ไม่ชอบใจก็กลืนข้าลงไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้”

ฮวงเงียบไปสักพัก สะกดอารมณ์ตัวเองแล้วพูดช้าๆ

“ก็แค่นั้นแหละ การได้รับสิ่งนั้นมาคือเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้เฝ้าประตูหรือไม่เจ้าก็จะถูกตรวจสอบในไม่ช้า”

เขาหันหลังกลับ เดินลึกเข้าไปในหมอกหนาทึบท่ามกลางเสียงฝีเท้าหนักหน่วง มุ่งหน้าไปยังใจกลางเกาะเทพมาร

“ดูเหมือนจะมีข้าคนเดียวที่ไม่สามารถเอาชนะฮวงได้”

บนที่ราบรกร้าง สวี่ชีอันผู้ห่อเหี่ยวนั่งลงบนพื้นพลางถอนหายใจ

จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางยังคงนิ่งเงียบและมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง หลังจากผ่านไปสี่ชั่วโมงในที่สุดพวกเขาก็มั่นใจแล้วว่า ฮวงไม่ได้ไล่ตามเขา

“เกิดอะไรขึ้นเมื่อกี้นี้ กระดูกชิ้นนั้นสามารถยับยั้งฮวงได้รึ?”

นางปีศาจผมขาวถอนหายใจโล่งอกและเริ่มคิดถึงเรื่องนี้ที่ทำให้นางสับสน

สวี่ชีอันคิดอยู่พักหนึ่งแล้วส่ายหัวพลางพูดว่า

“จิตอัคนีย่อมไม่อาจควบคุมฮวงได้ หากเป็นเช่นนั้นจริง เขาย่อมจัดการไปแล้ว พลังที่มีอยู่ในกระดูกก็มิได้แข็งแกร่ง เมื่อระเบิดพลังออกมาก็ไม่อาจทำลายพลังเหนือธรรมชาติซึ่งเป็นพรสวรรค์แต่กำเนิดของฮวงลงได้”

จิ้งจอกเก้าหางเม้มริมฝีปากแล้วพูดอย่างครุ่นคิด

“เรื่องลึกลับอาจอยู่ที่แก่นแท้จิตวิญญาณที่มีอยู่ในกระดูกนั้น…”

ดวงตาของนางสว่างวาบ นางรู้สึกรางๆ ว่านางคว้าอะไรบางอย่างได้ แต่นางไม่อาจสรุปได้

สวี่ชีอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเช่นกัน แต่คิดเหตุผลไม่ออก เขาจึงเปลี่ยนเรื่องแล้วถามว่า

“เหตุใดเขาไม่ตามข้ามาล่ะ?”

“ด้วยความเกลียดชังระหว่างเขากับข้า ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยข้าไปง่ายๆ”

แม้ว่าพื้นที่ในบริเวณนี้จะวุ่นวาย แต่อย่างมากที่สุดก็ทำให้การไล่ล่าสังหารยากขึ้น ฮวงย่อมไม่ยอมแพ้ในการไล่ล่าศัตรู

“บางทีเขาอาจมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ เช่น การฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตัวเอง เมื่อเทียบกับเรื่องนี้ ข้าสงสัยมากกว่าว่า ท่านโหราจารย์รู้ได้อย่างไรว่าเจ้ามีกระดูกนั่นอยู่?”

นางปีศาจผมขาวเข้าประเด็นสำคัญ

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์เมื่อครู่ ท่านโหราจารย์รู้ชัดเจนว่า สวี่ชีอันกำลังถือกระดูกอยู่ในมือ แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว และในเวลานั้น ท่านโหราจารย์ถูกผนึกไว้ในเขายาวของฮวง

ในเมื่อเขาถูกผนึกไว้ ย่อมไม่อาจเปิดใช้งานความสามารถของปรมาจารย์ลิขิตฟ้าได้ ถ้าฮวงไม่ทำเช่นนี้ เขาก็ไม่อาจดักจับท่านโหราจารย์ได้

แล้วท่านโหราจารย์รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

สวี่ชีอันคิดถึงความเป็นไปได้

“เขาสอดแนมเราหรือ?”

ขณะที่เขาพูด ผีเสื้อที่เกิดจากหมอกก็กระพือปีกเบาๆ และบินไปหาพวกเขาทั้งสองคน

……………………………………….

……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด