พี่สาวนางร้าย ปักธงตายตั้งเเต่ตอนเเรก !? 36
‘ไอ้หมอนี่มันแอบใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงของเราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?’
หัวหน้าพ่อบ้านเอลวินแทบจะไม่สงสัยเลยว่าตัวการของคนที่เอาห่อทิซซู่ที่เป็นหลักฐานของคนร้ายมายัดใส่กระเป๋ากางเกงของตน มันจะต้องเป็นผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าไม่ผิดแน่ๆ
‘แต่ถ้างั้น มันยัดใส่มาได้ยังไง ?’
โดนยัดใส่มาไม่นาน หรือ โดนยัดมาก่อนหน้านี้
ทว่า ก่อนที่จะมาถึงที่นี่ตนก็ไม่ได้รู้สึกถึงน้ำหนักของกระเป๋ากางเกงที่เพิ่มขึ้นมาแต่อย่างใด
แต่ถ้าจะบอกว่าถูกใส่มาตอนที่พุ่งเข้าใกล้ระยะประชิดเมื่อครู่ มันก็ยิ่งยากที่จะเชื่อเข้าไปใหญ่
ด้วยความเร็วระดับนั้นที่แค่ตั้งรับก็เต็มกลืน สังเกตได้จากบาดแผลของอีกฝ่ายที่ยังคงมีมีดเสียบปักคาแขนอยู่
เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะแอบยัดเข้ามาตอนรับการโจมตี เพราะนั่นหมายความว่าผู้ชายคนนี้จะต้องเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่มากกว่าเขาจนมองตามไม่ทัน
ทว่า ถ้าในเมื่อเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดนั้น เหตุใดถึงรับการโจมตีแล้วยัดเยียดทิซซู่มาแทนที่จะโจมตีสวนกลับในระยะประชิดแล้วปลิดชีพเขาเสียเลยละ ?
การถอยออกมาตั้งรับเช่นนี้จะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาสำหรับผู้บุกรุกคนนี้
ไม่เข้าใจ….มีแต่เรื่องไม่เข้าใจเต็มไปหมด
พ่อบ้านนามเอลวินได้แต่เคลือบแคลงสงสัยจุดประสงค์ของอีกฝ่ายโดยไม่คลายการป้องกันลง
‘ชิ ! ยังระแวงอยู่อีกหรอเนี่ย’
นอแมนบ่นอยู่ในใจ แต่อีกใจหนึ่งเขาก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีทางเชื่อที่ตนพูดง่ายๆ
การกระทำที่ผ่านมาของนอแมนจะทำให้อีกฝ่ายสงสัยจนค่าความเชื่อมั่นติดลบก็คงไม่แปลก
แต่เพราะอย่างงั้นแผนการที่วางไว้กับไอริซถึงจึงมีประโยชนในเวลานี้นั่นแหล่ะ
“พี่ค่ะ !”
ในระหว่างที่เอลวินไม่ล่ะสายตาจากนอแมน ทันใดนั้นเอง เด็กสาวผมชมพูในชุดนอนกระโปรงยาวเปิดไหล่ขาวก็พุ่งเข้ามาหานอแมนที่กำลังกุมแขนด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“ก็บอกว่าให้หนีไปยังไง ไม่ได้ยินที่พี่สั่งรึไงริน !?”
“แต่ว่า !!!!”
เด็กสาวที่วิ่งตรงเข้ามาหาหยุดกึกอยู่เบื้องหลังของชายหนุ่ม
แม้จะโดนพี่ชายตวาดใส่ แต่น้องสาวคนโตนามว่า ริน ที่ตอนนี้ดวงตาชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาก็ส่ายหัว
พรึ่บ !
เด็กสาวชูไม้กายสิทธิ์ความยาวหนึ่งศอกขึ้นมาแล้วชี้ไปที่พ่อบ้าน
“หนูจะไม่ทิ้งพี่ชายไปเด็ดขาด หนูจะสู้ด้วยอีกแรง”
“อย่านะริน น้องสู้ไอ้หมอนี่ไม่ได้หรอก ! มันฆ่าหัวหน้าพ่อบ้านไปแล้วนะ ! รีบๆหนีไปซ่ะ พี่จะช่วยถ่วงเวลาเอาไว้ให้ อึก !”
“พี่ค่ะ !”
ทันใดนั้นเองชายหนุ่มก็กุมแขนที่บาดเจ็บแล้วทรุดลงกับพื้นด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด น้องสาวของเขาจึงรีบมาพยุงด้วยสีหน้าที่ปวดร้าว
“อึก ! หนีไปซ่ะริซ….พารินหนีไปให้ไกลจากที่นี่”
“ไม่ๆๆๆ หนูจะไม่ทิ้งพี่เด็ดขาด อย่าทิ้งหนูไปนะ พี่ค่ะ ! พี่ค่ะ !”
ชายหนุ่มที่ใบหน้าซีดเผือดนอนอยู่ภายใต้อ้อมกอดของน้องสาวที่ปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมา
— ถ้าจะย้อนความกลับไปซักหน่อยให้เข้าใจเหตุการณ์ในตอนนี้ มันก็คงเป็นตอนที่กำลังวางแผนเมื่อประมาณ 30 นาทีก่อน
.
.
.
.
.
.
“แผนการก็คือ จะให้พวกเธอแกล้งทำเป็นน้องสาวที่เป็นห่วงพี่ชาย แสดงให้หมอนั่นเชื่อว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันจริงๆ ในขณะที่คนที่วางวงเวทย์เอาไว้ก็คือคนอื่นที่แอบลอบเข้ามาในปราสาทโดยอาศัยช่วงเวลาที่พวกเรามารับภารกิจไปทำพอดี ส่วนสาเหตุที่ฉันเดินไปทั่วคฤหาสน์ นั่นก็เพราะแอบตามคนที่น่าสงสัยคนนั้นซึ่งวางวงเวทย์แปลกๆไว้ตามคฤหาสน์”
“แผนแบบนั้นจะสำเร็จด้วยหรอ ?”
ไอริซยากจะวางใจกับแผนที่นอแมนเสนอขึ้น
“ต้องสำเร็จอยู่แล้ว ! ฉันจะอาศัยช่วงเวลาที่อีกฝ่ายเผลอเพื่อยัดหลักฐานชิ้นนี้ไปให้”
พอเห็นนอแมนชูห่อกระดาษทิซซู่ขึ้นมา ไอริซก็ถึงกับส่ายหน้า
“แบบนั้นจะไหวหรอคะ….”
เธอไม่เชื่อใจเขาเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งถ้าว่ากันตามจริง ตัวเธอในตอนนี้ก็ยังไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำว่านอแมนสามารถหลบหลีกกับดักทั้งหมดของปราสาทและเอาชนะเซเบอรัสมาได้จริงๆ
จากประสบการณ์ที่เห็นความเหลวแหลกของเขา มันทำให้เธอยากจะปักใจเชื่อ
“ฮึ ! ไม่ต้องห่วง คิดว่าฉันคือใครกันละ การยัดหลักฐานปลอมให้ฝั่งตรงข้าม เรื่องแบบนี้ฉันถนัดอยู่แล้ว”
“แต่ว่า……….”
“ไม่ต้องห่วง เชื่อใจฉันเถอะ”
“……………..”
ไอริซที่พูดไม่ออก ได้แต่ส่ายหัว
“แล้วคุณคิดว่า พ่อบ้านคนนั้นจะยอมเชื่อหรอคะ ?”
“ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกน่า”
“นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะกล่าวอ้างได้หรอกค่ะ”
“งั้นถ้าให้พูดง่ายๆล่ะก็ อาศัยช่วงเวลาที่อีกฝ่ายกำลังสับสน หลอกให้อีกฝ่ายตายใจว่าเราเป็นแค่คนธรรมดาๆที่โดนลูกหล…. ปกติแล้วคนที่กำลังสับสนอยู่ มักจะตัดสินใจบกพร่อง ”
“……………………..”
“หรือ ถ้าเธอมีแผนที่ดีกว่านี้ก็ลองเสนอดูสิ”
“พวกเราควรถอนตัวดีกว่ารึเปล่า ?”
“ไม่ ! ยังไงก็ไม่ได้ ! ถ้าถอยฉันก็หัวกุดน่ะสิ กลับไปตัวเปล่าคงโดนสั่งเก็บแน่ !”
“…………………………”
“เพราะงั้นได้โปรดเชื่อใจฉันเถอะ”
ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มก็คุกเข่าแล้วก้มหัวแนบชิดติดพื้น
“ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็ได้ ขอโอกาสให้ฉันที”
“เรื่องนั้นมัน………”
“ขอร้องล่ะ ได้โปรดเชื่อใจฉันทีเถอะ ถ้าหลังจบเรื่องนี้ไปแล้ว ไม่ว่าเธอจะขออะไรฉันก็ยอม”
“อึก !”
พออีกฝ่ายขอร้องซ่ะขนาดนั้น ไอริซก็ถึงกับลำบากใจ
เธอมองไปที่ไอรินซึ่งตอนนี้กำลังส่ายหน้าขวับๆเป็นเชิงปฏิเสธ
“……………….”
แต่พอไอริซมองไปที่นอแมนซึ่งก้มกราบแทบเท้าเธออยู่ ไอริซก็หันไปหาไอรินแล้วยิ้มแห้งๆ
‘โนๆๆๆ ห้ามใจอ่อนเด็ดขาดเลยนะ พี่ริซ’
แม้นไอรินจะยกมือขึ้นเป็นกากบาท แต่สุดท้ายไอริซก็พนมมือแล้วส่งยิ้มแบบนางงามให้ไอริน
“แหง่ะ !”
ไอรินที่โดนพี่สาวของเธอทำหน้าแบบนั้นใส่ก็ถึงกับผง่ะแล้วไปไม่ถูก
“จะลองเชื่อใจ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นน่ะ”
‘อ่า…ใจอ่อนอีกแล้วอ่ะ’
ไอรินถึงกับเอามือกุมหน้าด้วยความอับอายจนถึงขีดสุด
‘พี่สาวของเราจะใจดีเกินไปแล้ว แบบนี้น่ะมันอันตรายแน่ๆ’
ไอรินคิดเช่นนั้นอยู่ในใจ ขณะที่มองไอริซซึ่งพยุงนอแมนขึ้นมา
.
.
.
.
.
.
เอาล่ะ เมื่อย้อนกลับมาที่ช่วงเวลาในปัจจุบัน
แผนการที่หลอกให้อีกฝ่ายปลักใจเชื่อว่าพวกนอแมนและไอริซเป็นผู้บริสุทธิ์ก็ดำเนินมาอยู่ถึงช่วงไคลแมกซ์
นอแมนอาศัยช่วงที่อีกฝ่ายเข้าประชิดตัวเพื่อแอบยัดห่อกระดาษทิซซู่ใส่กระเป๋ากางเกงของเอลวิน
จากนั้นไอริซก็วิ่งเข้ามาสนับสนุนแล้วแสร้งทำเป็นว่า ตนคือน้องสาวที่รักและเป็นห่วงเป็นใยพี่ชายเอามากๆ
ส่วนการที่กล่าวหาว่าเอลวินที่อยู่ตรงหน้าเป็นตัวปลอม นั่นก็เพื่อทำให้เอลวินเบนความสนใจไปที่หลักฐานที่ถูกยัดเยียดให้แทน
เพื่อที่ว่าเขาจะเอาความคิดทั้งหมดไปหาวิธีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง จนไม่นึกสงสัยและต้องไหลตาม ปักใจเชื่อว่าทั้งสามคนคือพี่น้องธรรมดาๆที่ไม่มีส่วนรู้เห็นจริงๆ
หรือ พูดง่ายๆก็คือ เอลวินจะมัวแต่แสดงความบริสุทธิ์ของตัวเอง จนละเลยที่จะพิสูจน์ว่านอแมนคือคนร้ายตัวจริงนั่นเอง
ซึ่งแผนการดังกล่าว มันกลับสำเร็จราวกับปาฏิหาริย์
‘ไม่สมเหตุสมผล ถ้าหมอนี่ มันเก่งขนาดนั้น มันน่าจะจัดการเราไปตั้งแต่เมื่อกี้’
เอลวินหาเหตุผลแย้งไม่ได้ว่าทำไมเมื่อกี้อีกฝ่ายถึงไม่ฆ่าตนทิ้ง แต่กลับเอาหลักฐานยัดใส่มือของตนแทน
หากปรารถนาจะขโมยของในคฤหาสน์ การลอบฆ่าเขาทิ้งไปซ่ะ นั่นน่าจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด มากยิ่งกว่าการแสร้งทำเป็นนักผจญภัยธรรมดาแล้วแอบขโมยของโดยที่ตัวเขายังมีชีวิตอยู่และเดินตรวจตราไปทั่วปราสาท
ยิ่งถ้ามาด้วยจุดประสงค์เพื่อสังหารเจ้านายของตน คนพวกนี้ยิ่งควรจะฆ่าตนทิ้งเสียไปตั้งแต่เนิ่นๆ
ทว่า หากคิดในมุมกลับ มันก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาต้องการสร้างความเชื่อใจเพื่อจุดประสงค์ลับบางอย่างที่ตนไม่รู้
“…………”
แต่ด้วยในตอนนี้ ตัวเองตกเป็นผู้ต้องสงสัยจากหลักฐานที่ถูกยัดมาโดยไม่รู้ตัว อันดับแรกที่ควรทำคือพิสูจน์ว่าเป็นตัวจริงเสียก่อน ส่วนเรื่องของทั้งสามคนนี่ การเฝ้าติดตามพฤติกรรมทีหลังก็ยังไม่สาย
‘แถมพลังของเจ้านี่ มันก็ไม่น่าจะธรรมดา’
เอลวินมองไปที่ไอริซพลางคิดในใจจากการประเมินพลังเวทย์คราวๆว่า ต่อให้ทุ่มเทและแลกด้วยชีวิต ตนก็ไม่สามารถเอาชนะมันได้อย่างแน่นอน
ความจริงแล้ว เอลวิน นั้นคือผู้ใช้ภูติและมีความสามารถของนักฆ่า
โดยผู้ใช้ภูติที่ว่าก็คือ นักเวทย์ที่ติดต่อกับตัวตนที่เรียกว่า ‘วิญญาณ’ ได้
ส่วนนักฆ่า ก็สามารถตีความหมายได้ตรงตัว
มันจึงไม่แปลกที่เมื่อเขามองไปที่ไอริซแล้วจะรู้สึกฉุกใจถึงพลังเวทย์อันผิดปกตินั่น มันผิดเพี้ยนและบิดเบี้ยวในระดับที่น้องสาวอีกคนเทียบไม่ติด
‘แต่ที่น่าแปลกก็คงมีอยู่เรื่องเดียว แต่นั่นคงเป็นเหตุผลส่วนตัวของพวกเขา’
ในตอนที่เห็นการพูดคุยของพวกเขา มีสิ่งหนึ่งที่เอลวินสงสัยมาโดยตลอด แต่เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวและไม่สลักสำคัญเขาจึงไม่ถาม
ทว่า สิ่งนั้นมันก็ทำให้ เขามั่นใจได้อย่างหนึ่ง
‘เรื่องที่ทั้งสามคนเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน มันไม่มีทางเป็นจริงอย่างแน่นอน เพียงแค่มองครั้งแรกกระผมก็มองออกแล้วว่าโกหก ส่วนสาเหตุที่มองออกนั่นก็เพราะ–’
ว่าแล้ว เอลวินก็มองไปที่ไอริซ แล้วส่ายหัว ในขณะที่ไอริซก็แอบมองไปข้างหลังแล้วส่งสายตาให้ไอรินที่กำลังหลบหลังเสาหินอยู่
‘เอาล่ะตาน้องแล้วนะ แต่ถ้าไม่ไหวก็แกล้งหนีไปแทนละกัน’
ไอริซขยิบตาเป็นนัยยะเช่นนั้นให้น้องสาว ไอรินที่เข้าใจว่าตัวเองถูกเปิดโอกาสให้เลือกว่าจะทำตามแผนการนี้หรือไม่ก็ยังครุ่นคิดไม่หาย
ทั้งเรื่องภารกิจที่ดูน่าสงสัยนี่ แล้วก็ยังพี่ริซของเธอที่ตอนนี้ดันมากอดผู้ชายแปลกหน้าต่อหน้าเธออีก
ซ้ำราย มันยังเป็นคนที่เธอเกลียดขี้หน้าตั้งแต่แรกเห็นอีกด้วย
‘อะไรกัน ความรู้สึกเจ็บปวดที่กลางอกนี่’
ไอรินเอามือกุมหน้าอกพลางมองพี่ริซของเธอที่ตอนนี้กำลังกอดนอแมนเอาไว้แล้วแสร้งร้องห่มร้องไห้
‘ขยะแมนกำลังซบอกของพี่ริซอยู่’
ไอรินกำลังมองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาที่ค่อยๆมืดหม่นลงเรื่อยๆ
‘หน้าอกของพี่ริซ ตำแหน่งของๆเรา’
เด็กสาวคิดในใจพลางมองทั้งสองไม่วางตา ไม่มีตัวตนที่เรียกว่า ‘เอลวิน’ อยู่ในสายตาของเธอแม้แต่น้อย
‘ก็เข้าใจว่าเป็นแค่แผนนั่นแหล่ะ แต่ว่าๆๆๆ ไอ้การที่พี่ริซไปกอดคนอื่นต่อหน้าเรา มันก็—’
กึกๆๆๆๆๆๆ
ไหล่ของเด็กสาวสั่นกึกๆ ริมฝีปากที่นุ่มนวลเม้มแน่นจนแปรเปลี่ยนเป็นรอยหยัก
ดวงตาของเธอกลมโตกว้างขึ้นกว่าสิบเท่าและเปล่งแสงสีแดงเรืองรองจนทำให้ใบหน้าของเด็กสาวในตอนนี้ดูน่าสยดสยองราวกับหลุดมาจากหนังสยองขวัญก็ไม่ปาน
รังสีอาฆาตรถูกแผ่เข้าใส่นอแมนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“อึก !”
“หยึย !”
“อะ อะ ไอริน !?”
นอแมนสะดุ้งโหยง ไอริซทำหน้าเหวอ เเม้กระทั่งเอลวินก็ถึงกับตัวสั่นขึ้นมาเองเพราะสัมผัสได้ถึงอันตรายที่หลบซ่อนอยู่หลังเสา
“คะ คะ ใคร !? ใครกันที่แอบซ่อนอยู่ตรงนั้น”
ผู้ที่ขยับปากเป็นคนแรกคือ เอลวินที่ร่างกายกำลังสั่นเทาไปหมดจนเริ่มยืนไม่ติดพื้น
“ยะ ยะ แย่แล้ว”
ในขณะที่นอแมนก็พูดกับไอริซด้วยสีหน้าซีดเผือด
“อยู่ดีๆก็รู้สึกตกอยู่ในอันตราย ฉะ ฉะ ฉี่จะราดแล้ว”
“อะ อย่า ล้อเล่นแบบนั้นสิค่ะ”
“มะ มะ ไม่อ่ะ เธอไม่เข้าใจหรอก”
นอแมนส่ายหัวที่สั่นเทาแล้วเหลือบมองไปข้างหลัง
“……………….”
“……………”
สายตาที่กลมโตและดำขลับกำลังสะท้อนภาพใบหน้าของนอแมนที่ถูกขยายขนาดออก
ซ้ำร้ายริมฝีปากของเด็กสาวก็ยังเม้มแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนที่หน้าผาก
นิ้วมือเล็กๆทั้งห้านิ้วจิกลงไปบนเสาหินจนเกิดรอยแตก
ภาพของเด็กสาวที่นอแมนเห็นทำให้เขารีบหันกลับไปมองนางฟ้าที่กำลังกอดเขาอยู่เพื่อหวังการเยียวยา
“ฉันว่า….ฉันไม่น่าเริ่มแผนการนี้เลยจริงๆ”
“งะ งะ ไหงงั้นละ ?”
ไอริซได้แต่งงว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้พูดแบบนั้นออกมา
“ฉะ..ฉัน…..ยังไม่อยากตาย”
“ไม่เข้าใจที่พูดเลยซักนิดค่ะ”
แต่นอแมนก็ไม่ได้พูดอะไร นอกเสียจากเชิดหน้าไปข้างหลังราวกับจะบอกให้ไอริซหันหลังกลับไปมอง
“ไม่ดีเลยนะ ล่ะสายตาจากศัตรูที่อยู่ข้างหน้าไปแบบนี้”
“ไม่ล่ะ…..ตอนนี้ศัตรูย้ายไปอยู่ข้างหลังแทนแล้ว”
“คะ ?”
ฮวบ !
ทันใดนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างกระแทกพื้นจากข้างหน้า
“อ๊ะ !?”
ไอริซมองเอลวินที่อยู่ๆก็ล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นด้วยความสับสน
‘อยู่ๆคุณพ่อบ้านที่อยู่ตรงหน้าก็เข่าทรุดลงกับพื้นเฉยเลย เข่าเสื่อมงั้นหรอ ? ทำไมเป็นงี้ละ ?’
ทว่า ไอริซก็สงสัยได้ไม่นาน เธอรีบหันหลังไปข้างหลังตามที่นอแมนว่า ก่อนจะพบกับคำตอบที่เธอสงสัยมาตั้งแต่เมื่อกี้
“…………”
“…………”
— มันไม่ได้อยู่ข้างหลัง แต่มันอยู่ข้างๆเธอต่างหาก—
ดวงตากลมโตสีดำขลับ
เส้นเลือดปูดโปนทั่วทั้งหน้า และริมฝีปากที่เม้มแน่นจนแทบจะทำให้ริมฝีปากถูกวาดเป็นมุมโค้ง
ซ้ำรายเจ้าของใบหน้านั่นก็มาอยู่ข้างๆไหล่ของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ใช่…..ห่างจากเธอในระยะประชิดจนแทบจะวางคางลงบนไหล่ของเธออยู่แล้ว
แถมเจ้าของใบหน้าที่น่าสะพรึงนั่นกลับเป็นน้องสาวสุดที่รักของเธออีก
ซ้ำร้ายสายตาของเด็กสาวคนนี้ มันก็ก้มลงไปมองชายที่ร่างหดเล็กลงและตัวสั่นหงึกๆในอ้อมแขนของไอริซราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ถ้าเพียงแค่ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา เขาคงจะต้องหัวใจวายตายอย่างแน่นอน
“นี่….มีบางอย่างอยู่ข้างหลังพวกเราใช่ไหม ?”
ชายหนุ่มเอ่ยถามในสภาพที่ร่างกายคุดคู้และก้มหน้ามองพื้น
เหงื่อไหลซิกๆท่วมใบหน้าและแขนขาของเขาจนเปียกชุ่มไปทั่วตัว
สัญญาณที่ร้องเตือนถึงอันตรายถึงชีวิตทำให้เขาไม่กล้าขยับตัวแม้แต่นิดเดียว
ชายหนุ่มรับรู้โดยสัญชาติญาณว่าในตอนนี้ตัวเขากำลังตกอยู่ในหนังสยองขวัญที่มีกฎตายตัวว่า—
เงยหน้า = ตาย
สบตา = ตาย
ขยับตัว = ตาย
หายใจ = ตาย
ตัวเขาในตอนนี้จึงเริ่มหยุดหายใจจนหน้าดำหน้าเขียว
เขารู้สึกสังหรณ์ใจว่าถ้าอีกฝ่ายรู้ตัวว่าตนมีชีวิตอยู่ ตนจะต้องถูกฆ่าทิ้งอย่างแน่นอน
ทว่า ตรงข้ามกับพ่อบ้านเอลวินและนอแมนที่สั่นสะท้านจากรังสีอาฆาตรซึ่งแผ่กระจายออกมาจากข้างหลัง ไอริซกลับเป็นคนเดียวที่เคลื่อนไหวได้อย่างสบายๆ
“ไม่ชอบแผนการนี้ขนาดนั้นเลยหรอ ?”
“เปล่า-ซัก-หน่อย”
น้ำเสียงทุ้มต่ำที่แสนเย็นยะเยือกทำเอาชายทั้งสองรู้สึกขนหัวลุกไปตามๆกัน
เอาจริงๆแล้วแค่มองหน้าเด็กสาวคงเข้าใจโดยไม่ต้องถามเสียด้วยซ้ำ
ทว่า พอไอริซถามออกไป มันก็ทำให้เหตุการณ์สยองขวัญตรงหน้าน่ากลัวขึ้นเป็นเท่าตัว
“พี่-ริซ-ใจ-ดี-หนู-เข้า-ใจ”
เด็กสาวที่เอาคางเกยไหล่ใช้ดวงตากลมโตมองชายที่อยู่เบื้องล่างไม่วางตา
“แต่-เข้า-ใจ-ไม่-ได้-แปล-ว่า-ยอม-รับ-ได้”
สิ่งเดียวที่เธอต้องการจะบอกมีเพียงแค่อย่างเดียว
“นี่-คือ-ที่-ของ-หนู-ต่าง-หาก”
มองไปที่นอแมนด้วยสายตาที่เปล่งแสงสีเลือดจนน่าขนลุกขนพอง
ถ้าปล่อยให้จ้องนานกว่านี้ มีความเสี่ยงสูงที่ผู้ชายตรงหน้าจะกลายร่างกลายเป็นฝุ่น
“เฮ้อ…..ขี้หึงจริงๆนะเรา”
ทว่า ตรงข้ามกับบรรยากาศสีดำแดงที่น่าขนลุกขนพอง มันกลับมีเพียงใบหน้าของไอริซเท่านั้นที่ยิ้มแย้มอย่างไร้กังวล
เธอค่อยๆคลายมือปล่อยให้ร่างของนอแมนร่วงไถลลงกับพื้นก่อนจะเอามือสองข้างคว้าแก้มของเด็กสาวเอาไว้
จุ๊บ !
จากนั้นก็ประทับริมฝีปากลงไปบนหน้าผากของเด็กสาวเบาๆ
คว้าง !
บรรยากาศที่มืดหม่นพลันสลายหายกลายเป็นสีชมพู
ภาพใบหน้าของหญิงสาวที่จับแก้มของเด็กสาวเอาไว้แล้วบังคับให้มองมาที่ตน ในขณะที่เด็กสาวก็เบิกตากว้างแล้วมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสีหน้าที่กลับมาขาวกระจ่างผุดผ่องดุจดวงจันทร์
พริบตาที่บรรยากาศอึมครึมจากหายไป สิ่งที่แทนที่ในทัศนิวิสัยของเด็กสาว นั่นก็คือหญิงสาวผู้เลอโฉมซึ่งวาดยิ้มเป็นพระจันทร์เสี้ยวอันนุ่มนวลและมีดวงตาที่หรี่ลงซึ่งสะท้อนแต่เพียงภาพใบหน้าของเด็กสาว
“แต่ใบหน้าแบบนั้นของไอรินน่ะ พี่ก็ชอบเหมือนกันนะ…รักที่สุดเลยล่ะ”
คว้างงงงงงง
ราวกับว่ามีสายลมกระจายออกโดยมีไอริซเป็นจุดศูนย์กลาง
เรือนผมของเด็กสาวร่างเล็กสยายออก
ไอรินก้าวถอยไปข้างหลังแล้วเบือนหน้าหนีจากนั้นก็ม้วนผมของตนเองด้วยท่าทางเขินอาย
“โธ่….พี่ริซล่ะก็….ชอบพูดอะไรตามที่คิดเองเออเองตลอดเลย”
“ฮุๆๆ ก็พี่เป็นคนที่จริงใจนี่นา โดยเฉพาะน้องสาวตัวน้อยของพี่แล้ว ไอรินคือคนที่พิเศษที่สุดของที่สุดเลยล่ะ ”
“แหม…พี่ริซนี่ล่ะก็”
ไอรินก้มหน้างุดแล้วม้วนผมในขณะที่ไอริซนั้นก็ลูบหัวของไอรินเบาๆอย่างทะนุถนอม
“เฮ้อ….”
“รอดแล้ว—”
บรรยากาศหวนคืนกลับสู่ความสงบอีกครั้ง
เอลวินที่เข่าทรุดอยู่ที่พื้นปาดเหงื่อที่ท่วมหน้าแล้วค่อยๆลุกยืนขึ้นมา
“เอาเป็นว่าพวกเรามาคุยกันดีๆก่อนดีกว่าไหมคะ ?”
ไอริซหันไปหาเอลวินแล้วเอ่ยถาม ซึ่งมันก็แน่นอนว่าเอลวินก็หันไปหาเธอแล้วรีบตอบโดยพลันด้วยรอยยิ้มแห้งๆว่า
“ได้ครับท่าน”
ส่วนนอแมนที่เห็นเป็นโอกาสดีจึงเข้าร่วมบทสนทนาด้วยอีกคน
“เฮ้อ…..งั้นหลังจากนี้เรามาเจรจากันอย่างสันตะ— หืม ?”
ในขณะที่ไอริซและเอลวินกำลังจ้องหน้ากันอยู่ ทันใดนั้นเองนอแมนก็สัมผัสถึงบางอย่างที่จับจ้องตนจากด้านข้าง
ด้วยความสงสัย เขาจึงเผลอลืมตัวหันขวากลับไปมอง
“—- !!!”
ทว่า ในตอนที่หันหัวไปได้ครึ่งหนึ่ง เขาก็พึ่งคิดได้ว่าตนทำพลาดกฏของหนังสยองขวัญข้อที่ร้ายแรงที่สุดเข้าจนได้
— ยามที่ตัวเอกคิดว่าพวกตนจะรอดในช่วงท้ายของเรื่อง เมื่อนั้นแหล่ะที่ความตายจะมาเยือน
ใช่ ….แต่กว่าจะรู้ตัว แน่นอนว่า มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
กึก !!!
“…………………..”
“…………………..”
ตรงข้ามกับไอริซและเอลวินที่จ้องหน้ากันอย่างอบอุ่น สายตาของนอแมนก็สบตาเข้ากับไอรินเข้าโดยบังเอิญ
“……… ◑▂◐ …………”
“…………………………..”
“……… ◑0◐ ……….”
“………………………….”
“……… ◑︿◐………”
“………เอ่อ ?…………..”
“…….. ●▂●………………”
“………. ???………….”
“ ☠ ☠ ☠ ☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ต ☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ า ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠ย ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ☠☠ ☠ ”
“—— !!!”
.
.
.
.
.
.
.
.
“ก่อนอื่นก็ย้ายไปที่สงบๆน่าจะดีกว่า—-”
เพล้ง !?
เสียงกระจกที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆทำให้ไอริซและเอลวินมองไปที่หน้าต่างด้วยความตื่นตกใจ
“—- !!!”
“อุหวาาาาาา”
ภาพที่เขาและเธอเห็นคือรูโบ๋ขนาดใหญ่บนกระจกซึ่งมีเลือดเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้าต่าง
และเมื่อมองดูรอบๆอีกครั้ง…..
“คุณนอแมนหายไปไหนอีกแล้ว ?”
ทว่า คำตอบนั่นก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมาแม้แต่คนเดียว…..
Comments