พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ 275 ลงทุน

Now you are reading พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ Chapter 275 ลงทุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“จากนั้นพวกเราก็จะต้องสนับสนุนบริษัทเครื่องแต่งกายอย่างเต็มที่ เอาบริษัทเครื่องแต่งกายนั้นมาผลิตเป็นแบรนด์หรูของประเทศพวกเราเอง”ปาจรีย์ส่ายแก้วชาไปมาแล้วพูด

วารุณีที่ฟังอยู่ก็เข้าใจ พยักหน้าออกไป“ดังนั้นจึงเป็นการแข่งขันระหว่างบริษัทเครื่องแต่งกายใหญ่ๆอีกแล้วสินะ?แค่ชนะได้ ก็จะได้รับการสนับสนุน และมีการสนับสนุนแล้ว ก็จะกลายเป็นแบรนด์หรูได้ในเวลาสั้นๆ”

“ถูกต้อง วารุณีของฉันฉลาดจริง”ปาจรีย์ทำท่ายกนิ้วโป้งใส่

ห้องส่วนตัวด้านข้าง นัทธีที่กำลังคุยกับลูกค้าอยู่ได้ยินประโยคนี้ ก็หยุดสนทนาทันที คิ้วขมวดขึ้นมา

ลูกค้าที่อยู่ตรงข้ามเห็นเขาจู่ๆเหม่อลอย ก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัยไปว่า“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับประธานจรณ์?”

”เปล่าครับ ต่อเลย“นัทธีเก็บอารมณ์ความคิดไป แล้วพูดต่อจากคำพูดเมื่อกี๊ต่อไป

ฉากนี้ วารุณีกับปาจรีย์ต่างไม่รู้

วารุณีหัวเราะ แล้วเอามือเท้าหน้าไว้:“แต่ว่าทำไมต้องใช้วิธีการแข่งขันกันแล้วเลือกผู้ชนะมาตัดสินว่าบริษัทไหนด้วยล่ะ?ทำไมไม่สนับสนุนบริษัทเครื่องแต่งกายของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปไปโดยตรงเลยล่ะ?”

ส่วนนี้ เธอไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

แบรนด์เครื่องแต่งกายของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ตอนนี้เป็นแบรนด์หรูสายred blood อยากจะกลายเป็นแบรนด์หรูสายblue bloodระดับสูงๆ ก็อยู่ใกล้แค่ก้าวเดียว

แบบนั้นก็จะลงแรงไปได้น้อย สามารถทำให้แบรนด์เครื่องแต่งกายของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ผลิตเป็นแบรนด์หรูสายblue bloodได้

“เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันถามมาแล้ว มีอยู่สองสาเหตุ อย่างแรก ก็คือบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปเป็นธุรกิจของตระกูล จะให้ถือหุ้นด้วยไม่ได้ สองก็คือเบื้องหลังแบรนด์เสื้อผ้าของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปนั้นพึ่งพาบริษัทแม่อย่างบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ได้ตัวดีไซเนอร์สักสองสามคนที่ฝีมือไม่เลวมา ก็สามารถกลายเป็นแบรนด์หรูสายblue bloodได้ตลอดเวลา”ปาจรีย์ยักไหล่แล้วตอบกลับ

วารุณีเงยคางขึ้นทันที“ที่แท้ก็แบบนี้เอง น่าจะอยากผลิตแบรนด์เครื่องแต่งกายแบรนด์หรูสายblue bloodอันดับแรกในประเทศของเราออกมา ก่อนที่เครื่องแต่งกายของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปจะกลายเป็นแบรนด์หรูสายblue bloodสินะ”

“ใช่”ปาจรีย์ดื่มชาไปอีกคำ จากนั้นถามว่า:“วารุณี พวกเราจะไปร่วมลงชิงตำแหน่งนี้ไหม?”

วารุณีหวั่นไหวหน่อยๆ แต่แป๊บเดียว แล้วก็ส่ายหน้าอีกครั้ง“เมื่อกี๊เธอก็บอกแล้วนี่ เป็นการลงชิงตำแหน่งระหว่างบริษัทด้วยกัน พวกเราเป็นแค่สตูดิโอ จะเข้าร่วมได้ไง?”

แน่นอนว่าเธออยากได้การสนับสนุนจากทุกคน ยังไงมีคนคอยหนุนหลังก็จะทำอะไรได้ง่าย มีการสนับสนุนเงินทุน บางคนก็จะไม่กล้าทำลายความสนใจของพวกเธอ

เรื่องที่สำคัญก็คือ พวกเธอไม่เหมือนบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปที่มีความสามารถที่ซ่อนอยู่ของตัวเอง อยากจะพัฒนาในประเทศได้ดี ก็ได้แต่พึ่งการลงทุน

“พูดก็ถูก”สายตาปาจรีย์หม่นลงทันที“เสียดายที่ฉันไปถามมาด้วยความดีใจอยู่นาน”

วารุณีตบหลังมือเธอ เพื่อปลอบเธอ

ทันใดนั้นปาจรีย์ก็คิดอะไรได้ ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา“วารุณี เธอว่าถ้าตอนนี้พวกเราเปลี่ยนสตูดิโอให้เป็นบริษัทเป็นไง?”

วารุณีเงยขึ้นมองเธอเล็กน้อย“อย่าหาว่าฉันไม่ได้เตือนเธอเลยนะ พวกเราไม่มีเงิน ตอนแรกทุนจดทะเบียนของสตูดิโอคือยี่สิบล้าน ถ้าเปลี่ยนเป็นบริษัท ทุนจดทะเบียนก็ต้องเพิ่มเป็นเท่าตัว พวกเราหาเงินมาไม่ได้หรอก”

“ดังนั้นพวกเราหมดหนทางลงชิงตำแหน่งเหรอ?”ปาจรีย์มีใบหน้าขมขื่น

วารุณียักไหล่“ก็ไม่ใช่ นอกจากว่าจะดึงการลงทุน”

“เหอะๆ จากสถานการณ์ของพวกเราตอนนี้ จะดึงการลงทุนได้เท่าไหร่?”ปาจรีย์กลอกตา

วารุณีหัวเราะเบาๆ“ดังนั้น พวกเราอย่าคิดเลย ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ”

ปาจรีย์ถอนหายใจ ไม่พูดจา

ไม่ค่อยเป็นค่อยไป แล้วจะเป็นไงได้ล่ะ?

ตอนนี้เอง จู่ๆประตูห้องส่วนตัวก็เปิดออก เลขาฯ เสกข์เข้ามาจากด้านนอก พูดด้วยใบหน้ารู้สึกขอโทษ:“ขอโทษครับๆ มาสายไปหน่อย”

“ไม่เลยค่ะ”วารุณียืนขึ้นมา ทำท่าเชื้อเชิญด้วยรอยยิ้ม“พวกเราก็เพิ่งมาได้ไม่นาน เชิญเลขาฯ เสกข์นั่งค่ะ”

ปาจรีย์ดึงเก้าอี้ให้เลขาฯ เสกข์

เลขาฯ เสกข์พูดขอบคุณเสร็จก็นั่งลงไป

วารุณีก็นั่งกลับไป ยื่นอัลบั้มออกแบบให้เขา “เลขาฯ เสกข์ นี่คืออัลบั้มของการประมูลครั้งที่แล้ว คุณดูนะคะว่ามีปัญหาไหม”

“ไม่ดูแล้ว เมื่อวานผมดูเอกสารสแกนแล้ว ประธานจรณ์ของพวกเราพอใจมาก”เลขาฯ เสกข์เอาอัลบั้มออกแบบวางไว้ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้เปิดดู

เขาเชื่อใจแบบนี้ ทำให้ในใจวารุณีรู้สึกชื่นชม จึงยิ้มอย่างไม่เกรงใจอีกต่อไป งั้นแบบฟอร์ม ก็ดูอ่อนโยนขึ้นเยอะ“ประธานจรณ์พอใจก็ดี งั้นต่อไป……”

“วางใจเถอะครับ เงินงวดสุดท้ายจะโอนให้พวกคุณพรุ่งนี้ครับ”เลขาฯ เสกข์ตอบ

วารุณีส่ายมือ“ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องเงินงวดสุดท้าย ฉันหมายถึงเรื่องเดินแบบ”

“อ้อ ขอโทษครับๆ”เลขาฯ เสกข์เกาหัวอย่างอึดอัด“ผมเข้าใจผิด ผมคิดว่า……”

ปาจรีย์เทชาให้เขา“ไม่โทษคุณหรอกค่ะ ใครๆก็คิดแบบนี้ โอเคเลขาฯ เสกข์ คุณคุยเรื่องเดินแบบดีกว่า”

เลขาฯ เสกข์จัดเนกไท“ครับ เกี่ยวกับเรื่องเดินแบบ พวกเราจะตัดการเอง แค่รอหลังจากตัดเสื้อผ้าเดินแบบสำเร็จ ก็จะเชิญคุณวารุณีไปที่งาน”

“โอเคค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”วารุณีพยักหน้า

หางตาเลขาฯ เสกข์เหลือบมองกำแพงตรงข้ามแวบหนึ่ง“ใช่สิคุณวารุณี เมื่อกี๊ผมได้ยินที่คุณพูดคุยกับคุณปาจรีย์อยู่ห้องข้างๆ อยากจะเปลี่ยนสตูดิโอเหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ”วารุณีที่ดื่มชาก็ชะงัก“เลขาฯ เสกข์ คุณถามเรื่องนี้ทำไมเหรอคะ?”

“แบบนี้ครับ ประธานจรณ์บอกว่า เขาลงทุนให้พวกคุณได้ ช่วยพวกคุณปรับเปลี่ยน”เลขาฯ เสกข์พูดด้วยรอยยิ้ม

ดวงตาของวารุณีเบิกโตขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ปาจรีย์ก็ยิ่งร้องออกมาอย่างตกใจ“ลงทุน?”

“ครับ”เลขาฯ เสกข์พยักหน้า

ปาจรีย์ยืนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น“จริงเหรอคะ?”

“แน่นอนครับ ประธานจรณ์ของพวกเราให้ความสำคัญกับพรสวรรค์ของคุณวารุณีมาก ดังนั้นจึงอยากสนับสนุนคุณ”เลขาฯ เสกข์พูด

ปาจรีย์ดึงมือของวารุณีอย่างตื่นเต้น“วารุณี เธอได้ยินไหม?”

วารุณีพยักหน้าอย่างตะลึง“ได้ยินแล้ว”

เธอก็ไม่คิดว่า จู่ๆเรื่องจะพลิกกลับได้เร็วขนาดนี้

เมื่อกี๊ เธอยังบอกกับปาจรีย์ว่าไม่มีเงินเปลี่ยนสตูดิโอ และก็ไม่มีเงินทุนด้วย สุดท้ายต่อมา เงินลงทุนก็มาหาเองถึงที่ นี่มันโชคดีไปแล้ว?

“ดีจัง นี่มันดีมากๆ ขอบคุณนะคะเลขาฯ เสกข์”ปาจรีย์กระโดดขึ้นมาอย่างดีใจ

เลขาฯ เสกข์เช็ดเหงื่อ“คุณปาจรีย์ถ้าคุณจะขอบคุณ ก็ขอบคุณประธานจรณ์พวกเราดีกว่า ผมเป็นแค่เลขา มีหน้าที่มาบอกแทน ขอบคุณผมไปก็ไม่มีประโยชน์”

“อ้อใช่ๆๆ ฉันมั่วอีกแล้ว”ปาจรีย์ถูกเขาเตือน ก็ตบหน้าผาก“งั้นเลขาฯ เสกข์ คุณพาพวกเราไปพบประธานจรณ์ของพวกคุณเถอะ พวกเราอยากขอบคุณเขากับตัว”

“ถูกต้อง”วารุณีมองเลขาฯ เสกข์ ก็อยากจะไปขอบคุณเองกับตัว

แต่เลขาฯ เสกข์กลับไอออกมาอย่างอึดอัด“เอ่อคือ ประธานจรณ์ของพวกเรายังพบลูกค้าอยู่ ไม่สะดวกเจอพวกคุณ รอครั้งหน้าละกัน”

“แบบนี้เอง”วารุณีเงยหน้าขึ้นมาทันที ไม่มีความสงสัย มีแต่เสียใจเล็กน้อย

ปาจรีย์ก็เช่นกัน ถอนหายใจอย่างเสียใจ“ครั้งหน้าก็ครั้งหน้าละกัน แต่ว่าเรื่องลงทุน……”

“เรื่องลงทุน ประธานจรณ์ของพวกเรามอบอำนาจให้ผมหมดแล้ว เงินลงทุนเบื้องต้นคือจำนวนนี้ครับ”เลขาฯ เสกข์ชูนิ้วมือมาหนึ่งนิ้ว

ปาจรีย์กะพริบตา ท่าทางดูเข้าใจยากเล็กน้อย“สิบล้าน?”

เลขาฯ เสกข์ส่ายหน้า

สายตาของวารุณีเป็นประกาย เดาออกไปอย่างกล้าหาญ“คงไม่ใช่ร้อยล้านใช่ไหมคะ?”

ปาจรีย์ได้ยินคำพูดของเธอ ก็รีบจ้องเลขาฯ เสกข์ อยากมั่นใจว่าจริงหรือไม่

เลขาฯ เสกข์พยักหน้ายิ้มๆ วางนิ้วมือลง“คุณวารุณีเดาถูกครับ หนึ่งร้อยล้าน ถ้าไม่พอ ก็เพิ่มได้อีก”

“พอแล้วค่ะๆ!”ไม่รอให้วารุณีพูด ปาจรีย์ก็กระโดดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง“ไม่ต้องร้อยล้าน ห้าสิบล้านก็พอค่ะ ใช่ไหมวารุณี?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ 275 ลงทุน

Now you are reading พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ Chapter 275 ลงทุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“จากนั้นพวกเราก็จะต้องสนับสนุนบริษัทเครื่องแต่งกายอย่างเต็มที่ เอาบริษัทเครื่องแต่งกายนั้นมาผลิตเป็นแบรนด์หรูของประเทศพวกเราเอง”ปาจรีย์ส่ายแก้วชาไปมาแล้วพูด

วารุณีที่ฟังอยู่ก็เข้าใจ พยักหน้าออกไป“ดังนั้นจึงเป็นการแข่งขันระหว่างบริษัทเครื่องแต่งกายใหญ่ๆอีกแล้วสินะ?แค่ชนะได้ ก็จะได้รับการสนับสนุน และมีการสนับสนุนแล้ว ก็จะกลายเป็นแบรนด์หรูได้ในเวลาสั้นๆ”

“ถูกต้อง วารุณีของฉันฉลาดจริง”ปาจรีย์ทำท่ายกนิ้วโป้งใส่

ห้องส่วนตัวด้านข้าง นัทธีที่กำลังคุยกับลูกค้าอยู่ได้ยินประโยคนี้ ก็หยุดสนทนาทันที คิ้วขมวดขึ้นมา

ลูกค้าที่อยู่ตรงข้ามเห็นเขาจู่ๆเหม่อลอย ก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัยไปว่า“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับประธานจรณ์?”

”เปล่าครับ ต่อเลย“นัทธีเก็บอารมณ์ความคิดไป แล้วพูดต่อจากคำพูดเมื่อกี๊ต่อไป

ฉากนี้ วารุณีกับปาจรีย์ต่างไม่รู้

วารุณีหัวเราะ แล้วเอามือเท้าหน้าไว้:“แต่ว่าทำไมต้องใช้วิธีการแข่งขันกันแล้วเลือกผู้ชนะมาตัดสินว่าบริษัทไหนด้วยล่ะ?ทำไมไม่สนับสนุนบริษัทเครื่องแต่งกายของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปไปโดยตรงเลยล่ะ?”

ส่วนนี้ เธอไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

แบรนด์เครื่องแต่งกายของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ตอนนี้เป็นแบรนด์หรูสายred blood อยากจะกลายเป็นแบรนด์หรูสายblue bloodระดับสูงๆ ก็อยู่ใกล้แค่ก้าวเดียว

แบบนั้นก็จะลงแรงไปได้น้อย สามารถทำให้แบรนด์เครื่องแต่งกายของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ผลิตเป็นแบรนด์หรูสายblue bloodได้

“เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันถามมาแล้ว มีอยู่สองสาเหตุ อย่างแรก ก็คือบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปเป็นธุรกิจของตระกูล จะให้ถือหุ้นด้วยไม่ได้ สองก็คือเบื้องหลังแบรนด์เสื้อผ้าของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปนั้นพึ่งพาบริษัทแม่อย่างบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ได้ตัวดีไซเนอร์สักสองสามคนที่ฝีมือไม่เลวมา ก็สามารถกลายเป็นแบรนด์หรูสายblue bloodได้ตลอดเวลา”ปาจรีย์ยักไหล่แล้วตอบกลับ

วารุณีเงยคางขึ้นทันที“ที่แท้ก็แบบนี้เอง น่าจะอยากผลิตแบรนด์เครื่องแต่งกายแบรนด์หรูสายblue bloodอันดับแรกในประเทศของเราออกมา ก่อนที่เครื่องแต่งกายของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปจะกลายเป็นแบรนด์หรูสายblue bloodสินะ”

“ใช่”ปาจรีย์ดื่มชาไปอีกคำ จากนั้นถามว่า:“วารุณี พวกเราจะไปร่วมลงชิงตำแหน่งนี้ไหม?”

วารุณีหวั่นไหวหน่อยๆ แต่แป๊บเดียว แล้วก็ส่ายหน้าอีกครั้ง“เมื่อกี๊เธอก็บอกแล้วนี่ เป็นการลงชิงตำแหน่งระหว่างบริษัทด้วยกัน พวกเราเป็นแค่สตูดิโอ จะเข้าร่วมได้ไง?”

แน่นอนว่าเธออยากได้การสนับสนุนจากทุกคน ยังไงมีคนคอยหนุนหลังก็จะทำอะไรได้ง่าย มีการสนับสนุนเงินทุน บางคนก็จะไม่กล้าทำลายความสนใจของพวกเธอ

เรื่องที่สำคัญก็คือ พวกเธอไม่เหมือนบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปที่มีความสามารถที่ซ่อนอยู่ของตัวเอง อยากจะพัฒนาในประเทศได้ดี ก็ได้แต่พึ่งการลงทุน

“พูดก็ถูก”สายตาปาจรีย์หม่นลงทันที“เสียดายที่ฉันไปถามมาด้วยความดีใจอยู่นาน”

วารุณีตบหลังมือเธอ เพื่อปลอบเธอ

ทันใดนั้นปาจรีย์ก็คิดอะไรได้ ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา“วารุณี เธอว่าถ้าตอนนี้พวกเราเปลี่ยนสตูดิโอให้เป็นบริษัทเป็นไง?”

วารุณีเงยขึ้นมองเธอเล็กน้อย“อย่าหาว่าฉันไม่ได้เตือนเธอเลยนะ พวกเราไม่มีเงิน ตอนแรกทุนจดทะเบียนของสตูดิโอคือยี่สิบล้าน ถ้าเปลี่ยนเป็นบริษัท ทุนจดทะเบียนก็ต้องเพิ่มเป็นเท่าตัว พวกเราหาเงินมาไม่ได้หรอก”

“ดังนั้นพวกเราหมดหนทางลงชิงตำแหน่งเหรอ?”ปาจรีย์มีใบหน้าขมขื่น

วารุณียักไหล่“ก็ไม่ใช่ นอกจากว่าจะดึงการลงทุน”

“เหอะๆ จากสถานการณ์ของพวกเราตอนนี้ จะดึงการลงทุนได้เท่าไหร่?”ปาจรีย์กลอกตา

วารุณีหัวเราะเบาๆ“ดังนั้น พวกเราอย่าคิดเลย ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ”

ปาจรีย์ถอนหายใจ ไม่พูดจา

ไม่ค่อยเป็นค่อยไป แล้วจะเป็นไงได้ล่ะ?

ตอนนี้เอง จู่ๆประตูห้องส่วนตัวก็เปิดออก เลขาฯ เสกข์เข้ามาจากด้านนอก พูดด้วยใบหน้ารู้สึกขอโทษ:“ขอโทษครับๆ มาสายไปหน่อย”

“ไม่เลยค่ะ”วารุณียืนขึ้นมา ทำท่าเชื้อเชิญด้วยรอยยิ้ม“พวกเราก็เพิ่งมาได้ไม่นาน เชิญเลขาฯ เสกข์นั่งค่ะ”

ปาจรีย์ดึงเก้าอี้ให้เลขาฯ เสกข์

เลขาฯ เสกข์พูดขอบคุณเสร็จก็นั่งลงไป

วารุณีก็นั่งกลับไป ยื่นอัลบั้มออกแบบให้เขา “เลขาฯ เสกข์ นี่คืออัลบั้มของการประมูลครั้งที่แล้ว คุณดูนะคะว่ามีปัญหาไหม”

“ไม่ดูแล้ว เมื่อวานผมดูเอกสารสแกนแล้ว ประธานจรณ์ของพวกเราพอใจมาก”เลขาฯ เสกข์เอาอัลบั้มออกแบบวางไว้ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้เปิดดู

เขาเชื่อใจแบบนี้ ทำให้ในใจวารุณีรู้สึกชื่นชม จึงยิ้มอย่างไม่เกรงใจอีกต่อไป งั้นแบบฟอร์ม ก็ดูอ่อนโยนขึ้นเยอะ“ประธานจรณ์พอใจก็ดี งั้นต่อไป……”

“วางใจเถอะครับ เงินงวดสุดท้ายจะโอนให้พวกคุณพรุ่งนี้ครับ”เลขาฯ เสกข์ตอบ

วารุณีส่ายมือ“ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องเงินงวดสุดท้าย ฉันหมายถึงเรื่องเดินแบบ”

“อ้อ ขอโทษครับๆ”เลขาฯ เสกข์เกาหัวอย่างอึดอัด“ผมเข้าใจผิด ผมคิดว่า……”

ปาจรีย์เทชาให้เขา“ไม่โทษคุณหรอกค่ะ ใครๆก็คิดแบบนี้ โอเคเลขาฯ เสกข์ คุณคุยเรื่องเดินแบบดีกว่า”

เลขาฯ เสกข์จัดเนกไท“ครับ เกี่ยวกับเรื่องเดินแบบ พวกเราจะตัดการเอง แค่รอหลังจากตัดเสื้อผ้าเดินแบบสำเร็จ ก็จะเชิญคุณวารุณีไปที่งาน”

“โอเคค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”วารุณีพยักหน้า

หางตาเลขาฯ เสกข์เหลือบมองกำแพงตรงข้ามแวบหนึ่ง“ใช่สิคุณวารุณี เมื่อกี๊ผมได้ยินที่คุณพูดคุยกับคุณปาจรีย์อยู่ห้องข้างๆ อยากจะเปลี่ยนสตูดิโอเหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ”วารุณีที่ดื่มชาก็ชะงัก“เลขาฯ เสกข์ คุณถามเรื่องนี้ทำไมเหรอคะ?”

“แบบนี้ครับ ประธานจรณ์บอกว่า เขาลงทุนให้พวกคุณได้ ช่วยพวกคุณปรับเปลี่ยน”เลขาฯ เสกข์พูดด้วยรอยยิ้ม

ดวงตาของวารุณีเบิกโตขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ปาจรีย์ก็ยิ่งร้องออกมาอย่างตกใจ“ลงทุน?”

“ครับ”เลขาฯ เสกข์พยักหน้า

ปาจรีย์ยืนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น“จริงเหรอคะ?”

“แน่นอนครับ ประธานจรณ์ของพวกเราให้ความสำคัญกับพรสวรรค์ของคุณวารุณีมาก ดังนั้นจึงอยากสนับสนุนคุณ”เลขาฯ เสกข์พูด

ปาจรีย์ดึงมือของวารุณีอย่างตื่นเต้น“วารุณี เธอได้ยินไหม?”

วารุณีพยักหน้าอย่างตะลึง“ได้ยินแล้ว”

เธอก็ไม่คิดว่า จู่ๆเรื่องจะพลิกกลับได้เร็วขนาดนี้

เมื่อกี๊ เธอยังบอกกับปาจรีย์ว่าไม่มีเงินเปลี่ยนสตูดิโอ และก็ไม่มีเงินทุนด้วย สุดท้ายต่อมา เงินลงทุนก็มาหาเองถึงที่ นี่มันโชคดีไปแล้ว?

“ดีจัง นี่มันดีมากๆ ขอบคุณนะคะเลขาฯ เสกข์”ปาจรีย์กระโดดขึ้นมาอย่างดีใจ

เลขาฯ เสกข์เช็ดเหงื่อ“คุณปาจรีย์ถ้าคุณจะขอบคุณ ก็ขอบคุณประธานจรณ์พวกเราดีกว่า ผมเป็นแค่เลขา มีหน้าที่มาบอกแทน ขอบคุณผมไปก็ไม่มีประโยชน์”

“อ้อใช่ๆๆ ฉันมั่วอีกแล้ว”ปาจรีย์ถูกเขาเตือน ก็ตบหน้าผาก“งั้นเลขาฯ เสกข์ คุณพาพวกเราไปพบประธานจรณ์ของพวกคุณเถอะ พวกเราอยากขอบคุณเขากับตัว”

“ถูกต้อง”วารุณีมองเลขาฯ เสกข์ ก็อยากจะไปขอบคุณเองกับตัว

แต่เลขาฯ เสกข์กลับไอออกมาอย่างอึดอัด“เอ่อคือ ประธานจรณ์ของพวกเรายังพบลูกค้าอยู่ ไม่สะดวกเจอพวกคุณ รอครั้งหน้าละกัน”

“แบบนี้เอง”วารุณีเงยหน้าขึ้นมาทันที ไม่มีความสงสัย มีแต่เสียใจเล็กน้อย

ปาจรีย์ก็เช่นกัน ถอนหายใจอย่างเสียใจ“ครั้งหน้าก็ครั้งหน้าละกัน แต่ว่าเรื่องลงทุน……”

“เรื่องลงทุน ประธานจรณ์ของพวกเรามอบอำนาจให้ผมหมดแล้ว เงินลงทุนเบื้องต้นคือจำนวนนี้ครับ”เลขาฯ เสกข์ชูนิ้วมือมาหนึ่งนิ้ว

ปาจรีย์กะพริบตา ท่าทางดูเข้าใจยากเล็กน้อย“สิบล้าน?”

เลขาฯ เสกข์ส่ายหน้า

สายตาของวารุณีเป็นประกาย เดาออกไปอย่างกล้าหาญ“คงไม่ใช่ร้อยล้านใช่ไหมคะ?”

ปาจรีย์ได้ยินคำพูดของเธอ ก็รีบจ้องเลขาฯ เสกข์ อยากมั่นใจว่าจริงหรือไม่

เลขาฯ เสกข์พยักหน้ายิ้มๆ วางนิ้วมือลง“คุณวารุณีเดาถูกครับ หนึ่งร้อยล้าน ถ้าไม่พอ ก็เพิ่มได้อีก”

“พอแล้วค่ะๆ!”ไม่รอให้วารุณีพูด ปาจรีย์ก็กระโดดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง“ไม่ต้องร้อยล้าน ห้าสิบล้านก็พอค่ะ ใช่ไหมวารุณี?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+