พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่งบทที่ 116 สบายใจ

Now you are reading พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง Chapter บทที่ 116 สบายใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เพราะมันแย่เกินจะทน ถึงสอนพ่อครัวทำอย่างนั้นหรือ

โต้วชีตะลึงอีกครั้ง

ตั้งแต่เดินเข้ามา ทุกอย่างล้วนดูเหมือนจะแตกต่างไปจากที่คาดเดาไว้ แม่นางผู้นี้พูดเพียงสองสามประโยค แต่เดิมทีคิดว่าคงจะรับมือได้ง่ายๆ กลับทำให้เขารู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่ไม่น้อย

นี่เป็นเพียงแค่การทำความดีอย่างเดียวจริงๆ หรือ

ได้พบเจอกับนางฟ้าผ่านมาจริงๆ แล้วหรือ

โต้วชีอยู่มายี่สิบเจ็ดปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับคนดีที่มองเห็นเงินแล้วไม่โลภเช่นนี้

โต้วชีหรี่ตาเล็กๆ ของเขา

คนดีหรือ ในโลกแห่งนี้ไม่มีคนดีและคนเลว มีแต่คนโง่กับคนฉลาด!

เมื่อเห็นชายหนุ่มขี่รถม้าออกไปจากผู้เฝ้ารถม้าพร้อมกับสาวใช้สองสามคนแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของโต้วชีก็จางหายไปทันที

แสงตะวันตกกระทบใบหน้าของเขา ดอกยี่โถตรงผมบริเวณขมับก็ได้เหี่ยวเฉาลงแล้ว

โต้วชีหยิบดอกไม้แล้วโยนลงกับพื้น

“ท่านชายชีดูสิ สองคนนั้นกลับออกไปแบบนี้จริงๆ หรือ” ผู้ดูแลร้านอดไม่ได้ที่จะถาม “โดยมิได้เอาเงินออกไปด้วย”

“ไม่ไปแล้วอย่างไรเล่า” โต้วชียิ้มเยาะเอ่ย “ข้าเอ่ยถึงท่านปู่บุญธรรมเช่นนี้แล้วยังบังอาจรับเงินอีกหรือ หากพวกเขากล้ารับเงิน หลังจากนี้คงได้เห็นดีแน่ อย่าได้พูดถึงพวกเขาเลย เพราะแม้แต่ผู้อยู่เบื้องหลังพวกเขาทั้งสองอย่างใต้เท้าโจวยังต้องชั่งใจ”

ผู้ดูแลร้านพยักหน้า

“เพียงแต่คาดไม่ถึงว่านางฟ้าผ่านมาจะเป็นคนของตระกูลโจวจริงๆ ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเสียใจเล็กน้อย “แต่ยังดี ยังดี พวกเราก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว มิเช่นนั้น หากตามความโลภของขุนนางทั้งหลายแห่งเมืองหลวงแล้ว นับประสาอะไรกับเงินเพียงหนึ่งกล่อง กลัวว่าร้านแห่งนี้ก็จะถูกแย่งไปด้วย”

 “ดังนั้น ควรเลิกใช้วิธีเก่าจนใช้ไม่ได้เช่นเดียวกับท่านปู่ได้แล้ว” โต้วชีกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “ว่ากันว่าผู้ร่ำรวยและมีอำนาจจะเป็นผู้โลภมากที่สุด ไร้ความปรานี ห้ามยั่วยุ แต่หากรู้ว่าสรรพสิ่งบนโลกแห่งนี้ มิใช่ว่าไม่ยั่วยุ แล้วมันจะไม่เข้ามาหาเรา ซึ่งจะบุกไปก็ไม่กล้าจะถอยหลังก็กลัว คนไม่มีอำนาจก็เป็นเช่นนี้แล จะมองอะไรอนาคต ให้มองปัจจุบันเถอะ ก่อนหน้านี้มีนางฟ้าผ่านมา บัดนี้มีราขเลขานุการหลิว ร้านอาหารของตระกูลโต้วเราก็จะเป็นที่รู้จักในใต้หล้าแล้ว”

พูดถึงเพียงเท่านี้ สีหน้าของโต้วชีก็หม่นหมองอย่างไม่ทันคาดคิด

“แต่ทว่าราชเลขานุการหลิวก็ช่างโลภยิ่งนัก…” เขาพึมพำ

เขาหันหน้าชำเลืองมอง ขณะนี้ ความงดงามของท้องฟ้ายามค่ำคืนเริ่มปรากฎให้เห็น บ้านพักนางฟ้าครึกครื้นกว่าตอนกลางวันมาก ใต้โคมไฟแสงไฟสว่างไสว เสียงร้องตะโกนของผู้คนดังกึกก้อง และเมื่อมองไปที่ระยะไกลก็มีแสงไฟส่องมาริบหรี่ นี่คือผู้มาเยือนใหม่หรือแขกประจำกันแน่

ราวกับการรวบรวมดวงดาวส่องแสงสว่างไสวไปที่คลังเงินของตระกูลโต้วเสียแล้ว

“นี่เป็นโอกาสที่เทวดานางฟ้าส่งมาโปรด ห้ามพลาดเด็ดขาด! ” โต้วชีกัดฟันกล่าวพลางหันหน้ามองผู้ดูแลร้าน ใบหน้าประดับด้วยความเย็นเยือกดุจน้ำแข็ง “ไปนำเอกสารมอบหุ้นส่วนไปส่งให้แก่ปู่บุญธรรม เพลานี้หากตระกูลโจวเข้าเมืองหลวงไปแล้ว ไม่รู้ว่าสายตาจะจับจ้องมองมามากขึ้นเท่าไร หากตระกูลโจวยังบังอาจคิดไม่ดี ข้าคงต้องให้เขาเชือดไก่ให้ลิงดูเสียแล้ว! ”

เมื่อรถม้าของท่านชายโจวหกเข้าประตูบ้านมา ซึ่งคนในบ้านต่างเป็นกังวลจนจะออกไปค้นหาอยู่แล้ว พอเห็นพวกเขากลับมา ทุกคนก็ต่างโล่งใจ

“เจ้าพาน้องสาวไปไหนมา” ฮูหยินโจวคร่ำครวญตำหนิบุตรชาย แต่สายตากลับมองไปที่เฉิงเจียวเหนียงซึ่งกำลังลงจากรถม้า โดยแววตาซ่อนความโกรธเคืองไว้ไม่อยู่

ต้องเป็นหญิงสาวผู้นี้บีบบังคับบุตรชายของตนให้ทำเช่นนี้อย่างแน่นอน

“ออกไปหาอะไรทานมาขอรับ” ท่านชายโจวหกกล่าว

“ไอ้หยา พี่ชายหกช่างดีกับน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องเสียจริง พี่ไม่พาข้าไปทานข้าวบ้างเลย” สาวงามที่ยืนอยู่ด้านหลังฮูหยินโจวกล่าว

เมื่อได้ยินเพียงเท่านี้ สีหน้าของท่านชายโจวหกก็ตึงเครียดขึ้นมา ขณะที่ ทางด้านนั้นกลับมีคนหัวเราะออกมาก่อนแล้ว

“ช่างพูดตัดกำลังใจยิ่งนักเจ้าค่ะ หวังว่านายหญิงก็จะได้รับสิ่งดีๆ แบบนี้เช่นกัน” สาวใช้กล่าว

ถูกพูดถึงอย่างกะทันหันเช่นนี้ นายหญิงน้อยก็รู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าผู้พูดเป็นสาวใช้ด้วยแล้ว นางก็โกรธหนักขึ้นมาทันที

“เจ้า…” นางยักคิ้วตะโกน กลับถูกฮูหยินโจวเบิกตาใส่

“พูดมากเกินไปแล้ว” ฮูหยินโจวเอ็ด “เจ้าไม่มีสิทธิ์พูด! ”

นายหญิงน้อยก็ยิ่งสับสนมากขึ้น

“ท่านแม่ นี่มันบ้านข้า ทำไมข้าถึงไม่มีสิทธิ์พูด! ” นางตะโกน “อีกอย่าง ข้าพูดอะไรออกไปแล้วหรือ”

อีกด้านหนึ่ง เฉิงเจียวเหนียงสองนายบ่าวทำเหมือนหูทวนลม แล้วเดินตรงออกไป

ท่านชายโจวหกเดินตามออกไปเช่นกัน

ในพริบตาเดียวก็เหลือเพียงสองแม่ลูกตระกูลโจวอยู่ที่หน้าประตูสอง

“ท่านแม่! ” นายหญิงน้อยแห่งตระกูลโจวกระทืบเท้าด้วยความอับอาย สะบัดแขนด้วยความโกรธแล้วเดินจากไป

ฮูหยินโจวก็เกรี้ยวโกรธเช่นกัน แต่กลับทำอะไรไม่ได้

“ใครก็ได้มานี่ที” นางกล่าว “เลือกสาวใช้ที่คล่องแคล่วให้แม่นางเฉิงสักสองสามคน เดินเข้านอกออกในมีเพียงสาวใช้นางนั้นคนเดียว จะหาว่าตระกูลเราเป็นอย่างไรกัน! ”

ท่านชายโจวหกเดินตามเฉิงเจียวเหนียงจนทัน

“ผู้ชายคนนั้นข่มขู่เจ้า เจ้ากลัวหรือไม่” เขากล่าว

เฉิงเจียวเหนียงดูเหมือนจะกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ก็ถูกขัดจังหวะและได้สติกลับคืนมา ซึ่งยิ่งปรากฎอาการเหม่อลอยมากขึ้นไปอีก

“อะไรนะ” นางเอ่ยถามหลังจากหันหน้ากลับมามอง

“นางฟ้าผ่านมาจานนั้น เดิมที่เป็นของเจ้า แต่ตอนนี้ตระกูลโต้วกลายเป็นเจ้าของไปเสียแล้ว เจ้าเต็มใจหรือไม่” ท่าชายโจวหกมองไปที่นางแล้วกล่าว

“อืม” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว

“อาหารนั่นไม่ใช่ของข้า เหตุใดถึงไม่เต็มใจเล่า” นางย้อนถาม

ท่านชายโจวหกถึงกับตะลึงเมื่อถูกถามกลับเช่นนั้น

“อย่าแกล้งโง่เลย! ” เขากัดฟันด้วยความโกรธแล้วกล่าว “เจ้าเห็นว่าพวกเขาทำอาหารได้แย่มาก ถึงจงใจแนะนำไปเช่นนั้นจริงๆ หรือ”

เฉิงเจียวเหนียงพยักหน้า

“มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ พวกเขาทำไม่อร่อยจริงๆ ทำลายรสชาติอาหาร แนะนำเพียงนิดเดียว แล้วมาแบ่งปันทุกคน ถึงจะดึงรสชาติอันแสนอร่อยออกมาได้ดีที่สุด” นางกล่าว

ท่านชายโจวหกมองหน้านางแล้วกัดฟัน

“เจ้าแกล้งโง่กับข้าอีกแล้ว! ” สุดท้ายเขาก็พูดเพียงว่า “เฉิงเจียวเหนียง เจ้าพูดดีๆ กับข้าจะไม่ได้เลยหรือ”

เฉิงเจียวเหนียงมองไปที่เขา แล้วหันหลังก้าวออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

การที่นิ่งเงียบ ไม่พูด เหมือนเป็นการตบหน้าเขาก็ไม่ปาน ท่านชายโจวหกรู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปทั่วใบหน้า

เด็กบ้า!

เฉิงเจียวเหนียงที่กำลังก้าวเท้าก็หยุดลง

“ช้าก่อน เมื่อครู่เจ้าพูดว่าชายผู้นั้นข่มขู่ข้าอย่างนั้นหรือ” นางหันกลับไปถาม

ท่านชายโจวหกมองหน้านาง กัดฟันโดยไม่พูด

“นายหญิงเจ้าคะ บุคคลที่ชายผู้นั้นกล่าวถึงคือท่านราชเลขานุการหลิว คือใต้เท้าราชเลขานุการหลิวจาง ขุนนางชั้นสูงของหอสมุดหลวงเจ้าค่ะ” สาวใช้กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ท่านชายโจวหกประหลาดใจเล็กน้อยและมองไปที่สาวใช้เป็นครั้งแรก

สาวใช้คนนี้รู้จักขุนนางชั้นสูงแห่งหอสมุดหลวงหรือ และรู้จักหลิวจางด้วยหรือ

พูดกันตามตรง บางครั้งเขาก็สับสนกับคำเรียกต่างๆ นานาของขุนนางเหล่านั้นอยู่มาก แต่สาวใช้ผู้นี้กลับบอกตำแหน่ง สถานะและชื่อเรียกออกมาได้ทันที

ตระกูลเฉิงมีสาวใช้เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน

หรือจัดหาสาวใช้คนนี้มาให้เด็กบ้านี่เป็นพิเศษอย่างนั้นหรือ

“ไม่เกี่ยวกันเสียหน่อย” เห็นได้ชัดว่าเฉิงเจียวเหนียงไม่เข้าใจ แต่ก็มิได้ถามต่อ เพียงแต่พยักหน้าแล้วกล่าวเท่านั้น แม้ว่าใบหน้าจะเหม่อลอย แต่ก็เหมือนกำลังครุ่นคิด แล้วอุทานออกมา

“อย่างนั้นนี่เอง” นางพยักหน้ากล่าว

ท่านชายโจวหกกัดฟันยืนอยู่ด้านข้าง

ผู้หญิงคนนี้สมควรแล้วที่เคยเป็นคนบ้ามาก่อน ถึงแกล้งบ้าได้เหมือนยิ่งนัก!

เช่นเดียวกับตอนนั้นที่คำพูดของโต้วชีมิได้เข้าหูนางเลย พอมาถึงตอนนี้ เมื่อหวนกลับไปคิด ถึงเข้าใจก็ไม่ปาน

ได้ ในเมื่อเจ้าแกล้งบ้าเช่นนี้ ก็จงแกล้งบ้าต่อไปเถอะ

ในเมื่อเจ้าเองที่ไม่ใส่ใจ ตระกูลโจวของเราก็ไม่จำเป็นต้องออกหน้าเรียกร้องความยุติธรรมแทนเจ้า

ท่านชายโจวหกสะบัดแขนเสื้อแล้วหันหลัง แต่กลับได้ยินเสียงของเฉิงเจียวเหนียงดังมาจากด้านหลังอีกครั้ง

“ดีแล้ว” นางกล่าว

ดีหรือ

ท่านชายโจวหกหันหน้าเบิกตาจ้องมอง

“เขาขู่ข้าก่อนเช่นนั้น อันที่จริงข้าทนไม่ได้เล็กน้อย แต่ตอนนี้ข้าสบายใจแล้ว” เฉิงเจียวเหนียงกล่าวพร้อมกับโค้งมุมปากใส่สาวใช้

เด็กบ้า!

ท่านชายโจวหกหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด