พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 199 สำนักเต๋าสวรรค์

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 199 สำนักเต๋าสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 199 สำนักเต๋าสวรรค์

ข่าวเรื่องบรรดาสำนักกำลังมาที่เมืองหลวงเพื่อรับสมัครคนเข้าสำนักได้ถูกส่งมาที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

นักศึกษาหลายคนที่อยู่ในศาลาศักดิ์สิทธิ์ บางคนก็เริ่มสนใจกับการรับสมัครเข้าสำนักครั้งนี้เช่นกัน

นี่เป็นเพราะผู้บ่มเพาะทุกคนในทวีปเทียนหยวนต่างได้ยินเรื่องเล่าและตำนานของสำนักเหล่านี้มานานมากแล้ว พวกเขารู้ดีว่าการได้เข้าร่วมกับสำนักไม่ว่าจะเป็นสำนักเล็กหรือใหญ่ มันจะเหมือนกับเป็นการเปิดโลกการบ่มเพาะใบใหม่ที่กว้างขึ้นให้กับพวกเขาทันที

แต่ยังมีนักศึกษาบางกลุ่มที่เข้าใจเรื่องนี้แต่ก็ไม่ได้นำมาใส่ใจ

นักศึกษากลุ่มนี้คือกลุ่มที่เข้ามาอยู่ในศาลาศักดิ์สิทธิ์เป็นกลุ่มแรก

ภายใต้การสอนของหลิงตู้ฉิง ถังชี่หยุน และโม่หยูถัง ทำให้พวกเขาทั้งหมดตระหนักได้ว่าเส้นทางการบ่มเพาะที่ถูกต้องของพวกเขาคืออะไร

หรือจะให้พูดตรง ๆ ก็คือ ต่อให้พวกเขาไม่ได้เข้าไปเป็นศิษย์ของสำนักไหน ๆ เส้นทางการบ่มเพาะในอนาคตของพวกเขาก็ไปได้ไกลมากอยู่แล้ว

แต่ในทางกลับกัน บรรดานักศึกษาที่พึ่งรับเข้ามาใหม่ล่าสุด เนื่องจากพวกเขาพึ่งเข้ามาในช่วงที่หลิงตู้ฉิงมัปัญหาต้องเก็บตัวอยู่แต่ในคฤหาสน์พอดี พวกเขาจึงได้รับการถ่ายทอดความรู้ไปน้อยกว่านักศึกษาชุดแรกความรู้สึกผูกพันธ์กับคณะ ทำให้พอพวกเขาได้ข่าวการมาของบรรดาสำนักเพื่อเฟ้นหาศิษย์หน้าใหม่ พวกเขาจึงเริ่มรู้สึกหวั่นไหว

แต่ในบรรดานักศึกษาชุดใหม่ ยังมีอยู่ 2 คนที่ไม่ได้ใส่ใจกับข่าวการมาของสำนักเช่นกัน หนึ่งคือ จิ๋นชาน ผู้ที่ไม่เคยจะสนอะไรบนโลกนอกจากการนอน และสอง เหมยจู้ ซึ่งตอนนี้กำลังวุ่นอยู่กับการเอาชีวิตรอดในพื้นที่ฝึกพิเศษที่หลิงตู้ฉิงสร้างขึ้น

และสุดท้ายกลุ่มคนที่ไม่สนใจเรื่องของสำนักมากที่สุดคือเหล่าลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิง ในสายตาของพวกเขา เหล่าบรรดาสำนักพวกนั้นยังมีค่าเทียบไม่ได้กับปลายเส้นผมของพ่อพวกเขา

ส่วนทางด้านของหลิงตู้ฉิงนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจเลยว่านักศึกษาของเขาจะคิดยังไง มันก็เหมือนกับที่เขาได้บอกกับจ้าวปาเทียนไว้ พวกเขาทุกคนต่างมีวาสนาไม่เท่ากัน หากพวกเขาอยู่ต่อและหากหลิงตู้ฉิงมีเวลาว่างเขาก็จะช่วยชี้แนะให้ แต่ถ้าหากคนไหนอยากจะจากไป เขาก็จะไม่ห้ามและไม่สนใจแม้แต่น้อย

ทุกวันนี้กิจกรรมในศาลาศักดิ์สิทธิ์ก็ยังดำเนินไปอย่างซ้ำ ๆ กันทุกวัน พวกของหลิงตู้ฉิงจะนั่งรถม้ามาที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ในตอนเช้า หลังจากจบคาบเรียนช่วงบ่ายพวกเขาก็จะนั่งรถม้ากลับไปยังคฤหาสน์สราญรมย์ทันที

จะมีสิ่งเดียวที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนก็คือ เดี๋ยวนี้รถม้าที่ทุกครั้งเสี่ยวเยว่เฟิงจะต้องเก็บมันเข้าไปในแหวนมิติหลังจากใช้เสร็จ ตอนนี้นางไม่เคยเก็บมันเลย นางปล่อยให้มันจอดอยู่ที่ด้านหน้าศาลาศักดิ์สิทธิ์อยู่อย่างนั้น

ด้วยเหตุผลที่หลังจากรถม้าได้ถูกปรับแต่งใหม่ ส่งผลให้มันมีมิติภายในตัวรถที่ใหญ่กว่าขนาดของแหวนมิติที่นางใช้เสียอีก นางจึงไม่สามารถจับรถม้านี้ยัดเข้าไปในแหวนได้

การดำเนินชีวิตที่เงียบสงบไร้คนรบกวนของหลิงตู้ฉิงและคนของเขาดำเนินไปได้ถึง 3 เดือน จนในที่สุดก็มีเหตุการณ์ที่มาทำลายความสงบนี้ลง

เนื่องจากขณะนี้ บรรดาตัวแทนจากสำนักต่าง ๆ ได้มาถึงเมืองหลวงแห่งอาณาจักรจันทราเรียบร้อยแล้ว

และในบรรดาสำนักต่าง ๆ ที่มา หนึ่งในนั้นก็คือสำนักสวนร้อยพฤกษา

“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ของทุกอย่างตามรายการที่ท่านให้ไปหาอยู่ในนี้ทั้งหมดแล้ว” หมิงเซียนจ้าวพูดพลางยื่นแหวนมิติ 3 วงให้กับจือหมิงฮ่าว “ท่านเจ้าสำนักยังฝากข้อความมาให้ท่านอีกว่า อย่างมากสุดไม่เกิน 8 ปีหรือเร็วที่สุด 5 ปี เขาจะมาเยือนที่นี่ด้วยตนเอง”

จือหมิงฮ่าว เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็รู้สึกเบิกบานทันที เขาหัวเราะและพูดว่า “ดีจริง ๆ! เอาล่ะแหวนพวกนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องให้ข้า เจ้าส่งพวกมันไปที่คฤหาสน์สราญรมย์ให้กับหลิงตู้ฉิงได้เลย”

เนื่องจากการเข้าไปด้านในคฤหาสน์สราญรมย์รู้สึกทำให้เขาอึดอัด จือหมิงฮ่าวจึงไม่ต้องการเข้าไปส่งแหวนพวกนี้ด้วยตัวเอง มันจึงสะดวกใจของเขามากกว่าหากเขาจะใช้ให้หมิงเซียนจ้าวเข้าไปส่งแทนเขา

หน้าที่ของเขาในตอนนี้จึงทำเพียงเฝ้ารอเวลาไปอีก 5 ถึง 8 ปีจนกว่าเจ้าสำนักจะมาที่นี่ และจับตาดูความเคลื่อนไหวของหลิงตู้ฉิง ป้องกันไม่ให้เขาคิดพาโจวจือซินหลบหนีไป

หมิงเซียนจ้าวที่ได้รับมอบหมายหน้าที่มอบแหวน เขาจึงเดินทางไปที่คฤหาสน์สราญรมย์ในทันทีด้วยสีหน้าอึดอัดเช่นกัน ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยอยากจะเข้าไปเหยียบด้านในคฤหาสน์ต้องห้ามนี้สักเท่าไหร่

เมื่อพบหน้ากับหลิงตู้ฉิง หมิงเซียนจ้าวจึงรีบมอบแหวนมิติทั้งสามที่ภายในเต็มไปด้วยสมุนไพรและโอสถล้ำค่ามากมายจากสำนักของเขา

หลิงตู้ฉิงเมื่อได้รับแหวนมาแล้วเขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ และกล่าวว่า “ดีมาก ในเมื่อพวกเจ้ารักษาคำพูด ข้าเองก็จะรักษาสัญญาที่ข้าให้ไว้เช่นกัน หลังจากที่ข้าบ่มเพาะจนนางเติบโต ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 7-8 ปีเสร็จเรียบร้อย ข้าจะส่งข่าวไปให้พวกเจ้ามารับส่วนแบ่งของพวกเจ้าไปได้”

หมิงเซียนจ้าวพยักหน้ารับทราบ และรีบหันหลังจากไปโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับ

“นายท่าน ท่านจะทำอะไรต่อไปงั้นเหรอ?” โจวจื่อซินมองหลิงตู้ฉิงด้วยสายตากังวล

นางเป็นกังวล เนื่องจากนางเดาไม่ออกว่าหลิงตู้ฉิงจะบ่มเพาะนางยังไงให้ไปถึงขอบเขตสวรรค์ภายใน 7-8 ปี และนางยังไม่รู้อีกว่าหลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงวางแผนจะทำอะไรกับร่างกายนางอีกบ้าง

หลิงตู้ฉิงยิ้มให้นางและตอบ “เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้ด้วยตัวเอง”

พูดจบหลิงตู้ฉิงพานางเดินกลับไปที่ห้องของนาง พร้อมกับนำอ่างอาบน้ำเหล็กขนาดเท่าตัวนางมาวางไว้กลางห้อง จากนั้นเขาก็นำบรรดาโอสถล้ำค่าจำนวนมากรวมไปถึงสมุนไพรที่สำนักสวนร้อยพฤกษาพึ่งนำมามอบให้เทลงไปในอ่างอาบน้ำ และหลิงตู้ฉิงได้ใช้วิชาฝนฤดูใบ้ไม้ผลิเพื่อเติมน้ำลงไปในอ่างจนเต็ม

“เอาล่ะ ถอดเสื้อผ้าของเจ้าและลงไปแช่ในอ่างได้แล้ว” หลิงตู้ฉิงออกคำสั่งกับโจวจื่อซิน

โจวจื่อซินตกตะลึงเมื่อได้ยินคำสั่งเช่นนี้ สีหน้าของนางเริ่มแดงก่ำด้วยความเขินอายและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ทะ ท่าน จะให้ข้าถอดหมดเลยตอนนี้งั้นเหรอ…”

ถึงแม้ว่านางจะตั้งใจมอบกายให้กับหลิงตู้ฉิงไว้อยู่แล้ว แต่นางรู้สึกว่านี่มันกะทันหันเกินไปจนนางตั้งตัวไม่ทัน

“เจ้ายังไม่พร้อมงั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นค่อยทำวันพรุ่งนี้ไหม?” หลิงตู้ฉิงถามนางด้วยสายตางุนงง

โจสจื่อซินเมื่อเห็นสายตาของหลิงตู้ฉิงเช่นนี้ นางพอเข้าใจได้ว่าหลิงตู้ฉิงไม่ได้จะคิดอกุศลอะไรกับนางตอนนี้ นางเข้าใจว่าทั้งหมดนี่คงเกี่ยวกับการฝึกของนาง นางจึงเริ่มผ่อนคลายขึ้น

นางถอดชุดอย่างว่องไว้และรีบเดินลงไปในอ่างทันที

ในวินาทีที่นางลงไปในอ่างอาบน้ำ นางรู้สึกได้ทันทีว่าบรรดาฤทธิ์ของโอสถและสมุนไพรต่าง ๆ ที่อยู่ในอ่างทำปฏิกิริยาและเริ่มซึมเข้าสู่ร่างกายของนางทันที โดยที่นางไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามอะไรเลย

โจวจือซินที่อยู่ในอ่าง นางมองไปยังหลิงตู้ฉิงที่ในตอนนี้กำลังเรียกใช้พลังเพลิงของตัวเขาเองให้ความร้อนรอบ ๆ อ่าง นางพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อขึ้นมาว่า “นายท่าน นี่ท่านคงไม่ได้หลอกข้ามานั่งในอ่างนี้ เพื่อต้มข้ากินหรอกใช่ไหม?”

อันที่จริง ตั้งแต่ที่นางเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังให้ความร้อนกับอ่างเหล็กที่นางแช่อยู่ นางก็เริ่มมีความคิดว่าวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตนางอีกครั้ง

หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและออกคำสั่ง “อย่ามัวแต่พิรี้พิไร รีบโคจรวิชาควบแน่นโลหิตพฤกษาสวรรค์เพื่อช่วยดูดซับฤทธิ์ของโอสถและสมุนไพรในอ่างเร็วเข้า ใช้ฤทธิ์ของพวกมันเสริมสร้างรากฐานการบ่มเพาะให้แข็งแกร่งให้มากที่สุดและพยายามอย่าใช้พวกมันในการเพิ่มระดับเด็ดขาด ข่มการเพิ่มระดับของเจ้าไว้ให้มากที่สุด แต่ถ้าหากข่มไม่ไหวเจ้าก็ค่อยปล่อยให้ระดับของเจ้าเพิ่มไปอย่างช้า ๆ”

“ข้าเข้าใจแล้วนายท่าน” โจวจื่อซินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคารพ

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะต้องบ่มเพาะในอ่างเหล็กนี้ทุกวัน เดี๋ยวข้าจะให้มี่ไลนำหลิงจู้มาช่วยเจ้าบ่มเพาะอีกแรง มี่ไลจะเป็นคนใช้ฝนฤดูใบไม้ผลิหล่อเลี้ยงเจ้าส่วนหลิงจู้จะช่วยเป็นตัวกลางให้เจ้าดูดซึมพลังต่าง ๆ ดีขึ้น แต่หลิงจู้เองจะดูดพลังธาตุพฤกษาจากตัวเจ้ามาหล่อเลี้ยงตัวมันเหมือนกัน ฉะนั้นในกระบวนการนี้ทั้งเจ้าและหลิงจู้จะได้รับประโยชน์ร่วมกัน” พูดจบหลิงตู้ฉิงจึงเรียกมี่ไลเข้ามาทันที

โจวจื่อซินเมื่อเห็นมี่ไลเดินเข้ามานางจึงรีบพูดขึ้น “ขอบคุณนายท่าน ขอบคุณท่านหญิงมี่ไล”

มี่ไลมองไปยังร่างอันเปลือยเปล่าที่แช่อยู่ในอ่างของโจวจื่อซิน ซึ่งแน่นอนว่าหลิงตู้ฉิงได้เห็นมันทั้งหมดแล้วแน่นอน นางทำหน้ามุ่ยและพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่าท่านหญิง แค่เรียกข้าว่า ‘พี่หญิง’ ก็พอ”

มี่ไลเมื่อเห็นภาพแบบนี้นางรู้ได้ทันทีว่าในอนาคต ดวงชะตาของโจวจื่อซินคงไม่ต่างอะไรจากนางอีกแล้วแน่ ๆ

โจวจื่อวินเมื่อได้ยินเช่นนี้นางรีบตอบกลับ “ข้าเข้าใจแล้ว พี่หญิง”

หลิงจู้ที่ในตอนนี้อยู่ในอ้อมอกของมี่ไล เมื่อมันสัมผัสได้ถึงตัวตนของโจวจื่อซิน มันสะบัดเส้นใยของมันโบกชี้ไปทางนาง ราวกับว่ามันกำลังทักทายโจวจื่อซินเช่นกัน

โจวจื่อซินที่เห็นอาการหลิงจู้เช่นนี้นางจึงรีบพูดขึ้นอีกรอบ “สวัสดี หลิงจู้!”

เมื่อได้ยินคำทักทายของโจวจื่อซิน หลิงจู้จึงบินออกจากอ้อมอกของมี่ไลและลอยขึ้นอยู่เหนือตัวของโจวจื่อซินและใช้เส้นใยของมันทิ่มลงไปยังร่างของโจวจื่อซินอย่างแผ่วเบาทั่วทั้งร่าง หลังจากนั้นภายใต้การโคจรวิชาควบแน่นโลหิตพฤกษาสวรรค์บวกกับการช่วยเหลือของมี่ไลและหลิงจู้ ระดับการบ่มเพาะของโจวจื่อซินก็ค่อย ๆ เริ่มเพิ่มขึ้นจากขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 3 กลายเป็นระดับ 4

หลิงตู้ฉิงที่เห็นว่าการบ่มเพาะของโจวจื่อวินเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เขาจึงปล่อยนางไว้อย่างนั้น

ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกมาจากห้องของโจวจื่อวิน หุ่นเชิดที่อยู่หน้าประตูก็ได้ส่งข้อความทางโทรจิตมาหาเขาว่ามีชายชราผู้หนึ่งต้องการขอเข้าพบและกำลังรอเขาอยู่ที่หน้าประตู

ชายชราผู้นี้ที่ยืนรออยู่หน้าประตูนั้นใบหน้าของเขาดูชราจนแทบจะดูเหมือนว่าอายุขัยของเขาใกล้จะหมดอยู่รอมร่อ จุดเด่นบนใบหน้าของเขาที่เห็นได้ชัดก็คือบริเวณใบหน้าของเขามีหนวดและเคราสีเทายาวเกือบถึงหน้าอก ซึ่งหากดูจากรูปลักษณ์ภายนอกชายชราผู้นี้ดูคล้ายกับปราชญ์ที่หลุดมาจากราชสำนักใดราชสำนักหนึ่งเป็นอย่างมาก

ชายชราผู้นี้เหลือบมองไปยังจู้หลู่ที่ถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิดพลางถอนหายใจ จากนั้นเมื่อได้รับอนุญาตเขาจึงรีบเดินเข้าไปด้านในคฤหาสน์

เมื่อเผชิญหน้ากับหลิงตู้ฉิง ชายชราผู้นั้นยื่นวัสดุระดับราชวงศ์ให้กับหลิงตู้ฉิงและกล่าวว่า “ข้า ซือโถวเหวินหยวน อดีตศิษย์ของสำนักเต๋าสวรรค์ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้พบกับทาน ท่านหลิงจากสำนักเก้าเทพอสูร”

“คนจากสำนักเต๋าสวรรค์งั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยความประหลาดใจ

ซือโถวเหวินหยวนเผยรอยยิ้มกระอักอ่วนและตอบกลับ “ข้าละอายจริง ๆ ข้าละอายจริง ๆ”

“อ๋อ!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเหมือนกับเข้าใจอะไรบางอย่างได้ จากนั้นเขาถามต่อ “พึ่งไม่นานมานี้ใช่ไหม?”

ซือโถวเหวินหยวนยิ้มด้วยอารมณ์ขมขื่นพลางพยักหน้า “อันที่จริงมันก็ยังเหลือโอกาสอยู่บ้าง ซึ่งเหตุผลที่ข้ามาที่นี่เพื่อทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกับท่านหลิง ข้าได้ยินมาว่าท่านหลิงมีเลือดที่มีสรรพคุณคล้ายกับดอกไม้ฟื้นชีพอยู่กับตัว ข้าจึงมาที่นี่เพื่อทำการแลกเปลี่ยนมาเพื่อยืดอายุขัยของข้า”

“แล้วเจ้าจะแลกเปลี่ยนด้วยอะไร?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น

ซือโถวเหวินหยวนหยิบเหรียญตราสีดำทมิฬขึ้นมาจากแหวนมิติ เขาลูบคลำมันด้วยความเสียดายอยู่สักพัก จากนั้นจึงโยนมันให้กับหลิงตู้ฉิงและพูดว่า “ข้าจะใช้กุญแจนี่ในการแลกเปลี่ยน ข้าคิดว่ามันน่าจะมีค่าเพียงพอ!”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 199 สำนักเต๋าสวรรค์

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 199 สำนักเต๋าสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 199 สำนักเต๋าสวรรค์

ข่าวเรื่องบรรดาสำนักกำลังมาที่เมืองหลวงเพื่อรับสมัครคนเข้าสำนักได้ถูกส่งมาที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

นักศึกษาหลายคนที่อยู่ในศาลาศักดิ์สิทธิ์ บางคนก็เริ่มสนใจกับการรับสมัครเข้าสำนักครั้งนี้เช่นกัน

นี่เป็นเพราะผู้บ่มเพาะทุกคนในทวีปเทียนหยวนต่างได้ยินเรื่องเล่าและตำนานของสำนักเหล่านี้มานานมากแล้ว พวกเขารู้ดีว่าการได้เข้าร่วมกับสำนักไม่ว่าจะเป็นสำนักเล็กหรือใหญ่ มันจะเหมือนกับเป็นการเปิดโลกการบ่มเพาะใบใหม่ที่กว้างขึ้นให้กับพวกเขาทันที

แต่ยังมีนักศึกษาบางกลุ่มที่เข้าใจเรื่องนี้แต่ก็ไม่ได้นำมาใส่ใจ

นักศึกษากลุ่มนี้คือกลุ่มที่เข้ามาอยู่ในศาลาศักดิ์สิทธิ์เป็นกลุ่มแรก

ภายใต้การสอนของหลิงตู้ฉิง ถังชี่หยุน และโม่หยูถัง ทำให้พวกเขาทั้งหมดตระหนักได้ว่าเส้นทางการบ่มเพาะที่ถูกต้องของพวกเขาคืออะไร

หรือจะให้พูดตรง ๆ ก็คือ ต่อให้พวกเขาไม่ได้เข้าไปเป็นศิษย์ของสำนักไหน ๆ เส้นทางการบ่มเพาะในอนาคตของพวกเขาก็ไปได้ไกลมากอยู่แล้ว

แต่ในทางกลับกัน บรรดานักศึกษาที่พึ่งรับเข้ามาใหม่ล่าสุด เนื่องจากพวกเขาพึ่งเข้ามาในช่วงที่หลิงตู้ฉิงมัปัญหาต้องเก็บตัวอยู่แต่ในคฤหาสน์พอดี พวกเขาจึงได้รับการถ่ายทอดความรู้ไปน้อยกว่านักศึกษาชุดแรกความรู้สึกผูกพันธ์กับคณะ ทำให้พอพวกเขาได้ข่าวการมาของบรรดาสำนักเพื่อเฟ้นหาศิษย์หน้าใหม่ พวกเขาจึงเริ่มรู้สึกหวั่นไหว

แต่ในบรรดานักศึกษาชุดใหม่ ยังมีอยู่ 2 คนที่ไม่ได้ใส่ใจกับข่าวการมาของสำนักเช่นกัน หนึ่งคือ จิ๋นชาน ผู้ที่ไม่เคยจะสนอะไรบนโลกนอกจากการนอน และสอง เหมยจู้ ซึ่งตอนนี้กำลังวุ่นอยู่กับการเอาชีวิตรอดในพื้นที่ฝึกพิเศษที่หลิงตู้ฉิงสร้างขึ้น

และสุดท้ายกลุ่มคนที่ไม่สนใจเรื่องของสำนักมากที่สุดคือเหล่าลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิง ในสายตาของพวกเขา เหล่าบรรดาสำนักพวกนั้นยังมีค่าเทียบไม่ได้กับปลายเส้นผมของพ่อพวกเขา

ส่วนทางด้านของหลิงตู้ฉิงนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจเลยว่านักศึกษาของเขาจะคิดยังไง มันก็เหมือนกับที่เขาได้บอกกับจ้าวปาเทียนไว้ พวกเขาทุกคนต่างมีวาสนาไม่เท่ากัน หากพวกเขาอยู่ต่อและหากหลิงตู้ฉิงมีเวลาว่างเขาก็จะช่วยชี้แนะให้ แต่ถ้าหากคนไหนอยากจะจากไป เขาก็จะไม่ห้ามและไม่สนใจแม้แต่น้อย

ทุกวันนี้กิจกรรมในศาลาศักดิ์สิทธิ์ก็ยังดำเนินไปอย่างซ้ำ ๆ กันทุกวัน พวกของหลิงตู้ฉิงจะนั่งรถม้ามาที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ในตอนเช้า หลังจากจบคาบเรียนช่วงบ่ายพวกเขาก็จะนั่งรถม้ากลับไปยังคฤหาสน์สราญรมย์ทันที

จะมีสิ่งเดียวที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนก็คือ เดี๋ยวนี้รถม้าที่ทุกครั้งเสี่ยวเยว่เฟิงจะต้องเก็บมันเข้าไปในแหวนมิติหลังจากใช้เสร็จ ตอนนี้นางไม่เคยเก็บมันเลย นางปล่อยให้มันจอดอยู่ที่ด้านหน้าศาลาศักดิ์สิทธิ์อยู่อย่างนั้น

ด้วยเหตุผลที่หลังจากรถม้าได้ถูกปรับแต่งใหม่ ส่งผลให้มันมีมิติภายในตัวรถที่ใหญ่กว่าขนาดของแหวนมิติที่นางใช้เสียอีก นางจึงไม่สามารถจับรถม้านี้ยัดเข้าไปในแหวนได้

การดำเนินชีวิตที่เงียบสงบไร้คนรบกวนของหลิงตู้ฉิงและคนของเขาดำเนินไปได้ถึง 3 เดือน จนในที่สุดก็มีเหตุการณ์ที่มาทำลายความสงบนี้ลง

เนื่องจากขณะนี้ บรรดาตัวแทนจากสำนักต่าง ๆ ได้มาถึงเมืองหลวงแห่งอาณาจักรจันทราเรียบร้อยแล้ว

และในบรรดาสำนักต่าง ๆ ที่มา หนึ่งในนั้นก็คือสำนักสวนร้อยพฤกษา

“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ของทุกอย่างตามรายการที่ท่านให้ไปหาอยู่ในนี้ทั้งหมดแล้ว” หมิงเซียนจ้าวพูดพลางยื่นแหวนมิติ 3 วงให้กับจือหมิงฮ่าว “ท่านเจ้าสำนักยังฝากข้อความมาให้ท่านอีกว่า อย่างมากสุดไม่เกิน 8 ปีหรือเร็วที่สุด 5 ปี เขาจะมาเยือนที่นี่ด้วยตนเอง”

จือหมิงฮ่าว เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็รู้สึกเบิกบานทันที เขาหัวเราะและพูดว่า “ดีจริง ๆ! เอาล่ะแหวนพวกนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องให้ข้า เจ้าส่งพวกมันไปที่คฤหาสน์สราญรมย์ให้กับหลิงตู้ฉิงได้เลย”

เนื่องจากการเข้าไปด้านในคฤหาสน์สราญรมย์รู้สึกทำให้เขาอึดอัด จือหมิงฮ่าวจึงไม่ต้องการเข้าไปส่งแหวนพวกนี้ด้วยตัวเอง มันจึงสะดวกใจของเขามากกว่าหากเขาจะใช้ให้หมิงเซียนจ้าวเข้าไปส่งแทนเขา

หน้าที่ของเขาในตอนนี้จึงทำเพียงเฝ้ารอเวลาไปอีก 5 ถึง 8 ปีจนกว่าเจ้าสำนักจะมาที่นี่ และจับตาดูความเคลื่อนไหวของหลิงตู้ฉิง ป้องกันไม่ให้เขาคิดพาโจวจือซินหลบหนีไป

หมิงเซียนจ้าวที่ได้รับมอบหมายหน้าที่มอบแหวน เขาจึงเดินทางไปที่คฤหาสน์สราญรมย์ในทันทีด้วยสีหน้าอึดอัดเช่นกัน ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยอยากจะเข้าไปเหยียบด้านในคฤหาสน์ต้องห้ามนี้สักเท่าไหร่

เมื่อพบหน้ากับหลิงตู้ฉิง หมิงเซียนจ้าวจึงรีบมอบแหวนมิติทั้งสามที่ภายในเต็มไปด้วยสมุนไพรและโอสถล้ำค่ามากมายจากสำนักของเขา

หลิงตู้ฉิงเมื่อได้รับแหวนมาแล้วเขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ และกล่าวว่า “ดีมาก ในเมื่อพวกเจ้ารักษาคำพูด ข้าเองก็จะรักษาสัญญาที่ข้าให้ไว้เช่นกัน หลังจากที่ข้าบ่มเพาะจนนางเติบโต ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 7-8 ปีเสร็จเรียบร้อย ข้าจะส่งข่าวไปให้พวกเจ้ามารับส่วนแบ่งของพวกเจ้าไปได้”

หมิงเซียนจ้าวพยักหน้ารับทราบ และรีบหันหลังจากไปโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับ

“นายท่าน ท่านจะทำอะไรต่อไปงั้นเหรอ?” โจวจื่อซินมองหลิงตู้ฉิงด้วยสายตากังวล

นางเป็นกังวล เนื่องจากนางเดาไม่ออกว่าหลิงตู้ฉิงจะบ่มเพาะนางยังไงให้ไปถึงขอบเขตสวรรค์ภายใน 7-8 ปี และนางยังไม่รู้อีกว่าหลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงวางแผนจะทำอะไรกับร่างกายนางอีกบ้าง

หลิงตู้ฉิงยิ้มให้นางและตอบ “เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้ด้วยตัวเอง”

พูดจบหลิงตู้ฉิงพานางเดินกลับไปที่ห้องของนาง พร้อมกับนำอ่างอาบน้ำเหล็กขนาดเท่าตัวนางมาวางไว้กลางห้อง จากนั้นเขาก็นำบรรดาโอสถล้ำค่าจำนวนมากรวมไปถึงสมุนไพรที่สำนักสวนร้อยพฤกษาพึ่งนำมามอบให้เทลงไปในอ่างอาบน้ำ และหลิงตู้ฉิงได้ใช้วิชาฝนฤดูใบ้ไม้ผลิเพื่อเติมน้ำลงไปในอ่างจนเต็ม

“เอาล่ะ ถอดเสื้อผ้าของเจ้าและลงไปแช่ในอ่างได้แล้ว” หลิงตู้ฉิงออกคำสั่งกับโจวจื่อซิน

โจวจื่อซินตกตะลึงเมื่อได้ยินคำสั่งเช่นนี้ สีหน้าของนางเริ่มแดงก่ำด้วยความเขินอายและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ทะ ท่าน จะให้ข้าถอดหมดเลยตอนนี้งั้นเหรอ…”

ถึงแม้ว่านางจะตั้งใจมอบกายให้กับหลิงตู้ฉิงไว้อยู่แล้ว แต่นางรู้สึกว่านี่มันกะทันหันเกินไปจนนางตั้งตัวไม่ทัน

“เจ้ายังไม่พร้อมงั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นค่อยทำวันพรุ่งนี้ไหม?” หลิงตู้ฉิงถามนางด้วยสายตางุนงง

โจสจื่อซินเมื่อเห็นสายตาของหลิงตู้ฉิงเช่นนี้ นางพอเข้าใจได้ว่าหลิงตู้ฉิงไม่ได้จะคิดอกุศลอะไรกับนางตอนนี้ นางเข้าใจว่าทั้งหมดนี่คงเกี่ยวกับการฝึกของนาง นางจึงเริ่มผ่อนคลายขึ้น

นางถอดชุดอย่างว่องไว้และรีบเดินลงไปในอ่างทันที

ในวินาทีที่นางลงไปในอ่างอาบน้ำ นางรู้สึกได้ทันทีว่าบรรดาฤทธิ์ของโอสถและสมุนไพรต่าง ๆ ที่อยู่ในอ่างทำปฏิกิริยาและเริ่มซึมเข้าสู่ร่างกายของนางทันที โดยที่นางไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามอะไรเลย

โจวจือซินที่อยู่ในอ่าง นางมองไปยังหลิงตู้ฉิงที่ในตอนนี้กำลังเรียกใช้พลังเพลิงของตัวเขาเองให้ความร้อนรอบ ๆ อ่าง นางพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อขึ้นมาว่า “นายท่าน นี่ท่านคงไม่ได้หลอกข้ามานั่งในอ่างนี้ เพื่อต้มข้ากินหรอกใช่ไหม?”

อันที่จริง ตั้งแต่ที่นางเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังให้ความร้อนกับอ่างเหล็กที่นางแช่อยู่ นางก็เริ่มมีความคิดว่าวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตนางอีกครั้ง

หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและออกคำสั่ง “อย่ามัวแต่พิรี้พิไร รีบโคจรวิชาควบแน่นโลหิตพฤกษาสวรรค์เพื่อช่วยดูดซับฤทธิ์ของโอสถและสมุนไพรในอ่างเร็วเข้า ใช้ฤทธิ์ของพวกมันเสริมสร้างรากฐานการบ่มเพาะให้แข็งแกร่งให้มากที่สุดและพยายามอย่าใช้พวกมันในการเพิ่มระดับเด็ดขาด ข่มการเพิ่มระดับของเจ้าไว้ให้มากที่สุด แต่ถ้าหากข่มไม่ไหวเจ้าก็ค่อยปล่อยให้ระดับของเจ้าเพิ่มไปอย่างช้า ๆ”

“ข้าเข้าใจแล้วนายท่าน” โจวจื่อซินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคารพ

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะต้องบ่มเพาะในอ่างเหล็กนี้ทุกวัน เดี๋ยวข้าจะให้มี่ไลนำหลิงจู้มาช่วยเจ้าบ่มเพาะอีกแรง มี่ไลจะเป็นคนใช้ฝนฤดูใบไม้ผลิหล่อเลี้ยงเจ้าส่วนหลิงจู้จะช่วยเป็นตัวกลางให้เจ้าดูดซึมพลังต่าง ๆ ดีขึ้น แต่หลิงจู้เองจะดูดพลังธาตุพฤกษาจากตัวเจ้ามาหล่อเลี้ยงตัวมันเหมือนกัน ฉะนั้นในกระบวนการนี้ทั้งเจ้าและหลิงจู้จะได้รับประโยชน์ร่วมกัน” พูดจบหลิงตู้ฉิงจึงเรียกมี่ไลเข้ามาทันที

โจวจื่อซินเมื่อเห็นมี่ไลเดินเข้ามานางจึงรีบพูดขึ้น “ขอบคุณนายท่าน ขอบคุณท่านหญิงมี่ไล”

มี่ไลมองไปยังร่างอันเปลือยเปล่าที่แช่อยู่ในอ่างของโจวจื่อซิน ซึ่งแน่นอนว่าหลิงตู้ฉิงได้เห็นมันทั้งหมดแล้วแน่นอน นางทำหน้ามุ่ยและพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่าท่านหญิง แค่เรียกข้าว่า ‘พี่หญิง’ ก็พอ”

มี่ไลเมื่อเห็นภาพแบบนี้นางรู้ได้ทันทีว่าในอนาคต ดวงชะตาของโจวจื่อซินคงไม่ต่างอะไรจากนางอีกแล้วแน่ ๆ

โจวจื่อวินเมื่อได้ยินเช่นนี้นางรีบตอบกลับ “ข้าเข้าใจแล้ว พี่หญิง”

หลิงจู้ที่ในตอนนี้อยู่ในอ้อมอกของมี่ไล เมื่อมันสัมผัสได้ถึงตัวตนของโจวจื่อซิน มันสะบัดเส้นใยของมันโบกชี้ไปทางนาง ราวกับว่ามันกำลังทักทายโจวจื่อซินเช่นกัน

โจวจื่อซินที่เห็นอาการหลิงจู้เช่นนี้นางจึงรีบพูดขึ้นอีกรอบ “สวัสดี หลิงจู้!”

เมื่อได้ยินคำทักทายของโจวจื่อซิน หลิงจู้จึงบินออกจากอ้อมอกของมี่ไลและลอยขึ้นอยู่เหนือตัวของโจวจื่อซินและใช้เส้นใยของมันทิ่มลงไปยังร่างของโจวจื่อซินอย่างแผ่วเบาทั่วทั้งร่าง หลังจากนั้นภายใต้การโคจรวิชาควบแน่นโลหิตพฤกษาสวรรค์บวกกับการช่วยเหลือของมี่ไลและหลิงจู้ ระดับการบ่มเพาะของโจวจื่อซินก็ค่อย ๆ เริ่มเพิ่มขึ้นจากขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 3 กลายเป็นระดับ 4

หลิงตู้ฉิงที่เห็นว่าการบ่มเพาะของโจวจื่อวินเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เขาจึงปล่อยนางไว้อย่างนั้น

ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกมาจากห้องของโจวจื่อวิน หุ่นเชิดที่อยู่หน้าประตูก็ได้ส่งข้อความทางโทรจิตมาหาเขาว่ามีชายชราผู้หนึ่งต้องการขอเข้าพบและกำลังรอเขาอยู่ที่หน้าประตู

ชายชราผู้นี้ที่ยืนรออยู่หน้าประตูนั้นใบหน้าของเขาดูชราจนแทบจะดูเหมือนว่าอายุขัยของเขาใกล้จะหมดอยู่รอมร่อ จุดเด่นบนใบหน้าของเขาที่เห็นได้ชัดก็คือบริเวณใบหน้าของเขามีหนวดและเคราสีเทายาวเกือบถึงหน้าอก ซึ่งหากดูจากรูปลักษณ์ภายนอกชายชราผู้นี้ดูคล้ายกับปราชญ์ที่หลุดมาจากราชสำนักใดราชสำนักหนึ่งเป็นอย่างมาก

ชายชราผู้นี้เหลือบมองไปยังจู้หลู่ที่ถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิดพลางถอนหายใจ จากนั้นเมื่อได้รับอนุญาตเขาจึงรีบเดินเข้าไปด้านในคฤหาสน์

เมื่อเผชิญหน้ากับหลิงตู้ฉิง ชายชราผู้นั้นยื่นวัสดุระดับราชวงศ์ให้กับหลิงตู้ฉิงและกล่าวว่า “ข้า ซือโถวเหวินหยวน อดีตศิษย์ของสำนักเต๋าสวรรค์ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้พบกับทาน ท่านหลิงจากสำนักเก้าเทพอสูร”

“คนจากสำนักเต๋าสวรรค์งั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยความประหลาดใจ

ซือโถวเหวินหยวนเผยรอยยิ้มกระอักอ่วนและตอบกลับ “ข้าละอายจริง ๆ ข้าละอายจริง ๆ”

“อ๋อ!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเหมือนกับเข้าใจอะไรบางอย่างได้ จากนั้นเขาถามต่อ “พึ่งไม่นานมานี้ใช่ไหม?”

ซือโถวเหวินหยวนยิ้มด้วยอารมณ์ขมขื่นพลางพยักหน้า “อันที่จริงมันก็ยังเหลือโอกาสอยู่บ้าง ซึ่งเหตุผลที่ข้ามาที่นี่เพื่อทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกับท่านหลิง ข้าได้ยินมาว่าท่านหลิงมีเลือดที่มีสรรพคุณคล้ายกับดอกไม้ฟื้นชีพอยู่กับตัว ข้าจึงมาที่นี่เพื่อทำการแลกเปลี่ยนมาเพื่อยืดอายุขัยของข้า”

“แล้วเจ้าจะแลกเปลี่ยนด้วยอะไร?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น

ซือโถวเหวินหยวนหยิบเหรียญตราสีดำทมิฬขึ้นมาจากแหวนมิติ เขาลูบคลำมันด้วยความเสียดายอยู่สักพัก จากนั้นจึงโยนมันให้กับหลิงตู้ฉิงและพูดว่า “ข้าจะใช้กุญแจนี่ในการแลกเปลี่ยน ข้าคิดว่ามันน่าจะมีค่าเพียงพอ!”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+