มรรคาสู่สวรรค์ 26 เสียงฝีเท้าของหวังเสี่ยวหมิง

Now you are reading มรรคาสู่สวรรค์ Chapter 26 เสียงฝีเท้าของหวังเสี่ยวหมิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เกี๊ยว​กับ​สุรา​ ยิ่ง​ดื่ม​ยิ่ง​รวย​

สิ่งที่​เรียก​ว่า​ความยุ่งยาก​ ยิ่ง​หลบ​ยิ่ง​มี

ใน​ตอนนั้น​เจ้าล่า​เยวี่ย​จะสังหาร​หวัง​เสี่ยว​หมิง​ จิ๋งจิ่ว​ไม่เห็นด้วย​ ดังนั้น​ปัญหา​ยุ่งยาก​นี้​จึงมาตก​อยู่​ที่​เขา​

เสียง​ถอนใจ​ของ​ชิงเอ๋อร์​เห็นได้ชัด​ว่า​กำลัง​หัวเราะเยาะ​เขา​ เขา​ย่อม​ไม่รับคำ​ หาก​แต่​เปลี่ยน​ประเด็น​ถามไปว่า​ “ทำไม​เจ้าถึงต้อง​ขโมย​กระจก​นี้​มา?”

กระจก​ย่อม​ต้อง​หมายถึง​คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​ คำพูด​นี้​ย่อม​ต้อง​กำลัง​ถามถงเหยียน​

ถงเหยียน​เล่า​เรื่องราว​ใน​ตอนนั้น​ออกมา​

จิ๋งจิ่ว​ถึงได้​รู้​ว่า​นักพรต​ไป๋ทราบ​ถึงการเปลี่ยนแปลง​ของ​คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​แล้ว​ จึงคิด​อยาก​จะใช้ผนึก​น้ำแข็ง​ทำให้​ดวงจิต​ของ​ชิงเอ๋อร์​สลาย​ไป

เขา​ส่าย​ศีรษะ​พลาง​กล่าว​ “ควบคุม​ไม่ได้​ก็​ต้อง​ทำลาย​ นี่​ถือว่า​เหมือน​นิสัย​ของ​สำนัก​จงโจว​จริงๆ​ แต่​เจ้าเอง​ก็​เป็น​ศิษย์​สำนัก​จงโจว​ ทำไม​ถึงช่วย​นาง​?”

ถงเหยียน​กล่าวว่า​ “นาง​กำลังจะ​กลายเป็น​ดวงจิต​ที่​แท้จริง​ของ​วัตถุ​วิเศษ​ และ​นั่น​คือ​ชีวิต​จริงๆ​ ได้ยิน​ว่า​เจ้าเป็น​คน​บอก​นาง​เรื่อง​นี้​ด้วย​”

จิ๋งจิ่ว​ส่งเสียง​อืม​

ถงเหยียน​กล่าว​ด้วย​สีหน้า​เรียบ​เฉย​ “ใน​เมื่อ​นาง​มีชีวิต​ ก็​สามารถ​มองว่า​เป็น​ศิษย์​สำนัก​จงโจว​ได้​ แล้ว​ทำไม​ถึงต้อง​ถูก​ฆ่าโดย​ไม่มีความผิด​?”

คำพูด​นี้​มีเหตุผล​อย่าง​มาก​ แต่​ปัญหา​อยู่​ที่ว่า​สำหรับ​ผลประโยชน์​โดยรวม​ของ​สำนัก​จงโจว​แล้ว​ เหตุผล​นั้น​ไม่ค่อย​สำคัญ​เท่าไร​

ใน​อดีต​นักพรต​ไท่​ผิง​กับ​เขา​นำ​หลิ่ว​ฉือ​และ​หยวน​ฉีจิงกวาดล้าง​ยอดเขา​ต่างๆ​ ใน​ชิงซาน​ พวกเขา​ไม่ได้​ใช้หลัก​เหตุผล​อะไร​ แล้วก็​ไม่เคย​ถามถึงหลัก​เหตุผล​เหล่านั้น​

นักพรต​ไท่หลู​ไม่ยอมรับ​ จนกระทั่ง​สุดท้าย​ก็​ยัง​ไม่ยอมแพ้​ ถึงได้​ถูก​ขัง​อยู่​ใน​คุก​กระบี่​จน​มาถึงทุกวันนี้​ ต้อง​ทุกข์ทรมาน​กับ​ความ​หนาวเย็น​ที่​กัด​กิน​ร่างกาย​ ไม่อาจ​หลุด​พ้นไป​ได้​

เมื่อ​คิดถึง​อาจารย์​อา​ผู้​เลอะเลือน​ที่สอง​มือ​เปรอะเปื้อน​ไปด้วย​โลหิต​ของ​ศิษย์​สำนัก​เดียวกัน​ แต่กลับ​ยัง​ดึงดัน​คิด​ว่า​ตนเอง​มีเหตุผล​ผู้​นั้น​ จิ๋งจิ่ว​พลัน​ส่าย​ศีรษะ​ขึ้น​มา

ถงเหยียน​เข้าใจ​ความหมาย​ของ​เขา​ผิด​ กล่าวว่า​ “วิธี​หมากล้อม​ สิ่งที่​แสวงหา​คือ​ดำ​ขาว​แบ่งแยก​ชัดเจน​”

จิ๋งจิ่ว​คิดถึง​ดวงตา​ของ​เจ้าล่า​เยวี่ย​ขึ้น​มา จึงนิ่งเงียบ​ไปครู่​ จากนั้น​ถามต่อว่า​ “วิถี​หมากล้อม​เน้นหนัก​เรื่อง​วางแผน​ก่อน​ขยับ​ที่​หลัง​ เจ้าเอง​ก็​เชี่ยวชาญ​ เหตุใด​แผนการ​ถึงได้​หยาบกระด้าง​เช่นนี้​?”

ใน​ส่วนลึก​ของ​เส้น​ปราณ​แผ่นดิน​วันนั้น​ หลังจาก​ถงเหยียน​ได้​ฟังชิงเอ๋อร์​พูด​จน​จบ​ เขา​ก็​แบก​คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​ออกมา​โดย​ไม่แม้แต่​จะหยุด​คิด​ จริงอยู่​ที่​ไม่อาจ​ถือเป็น​การขโมย​ได้​ ควรจะ​เรียก​ว่า​ชิงออกมา​ซึ่งๆ หน้า​มากกว่า​

“ตอนนั้น​นาง​อ่อนแอ​เป็นอย่างมาก​ ใกล้​จะตาย​แล้ว​ ไม่มีเวลา​ให้​ข้า​ได้คิด​”

ถงเหยียน​กล่าว​ด้วย​เสียง​เรียบ​เฉย​ว่า​ “ยิ่งไปกว่านั้น​ก่อนหน้านี้​ข้า​คิด​เยอะ​มาก​ วางแผน​เยอะ​มาก​ แต่​สุดท้าย​กลับ​มิอาจ​ก้าว​ข้าม​เจ้าไปได้​ หาก​เดิน​อีก​เส้นทาง​หนึ่ง​ บางที​มัน​อาจจะ​พอ​มีโอกาส​อยู่​บ้าง​”

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “สัญชาตญาณ​ก็​ถือเป็น​การคำนวณ​อย่างหนึ่ง​ เพียงแต่​ข้าม​ขั้นตอน​ตรงกลาง​ไป ผลลัพธ์​ที่​ออกมา​อาจจะ​ไม่แม่นยำ​มาก​พอ​ แต่​ทิศทาง​โดยประมาณ​นั้น​ไม่มีทาง​ผิด​”

ถงเหยียน​กล่าวว่า​ “อย่างนั้น​เจ้ามาที่​เขา​เห​ลิ่ง​ซาน​ทำไม​ หรือว่า​เป็น​เพราะ​เจ้าคำนวณ​ได้​ถึงอะไร​บางอย่าง​?”

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “ข้า​มาลับ​กระบี่​”

ถงเหยียน​ไม่เข้าใจ​ความหมาย​ของ​เขา​ จึงเหลือบ​มองดู​กระบี่​คม​จักรวาล​ที่​ลอย​นิ่ง​ๆ อยู่​กลางอากาศ​ ใน​ใจครุ่นคิด​ว่า​กระบี่​ที่​ดี​เช่นนี้​ยัง​ต้อง​ลับ​อะไร​อีก​?

จิ๋งจิ่ว​มองดู​คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​ ไม่ได้​พูด​อะไร​

หลัง​ออก​มาจาก​ชิงซาน​ เขา​ก็​เดินทาง​ไปหลาย​ที่​ ทั้ง​ต้า​เจ๋อ​ ค่วง​ซาน​ เมือง​เจาเก​อ​ ก็​เพื่อ​จะตามหา​หิน​ลับ​กระบี่​ที่​สมบูรณ์แบบ​

เขา​ไม่เคย​คิด​มาก่อน​ว่า​จะใช้คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​ลับ​กระบี่​ คิดไม่ถึง​ว่า​สุดท้าย​ไปๆ มาๆ ก็​ยัง​มาพบ​กับ​มัน​

จนกระทั่ง​ถึงตอนนี้​ เขา​ถึงได้​รู้​ว่า​ที่แท้​สิ่งที่​ตนเอง​ตามหา​มาโดยตลอด​ก็​คือ​มัน​

หากว่า​กัน​ตาม​คำพูด​ของ​ชิงเอ๋อร์​ นี่​ก็​คือ​พรหมลิขิต​สินะ​?

เมื่อ​คิดถึง​เรื่อง​เหล่านี้​ เขา​ก็​ยก​มือขึ้น​มา ก่อน​จะลูบ​ไปบน​ศีรษะ​ของ​ชิงเอ๋อร์​

ถงเหยียน​เลิกคิ้ว​ขึ้น​มา พลาง​กล่าวว่า​ “นี่​คือ​ดวงจิต​วัตถุ​วิเศษ​ของ​สำนัก​ข้า​ ขอ​สหาย​โปรด​ให้​ความเคารพ​ด้วย​”

ชิงเอ๋อร์​รู้สึก​จักจี้​เล็กน้อย​ จึงบิน​ไปหลบ​อยู่​ด้านหลัง​ถงเหยียน​ จากนั้น​โผล่​ใบหน้า​เล็ก​ๆ ออกมา​ ยิ้ม​พลาง​กล่าวว่า​ “ใช่ๆ จะลูบ​ก็​ไปลูบ​เสี๋ยว​เจ่าของ​เจ้าสิ”

คิ้ว​ของ​ถงเหยียน​เลิก​สูงขึ้น​กว่า​เดิม​ ดู​เข้ม​ขึ้น​กว่า​เดิม​ แต่​เห็นได้ชัด​ว่า​มิใช่กำลัง​ดีใจ​อยู่​

“ข้า​พัก​ครู่หนึ่ง​”

จิ๋งจิ่ว​หลับตา​เริ่ม​นอนหลับ​

ใน​ป่าที่​ดู​แห้งแล้ง​มีลมหนาว​พัด​หวีดหวิว​ ใน​ท้องฟ้า​ที่​อึมครึม​มีนก​ไม้บิน​อยู่​หลาย​ตัว​ เห็นได้ชัด​ว่า​นั่น​คือ​เครื่องมือ​วิเศษ​ของ​นิกาย​เสวียน​อิน​

ภายใน​ทุ่ง​กว้าง​รกร้าง​ของ​เขา​เห​ลิ่ง​ซาน​มีลูกศิษย์​ของ​นิกาย​เสวียน​อิน​กระจัดกระจาย​อยู่​หลาย​ร้อย​คน​ ทั้ง​ใต้ดิน​และ​บน​ดิน​ล้วนแต่​มีข่าย​พลัง​และ​ตาข่าย​เพลิง​ อีก​ฝ่าย​อาจจะ​พบ​ที่นี่​ได้​ทุกเมื่อ​

ถงเหยียน​และ​ชิงเอ๋อร์​สบตา​กัน​ คิดในใจ​ว่า​คน​ผู้​นี้​ช่างใจกล้า​ยิ่งนัก​

……

……

สีแดง​บน​หน้าผา​ดู​เข้ม​เป็นอย่างมาก​ ไม่เหมือน​สีเลือด​ แต่​เหมือน​สีที่​ใช้สำหรับ​ทา​มากกว่า​

เนื่องเพราะ​อุณหภูมิ​ที่สูง​เป็นอย่างมาก​ กระทั่ง​ลม​ก็​ยัง​มีความรู้สึก​แห้งแล้ง​ ดังนั้น​หุบเขา​ที่​ทอดตัว​ยาว​ออก​ไปไกล​ใน​เทือกเขา​จึงมิได้​ดู​ลึก​และ​วังเวง​

บน​พื้น​ทั่ว​ทุกที่​ภายใน​หุบเขา​ล้วนแต่​เต็มไปด้วย​หิน​สีแดง​ที่​มีความ​แหลมคม​ อีก​ทั้ง​ยัง​ร้อนระอุ​เป็นอย่างมาก​ หาก​มีคน​เอา​ไข่ไก่​ไปตอก​ไว้​บน​หิน​เหล่านั้น​ เกรง​ว่า​เพียงแค่​ไม่กี่​อึดใจ​คงจะ​ได้​ไข่​ทอดที่​สมบูรณ์แบบ​

ลูกศิษย์​นิกาย​เสวียน​อิน​หลาย​คน​คุกเข่า​อยู่​บน​พื้น​ มือ​และ​หัวเข่า​ล้วนแต่​ถูก​หิน​บาด​จน​ได้รับบาดเจ็บ​ เลือด​ที่​ไหล​ออกมา​ถูก​ความร้อน​ทำให้​เดือด​จน​ระเหย​กลายเป็น​ไอ​ ส่งกลิ่น​เหม็น​ไหม้​ที่​น่าสะอิดสะเอียน​ออกมา​

“ข้า​ไร้ความสามารถ​ ขอ​ท่าน​ประมุข​โปรด​ลงโทษ​ด้วย​”

พวกเขา​ไม่กล้า​ลุกขึ้น​มา ได้​แต่​โขก​ศีรษะ​อยู่​ตรงหน้า​คน​ผู้​นั้น​ไม่หยุด​ ไม่สนใจ​ว่า​หน้าผาก​ของ​ตนเอง​จะถูก​ลวก​จน​ได้รับบาดเจ็บ​หรือไม่​

เมื่อ​อยู่​ต่อหน้า​ความหวาดกลัว​ต่อ​ความตาย​ ความรู้สึก​เจ็บปวด​เช่นนี้​นั้น​ไม่มีค่า​ให้​พูดถึง​เลย​

คน​ผู้​นั้น​หมุนตัว​กลับมา​ รองเท้าหนัง​บดขยี้​ไปบน​หิน​จน​แตก​ละเอียด​กลาย​เป็นผง​สีแดง​

“ใช้เวลานาน​ขนาด​นี้​ แต่​ก็​ยัง​หา​ตัว​พวก​มัน​ไม่พบ​ แถมลูกศิษย์​ยัง​ต้อง​มาตาย​ไปอีก​สามคน​…คน​ที่​ตาย​ล่ะ​?”

ใน​เสียง​ของ​เขา​ไม่มีอารมณ์​ใดๆ​ ดู​แตกต่าง​กับ​สภาพแวดล้อม​รอบกาย​ที่​ร้อนระอุ​อย่าง​ชัดเจน​

มีลูกศิษย์​หาม​ศพ​สามศพ​เข้า​มาจาก​ทาง​ด้านนอก​หุบเขา​ นั่น​คือ​ลูกศิษย์​นิกาย​เสวียน​อิน​สามคน​ที่​ถูก​จิ๋งจิ่ว​ฆ่าตาย​

คน​ผู้​นั้น​เดิน​ไปตรงหน้า​ศพ​สามศพ​นั้น​อย่าง​ช้าๆ จากนั้น​ค่อยๆ​ ย่อ​ตัว​ลง​ไป บน​พื้นดิน​ที่อยู่​ด้านหลัง​มีร่อง​ตื้นๆ​ ปรากฏ​ขึ้น​มาร่อง​หนึ่ง​

ประมุข​นิกาย​เสวียน​อิน​ที่​เรียก​ตนเอง​ว่า​หมิง​หวัง​[1]ผู้​นี้​อายุ​ยัง​น้อย​ บน​ใบหน้า​เอง​ก็​มิได้​มีอารมณ์​ใดๆ​ ดู​เย็นชา​เป็น​อย่างยิ่ง​ แต่​ใน​ส่วนลึก​ของ​ดวง​ตากลับ​คล้าย​มีเปลวไฟ​ลุกโชน​อยู่​

ใน​อดีต​ก่อนที่​หลิ่ว​สือซุ่ย​จะทรยศ​ชิงซาน​ เขา​ก็​เคย​ใช้วิชา​มาร​ของ​นิกาย​เสวี่ยห​มัว​โจมตี​ใส่เจี่ยน​หรู​อวิ๋น​จน​ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​ ใน​ตอนนั้น​ดวงตา​ของ​เขา​ก็​มีเปลวไฟ​ที่​คล้ายคลึง​กัน​ลุกโชน​อยู่​

“ออก​กระบี่​สังหาร​คน​ตามอำเภอใจ​ เสร็จ​แล้ว​ไม่ใช่เพลิง​กระบี่​เผาศพ​ ไม่มีการ​ปกปิด​แม้แต่น้อย​…ผู้ฝึก​กระบี่​ของ​ชิงซาน​ยังคง​อวดดี​ถึงขนาด​นี้​”

หมิง​หวัง​มองดู​รอยตัด​บน​ศีรษะ​ของ​ศพ​ทั้ง​สามศพ​ สัมผัส​ได้​ถึงความคม​ที่อยู่​ใน​รอยตัด​เหล่านั้น​ เปลวไฟ​ที่อยู่​ใน​ส่วนลึก​ของ​ดวงตา​ยิ่ง​ลุกโชน​

หลังจาก​ซือเฟิงเฉิน​ฆ่าตัวตาย​ เขา​ก็​หนี​ออก​มาจาก​เมือง​เจาเก​อ​ ระหว่างทาง​กระโดด​ลง​มาจาก​หน้าผา​ก็ได้​เจอ​ของ​วิเศษ​ เข้าไป​ใน​เขา​ก็ได้​เจอ​ยอด​ฝีมือ​ ในที่สุด​ก็​ฝึก​วิชา​มาร​ที่​ร้ายกาจ​ได้​สำเร็จ​

หลัง​ขับไล่​ซูจึเย่​และ​ควบคุม​สำนัก​เสวียน​อิน​ได้​แล้ว​ เขา​ก็​บูชายัญ​ธงสุริยัน​ขึ้น​มาใหม่​ ทำให้​เขา​กลาย​เป็นยอด​คน​ทาง​วิถี​มาร​

เรื่อง​ที่​เขา​อยาก​ทำ​มาก​ที่สุด​ก็​คือ​ฆ่าจิ๋งจิ่ว​และ​เจ้าล่า​เย​วี่ย​ ดังนั้น​เขา​ย่อม​ต้อง​มีความเข้าใจ​ใน​เจตน์​กระบี่​ของ​ชิงซาน​เป็น​อย่าง​ดี​

เกา​ห​ยา​พลัน​เดิน​ออก​มาจาก​ใน​ส่วนลึก​ของ​หุบเขา​ โค้ง​คารวะ​เขา​ แต่​สุดท้าย​ก็​ไม่ยอม​เงยหน้า​ขึ้น​มา

หมิง​หวัง​เลิกคิ้ว​เล็กน้อย​ ก่อน​จะยกมือ​บอก​ให้​ทุกคน​ออก​ไป

เกา​ห​ยา​เงยหน้า​ขึ้น​มากล่าว​ทักท้วง​ว่า​ “สำนัก​จงโจว​นั้น​ยัง​ดี​หน่อย​ เพราะ​ถงเหยียน​เป็น​ศิษย์​ทรยศ​ แต่​นี่​กลับ​มีศิษย์​ชิงซาน​เพิ่มขึ้น​มาอีก​คน​หนึ่ง​…ขอ​ท่าน​ประมุข​โปรด​ไตร่ตรอง​ด้วย​”

ตอนนี้​อิทธิพล​ของ​นิกาย​เสวียน​อิน​ค่อยๆ​ กล้าแข็ง​ โดยเฉพาะ​หลังจากที่​ธงสุริยัน​ถูก​บูชายัญ​ขึ้น​มาใหม่​อีกครั้ง​ ก็​ยิ่ง​ทำให้​คนแก่​บาง​คนใน​นิกาย​หวน​นึกถึง​ความรู้สึก​เมื่อ​ใน​อดีต​ แต่​ถ้าหาก​ไปล่วงเกิน​ชิงซาน​และ​จงโจว​ซึ่งเป็น​สอง​ผู้นำ​ของ​ฝ่าย​ธรรมะ​พร้อมกัน​…เช่นนั้น​มัน​ก็​เท่ากับ​การ​รนหาที่​ตาย​

หมิง​หวัง​กล่าว​ด้วย​สีหน้า​เรียบ​เฉย​ “ใน​เมื่อ​เป็น​ศิษย์​ชิงซาน​ อย่างนั้น​ก็​ยิ่ง​ต้อง​ฆ่า ไม่ว่า​ใคร​ก็​อย่า​ได้คิด​ห้าม​ข้า​”

เกา​ห​ยา​สีหน้า​ดู​แย่​ขึ้น​มา เขา​กล่าว​เสียง​เบา​ๆ ว่า​ “ท่าน​ประมุข​ ท่าน​ยัง​กลับมา​วิหาร​ได้​ไม่นาน​ มีบาง​เรื่อง​ที่​ท่าน​อาจจะ​ยัง​ไม่รู้​ เมื่อ​สามร้อย​ปีก่อน​ ท่าน​ปรมาจารย์​….”

เสียง​หวึ่ง​ดัง​ขึ้น​ คลื่น​ความร้อน​ภายใน​หุบเขา​ปะทุ​ขึ้น​มา

หมิง​หวัง​รับรู้​ได้​ถึงความรู้สึก​ที่​ส่งมาจาก​ธงสุริยัน​ เลิกคิ้ว​มองออก​ไปด้านนอก​หุบเขา​ ใน​ใจครุ่นคิด​ว่า​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​คน​ไหน​ของ​ชิงซาน​กัน​แน่​ ทำไม​สัมผัส​ถูก​เพลิง​ของ​ธงแล้ว​ยัง​ไม่ตาย​?

……

……

เวลา​หนึ่ง​วันหนึ่ง​คืน​ผ่าน​ไป

นิกาย​เสวียน​อิน​เพิ่ม​กำลัง​ใน​การ​ค้นหา​ ขอบเขต​ของ​ข่าย​พลัง​ก็​ค่อยๆ​ หด​เล็ก​ลง​ มีศิษย์​หลาย​กลุ่ม​มาถึงบริเวณ​รอบ​ๆ ป่าแห่ง​นี้​

คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​ปล่อย​ภาพลวงตา​ออกมา​ ภาพลวงตา​ที่​มิได้​ดูเหมือน​จริง​เหมือน​อย่าง​ใน​ดินแดน​แห่ง​ความฝัน​สามารถ​ปิดบัง​ผู้​บำเพ็ญพรต​ธรรมดา​ได้​ แต่กลับ​ไม่สามารถ​ปิดบัง​ผู้​แข็งแกร่ง​ที่​แท้จริง​ได้​

หาก​เป็น​แบบนี้​ต่อไป​ คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​จะต้อง​ถูก​พบ​อย่าง​แน่นอน​

ถงเหยียน​มองดู​ชิงเอ๋อร์​ ใช้สายตา​สอบถาม​ว่า​พวก​ตน​สอง​คน​ควรจะ​หนี​ออก​ไปก่อน​หรือเปล่า​

หาก​จิ๋งจิ่ว​ชอบ​นอน​ก็​ปล่อย​ให้​เขา​นอน​อยู่​ที่นี่​ต่อไป​แล้วกัน​ จะได้​คอย​ช่วย​ดึงดูดสายตา​ของ​นิกาย​เสวียน​อิน​เอาไว้​ด้วย​

ชิงเอ๋อร์​มอง​จิ๋งจิ่ว​ นาง​รู้สึก​ลังเล​เล็กน้อย​

ในเวลาเดียวกัน​นั้น​เอง​ จิ๋งจิ่ว​ตื่นขึ้น​มา เจต​กระบี่​จางๆ จำนวน​นับไม่ถ้วน​พวยพุ่ง​ออก​มาจาก​ใต้ดิน​ที่อยู่​ด้านล่าง​ร่างกาย​เขา​ ก่อน​จะพุ่ง​กลับ​เข้าไป​ใน​ร่างกาย​ของ​เขา​ ทำให้​เสื้อ​เขา​พลิ้วไหว​เบา​ๆ

เขา​ย่อม​มิได้​หลับ​ไปจริงๆ​ หาก​แต่​ใช้เจตน์​กระบี่​ใน​การรับรู้​ และ​คำนวณ​ข่าย​พลัง​ของ​นิกาย​เสวียน​อิน​ อีก​ทั้ง​ระบุ​ตำแหน่ง​ของ​ไฟประหลาด​ที่อยู่​ใต้ดิน​เหล่านั้น​

เวลา​หนึ่ง​วันหนึ่ง​คืน​ เจตน์​กระบี่​ของ​เขา​ได้​ค้นหา​พื้นที่​ใต้ดิน​เป็น​รัศมี​ร้อย​กว่า​ลี้​จน​หมด​ ภายในใจ​มีการ​วิเคราะห์​อย่าง​คร่าวๆ​

เขา​มอง​ถงเหยียน​

ชิงเอ๋อร์​เข้าใจ​ความหมาย​ของ​เขา​ จึงกลับ​เข้าไป​ใน​คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​

ถงเหยียน​สะพาย​คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​เอาไว้​ด้านหลัง​

เสียง​หวึ่ง​ดัง​ขึ้น​

ภายใน​ป่ามีลม​พัด​ขึ้น​มา

เหล่า​ศิษย์​ของ​นิกาย​เสวียน​อิน​รับรู้​ได้​ถึงความเคลื่อนไหว​ พา​กัน​กรู​เข้ามา​ใน​ป่า แต่กลับ​ไม่พบ​อะไร​

กระทั่ง​ใบ​หญ้า​สอง​ใบ​นั้น​ก็​หาย​ไปด้วย​

บน​พื้น​มีรู​อยู่​รู​หนึ่ง​ ลึก​จน​ยาก​คาดคะเน​ได้​ ไม่รู้​ว่า​ทะลุ​ไปที่ไหน​

……

……

ทาง​ด้าน​เหนือ​ของ​ทุ่ง​กว้าง​รกร้าง​ยัง​คงอยู่​ใน​อาณาเขต​ของ​เขา​เห​ลิ่ง​ซาน​ เพียงแต่​สภาพอากาศ​ที่นี่​มีความ​หนาวเย็น​มากกว่า​

ภูเขา​หิมะ​อัน​ใหญ่โต​จำนวนมาก​ขวาง​อยู่​ด้านหน้า​ ปิดกั้น​เส้นทาง​ที่จะ​มุ่งหน้า​ไปยัง​ที่ราบ​หิมะ​เอาไว้​

พื้น​หิมะ​ที่อยู่​ตรง​ด้านหน้า​ภูเขา​หิมะ​ยกตัว​ขึ้น​มา จากนั้น​ระเบิด​ออก​

จิ๋งจิ่ว​และ​ถงเหยียน​บิน​ออก​มาจาก​ด้านใน​

ที่นี่​อยู่​ใกล้​กับ​ที่ราบ​หิมะ​

จิ๋งจิ่ว​เชื่อ​ว่า​ศิษย์​ของ​นิกาย​เสวียน​อิน​ไม่กล้า​มาที่นี่​ เพราะ​กระทั่ง​เขา​ก็​ยัง​ไม่อยาก​มา หรือ​พูด​อีก​อย่าง​ก็​คือ​ไม่กล้า​มาที่นี่​

ถงเหยียน​สะพาย​คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​ ทั้งเนื้อทั้งตัว​เปรอะเปื้อน​ด้วย​คราบ​ดิน​ เขา​มองดู​จิ๋งจิ่ว​ รู้สึก​นับถือ​

ความสามารถ​ใน​การ​ขุด​โพรง​ของ​จิ๋งจิ่ว​นั้น​ร้ายกาจ​อย่าง​ที่ว่า​ไว้​ แล้วก็​ไม่รู้​ว่า​เขา​ทำได้​อย่างไร​ ต่อให้​เป็น​หิน​ที่​แข็ง​แค่​ไหน​ เมื่อ​อยู่​ต่อหน้า​เขา​ก็​แหลกเหลว​ไปในทันที​

แต่​สิ่งที่​ทำให้​เขา​รู้สึก​นับถือ​ยิ่งกว่านั้น​ก็​คือ​จิ๋งจิ่ว​ได้​จดจำ​โครงสร้าง​ของ​เส้น​ปราณ​เพลิง​ใต้ดิน​และ​ข่าย​พลัง​ธงสุริยัน​เอาไว้​จน​หมด​

เส้น​ปราณ​เพลิง​ใต้ดิน​มีความ​ซับซ้อน​เป็นอย่างมาก​ ราวกับ​เขาวงกต​อย่างไร​อย่างนั้น​ พวกเขา​ทะลวง​อยู่​ใต้ดิน​เป็นเวลา​นาน​ แต่กลับ​ไม่เจอ​เปลวเพลิง​เลย​แม้แต่​ครั้ง​เดียว​

จิ๋งจิ่ว​มองดู​ภูเขา​หิมะ​ขนาดใหญ่​ที่อยู่​ตรงหน้า​ลูก​นั้น​ ก่อน​จะหมุนตัว​เดิน​ไปใน​ทิศทาง​ตรงกันข้าม​อย่าง​ไม่ลังเล​

ถงเหยียน​รู้สึก​ว่าการ​หมุนตัว​ของ​เขา​ดู​เกร็ง​ๆ ไปหน่อย​ จึงรู้สึก​แปลกใจ​เล็กน้อย​ แต่​ก็​ยัง​เดินตาม​ไป

ในเวลานี้​เอง​ เขา​พลัน​ได้ยิน​เสียง​ฝีเท้า​ดัง​ขึ้น​มา

จิ๋งจิ่ว​และ​ถงเหยียน​หยุด​ฝีเท้า​

เสียง​ฝีเท้า​นั้น​กลับ​ยังคง​ดัง​มาจาก​ด้านหลัง​

ถงเหยียน​มอง​ไปทาง​ภูเขา​หิมะ​ลูก​ใหญ่​ลูก​นั้น​

เสียง​ฝีเท้า​นั้น​ดัง​มาจาก​ด้านบน​ภูเขา​หิมะ​

เสียง​ฝีเท้า​ค่อนข้าง​มีเอกลักษณ์​

สว​บ.​..ครืด​

สว​บ.​..ครืด​

เสียง​แรก​นั้น​คือ​เสียง​พื้น​รองเท้า​เหยียบ​ไปบน​พื้น​หิมะ​ แต่​เสียง​หลัง​นั้น​กลับ​เหมือน​เสียง​ไม้กวาด​ที่​ลาก​ไปบน​พื้น​

หลังจากนั้น​ครู่หนึ่ง​ ถงเหยียน​ก็​มองเห็น​คน​ที่อยู่​บน​ภูเขา​หิมะ​คน​นั้น​

อยู่​ห่าง​กัน​หลาย​ลี้​ แต่​ยังคง​มองเห็น​ได้​อยู่​ ท่า​ทางการ​เดิน​ของ​คน​ผู้​นั้น​ดู​ค่อนข้าง​แปลก​ คล้าย​เดิน​กะเผลก​

เสียง​นั้น​คือ​เสียง​เท้า​ขวา​ของ​เขา​ลาก​ไปบน​พื้น​หิมะ​

นั่น​คือ​ประมุข​นิกาย​เสวียน​อิน​ที่​อายุ​ยัง​น้อย​ผู้​นั้น​

เขา​ค่อยๆ​ เดิน​มายัง​ริม​ผา​ มอง​ลง​มายัง​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​พลาง​กล่าวว่า​ “ทาง​ที่​ข้า​เตรียม​เอาไว้​ให้​พวก​เจ้า เดิน​สบายดี​ไหม​?”

ถงเหยียน​รู้สึก​ตกใจ​ ที่แท้​ที่​จิ๋งจิ่วสา​มารถ​พา​ตนเอง​หนี​ออก​มาจาก​ข่าย​พลัง​ของ​นิกาย​เสวียน​อิน​ได้​นั้น​เป็น​แผนการ​ที่​อีก​ฝ่าย​เตรียม​เอาไว้​

อีก​ฝ่าย​อยู่​ที่นี่​มาโดยตลอด​ รอคอย​ให้​พวกเขา​มาติดกับ​

นั่น​ย่อม​ต้อง​ง่ายก​ว่าการ​ไปเที่ยว​ค้นหา​พวกเขา​ใน​ทุ่ง​รกร้าง​ของ​เขา​เห​ลิ่ง​ซาน​

“แล้ว​เจ้าล่ะ​?”

จิ๋งจิ่ว​มองดู​เขา​ที่อยู่​บน​เขา​หิมะ​ กล่าวถาม​ว่า​ “ชีวิต​ที่​คนอื่น​เตรียม​เอาไว้​ให้​เจ้า สุข​สบายดี​ไหม​?”

เมื่อ​ได้ยิน​ประโยค​นี้​ สีหน้า​ของ​ประมุข​นิกาย​เสวียน​อิน​พลัน​เปลี่ยนไป​ทันที​

ใน​ช่วงเวลา​ยี่สิบ​สามปีหลัง​ออก​มาจาก​เมือง​เจาเก​อ​ เขา​ได้​พบ​เจอ​เรื่องราว​พิสดาร​มากมาย​ พิสดาร​เสีย​ยิ่งกว่า​ประสบการณ์​ของ​เห​อ​จาน​ที่​ขึ้นชื่อ​ที่สุด​เรื่อง​ความโชคดี​ที่สุด​ใน​โลก​แห่ง​การ​บำเพ็ญพรต​เสีย​อีก​ ไม่ว่า​จะทำ​อะไร​ก็​คล้าย​สามารถ​เก็บ​วิชา​และ​หิน​ผลึก​มาได้​ตลอดเวลา​ ดังนั้น​เส้น​ทางการ​บำเพ็ญ​เพียร​ของ​เขา​จึงราบรื่น​เป็นอย่างมาก​ ไม่เคย​ต้อง​กังวล​ว่า​ยา​หรือ​หิน​ผลึก​จะมีไม่เพียงพอ​ หรือว่า​ระดับชั้น​ของ​วิชา​ที่​ตนเอง​เก็บ​ได้​จะเป็น​วิชา​ต่ำต้อย​เลย​

ไม่ว่า​จะมอง​อย่างไร​ นี่​ล้วนแต่​มีปัญหา​

แต่​เขา​ไม่กล้า​คิดลึก​ลง​ไป เพราะ​เขา​กลัว​ว่า​ทันทีที่​พบ​กับ​ความจริง​ ทุกสิ่งทุกอย่าง​ที่​ตนเอง​มีอยู่​ใน​ตอนนี้​จะถูก​คน​ที่อยู่​เบื้องหลัง​เรื่องราว​เหล่านี้​ช่วงชิง​กลับ​ไปจน​ตนเอง​ไม่เหลือ​อะไร​

เขา​ได้​แต่​ต้อง​ใช้ความแค้น​และ​สภาวะ​มาทำให้​ตัวเอง​ยิ่ง​ด้านชา​ ขณะเดียวกัน​ก็​ใช้คำพูด​ประโยค​นั้น​มาปลอบประโลม​ตนเอง​

—- ข้า​คือ​ตัวเอง​ของ​เรื่อง​นี้​ ต่อให้​วันนั้น​มาถึงจริงๆ​ ข้า​ก็​จะเปลี่ยนแปลง​ชีวิต​ของ​ตัวเอง​ ตัด​มือ​ที่​แอบซ่อน​อยู่​เบื้องหลัง​ข้าง​นั้น​!

หลัง​บูชายัญ​ธงสุริยัน​ขึ้น​มาใหม่​ ความ​วิตก​และ​ความกังวล​ของ​เขา​ก็​มิได้​รุนแรง​เหมือน​อย่าง​ที่ผ่านมา​อีก​ แต่​ลึก​ๆ เขา​ก็​รู้​ว่า​เขา​ยัง​ห่างไกล​จาก​ความจริง​ ยัง​ห่างไกล​จาก​วัน​ที่จะ​ได้​เปิดเผย​ความจริง​ และ​ยัง​ห่างไกล​จาก​วัน​ที่จะ​เอาชนะ​ความจริง​ เพราะ​แม้กระทั่ง​วิชา​ลับ​ที่​ใช้บูชายัญ​ธงสุริยัน​เขา​ก็​ยัง​เก็บ​ได้​….

แต่​ใคร​จะไปคิด​ถึงว่า​วันนี้​เขา​กลับ​ได้ยิน​คำพูด​แบบนี้​ ถูก​คนอื่น​เปิดโปง​ความจริง​

เขา​รู้สึก​เหมือน​ตัวเอง​เป็น​เด็กน้อย​ที่​ไม่ใส่เสื้อผ้า​ ยืน​เปลือยเปล่า​อยู่​ใน​ภูเขา​หิมะ​ หนาวเย็น​เป็น​ยิ่งนัก​

มีหมิง​หวัง​อะไร​ที่ไหน​กัน​…เจ้ายัง​เป็น​หวัง​เสี่ยว​หมิง​นั่นแหละ​

………………………………………………………………………

[1]หมิง​หวัง​ หมายความว่า​ ราชา​หมิง​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด