มหากาพย์ดาบเทวะ! 91
ตอนที่ 91 เสียใจ
ประกายแห่งความตื่นเต้นปรากฏผ่านดวงตาหลินชานขณะมองไปยังพลังปราณจากตัวหยางเย่ เขาเอ่ยคําพร้อมพยักหน้า “ไม่เลว ไม่เลว ตาเฒ่าเหล่านั้นและข้าต่างก็สงสัยว่า เหตุใดพลังปราณล้ำลึกของเจ้าถึงได้บริสุทธิ์นักทั้งที่ยังอยู่เพียงขั้นปราณมนุษย์ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่พลังปราณห้าธาตุทองคําจะบริสุทธิ์ถึงเพียงนี้ บัดนี้ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ามีเจตจํานงแห่งดาบในตํานานนั่นเอง”
หยางเย่ชะงักไปครู่หนึ่ง เขามองไปที่เปาเอ๋อก่อนจะเงยหน้ามองชายชราที่ทําท่าที่เหมือนเข้ ใจบางสิ่งบางอย่าง
เมื่อเห็นหยางเย่มองอย่างงุนงง เปาเอ๋อรีบวิ่งเข้าไปเตะหยางเยพร้อมกล่าว “เจ้านั่ง รีบคารวะอาจารย์เจ้าสิ!”
“เขาคืออาจารย์เรางั้นหรือ?” หยางเย่หายจากอาการตกตะลึงก่อนจะรีบเดินตรงไปคํานับชายชราพร้อมโค้งคํานับ จากนั้นเขากล่าวด้วยความเคารพอย่างสูง “หยางเย่คารวะอาจารย์!”
หากชายชราไม่เห็นความสามารถของหยางเย่ เช่นนั้นเขาคงหาได้สนใจไม่ แต่ด้วยสายตาของชายชราที่มองมา หยางเย่ทราบทันทีว่าเขาค่อนข้างพอใจ ยิ่งกว่านั้น ชายชราผู้นี้อาจจะสามารถปกป้องน้องสาวของเขาได้ เช่นนั้นหยางเย่ที่กําลังถูกต้อนจนมุมได้รีบเข้าไปขอความช่วยเหลือจากเขาทันที
รอยยิ้มหลินชานกว้างขึ้นทันทีที่เห็นหยางเย่แสดงความเคารพในฐานะศิษย์กับอาจารย์ บัดนี้ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์กับอาจารย์ได้ถูกต้องสมบูรณ์เรียบร้อย ขณะเดียวกันเขารู้สึกโชคดีที่หยางเย่ออกจากเมืองอาทิตย์อุทัยในวันนั้น เพราะมันทําให้บรรดาผู้อาวุโสสมาคมยันต์หาตัวเขาไม่พบ มิเช่นนั้น ศิษย์ยอดอัจฉริยะคนนี้คงตกไปอยู่ในมือผู้อื่นแล้ว
ทันใดนั้นเปาเอ๋อเผยรอยยิ้มพร้อมกล่าว “ท่านปู่ ศิษย์คนนี้ที่เปาเอ๋อรับมาไม่เลวเลยใช่หรือไม่?”
ตอนนี้เปาเอ๋อราวกับเด็กที่ทําบางอย่างที่สําคัญสําเร็จ และกําลังรอคําชื่นชมจากผู้ใหญ่
หลินชานลูบหัวเปาเอ๋อพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม ”ถูกต้อง ในที่สุดเจ้าก็ทําบางอย่างที่ถูกต้องจนได้ ปู่ทราบดีว่าเจ้าต้องการอะไร ไม่ต้องห่วง ปู่จะให้รางวัลเจ้าอย่างงาม”
ทันทีที่กล่าวจบ หลินชานพยุงหยางเย่ขึ้น ”มาเถอะ กลับไปยอดเขาผู้ใช้ยันต์กับข้า”
หยางเย่ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนกล่าว “อาจารย์ ราชวังบุปผา…”
ถึงแม้หลินชานจะรับเขาเป็นศิษย์เรียบร้อย หยางเย่ก็ยังคงกังวล เพราะความแข็งแกร่งของราชวังบุปผาหาได้ด้อยไปกว่าสํานักดาบราชันไม่ ดังนั้นหยางเย่จึงไม่แน่ใจว่าชายชราผู้นี้กล้าพอจะต่อต้านราชวังบุปผาหรือเปล่า
หลินชานสะบัดมือพร้อมกล่าว “อย่าได้กังวล ข้ามาที่นี่ก็เพื่อเจ้า!”
หยางเยถอนหายใจโล่งอกทันทีที่ได้ยิน ไม่ว่ายังไงเสี่ยวเหยากับเราก็ปลอดภัยแล้ว”
เช่นนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะตามหลังหลินชานไป
ขณะที่ทั้งสามกําลังจะเดินออกจากห้องโถง อวี่หลินที่เพิ่งหายจากอาการตกใจได้กระโจนไปปรากฏตรงหน้าพวกเขา อวี่หลินคารวะหลินชานพร้อมกล่าว ”อาจารย์หลิน หยางเย่คือศิษย์ของสํานักดาบราชัน”
หลินชานมองอวี่หลินพร้อมเย้ยหยัน “งั้นหรือ? ข้าคิดว่าหยางเย่เป็นศิษย์สํานักภูตผีเสียอีก ทําไมเจ้า อวี่หลิน ถึงส่งเขาไปตายล่ะ?”
อวี่หลินค่อนข้างอายในสิ่งนั้น หากเป็นคนอื่นที่เย้ยหยันเขา เช่นนั้นคงตอบกลับด้วยการแทงดาบใส่ไปแล้ว แต่ไม่ใช่ชายชราผู้นี้ อย่าว่าแต่เขา แม้กระทั่งเจ้าสํานักยังไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับชายชราผู้นี้ เพราะชายชราผู้นี้คือคนที่อาจารย์ลุงซุยเป็นคนเชิญเข้ามาในสํานัก
ดังนั้นเขาจึงรีบฝืนยิ้มพร้อมกล่าว “อาจารย์หลิน ท่านต้องล้อเล่นข้าแน่ สํานักดาบราชันไม่ส่งศิษย์ไปหาความตายแน่นอน มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อยก่อนหน้านี้ มันเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด…”
หลินชานสะบัดมือ ”อวี่หลิน อย่าได้กล้าทําเช่นนี้กับข้า แต่เดิมข้าลงนามจะอยู่กับสํานักดาบราชันอีกสองปี แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าคงไม่จําเป็นอีกต่อไป”
รอยยิ้มบนใบหน้าอวี่หลินที่เฒ่าชราดูหดหูขึ้นไปอีก อาจไม่มีผู้ใดทราบ แต่เขาทราบดีว่าเหตุผลที่ชายชราคนนี้มาอยู่กับสํานักดาบราชันก็เพราะเขาติดหนี้อาจารย์ลุงซุย มิเช่นนั้นสํานักดาบราชันคงไม่อาจเชิญอาจารย์ยันต์อย่างหลินชานมาอยู่ที่นี่ได้
แต่ตอนนี้เขาหาได้สนใจไม่ว่าเหตุใดหยางเยถึงกลายไปเป็นศิษย์หลินชานได้ ในหัวของเขามีความคิดเพียงอย่างเดียวคือ จะไม่ยอมให้ชายหนุ่มคนนี้ที่สามารถเข้าถึงเจตจํานงแห่งดาบออกไปจากสํานักได้!
ในขณะที่มองไปยังหยางเย่ แววตาเขาแสดงถึงความเสียใจและซับซ้อนมากมาย เขาไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเข้าถึงเจตจํานงแห่งดาบในตํานานได้ เจตจํานงแห่งดาบ! ไม่มีผู้ใดในสํานักดาบราชันมีสิ่งนี้มานับร้อยปี!
หากเขาทราบว่าชายหนุ่มผู้นี้มีเจตจํานงแห่งดาบ อย่าว่าแต่ราชวังบุปผา แม้กระทั่งโรงเรียนปราชญ์เขาก็ไม่ลังเลที่จะต่อต้าน
เขาตระหนักได้อย่างดีว่าชายหนุ่มอัจฉริยะที่มีเจตจํานงแห่งดาบ จะสามารถนําพาสํานักดาบราชันให้เติบโตขึ้นได้ในอนาคต มันแสดงให้เห็นว่าสํานักดาบราชันจะมีการปกป้องจากยอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าอาจารย์ลุงซุยไปอีกร้อยปีนับจากนี้ น่าเสียดายที่การตัดสินใจก่อนหน้านั้นทําให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่ดีกับสํานักดาบราชันไปเสียแล้ว
เมื่อนึกได้เช่นนั้นอวี่หลินสูดหายใจลึกพร้อมกล่าว ” หยางเย่ ข้าขอโทษสําหรับการกระทําของข้าก่อนนี้ ตราบใดที่เจ้าอยู่ในสํานักดาบราชัน สํานักดาบของข้าจะช่วยเจ้าเผชิญหน้ากับราชวังบุปผาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ยิ่งกว่านั้น สํานักดาบราชันยังจะดูแลเจ้าอย่างดีในอนาคต เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”
ทันใดนั้นชินหัวเองก็รีบเดินมาหาหยางเย่ “พ่อหนุ่ม ข้าเองก็ขออภัยเช่นกันกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
แม้กระทั่งชายวัยกลางคนทั้งสามก็ต่างพากันขอโทษขอโพยกันอย่างรีบร้อน หากหยางเย่เป็นอัจฉริยะธรรมดาหรืออยู่ขั้นปราณสวรรค์ พวกเขาก็ไม่ยอมขอโทษเช่นนี้เพราะพวกเขาก็มีความภาคภูมิใจในตนเองเช่นกัน แต่หยางเย่สามารถเข้าถึงเจตจํานงแห่งดาบได้ สิ่งที่เหนือความคาดหมายนี้ ทําให้พวกเขาหาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทําตัวอ่อนน้อม
หลินชานเงียบไปชั่วครู่ เขาทราบว่าเจตจํานงแห่งดาบมีความหมายต่อสํานักดาบราชันมาก หากห้ามไม่ให้หยางเย่อยู่ในสํานัก เช่นนั้นเขาจะกลายเป็นศัตรูกับสํานักดาบราชันทันที เขาหาได้กลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับสํานักดาบราชันไม่ แต่ตราบใดที่สํานักดาบราชันยังมีตาเฒ่าซุยอยู่ เช่นนั้นเขาก็จําเป็นต้องยอม ดังนั้นการตัดสินใจสุดท้ายมันขึ้นอยู่กับหยางเย่
หยางเย่ไม่ได้ให้ความสําคัญกับมันมากนัก และเขายังไม่จําเป็นต้องพิจารณาสิ่งใดทั้งสิ้น เขากล่าวอย่างรวดเร็ว ” ขอบคุณผู้อาวุโสชั้นสูงทุกท่านสําหรับความปรารถนาดี แต่ให้ข้ากล่าวตามตรง ข้าไม่กล้าจะอยู่ในสํานักที่ไม่สนใจชีวิตของศิษย์ในสํานักอีกแล้ว ข้าไม่ต้องการถูกส่งตัวไปหาความตายอีก ไม่เพียงแค่นั้น ผู้อาวุโสยังบอกข้าเองว่าข้าหาได้ใช่ศิษย์สํานักดาบราชันไม่!”
ทันทีที่กล่าวจบหยางเย่หันไปมองหลินชานพร้อมกล่าว ”อาจารย์ ไปกันเถอะ!”
ถูกต้อง หยางเย่ไม่ต้องพิจารณาถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย เขาทราบดีว่าเหตุใดคนเหล่านี้ถึงเปลี่ยนความคิด มันไม่ใช่เพราะใคร แต่เป็นเพราะเจตจํานงแห่งดาบที่เขาแสดงออกมา กล่าวคือคนพวกนี้สนใจในเจตจํานงแห่งดาบอย่างมาก หากไม่มีมัน หยางเย่ก็เป็นเพียงมดปลวกในสายตาพวกเขา
หยางเย่เองไม่ใช่คนโง่เขลา ดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องพิจารณาสิ่งใดก่อนจะปฏิเสธโดยตรงออกไป!
ประกายแห่งความชื่นชมปรากฏผ่านดวงตาหลินชานเมื่อได้ยินหยางเย่ หากหยางเย่เปลี่ยนใจเพียงเพราะคําสัญญาหรือข้อเสนอเพียงแค่นั้น หลินชานคงมองหยางเย่ลดลงอย่างแน่นอน เพราะมันจะทําให้เขารู้สึกว่าหยางเย่เป็นคนไม่มีจุดยืนเป็นของตนเอง โชคดีที่หยางเย่ไม่ได้เปลี่ยนใจ!
อวีหลินยังคงจะกล่าวบางอย่าง แต่หลินชานหาได้ให้โอกาสเขาไม่ หลินชานพาหยางเย่เดินออกห้องโถงไปอย่างไม่รอช้า
ขณะที่มองร่างของหยางเย่หายไปตรงทางเดิน ชินหัวกล่าวด้วยเสียงต่ำ “ศิษย์พี่ มันไม่ง่ายเลยที่จะมีอัจฉริยะผู้เข้าถึงเจตจํานงแห่งดาบได้ และในที่สุดเขาก็ปรากฏตัวแล้ว พวกเราจะปล่อยเขาออกจากสํานักไม่ได้”
อวี่หลินส่ายหัวพร้อมกล่าวอย่างขมขื่น ”เขาไม่ได้มีความประทับใจใดกับสํานักเราอีกแล้ว หากไม่มีอาจารย์หลิน บางทีเขาอาจจะยังอยู่สํานักดาบราชันเพราะหวาดกลัวราชวังบุปผา แต่เขามีอาจารย์หลินแล้ว ดังนั้นสํานักดาบราชันจึงหาได้สําคัญต่อเขาอีก”
” หยางเย่ไปเป็นศิษย์ของอาจารย์หลินตั้งแต่เมื่อไหร่?” ทันใดนั้นหนึ่งในผู้อาวุโสกล่าวขึ้นด้วยความฉงน
“เขาเป็นอาจารย์ยันต์ยังไงล่ะ!” ซูชิงฉือได้เดินเข้ามาพร้อมมองไปที่อวหลิน ”อาจารย์ลุงอวี่หลิน ชิงฉือผิดหวังกับท่านมาก ข้าไม่คาดคิดว่าท่านจะส่งชิงฉือให้ออกห่างจากหยางเย่ ยิ่งกว่านั้นยังไม่คาดคิดว่าท่านตั้งใจจะส่งหยางเย่ไปแบบนั้น ความแข็งแกร่งของสํานักดาบราชันย่ำแย่มาก หากเทียบกับในอดีต แต่มันจําเป็นต้องกลัวราชวังบุปผางั้นหรือ?”
หลังจากส่งคนของราชวังบุปผาเรียบร้อย นางรีบวิ่งกลับมา แต่ดูเหมือนจะช้าเกินไป นางเห็นว่าหยางเย่ได้ออกจากสํานักดาบราชันไปแล้วเมื่อพบกับเขาด้านนอก แต่เดิมนางตั้งใจจะแก้ไขสถานการณ์นี้ แต่เมื่อได้ยินหยางเย่กล่าวว่าผู้อาวุโสไม่เห็นเขาเป็นศิษย์ของสํานัก และตั้งใจจะส่งเขากับเสี่ยวเหยาให้ราชวังบุปผา นางจึงตัดสินใจไม่รั้งเขาไว้
ถึงแม้นางไม่ได้สนิทกับหยางเย่มาก แต่ก็เข้าใจถึงความรู้สึกของหยางเย่ดี บางทีเขาอาจไม่รู้สึกอุ่นเคืองกับสํานักดาบราชันเท่าไหร่หากส่งแค่ตัวเขาไป แต่สํานักดาบราชันกลับส่งน้องสาวเขาไปด้วย ดังนั้นสิ่งที่บรรดาผู้อาวุโสทําก็ไม่ต่างจากการไปกระตุกต่อมบางอย่างของหยางเย่ ด้วยสถานการณ์เช่นนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยอมกลับมาสํานักดาบราชันอีก
อวี่หลินไม่ได้ปฏิเสธในคําวิจารณ์ของซูชิงฉือ เขามองอย่างว่างเปล่าพร้อมกล่าว ”ชิงฉือเจ้าบอกว่าหยางเย่คืออาจารย์ยันต์งั้นหรือ?”
ซูชิงฉือพยายามทําใจให้เย็นลงพร้อมกล่าว “ไม่เพียงแต่จะเป็นอาจารย์ยันต์ เขายังครอบครองพลังปราณห้าธาตุทองคํา ยิ่งกว่านั้นยังผ่านหอคอยผู้รับใช้ดาบไปถึงชั้นยี่สิบสอง และเซียนแห่งหอคอยยังยอมรับให้เขาเข้าไปยังหอคอยผู้รับใช้ดาบอย่างอิสระ กล่าวคือ เขาเป็นคนที่ท่านเซียนแห่งหอคอยสนใจมาก”
หลังจากกล่าวจบ นางคิดในใจอีกคํา เขายังเป็นอัจฉริยะมหัศจรรย์ที่สามารถควบคุมสัตว์อสูรทมิฬได้ด้วย!”
เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนั้น ไม่เพียงแค่อหลินที่เผยรอยยิ้มอันขมขื่น บรรดาผู้อาวุโสวัยกลางคนด้านหลังยังกระทําเช่นกัน เวลานี้ลําไส้ของพวกเขาอาจเขียวช้ำไปด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งนี้ ชายหนุ่มสามารถเข้าถึงเจตจํานงแห่งดาบ ทั้งยังเป็นอาจารย์ยันต์เพิ่งถูกขับไล่ออกจากสํานัก จะไม่ให้พวกเขารู้เสียดายได้ยังไง?
อวี่หลินส่ายหัวด้วยความเสียใจ ”ชิงฉือหากเขาเป็นถึงอาจารย์ยันต์ และยังมีเจตจํานงแห่งดาบ เช่นนั้นทําไมถึงไม่บอกพวกเราก่อนนี้ หากเจ้าบอกให้เร็วกว่านี้ พวกเราคงไม่ทําให้เขารู้สึกผิดหวังต่อสํานักดาบราชันแน่นอน ทั้งยังจะรช่วยเขาเผชิญหน้ากับราชวังบุปผาด้วย!”
“อะไรนะ?” อาการตกตะลึงปรากฏผ่านใบหน้าซูชิงฉือ ”เขาสามารถเข้าถึงเจตจํานงแห่งดาบได้?”
“เจ้าไม่ทราบงั้นหรือ?” อวี่หลินกล่าวด้วยความประปลาดใจ
ซูชิงฉือสูดหายใจลึกก่อนจะหันหลังออกไปจากห้องโถง
Comments