พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่งบทที่ 514 ดูลำดับ (1)
ปลายเดือนสอง หลังจากเมฆครึ้มตั้งเค้าไป สิ่งที่ล่องลอยลง
มาจากฟากฟ้าของเมืองหลวงก็ไม่ใช่เกล็ดหิมะเหมือนดังก่อน
แล้วแต่เป็นเม็ดฝนแทน แม้ว่ายามฝนตกอากาศจะเหน็บหนาว
มืดครึ้ม แต่กลิ่นอายของฤดูใบไม้ผลิก็แจ่มใสขึ้นมาแล้ว
พรุ่งนี้เป็นการสอบของกรมธรรมการและเป็นวันที่ประกาศ
ลำดับการสอบระดับจังหวัดเช่นกัน
ท่านชายเฉิงสี่อยู่ในห้องหนังสือมาค่อนวันแล้ว แม้ว่าครึ่ง
เดือนก่อนจะสอบเสร็จไป แต่ที่ตามมาติดๆ ก็คือการสอบระดับ
ราชสำ นักอีก จึงไม่กล้าเที่ยวเล่นตามอำเภอใจ จำ ต้องอ่านตำรา
อย่างขะมักเขม้น หากแต่ไม่รู้ว่ายังจะจำ เป็นอยู่อีกหรือไม่
หากการสอบระดับจังหวัดไม่ผ่านละก็…
ฝนในฤดูใบไม้ผลิไร้เสียง ทว่าท่านชายเฉิงสี่ก็ยังรู้สึกหนวกหู
อยู่ดีเขาลุกขึ้นพรวดเดินไปมา จู่ๆ ก็หยุดลง เงี่ยหูฟังเสียงด้านนอก
มีเสียงเท้าวุ่นวายดังแว่วมา ทันใดนั้นในใจก็กังวลรีบกลับไปนั่งหน้า
โต๊ะให้เรียบร้อย พอนั่งเสร็จ เสียงฝีเท้านั่นกลับไม่ได้ยินแล้ว
หูแว่วแล้วกระมัง…
ท่านชายเฉิงสี่ไหล่ลู่ลงอีกครั้ง ในชั่วขณะที่มองตำราบนโต๊ะ
อย่างกลัดกลุ้มนั้น ก็อ่านไม่เข้าหัวดังคาด เขาก็ลุกขึ้นพรวดอีกครั้ง
ยามนี้ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรง
“ท่านชายเฉิงสี่!” เสียงหัวเราะของสาวใช้ดังขึ้น
ท่านชายเฉิงสี่ตกใจจนซวนเซนั่งกลับลงไปอีกครั้ง
เสียงหัวเราะของสาวใช้ดังขึ้นภายในห้อง
“พี่ปั้นฉิน หยุดแกล้งท่านชายสี่ได้แล้ว!” ปั้นฉินเอ่ย ผลักนาง
ออกแล้วตัวเองเดินเข้ามาก่อน
ท่านชายเฉิงสี่สีหน้าแดงก่ำ แกล้งทำเป็นสงบนิ่งหยิบตำราขึ้น
มา
“มีเรื่องใดรึ ข้ากำลังอ่านตำราอยู่…” เขาบอก
สาวใช้เก็บรอยยิ้ม เข้าไปหาด้วยสีหน้ามืดมน“ท่านชายสี่…” นางเอ่ยอย่างเศร้าสลด
“ท่านพี่” ปั้นฉินกระทืบเท้าด้วยความโมโห “หยุดแกล้ง
ท่านชายสี่ได้แล้ว”
นางเอ่ยพลางเข้าไปย่อกายคำนับ รอยยิ้มเบ่งบานดั่งพฤกษา
“ยินดีด้วยเจ้าค่ะท่านชายสี่” นางบอก
ทันใดนั้นในหัวของท่านชายเฉิงสี่ก็เกิดเสียงดังขึ้น ดอกไม้ไฟ
ระเบิดอยู่เบื้องหน้า
แม้ว่าพรุ่งนี้จึงจะเป็นวันประกาศผลอย่างเป็นทางการ แต่ยาม
นี้ลำดับรายชื่อได้ออกมาแล้ว คนที่เกี่ยวข้องและมีความสามารถได้รู้
ผลแล้ว
และน้องสาวเขาเฉิงเจียวเหนียงย่อมเรียกว่าเป็นคนที่เกี่ยวข้อง
และมีความสามารถได้กระมัง
สอบติดแล้วหรือนี่
“ปั้นฉิน ไม่ใช่ข้าจะแกล้งท่านชายสี่ แต่เป็นท่านชายสี่ที่ต้อง
เอาอย่างเซี่ยไท่ฟู่”
“เซี่ยไท่ฟู่คือใครรึ”เสียงพูดคุยของสาวใช้ทั้งสองยังคงดังขึ้นข้างหู ท่านชายเฉิงสี่
ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นแล้ว ในโสตประสาทล้วนเต็มไปด้วยคำว่าติด
แล้ว ติดแล้ว ในที่สุดก็แย้มยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“…ติดแล้วลำดับที่สามร้อยห้าสิบหก…”
นายรองเฉิงแค่นเสียงเฮอะออกมา
“รับคัดเลือกทั้งหมดสี่ร้อยสิบแปดคน”
ท่านชายเฉิงสี่สีหน้าละอาย แน่นอนว่าความละอายนี้
ไม่เหมือนกับความละอายที่สอบไม่ติดอย่างสิ้นเชิง อารมณ์
ความรู้สึกก็แตกต่าง
“แต่นั่นก็ติดเหมือนกัน” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยขึ้น
“ลำดับสุดท้าย ยังมีลำดับต้นๆ ตอนสอบระดับราชสำ นักอีก”
สาวใช้ยิ้มเอ่ย “ได้ยินว่าปีนั้นนายท่านสอบระดับจังหวัดได้ที่สองร้อย
เก้าสิบ สอบระดับราชสำ นักกลับก้าวกระโดดไปลำดับที่ร้อยสามสิบ
สี่”
นายรองเฉิงได้ยินเข้าสีหน้าก็พลันเปลี่ยน ยังไม่ทันจะได้เอ่ย
อะไร ทางด้านแม่นางเฉิงเจ็ดก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน“ท่านพ่อสอบได้ดีกว่าพี่สี่อีก” นางเอ่ยอย่างปรีดา
“นั่นสิ นั่นสิ ปีนั้นผู้เข้าสอบน้อย ดังนั้นจึงตัดที่ลำดับสามร้อย
มา” สาวใช้ยิ้มเอ่ย
สามร้อย สองร้อยเก้าสิบรึ
“อ๊ะ เช่นนั้นท่านพ่อก็เป็นที่สิบนับจากท้าย” แม่นางเฉิงเจ็ด
คำนวณในใจแล้วโพล่งออกไป
นายรองเฉิงถลึงตามองอย่างโมโห
“ครอบครัวหนึ่งมีจิ้นซื่อ[1]สองคนได้ก็หายากมากแล้ว!”
ฮูหยินรองเฉิงรีบเอ่ยไกล่เกลี่ยสถานการณ์
“ไม่ยากหรอกกระมัง” สาวใช้ยิ้มตาหยีเอ่ย
นี่มันสาวใช้บ้านไหนกัน ไม่รู้จักกฎจักเกณฑ์เลยหรือไร ยังเป็น
คนของตระกูลเฉิงอยู่หรือไม่
นายรองเฉิงโมโหกำลังจะเอ่ยปากด่าว่าครอบครัวใดไม่ยาก
บ้าง เห็นสาวใช้คนนี้เข้าก็ได้สติขึ้นมา
สาวใช้คนนี้ไม่ใช่ของครอบครัวเขาจริงๆ ด้วย!
เป็นของตระกูลจาง!ตระกูลจางแห่งเจียงโจว ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษมาจนถึงยามนี้
ไม่ได้มีจิ้นซื่อเพียงแค่สองคนแน่ ไม่พูดถึงบรรพบุรุษ เอาแค่จางเจียง
โจวสองชั่วอายุคน ก็ไม่น้อยกว่าสี่คนแล้ว…
สาวใช้นางนี้เป็นคนที่ส่งมาจากอาจารย์และผู้อาวุโส ไหนเลย
จะมาซี้ซั้วด่านางได้…
คำตำหนิที่ติดอยู่ปลายลิ้นของนายรองเฉิงก็กลืนกลับลงไป
อีกครั้ง
“เตรียมตัวสอบระดับราชสำ นักให้ดีเถิด” เขาบอกแล้วสะบัด
แขนเสื้อจากไป
“ท่านชายสี่เราไปดูลำดับกันเถอะเจ้าค่ะ” สาวใช้ไม่สนใจสีหน้า
ไม่พอใจของนายรองเฉิงเช่นกัน นางยิ้มพลางเอ่ยกับท่านชายเฉิงสี่
“รู้แล้วไม่ใช่หรือไร จะต้องไปดูกับตาเพื่อการใดอีก” ปั้นฉินเอ่ย
ถาม
สาวใช้แย้มยิ้ม
“ดูลำดับคึกคักจะตาย เหมือนงานวัด งานดูโคมเลยล่ะ คน
เยอะแยะ แล้วก็สนุกด้วย” นางเอ่ย “ซ้ำ ยังมีเหตุการณ์แย่งลูกเขยอีกด้วยนะ!”
บรรดาเด็กสาวในห้องดวงตาเป็นประกายกันขึ้นมา
จะว่าไปแล้วก็เข้าเมืองหลวงมาได้เกือบสองเดือนแล้ว ดอก
ไม้ใบหญ้าโล้นๆ ภายในลานบ้านในคราแรก ยามนี้กำลังรอออกดอก
ตูมแล้ว ตั้งแต่ปลายหนาวต้นใบไม้ผลิ ล้วนก้าวผ่านมาหนึ่งฤดูกาล
แล้ว พวกนางกลับยังไม่เคยได้ออกจากบ้านเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เรื่องไปงานวัดงานดูโคม
ว่ากันว่าเมืองหลวงคึกคักจอแจ พวกนางกลับรู้สึกว่ายังสู้เจียง
โจวไม่ได้เลย
ได้ยินสาวใช้คนนี้บอกว่าคึกคัก พวกนางก็ต่างนั่งกันไม่ติดแล้ว
“นายหญิง พวกเราไปเป็นเพื่อนท่านชายสี่ดีหรือไม่เจ้าคะ”
สาวใช้เอ่ยถามเฉิงเจียวเหนียง
เฉิงเจียวเหนียงพยักหน้า
“ท่านชายสี่” แล้วสาวใช้ก็มองไปทางท่านชายเฉิงสี่
เฉิงเจียวเหนียงตอบตกลงแล้ว ท่านชายเฉิงสี่ไหนเลยจะปฏิเสธ
เขารีบพยักหน้าทันที“พวกเจ้า…” สายตาสาวใช้หันไปทางแม่นางเฉิงสี่ แม่นางห้า
และแม่นางเจ็ด เห็นพวกนางสีหน้าท่าทางแฝงไว้ด้วยความคาดหวัง
“ไปด้วยกันเถิด”
แม่นางน้อยทั้งสามพลันเบิกบานอย่างยิ่ง ลุกขึ้นพรวดพรวด
ตามสัญชาตญาณทันที
แม่นางเฉิงเจ็ดจู่ๆ กลับนั่งลงไปอีกครั้งโดยไว ทำหน้าเคร่งแค่น
เสียงเฮอะออกมา
เห็นนางเป็นเช่นนั้น แม่นางเฉิงสี่กับแม่นางเฉิงห้าก็ลังเล
ครู่หนึ่ง ต่างส่งสายตาให้กันไปมา ละล้าละลังว่าจะนั่งดีหรือไม่นั่งดี
“เช่นนั้นก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย พวกเราจะไปแล้ว ใครก็ได้ ไป
เตรียมรถด้วย” สาวใช้เอ่ยขึ้นเสียงดังพลางผายมือเชิญไปทางพวก
นาง
คนเขาเชิญแล้ว จะให้ปฏิเสธก็คงจไม่ดีกระมัง แม่นางเฉิงสี่
และแม่นางเฉิงห้าสาวเท้าเดินเข้าไปโดยไม่ลังเลอีกต่อไป
แม่นางเฉิงเจ็ดเห็นพวกนางกำลังจะไปก็พลันลุกขึ้นมาอีกครั้ง“พี่ชายสี่” นางเอ่ยเรียก วิ่งตึงตังตามไปคว้าแขนเสื้อของ
ท่านชายเฉิงสี่ไว้ “ข้าจะนั่งรถคันเดียวกันกับท่านพี่”
ท่านชายเฉิงสี่พยักหน้าแย้มยิ้มด้วยความรักใคร่
เห็นบรรดาสาวใช้และแม่นมต่างวิ่งวุ่นกันหมดเพราะมีคน
จะออกจากบ้านมากมายเพียงนี้ นายหญิงของบ้านอย่างฮูหยินรอง
เฉิงที่ถูกเพิกเฉยมาโดยตลอดก็จำ ต้องลุกขึ้นตามไปด้วย
“ปั้นฉิน ปั้นฉิน”
นางสาวเท้าเดินออกมา เห็นสาวใช้ที่กำลังสั่งงานบรรดาแม่นม
ก็รีบอมยิ้มเอ่ยขึ้น
สาวใช้ขานรับ พูดคุยกับแม่นมจนเรียบร้อยแล้วจึงได้เดินมาหา
“ฮูหยินจะรับสั่งอะไรเจ้าคะ” นางเอ่ยถาม
“ชายสี่สอบติดแล้ว จะอย่างไรก็ต้องฉลองเสียหน่อย” ฮูหยิน
รองเฉิงยิ้มเอ่ย
“แน่นอนเจ้าค่ะ ฮูหยินลงมือจัดการให้เต็มที่ก็พอเจ้าค่ะ”
สาวใช้ก็แย้มยิ้มเอ่ยด้วยเช่นกัน “เรื่องค่าใช้จ่ายให้เป็นหน้าที่ข้าก็พอ
ข้าจะไปดูลำดับกับพวกนายหญิงแล้วนะเจ้าคะ”พูดจบก็สาวเท้าเดิน เดินไปได้สองก้าวก็หันกลับมาอีก
“อ้อ จริงสิ ฮูหยินจะไปด้วยกันหรือไม่เจ้าคะ” นางยิ้มตาหยีเอ่ย
ถาม
ฮูหยินรองเฉิงแอบกรอกตาอยู่ในใจ
“ไม่หรอก ไม่หรอก ข้าจะไปดูอะไร ให้พวกเด็กๆ ไปเที่ยวเล่น
กันเถอะ” นางยิ้มเอ่ย มองสาวใช้ยิ้มพลางหันหลังเดินไป จนกระทั่ง
เงาร่างหายไปจากประตูแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของฮูหยินรองเฉิงก็
พลันบินหายลับไป
ข้าจัดการอย่างนั้นรึ ค่าใช้จ่ายให้ข้าจัดการอย่างนั้นรึ ข้ากลาย
เป็นตัวอะไรไปแล้ว!
ฮูหยินรองเฉิงพ่นลมออกมา กำหนังสือเปล่าๆ ไว้คิดว่าเป็น
นายหญิงของสาวใช้นั่น วันคืนเช่นนี้นางไม่อยากฝืนทนนานจน
เกินไป[1] จิ้นซื่อ บัณฑิตขั้นสูง คือผู้ที่สอบผ่านการสอบระดับราชสำ นัก
หรือระดับราชวัง ที่จัดขึ้นทุกๆ 3 ปี หากบัณฑิตคนใดสอบได้เป็นจิ้น
ซื่อ ก็เท่ากับมีโอกาสที่ค่อนข้างแน่นอนในการได้เป็นขุนนางใน
ราชสำ นักแล้ว
Comments