มรรคาสู่สวรรค์ 27 วัตถุวิเศษชั้นสวรรค์ที่ต่อสู้ไม่เป็น ลูกเป็ดขี้เหร่ผู้ดื้อดึง

Now you are reading มรรคาสู่สวรรค์ Chapter 27 วัตถุวิเศษชั้นสวรรค์ที่ต่อสู้ไม่เป็น ลูกเป็ดขี้เหร่ผู้ดื้อดึง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จิ๋งจิ่ว​มองดู​คน​ที่​ยืน​อยู่​บน​ภูเขา​หิมะ​ผู้​นั้น​อย่าง​เงียบๆ​ ไม่รู้​เพราะเหตุใด​ ใน​สายตา​ของ​เขา​มีความรู้สึก​สงสาร​ปรากฏ​ขึ้น​มาเล็กน้อย​

ก่อนหน้านี้​เขา​ไม่รู้​ว่า​ประมุข​หนุ่ม​ของ​นิกาย​เสวียน​อิน​คือ​หวัง​เสี่ยว​หมิง​ จนกระทั่ง​ใน​ตอนที่​เขา​พา​กู้​ชิงเดิน​ทางผ่าน​เขา​เห​ลิ่ง​ซาน​ เขา​รับรู้​ได้​ถึงจิต​สังหาร​ที่อยู่​ใน​สายตา​ของ​อีก​ฝ่าย​ได้​อย่าง​ชัดเจน​ ดังนั้น​เขา​จึงเกิด​ความคิด​ที่จะ​ชิงสังหาร​อีก​ฝ่าย​ขึ้น​มา

การ​จะสังหาร​คน​ผู้​หนึ่ง​ ก่อนอื่น​ต้อง​รู้​ก่อน​ว่า​อีก​ฝ่าย​คือ​ใคร​ ใน​ช่วงเวลา​ที่​เขา​อยู่​เป็นเพื่อน​กั้วตง​ เจ้าล่า​เยวี่ย​และ​กู้​ชิงได้​สืบ​ข้อมูล​ของ​คน​ผู้​นี้​ผ่าน​ทาง​เจวี่ยน​เหลียน​เห​ริน​และ​ช่องทาง​อื่นๆ​ อย่าง​ละเอียด​ ซึ่งย่อม​ต้อง​รวมไปถึง​เรื่องราว​พิสดาร​ที่​อีก​ฝ่าย​ได้​พบ​เจอ​เหล่านั้น​ด้วย​

ขอ​เพียง​ได้​พบ​เจอ​เรื่องราว​พิสดาร​มาก​พอ​ ไม่ว่า​จะเป็นเรื่อง​ที่​แปลกประหลาด​แค่​ไหน​ และ​เติบโต​ได้​น่า​เหลือเชื่อ​แค่​ไหน​ก็​ล้วนแต่​สามารถ​อธิบาย​ได้​

แต่​ความรู้สึก​ที่​เหมือน​ถูก​จัดเตรียม​เอาไว้​ รสชาติ​ของ​การ​ที่​ถูก​ควบคุม​และ​บรรยากาศ​ที่​คล้ายคลึง​กับ​การ​เล่น​เกม​เช่นนี้​ จิ๋งจิ่ว​คุ้นเคย​เป็น​อย่าง​ดี​

ธงสุริยัน​ถูก​บูชายัญ​ขึ้น​มาใหม่​ได้​สำเร็จ​ นี่​ทำให้​เขา​ยิ่ง​มั่นใจ​ว่า​คน​ที่​แอบ​ซ่อนตัว​อยู่​เบื้องหลัง​เรื่องราว​นี้​ก็​คือ​ศิษย์​พี่​

จิ๋งจิ่ว​คล้าย​สามารถ​มองเห็น​จุดจบ​อัน​น่าหดหู่​ของ​ชายหนุ่ม​ผู้​นี้​ได้​ หาก​ไม่ถูก​เขา​ฆ่าก็​ถูก​ศิษย์​พี่​ปั่นหัว​จนตาย​

……

……

หวัง​เสี่ยว​หมิง​ยืน​อยู่​ริม​หน้าผา​บน​ภูเขา​หิมะ​ มองดู​ทั้งสอง​คน​ที่​ยืน​อยู่​บน​พื้น​เบื้องล่าง​ ตกตะลึง​เป็นอย่างมาก​ ใน​ใจครุ่นคิด​ว่า​คน​ผู้​นั้น​เป็น​ใคร​กัน​แน่​ เหตุใด​ถึงรู้​ความลับ​ที่​สำคัญ​ที่สุด​ของ​ตัวเอง​

หลังจากนั้น​ ในที่สุด​เขา​ก็​มองเห็น​ใบหน้า​ของ​จิ๋งจิ่ว​ได้​ชัดเจน​ จึงตกตะลึง​ไปทันที​

เขา​พูด​พึมพำ​ขึ้น​มากับ​ตัวเอง​ว่า​ “เป็น​เจ้านี่เอง​?”

ความรู้สึก​คาดไม่ถึง​ ตกตะลึง​ แล้วก็​ยินดี​ อารมณ์​ต่างๆ​ นานา​ประเด​ประดัง​เข้ามา​ใน​หัวใจ​ของ​เขา​ ทำให้​เขา​ลืม​ความรู้สึก​เย็นยะเยือก​หลังจากที่​ถูก​จิ๋งจิ่ว​เปิดโปง​ความจริง​ไป

มุมปาก​ของ​เขา​กระตุก​ขึ้น​มาเล็กน้อย​ เผย​ให้​เห็น​รอยยิ้ม​ที่​ดู​แข็ง​เกร็ง​และ​วิตกจริต​

เปลวไฟ​ที่อยู่​ใน​ดวงตา​ของ​เขา​เหล่านั้น​ยิ่ง​ลุกโชน​ขึ้น​กว่า​เดิม​ คล้าย​ว่า​พร้อม​ที่จะ​แผดเผา​ทุกสิ่งทุกอย่าง​บน​โลก​ให้​มอดไหม้​ เหมือนกับ​ธงสุริยัน​ที่​ตาม​ติดตัว​เขา​

หลังจากนั้น​ริมฝีปาก​ของ​เขา​ก็​ยิ่ง​สั่น​รุนแรง​ขึ้น​ รอยยิ้ม​ยิ่ง​ดู​คุ้มคลั่ง​ ตะโกน​เสียง​ดังสนั่น​ว่า​ “เป็น​เจ้านี่เอง​! จิ๋ง…”

เสียง​ของ​หวัง​เสี่ยว​หมิง​พลัน​ขาดหาย​ไป

เหมือนกับ​ลูกศิษย์​ของ​นิกาย​เสวียน​อิน​ที่​ตาย​ไปแล้ว​ผู้​นั้น​ที่​เพิ่งจะ​พูด​ออกมา​แค่​ตัว​จิ๋งตัว​เดียว​

ลำแสง​กระบี่​ที่​เย็นยะเยือก​และ​อ้างว้าง​สาย​หนึ่ง​ปรากฏ​ขึ้น​ตรงหน้า​ภูเขา​หิมะ​

ภูเขา​หิมะ​มิได้​ดู​หนาวเย็น​เหมือน​อย่าง​ก่อนหน้านี้​อีก​

เสียง​ชิ้งดัง​ขึ้น​ชัดเจน​

ไม่รู้​ว่า​กระบี่​คม​จักรวาล​ไปอยู่​ตรงนั้น​ตั้งแต่​เมื่อไหร่​ จากนั้น​ฟัน​ลง​ไป!

หวัง​เสี่ยว​หมิง​ย่อม​ไม่มีทาง​ถูก​ฟัน​ตาย​ใน​กระบี่​เดียว​เหมือน​อย่าง​ศิษย์​ของ​นิกาย​เสวียน​อิน​ผู้​นั้น​

ธงสีดำ​ผืน​หนึ่ง​ปรากฏ​ขึ้น​มาจาก​ข้าง​กาย​ของ​หวัง​เสี่ยว​หมิง​ จากนั้น​ม้วนตัว​เหมือน​คลื่น​ทะเล​ ฟาด​ไปยัง​กระบี่​คม​จักรวาล​

สีของ​ธงสีดำ​ผืน​นั้น​มืดมิด​ คล้าย​กับ​หุบเหว​ลึก​ก็​มิปาน​ บน​ตัว​ธงมีรอยด่าง​สีเลือด​เป็น​ดวง​ๆ แผ่​กระจาย​อุณหภูมิ​ที่​ร้อนระอุ​จน​น่ากลัว​ออกมา​

ดู​แล้ว​นี่​คงจะ​เป็น​ของล้ำค่า​ที่สุด​ของ​นิกาย​เสวียน​อิน​ ธงสุริยัน​ที่​เล่าลือ​กัน​

ธงสุริยัน​ขยับ​

ใน​ภูเขา​หิมะ​คล้าย​มีดวงอาทิตย์​อัน​ร้อนแรง​ปรากฏ​ขึ้น​มา

กระบี่​คม​จักรวาล​ยิ่ง​สว่าง​เจิดจ้า​

ธงสุริยัน​ไม่ได้​ฟาด​ไปทาง​กระบี่​คม​จักรวาล​จริงๆ​ ธงแอบซ่อน​อยู่​ใน​ป่าทึบ​ อากาศ​ที่อยู่​รอบ​ๆ บิดเบี้ยว​ขึ้น​มา

เสียง​ฉัวะ​ดัง​ขึ้น​เบา​ๆ

กระบี่​คม​จักรวาล​แหวก​อากาศ​ที่​บิดเบี้ยว​ แฉลบ​ผ่าน​ธงสุริยัน​ไป ก่อน​จะบิน​เฉียง​ไปทาง​ผา​หิน​

จากนั้น​ครู่หนึ่ง​ ตรง​ภูเขา​หิมะ​มีเสียง​ดังสนั่น​คล้าย​เสียง​ฟ้าคำราม​ดัง​ขึ้น​มา

ลำแสง​กระบี่​บิน​กลับมา​

หิมะ​หนา​ๆ จำนวน​นับไม่ถ้วน​พัง​ถล่ม​ลง​มาจาก​บน​ภูเขา​ด้าน​นั้น​ ค่อยๆ​ ถมตีนเขา​จน​เต็ม​

……

……

จิ๋งจิ่ว​ยื่นมือ​ไปเก็บ​กระบี่​คม​จักรวาล​กลับมา​ ก่อน​จะก้มหน้า​มอง​ลง​ไป

ถงเหยียน​มองดู​เขา​ ใน​ใจครุ่นคิด​ว่า​นี่​กำลัง​ทำ​อะไร​?

กระบี่​นี้​โจมตี​อย่าง​กะทันหัน​ อย่า​ว่าแต่​หวัง​เสี่ยว​หมิง​เลย​ กระทั่ง​ตัว​เขา​ก็​ยัง​คิดไม่ถึง​ด้วยซ้ำ​

“ข้า​ไม่ชอบ​เสียง​ร้องไห้​โวยวาย​”

จิ๋งจิ่ว​ตรวจดู​จน​มั่นใจ​ว่า​กระบี่​คม​จักรวาล​ไม่มีปัญหา​ จากนั้น​กล่าวว่า​ “ธงนี่​ร้ายกาจ​จริงๆ​ ตอนนี้​ข้า​ยัง​ไม่ใช่คู่ต่อสู้​ของ​มัน​”

ถงเหยียน​ถึงได้​รู้​ว่า​ที่แท้​เขา​กำลัง​ทดสอบ​กระบี่​ ใน​ใจครุ่นคิด​ว่า​ช่างเหลวไหล​จริงๆ​ นี่​ยัง​ต้อง​ทดสอบ​ก่อน​หรือ​ถึงจะรู้​ได้​?

ธงสุริยัน​คือ​ของล้ำค่า​ของ​นิกาย​เสวียน​อิน​ ระดับชั้น​สูงส่งเป็น​อย่างยิ่ง​ เพียงแค่​พลัง​สังหาร​ก็​เรียก​ได้​ว่า​อยู่​ใน​สิบ​อันดับ​แรก​ของ​โลก​แห่ง​การ​บำเพ็ญพรต​ เรื่อง​การป้องกัน​เอง​ก็​แข็งแกร่ง​เป็นอย่างมาก​

อย่า​ว่าแต่​กระบี่​คม​จักรวาล​ที่​มีข้อจำกัด​เรื่อง​ความเร็ว​เลย​ ต่อให้​เป็น​กระบี่​มิคำนึง​ที่​เร็ว​ที่สุด​ของ​ชิงซาน​ก็​ยัง​ยาก​ที่จะ​ทลาย​การป้องกัน​ของ​ธงสุริยัน​เข้าไป​สังหาร​หวัง​เสี่ยว​หมิง​ได้​

ด้วย​การ​ทดสอบ​กระบี่​นี้​ จิ๋งจิ่ว​วิเคราะห์​ออกมา​ได้​ว่า​ธงสุริยัน​นั้น​ร้ายกาจ​จริงๆ​ หวัง​เสี่ยว​หมิง​พบ​เจอ​เรื่อง​พิสดาร​ไม่หยุด​ พลัง​มาร​กล้าแข็ง​ เทียบ​กับ​ตัวเอง​แล้ว​ด้อย​กว่า​เพียง​เล็กน้อย​เท่านั้น​

หาก​เขา​จะฆ่าหวัง​เสี่ยว​หมิง​ วิธี​ที่​ง่าย​ที่สุด​และ​ดี​ที่สุด​ก็​คือ​เอา​อาวุธ​วิเศษ​ที่​มีระดับชั้น​เท่าเทียม​กับ​ธงสุริยัน​มาสู้

ขอ​เพียง​ธงสุริยัน​ไม่อาจ​ปกป้อง​นาย​ได้​ การ​จะฆ่าหวัง​เสี่ยว​หมิง​ก็​ย่อม​ไม่ใช่เรื่อง​ยาก​

จิ๋งจิ่ว​มอง​คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​ที่อยู่​ด้านหลัง​ถงเหยียน​ กล่าวว่า​ “ประเดี๋ยว​เจ้าไปเปิดทาง​”

ชิงเอ๋อร์​ได้ยิน​คำพูด​นี้​ก็​ร้อนใจ​ขึ้น​มาทันที​ รีบ​บิน​ออก​มาจาก​ใน​คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​พลาง​กล่าวว่า​ “ข้า​สู้ไม่เป็น​นะ​”

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “อืม​?”

“ของ​วิเศษ​นั้น​มีหลายชนิด​ บาง​อัน​ก็​อานุภาพ​สะเทือน​ฟ้าดิน​ บาง​อัน​ก็​ล้ำลึก​พิสดาร​จน​สามารถ​รู้แจ้ง​ถึงวิถี​ ไม่ใช่ว่า​ของ​วิเศษ​ทุกอย่าง​จะสามารถ​ใช้ต่อสู้​ได้​”

ถงเหยียน​อธิบาย​ให้​เขา​ฟัง ใน​ใจครุ่นคิด​อาจารย์​ที่อยู่​ใน​เขา​อวิ๋นเมิ่ง​พูด​ถูก​ สำนัก​ชิงซาน​ไม่ได้​ของ​วิเศษ​อะไร​ จึงไม่มีความรู้​เรื่อง​พวก​นี้​แม้แต่​นิดเดียว​

จิ๋งจิ่ว​คิดในใจ​ว่า​หาก​ไม่เอา​มาใช้ต่อสู้​ อย่างนั้น​ของ​วิเศษ​ชั้น​สวรรค์​จะไปต่าง​อะไร​กับ​เหล็ก​ผุ​ๆ?

เขา​กล่าว​กับ​ถงเหยียน​ว่า​ “อย่างนั้น​ประเดี๋ยว​พวก​ข้า​ออก​ไปก่อน​ เจ้าอยู่​ที่นี่​ พยายาม​ดึงดูด​ความสนใจ​เอาไว้​”

ชิงเอ๋อร์​รู้สึก​จนปัญญา​ ใน​ใจครุ่นคิด​ว่า​คน​ที่​เล่น​หมากล้อม​อย่าง​พวก​เจ้ามีนิสัย​แบบนี้​เหมือนกัน​หมด​หรือ​? ความเห็น​ไม่ตรงกัน​ก็​ทิ้ง​กัน​เลย​?

……

……

หวัง​เสี่ยว​หมิง​ยืน​อยู่​ตรง​ริม​ผา​ ได้ยิน​เสียง​หิมะ​ถล่ม​ที่​ดัง​ขึ้น​ไม่ขาดสาย​ทาง​ภูเขา​หิมะ​ลูก​ใหญ่​ลูก​นั้น​ รับรู้​ได้​ถึงแรง​สั่นสะเทือน​ที่​แผ่​มาจาก​ใต้เท้า​ นิ่งเงียบ​ไปพูด​อะไร​

ผ่าน​ไปครู่ใหญ่​เขา​ถึงจะดึง​สายตา​กลับมา​ มอง​ไปยัง​กระบี่​ที่อยู่​ข้าง​กาย​จิ๋งจิ่ว​

กระบี่​ที่​จิ๋งจิ่ว​ใช้ออกมา​เมื่อครู่นี้​รวดเร็ว​เป็นอย่างมาก​ อีก​ทั้ง​ยัง​อันตราย​เป็นอย่างมาก​ คิดไม่ถึง​ว่า​จะเข้ามา​ใกล้​ตัวเอง​อย่าง​เงียบๆ​ จนกระทั่ง​มาถึงจุด​ที่​ทำให้​เขา​รู้ตัว​ถึงจะเปิดฉาก​โจมตี​ เขา​แทบจะ​ไม่ทัน​ได้​ตอบสนอง​ หาก​มิเป็น​เพราะ​มีธงสุริยัน​คอย​คุ้มครอง​ เกรง​ว่า​ในเวลานี้​เขา​คงจะ​ได้รับบาดเจ็บ​ หรือ​อาจจะ​แย่​กว่า​นั้น​ก็​เป็นได้​

เช่นนั้น​ก็​หมายความว่า​หาก​ไม่มีธงสุริยัน​ เขา​ย่อม​มิใช่คู่ต่อสู้​ของ​จิ๋งจิ่ว​อย่าง​แน่นอน​

ความจริง​อันนี้​ทำให้​เขา​รู้สึก​ค่อนข้าง​ผิดหวัง​

หลัง​ออก​มาจาก​เมือง​เจาเก​อ​ เขา​เก็บ​ความแค้น​ที่​อัด​แน่น​อยู่​เต็มอก​ ทุ่มเท​กำลัง​และ​เวลา​ ใช้ความ​ขยันหมั่นเพียร​และ​หิน​ผลึก​กับ​ยาวิเศษ​ที่​พบ​เจอ​เข้า​โดยบังเอิญ​ ฝึกฝน​วิชา​มาร​ที่​ดี​ที่สุด​ที่​พบ​เจอ​อย่าง​บังเอิญ​เช่นเดียวกัน​ คิด​ๆ ดู​แล้ว​เขา​เข้าสู่​โลก​แห่ง​การ​บำเพ็ญพรต​ช้ากว่า​จิ๋งจิ่ว​เพียงแค่​ไม่กี่​ปีเท่านั้น​ แต่​วันนี้​ก็​ยัง​มิอาจ​เทียบ​กับ​อีก​ฝ่าย​ได้​ หรือว่า​ชาติ​นี้​ตัวเอง​จะไม่มีทาง​ไล่ตาม​อีก​ฝ่าย​ได้​ทัน​?

ไม่ นั่น​เป็น​เพราะ​กระบี่​ของ​จิ๋งจิ่วดี​เกินไป​!

ได้ยิน​ว่า​เขา​ก็​พบ​เจอ​เรื่อง​ประหลาด​ใน​วัด​กั่วเฉิง​ หลอม​กระบี่​บิน​ชั้น​เซียน​ขึ้น​มาได้​เล่ม​หนึ่ง​ ดู​แล้ว​คงจะ​เป็น​กระบี่​เล่ม​นี้​

ใน​เมื่อ​ต่าง​ก็​เจอ​เรื่อง​ที่​เหนือ​ความคาดหมาย​เหมือนกัน​ เจ้าเอา​กระบี่​เล่ม​นี้​มาเป็น​ส่วนหนึ่ง​ของ​โลก​บำเพ็ญพรต​ ข้า​ก็​เอา​ธงสุริยัน​เข้ามา​เหมือนกัน​ อย่างนั้น​ข้า​ก็​ก้าว​ข้าม​เจ้าไปตั้ง​นาน​แล้ว​!

เมื่อ​คิดได้​เช่นนี้​ เขา​ก็​สงบสติอารมณ์​ลง​ พลาง​กล่าวว่า​ “กระบี่​ของ​เจ้าไม่ธรรมดา​จริงๆ​ ด้วย​ พรสวรรค์​ทาง​วิถี​กระบี่​เอง​ก็​ไม่ธรรมดา​ แต่​เจ้ารู้​ไหม​ว่า​สิ่งที่​เจ้าร้าย​อาจ​จริงๆ​ คือ​อะไร​?”

จิ๋งจิ่ว​ย่อม​ต้อง​ไม่สนใจ​เขา​ สายตา​มอง​ไปรอบ​ๆ ภูเขา​หิมะ​ ไม่รู้​ว่า​กำลัง​คิด​คำนวณ​อะไร​อยู่​

ถงเหยียน​ค่อนข้าง​สนใจ​ จึงกล่าวถาม​ว่า​ “คือ​อะไร​?”

“สิ่งที่​เจ้าร้ายกาจ​จริงๆ​ ก็​คือ​โชค​ เกรง​ว่า​ต่อให้​เป็น​ไข่มุก​ราตรี​ก็​ยัง​ดู​สลัว​ลง​ไป ไม่รู้​ว่า​มีคน​มาก​น้อย​เท่าไร​อิจฉา​ที่​เจ้าสามารถ​เข้าไป​ใน​ชิงซาน​ได้​”

มุมปาก​ของ​หวัง​เสี่ยว​หมิง​กระตุก​เล็กน้อย​ ยิ้ม​เหมือน​คน​วิตกจริต​พลาง​กล่าวว่า​ “แต่​น่าเสียดาย​ที่​วันนี้​โชค​เจ้าไม่ดี​ มาถูก​ข้า​พบ​เข้า​”

จิ๋งจิ่ว​รู้​ว่า​ใน​เวลา​แบบนี้​คน​แบบนี้​จะพูด​อะไร​ เขา​มิได้​รู้สึก​สนใจ​แม้แต่น้อย​ ไม่ได้​ฟังแม้แต่​คำ​เดียว​

เขา​มองดู​กระบี่​คม​จักรวาล​ที่อยู่​ใน​มือ​อีกครั้ง​ มั่นใจ​แล้ว​ว่า​ร่องรอย​ที่เกิด​จาก​น้ำลาย​ของ​ราชา​ปลา​ไน​เพลิง​ได้​หาย​ไปแล้ว​ จึงยิ่ง​รู้สึก​มั่นใจ​ใน​ความคิด​ของ​ตัวเอง​

จิ๋งจิ่ว​ไม่พูด​ ถงเหยียน​ก็ได้​แต่​ต้อง​แสดง​เป็น​คู่สนทนา​ต่อไป​เพื่อ​ถ่วงเวลา​ เขา​มองดู​หวัง​เสี่ยว​หมิง​ที่อยู่​บน​หน้าผา​ของ​ภูเขา​หิมะ​ กล่าว​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ว่า​ “จาก​ที่​สำนัก​จงโจว​ของ​ข้า​สืบมา​ ท่าน​ไม่เคย​ทำร้าย​ผู้บริสุทธิ์​ ใน​ใจมีความเมตตา​อยู่​ เหตุใด​ถึงไม่กลับตัวกลับใจ​ เปลี่ยน​จาก​อธรรม​เป็น​ธรรมะ​?”

“เปลี่ยน​จาก​อธรรม​เป็น​ธรรมะ​? ฮ่าๆๆๆๆ!”

หวัง​เสี่ยว​หมิง​หัวเราะ​เสียงดัง​ คล้าย​ได้ยิน​เรื่อง​ที่​เหลวไหล​บางอย่าง​

“ใน​สายตา​ข้า​มีธรรมะ​อธรรม​ที่ไหน​กัน​? ไม่ว่า​จะเป็น​ธรรมะ​หรือ​อธรรม​ ขอ​เพียง​เป็น​ผู้​บำเพ็ญพรต​ก็​ล้วนแต่​สมควร​ตาย​!”

ถงเหยียน​นิ่งเงียบ​ไปครู่​ ก่อน​กล่าวว่า​ “ที่แท้​ท่าน​ไม่ทำร้าย​ผู้บริสุทธิ์​ เพียงแต่​เพราะ​คน​เหล่านั้น​เป็น​คนธรรมดา​”

หวัง​เสี่ยว​หมิง​กล่าวว่า​ “ถูกต้อง​ แต่ไหนแต่ไร​มาข้า​ไม่เคย​คิด​ว่า​ตัวเอง​เป็น​ผู้​บำเพ็ญพรต​อะไร​นั่น​ ถึงแม้จะฝึก​วิชา​อะไร​พวก​นั้น​ แต่​ข้า​ยัง​เป็น​คนธรรมดา​คน​หนึ่ง​อยู่​”

จาก​สีหน้า​และ​น้ำเสียง​ของ​เขา​ จะเห็น​ได้​เลย​ว่า​เขา​แอบ​ภูมิใจใน​เรื่อง​นี้​อยู่​ลึก​ๆ

ถงเหยียน​กล่าวถาม​ว่า​ “ความแค้น​ที่​ท่าน​มีต่อ​ผู้​บำเพ็ญพรต​นั้น​มาจาก​ไหน​กัน​แน่​?”

“ผู้​บำเพ็ญพรต​อย่าง​พวก​เจ้ารังแก​คนธรรมดา​อย่าง​พวก​ข้า​ รังแก​มาเป็นเวลา​เนิ่นนาน​ แต่​กลับมา​ถามว่า​ความแค้น​ของ​ข้า​มาจาก​ไหน​?”

หวัง​เสี่ยว​หมิง​ตะโกน​อย่าง​โกรธแค้น​ว่า​ “พวก​ข้า​ควร​เกิด​มาถูก​พวก​เจ้ารังแก​ ถูก​พวก​เจ้าจิกหัวใช้​อย่างนั้น​หรือ​? มีสิทธิ์​อะไร​!”

เสียง​ตะโกน​ของ​เขา​ดัง​สะท้อน​ไปมาตรงหน้า​ภูเขา​หิมะ​ที่​เงียบสงัด​ ตรง​ภูเขา​ทาง​ด้าน​นั้น​มีชั้น​หิมะ​พัง​ถล่ม​ลงมา​อีกครั้ง​ ส่งเสียง​โครมคราม​ ราวกับว่า​กำลัง​ตอบสนอง​ต่อ​เสียง​ตะโกน​ของ​เขา​

ครั้งนี้​ถงเหยียน​นิ่งเงียบ​ไปเป็นเวลา​นาน​ ก่อน​จะกล่าวว่า​ “สุดท้าย​ก็​เป็นเรื่อง​จุดยืน​ที่​ไม่เหมือนกัน​ ตอนนี้​ท่าน​ก็​เป็น​ผู้​บำเพ็ญพรต​คน​หนึ่ง​ น่าจะ​เข้า​ใจถึงหลัก​เหตุผล​ที่อยู่​ใน​นั้น​ได้​”

หวัง​เสี่ยว​หมิง​กล่าว​เสียงทุ้ม​ต่ำ​ “ไม่ เมื่อกี้​ข้า​เพิ่งจะ​พูด​ไปอย่างไร​ล่ะ​ ว่า​ข้า​ไม่เคย​คิด​ว่า​ตัวเอง​เป็น​ผู้​บำเพ็ญพรต​”

ถงเหยียน​มองดู​ขา​ขวา​ของ​เขา​ ก่อน​กล่าวว่า​ “ตอนนี้​พลัง​มาร​ของ​ท่าน​กล้าแข็ง​ เห็น​ๆ อยู่​ว่า​สามารถ​รักษา​ขา​ขวา​ที่​พิการ​ของ​ตัวเอง​ได้​ แต่กลับ​ดึงดัน​ที่จะ​เป็น​คน​ขา​เป๋ คง​เป็น​เพราะ​คิด​อยาก​จะเตือนสติ​ตัวเอง​ว่า​ไม่ให้​ลืม​สถานะ​ของ​คนธรรมดา​ใช่หรือไม่​?”

หวัง​เสี่ยว​หมิง​คิดไม่ถึง​ว่า​เขา​จะสามารถ​มอง​ทะลุ​จิตใจ​ของ​ตัวเอง​ได้​ จึงกล่าว​เสียง​ขมขื่น​ว่า​ “ถูกต้อง​”

ถงเหยียน​มองดู​เขา​พลาง​กล่าว​อย่าง​รู้สึก​สงสาร​ว่า​ “แต่​เสียดาย​ที่​สิ่งที่​ท่าน​ทำ​มัน​เปล่าประโยชน์​ เพราะ​ตอนนี้​ท่าน​มิใช่คนธรรมดา​แล้ว​ ท่าน​ได้​กลายเป็น​ผู้​บำเพ็ญพรต​ที่​ท่าน​เคย​รังเกียจ​ที่สุด​ไปแล้ว​”

หวัง​เสี่ยว​หมิง​ถูก​สายตา​ของ​เขา​และ​คำพูด​ที่​คอย​พูด​ย้ำ​เตือน​ของ​เขา​กระตุ้น​ให้​โกรธ​ จึงกล่าว​อย่าง​หงุดหงิด​ว่า​ “ข้า​บอก​เจ้าแล้ว​ว่า​ข้า​ไม่ได้คิด​เช่นนี้​”

“ความแตกต่าง​ระหว่าง​ผู้​บำเพ็ญพรต​กับ​คนธรรมดา​นั้น​มิได้​อยู่​ที่​แนวคิด​ มิได้​อยู่​ที่​รูปลักษณ์ภายนอก​ มิได้​อยู่​ที่​ความดี​ความ​ชั่ว​ แล้วก็​มิได้​อยู่​ที่​อายุขัย​ที่​ยืนยาว​ เกณฑ์​เพียง​หนึ่งเดียว​ที่​ทำให้​พวกเขา​ต่างกัน​ก็​คือ​บำเพ็ญ​เพียร​ได้​หรือไม่​”

ถงเหยียน​ส่าย​ศีรษะ​ กล่าวว่า​ “หาก​บำเพ็ญ​เพียร​ได้​ก็​คือ​ผู้​บำเพ็ญพรต​ หาก​บำเพ็ญ​เพียร​ไม่ได้​ก็​เป็น​คนธรรมดา​ ตัว​ท่าน​จะคิด​อย่างไร​ก็​ไม่มีความหมาย​”

จิ๋งจิ่ว​ส่งเสียง​อืม​ แสดงออก​ว่า​เห็นด้วย​

หลัก​เหตุผล​ง่ายๆ​ เช่นนี้​ เขา​ขี้เกียจ​ที่จะ​พูด​

ห่าน​ฟ้าสีขาว​ที่​งดงาม​ตัว​หนึ่ง​โบยบิน​ไปใน​ท้องฟ้า​ เพียงแต่​เป็น​เพราะ​คิดถึง​แม่เป็ด​และ​พี่น้อง​ของ​ตัวเอง​ จึงพยายาม​บอ​กว่า​ตัวเอง​เป็น​เป็ด​ นี่​อาจจะ​เป็นการ​ให้ความสำคัญ​กับ​ความรัก​ความรู้สึก​ แต่​มัน​มิใช่ความจริง​

คน​ผู้​หนึ่ง​กลายเป็น​ด้วง​ เขา​ย่อม​ต้อง​อยาก​จะเป็น​คน​ต่อ​ แต่​เสียดาย​ที่​ไม่มีใคร​ยอมรับ​เขา​ เขา​จึงได้​แต่​ต้อง​ถือ​ดอกไม้​ที่​บิด​ขึ้น​มาจาก​แผ่น​เหล็ก​แล้วไป​นั่ง​อยู่​ใน​ลาน​ทิ้ง​ขยะ​ หวน​คิดถึง​วัน​เวลา​ใน​อดีต​

หาก​ถงเหยียน​ใจร้าย​อีกหน่อย​ เขา​อาจจะ​ถามหวัง​เสี่ยว​หมิง​ไปว่า​

ท่าน​ยืนกราน​ว่า​ตัวเอง​เป็น​คนธรรมดา​ มิใช่ผู้​บำเพ็ญพรต​ แล้ว​คนธรรมดา​ที่อยู่​บน​โลก​ยัง​จะคิด​ว่า​ท่าน​เป็น​พวก​เดียวกัน​หรือเปล่า​?

………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด