ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่งบทที่ 899 ด่วนจี๋

Now you are reading ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง Chapter บทที่ 899 ด่วนจี๋ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 899 ด่วนจี๋

……….

แม่ย่าเทียนกู่จมลงสู่เอกภพ ไม่นานนักความวุ่นวายเริ่มแยกจาก ทัศนียภาพปรากฏ ภาพอนาคตสับเปลี่ยนกันฉาย

ภาพเหล่านี้สลับซับซ้อน บางภาพเป็นอนาคตของหุบเขาบางลูก บางภาพเป็นอนาคตของคนที่ไม่รู้จัก อนาคตนี้น่าจะเป็นของวันพรุ่งนี้ หรืออาจจะเป็นหลังหนึ่งชั่วยามก็ได้

กระแสข้อมูลมหาศาลโจมตีจิตเดิมของแม่ย่าเทียนกู่ ทำให้เส้นเลือดบนหน้าผากปูดขึ้น จุดไท่หยางที่ขมับปวด ‘ตุบ ตุบ’

ในที่สุดหลังจากผ่านการคัดเลือกหลายครั้งหลายคราและยอมรับการโจมตีจากภาพในอนาคตครั้งแล้วครั้งเล่า นางก็มองเห็นคำตอบที่ตนต้องการ

แล้วภาพก็แตกสลาย

“อั้ก…”

แม่ย่าเทียนกู่เอนตัวล้มลงบนเตียงนุ่ม เลือดสดพุ่งออกมาจากในปาก

สีหน้าของนางซีดขาวราวกับกระดาษ เลือดเนื้อซึมออกมาจากดวงตาทั้งสอง ริมฝีปากที่สั่นระริกไม่หยุดส่งเสียงคร่ำครวญอย่างสิ้นหวัง

“สวรรค์จะทำลายจิ่วโจว…”

ห้องบรรทม

ฮว๋ายชิ่งสวมชุดคลุมผ้าแพรยาวและแช่อยู่ในน้ำเย็น

บัดนี้ตะวันลาลับ ไม่มีนางกำนัลจุดเทียน แสงไฟภายในห้องสลัว นางหลับตาด้วยความสบายใจ

แม้จะไม่มีคันฉ่องสำริด นางก็รู้ว่าส่วนอื่นเช่น ลำคอและทรวงอกอันขาวผ่องของนางเต็มไปด้วยรอยจูบและรอยขีดข่วน นี่เป็นร่องรอยที่เทพยุทธ์ครึ่งก้าวหลงเหลือไว้อย่างไม่เห็นใจกันแม้แต่น้อย

“เฮ้อ…”

นางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ร่องรอยทั้งหมดบนผิวจางหาย ร่างบางยังคงขาวกระจ่างและเกลี้ยงเกลา

บำเพ็ญคู่หนึ่งครั้ง พลังชีพจรมังกรบนร่างของนางถูกถ่ายโอนไปยังร่างของสวี่ชีอันทั้งหมด รวมถึงโชคชะตาอันหนาแน่นที่มาพร้อมกับตำแหน่งประมุขประเทศของนาง

ฮว๋ายชิ่งไม่ใช่ปรมาจารย์ลิขิตฟ้า มิอาจมองเห็นชะตาบ้านเมือง ทว่าคาดเดาว่าชะตาบ้านเมืองของต้าฟ่งมากสุดเหลือเพียงหนึ่งหรือสองส่วน

ที่เหลือทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ภายในร่างของสวี่ชีอัน

เหยียน คัง และจิ้งทั้งสามก๊กล่มสลายเพราะถูกเทพพ่อมดชิงโชคชะตาไปจนหมด แล้วถูกรวมเป็นอาณาเขตของที่ราบลุ่มภาคกลางกลายเป็นส่วนหนึ่งของต้าฟ่ง

ชะตาบ้านเมืองของต้าฟ่งในตอนนี้ลดลงอย่างรวดเร็ว แล้วก็เผชิญกับหายนะจากประเทศล่มสลายและล้างบางเผ่าพันธุ์

นี่ก็คือเวรกรรม

“คนที่อยู่ในสภาพอับจนจะถอยก็ถอยไม่ได้! ” ฮว๋ายชิ่งพิงขอบอ่างน้ำ พึมพำราวกับทอดถอนใจ

นางกำลังเดิมพัน ต้าฟ่งกำลังเดิมพัน ผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ทั้งหมดในที่ราบลุ่มภาคกลางต่างก็กำลังเดิมพัน เดิมพันว่าสวี่ชีอันจะกลายเป็นเทพยุทธ์ สังหารระดับสุดยอด และยุติภัยพิบัติครั้งใหญ่ได้

หากทำสำเร็จ ชะตาบ้านเมืองที่ลดลงเช่นนั้นก็จะกลับคืนสู่ต้าฟ่ง ประชาชนในจิ่วโจวและราชสำนักจะดิ้นรนหาทางเพื่อเอาชีวิตรอด

หากล้มเหลวก็ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว

บัดนี้เสียงซอยเท้าเล็กดังมาจากด้านนอก เหล่านางกำนัลที่กลับมานั่นเอง

ยามที่ฮว๋ายชิ่งสั่งให้เหล่านางกำลังออกไปก็กำชับไว้ว่าไม่ให้เข้าใกล้ห้องบรรทมในหนึ่งชั่วยามนี้

ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว เหล่านางกำนัลย่อมกลับมารับใช้ฝ่าบาท

ใบหูของฮว๋ายชิ่งขยับ แต่ไม่ได้ตอบสนอง นอนลงในอ่างน้ำเย็นอย่างไม่สนใจใคร หรี่ตาพิจารณาสถานการณ์

เมื่อเหล่านางกำนัลเข้าห้องบรรทมก็เห็นเสื้อผ้าประจำตัวของจักรพรรดินีกระจัดกระจายอยู่บนพื้นเป็นอย่างแรก แท่นบรรทมอันโอ่อ่าที่ทำจากไม้จันทน์แดงระเกะระกะ

สิ่งที่น่าพูดถึงมากที่สุดก็คือ จอมยุทธ์ที่ควบคุมการสลายแรงรู้วิธีปล่อยพลัง ดังนั้นไม่ว่าจะได้ใจบนเตียงอย่างไรก็จะไม่ให้เห็นสภาพบนเตียง

หากเป็นจงหลีก็ว่าไปอย่าง

นางกำนัลที่ไม่รู้ความจริงรู้สึกฉงนเล็กน้อย พวกนางรับใช้ฝ่าบาทมานานเช่นนี้ ตั้งแต่องค์หญิงกระทั่งเป็นจักรพรรดินีก็ไม่เคยไร้ระเบียบเช่นนี้มาก่อน

หัวหน้านางกำลังหันมองรอบด้าน สั่งให้นางกำนัลเก็บกวาดเสื้อผ้าและเตียงนอนพลางเรียกหาเสียงเบา

“ฝ่าบาท ฝ่าบาทเพคะ”

บัดนี้นางได้ยินนางกำนัลที่เก็บกวาดเตียงส่งเสียง ‘อ๊ะ’ ปิดปากแสดงความตื่นตระหนกเล็กน้อย

นางกำนัลใหญ่ขมวดคิ้ว สายตาจ้องมองไป

นางกำนัลคนนั้นชี้ที่เตียง ไม่กล้าเอื้อนเอ่ย

นางกำนัลใหญ่รุดก้าวเข้าไปจับจ้อง หญิงสาวหน้าถอดสีในบัดดล

ไม่ว่าเตียงจะระเกะระกะหรือคราบน้ำเปียกเป็นจุดเต็มผ้าก็ช่าง แต่เลือดพรหมจรรย์เพียงเล็กน้อยเข้าตาอย่างเด่นชัด

แม้จะปะติดปะต่อสถานการณ์รอบข้างอย่างไร คนเขลาก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“ข้ากำลังอาบน้ำ! ”

เสียงเย็นเยือกและเย้ายวนของฮว๋ายชิ่งดังมาจากห้องอาบน้ำด้านในด้วยความเนือยเล็กน้อย

นางกำนัลใหญ่ใช้สายตาบอกให้เหล่านางกำนัลทำงานของตนเสีย สองมือของตนวางซ้อนที่หน้าท้อง ก้มศีรษะและซอยเท้าเล็กก้าวไปห้องน้ำ

ระหว่างนั้นสมองของนางก็แล่นอย่างรวดเร็ว คาดเดาผู้โชคดีที่ฝ่าบาท ‘เสพสุข’ ด้วยเป็นใคร

การจะเป็นนางกำนัลใหญ่ข้างกายจักรพรรดินีได้ นอกเสียจากความภักดีที่เพียงพอ สติปัญญาก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

นางนึกถึงเรื่องสืบราชบัลลังก์หมู่นี้ที่กวนใจฝ่าบาทมาโดยตลอดทันที ด้วยนิสัยของฝ่าบาทจะมอบบัลลังก์คืนให้กับทายาทของอดีตจักรพรรดิได้อย่างไร

ในมุมมองของนางกำนัลใหญ่ จักรพรรดินีจะมาถึงจุดนี้ไม่ช้าก็เร็ว

สิ่งที่ทำให้นางได้กลิ่นต่างจากปกติก็คือ ฝ่าบาทเป็นหญิงที่ยังไม่แต่งงาน ชายหนุ่มมากความสามารถทั่วทั้งใต้หล้ารอให้นางเลือก หากชื่นชอบผู้ใดจริงๆ ก็พาเข้าวังหลังได้อย่างสง่าผ่าเผย

พฤติกรรมเสพสังวาสกันเองโดยไร้สถานะ ไม่ใช่แนวทางของฝ่าบาท

เมื่อปะติดปะต่อพฤติกรรมที่ฝ่าบาทไม่ให้พวกนางอยู่ด้วยอีกครั้ง…นางกำนัลใหญ่สรุปได้ทันที ชายผู้นั้นมิอาจให้ผู้ใดล่วงรู้ได้

ในฐานะคนสนิทที่รับใช้ข้างกายจักรพรรดินีนานหลายปี นางนึกถึงราชบุตรเขยคนปัจจุบัน พระสวามีขององค์หญิงหลินอันก่อนเป็นคนแรก

ฆ้องเงินสวี่

‘นะ นี่ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ได้อย่างไร นี่ต่างอะไรจากพ่อแย่งลูกสะใภ้ หรือพี่ชายแย่งภรรยาน้องอย่างนั้นหรือ หากแพร่กระจายออกไป ฝ่ายราชสำนักและฝ่ายราษฎรสั่นสะเทือน คงหนีไม่พ้นชื่อเสียงฉาวโฉ่เรื่องความเสเพลและหลงระเริงบนหน้าประวัติศาสตร์ในอนาคตเป็นแน่’…นางกำนัลใจเต้นแรง เมื่อเดินไปถึงข้างอ่างน้ำก็สูดหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยอย่างราบเรียบ

“หม่อมฉันนวดไหล่ให้ฝ่าบาทดีหรือไม่เพคะ”

ฮว๋ายชิ่งส่งเสียง ‘อืม’ อย่างเกียจคร้าน แล้วจมลงสู่โลกของตนเอง วิเคราะห์การเคลื่อนไหวครั้งต่อไปในการเดินหมากรุกที่เกี่ยวข้องกับจิ่วโจว

บัดนี้ขันทีส่งสารก็มาถึงนอกห้องบรรทม แล้วกระซิบกับนางกำนัลด้านนอกอย่างแผ่วเบา

นางกำนัลสาวเท้ากลับเข้าห้องบรรทม แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าม่านผ้าแพรสีเหลืองที่ห้อยอยู่ด้านนอกห้องอาบน้ำ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา

“ฝ่าบาท ท่านโหราจารย์และใต้เท้าซ่งชิงขอเข้าเฝ้าเพคะ”

ดินแดนประจิมทิศ

ใบหูของเสินซูที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่แนวพรมแดนขยับเขยื้อน เขาได้ยินเสียง ‘กระแสคลื่น’ ที่โหมซัดเข้ามา

แล้วลุกขึ้นยืนทันที เขากระโดดเบาๆ คล้ายกับกระสุนปืนใหญ่ยิงขึ้นฟ้า

ตำแหน่งที่เขาอยู่เมื่อครู่ถูกคลื่นร่างเนื้อสีแดงเข้มกลืนไม่เหลือทันที ร่างเนื้อที่ซัดสาดเหมือนคลื่นทะเลทะยานขึ้นฟ้า กระจายตัวคนละทิศทางและปกคลุมพื้นดิน จากนั้นพวกมันก็รวมตัวกันเป็นพระพุทธรูปใบหน้าเลือนราง

สองเท้าของพระพุทธรูปหลอมรวมเข้ากับร่างเนื้อเป็นร่างเดียวกับ ‘กระแสคลื่น’ อันดุเดือด

ลำแสงทั้งสามแผดเสียงมาจากท้องฟ้าทางทิศตะวันตก ไม่ได้เข้ามาใกล้ แต่เฝ้ามองอยู่ห่างๆ หาโอกาสเคลื่อนไหว

นั่นคือสามพระโพธิสัตว์จากสำนักพุทธ

เหล่าภิกษุของสำนักพุทธมีชีวิตอยู่ในอรัญตาเป็นอย่างดี ทว่านอกจากสามพระโพธิสัตว์ พระอรหันต์กับเทพอารักษ์เสียชีวิตและถูกทรยศ ดูอ่อนพลังมาก

หลังจากเสินซูแยกตัวออกห่างก็ยื่นมือด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ระหว่างที่แสงสว่างเริงระบำ ธนูเหล็กสีดำก็ปรากฏอยู่ในมือเขา

ธนูนี้มีชื่อแสนเท่ว่า…ธนูพิฆาตเทวา!

หนึ่งในผลงานของท่านโหราจารย์ ธนูนี้เปลี่ยนพลังปราณของจอมยุทธ์ให้เป็นศรได้ ยกระดับพลังทะลวงและพลังสังหาร ศรที่ยิงจากมือจอมยุทธ์ขั้นสาม อานุภาพจะเพิ่มขึ้นครึ่งระดับ

แม้ธนูนี้จะมิอาจทำให้พลังของเทพยุทธ์ครึ่งก้าวเพิ่มขึ้นครึ่งระดับ ทว่าก็มากกว่าอานุภาพของหมัดที่เสินซูปล่อยออกไปส่งๆ

ท่านโหราจารย์มีคลังสมบัติเล็กในสำนักโหราจารย์ อาวุธเวทมนตร์ที่หลอมขึ้นตามใจนึกตามปกติจะถูกเก็บไว้ในคลังสมบัติ ค้อนก่อกวนชะตากรรมก็เป็นหนึ่งในของสะสมในคลังสมบัติ

ตอนนี้ท่านโหราจารย์ไม่อยู่แล้ว ไม่สิ ถูกผนึกแล้ว ฉู่ไฉ่เวยยกย่องการปกครองโดยไม่ก้าวก่าย ของสะสมของท่านโหราจารย์จึงกลายเป็นสิ่งที่สวี่ชีอันถลุงเป็นเบี้ยตามใจชอบ

ธนูนี้เขาให้เสินซูยืมใช้

เสินซูง้างธนูช้าๆ พลังปราณพุ่งออกมาจากนิ้ว แล้วเกาะตัวกันเป็นศรบนธนู ลูกศรทำให้เกิดพายุหมุนและอากาศที่บิดเบี้ยว

หน้ากระดาษแผ่นหนึ่งลุกไหม้ช้าๆ กลายเป็นแสงสว่างรวมตัวอยู่ในศร

พระพุทธรูปตั้งตระหง่านไม่ขยับ ร่างธรรมทั้งแปดปรากฏขึ้นอยู่ด้านหลังตามลำดับ ร่างธรรมมหากรุณาท่องพระไตรปิฎก แสงพุทธะบนนภาย่างกราย เสียงสวดประทับโลกา

‘ปัง!’

ศรกลายเป็นลำแสงแผดเสียงออกไป วินาทีต่อมาก็ยิงเข้าใส่พระโพธิสัตว์กว่างเสียน ท่อนบนของภิกษุหนุ่มระเบิดออกเป็นหมอกเลือดทันที

ฮว๋ายชิ่งที่นอนอยู่ในอ่างน้ำลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเอ่ยอย่างแผ่วเบา

“อีกประเดี๋ยวเชิญพวกเขาไปที่ห้องทรงพระอักษร”

หลังจากสั่งให้นางกำนัลออกไป นางก็ตบที่มือของนางกำนัลใหญ่ที่อยู่บนไหล่ “ย่าเอ๋อร์ ช่วยข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อย”

ฮว๋ายชิ่งสวมชุดประจำอย่างรวดเร็ว เกล้าผมด้วยมงกุฎทอง นำย่าเอ๋อร์นางกำนัลใหญ่ออกจากห้องบรรทมและเดินไปที่ห้องทรงพระอักษร

แสงเทียนในห้องทรงพระอักษรสว่างไสว ฮว๋ายชิ่งออกมาจากด้านใน กวาดตามองภายในห้อง นอกเสียจากฉู่ไฉ่เวยสาวน้อยกระโปรงเหลือง ซ่งชิงไต้ซือผู้จัดการเวลา ยังมีแม่ย่าเทียนกู่สีหน้าหดหู่ด้วย

“เหตุใดแม่ย่าถึงมาเมืองหลวงเสียล่ะ”

ฮว๋ายชิ่งจ้องมองสีหน้าของแม่ย่าเทียนกู่ แล้วหันหน้าสั่งย่าเอ๋อร์

“ไปเอายาอายุวัฒนะบำรุงร่างมาส่วนหนึ่ง”

นางรับรู้ว่าอาจจะเกิดปัญหาขึ้น

แม่ย่าเทียนกู่โบกมือปัด แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าร้อนใจยิ่ง

“ไม่จำเป็นต้องลำบาก ฝ่าบาท ฆ้องเงินสวี่อยู่ที่ใดหรือ”

“เขาไปที่เหลยโจวแล้ว” ฮว๋ายชิ่งเอ่ย “แม่ย่ามีอะไรก็พูดกับข้าได้โดยตรง”

“บอกเจ้าแล้วจะมีประโยชน์อะไรเล่า!”

เมื่อได้ยินว่าสวี่ชีอันไปที่เหลยโจว น้ำเสียงของแม่ย่าเทียนกู่ก็ร้อนรนยิ่งขึ้น แทบไม่สนใจว่าอีกฝ่ายเป็นจักรพรรดินีของต้าฟ่ง แล้วเร่งรัดไม่ขาดตอน

“ส่งข้อความในหนังสือปฐพีเร็ว ให้เขากลับเมืองหลวงด่วน ข้ามีเรื่องด่วนจี๋ต้องบอกฆ้องเงินสวี่”

………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด