มู่หนานจือบทที่ 155 ปลอบใจ

Now you are reading มู่หนานจือ Chapter บทที่ 155 ปลอบใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิวตงเยว่ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว จึงอดที่จะเตือนเจียงเซี่ยนไม่ได้ว่า “ท่านหญิง วางใจเถอะ ข้าจะไม่ทำงานของท่านพัง งานที่ท่านมอบให้ข้า ข้าจะทำให้ได้อย่างแน่นอน แต่หลี่เชียนนั่นไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ท่านเคยปล่อยเขาไปแล้ว เขากลับคิดทำร้ายท่าน เขาต้องไม่มีจุดจบที่ดีอย่างแน่นอน! เวลานี้ท่านสูญเสียอำนาจ ก็ไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาทะเลาะกับคนพวกนี้ มีเรื่องอะไรทนสักหน่อยก็ผ่านไปแล้ว ไว้ได้เจอซื่อจื่อ ได้เจอไทฮองไทเฮาแล้ว เขาก็จะได้รับบทเรียน…”

ไม่มีจุดจบที่ดี!

นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะ!

ทว่าคำพูดของหลิวตงเยว่ก็เตือนเจียงเซี่ยนเช่นกัน

เมื่อครู่นางมัวแต่โกรธ จึงไม่เคยคิดเลยว่าหลี่เชียนจะจัดการปัญหาที่ตกค้างอยู่ในภายหลังอย่างไร

หากเจียงลวี่กับจ้าวเซี่ยวตามมา เขายังคิดจะลงมือกับพวกเขาจริงๆ อย่างนั้นหรือ? แล้วถึงเวลานั้นนางจะทำอย่างไร?

หากเขาลักพาตัวนางไปถึงซานซีจริง ตระกูลเจียงกับไทฮองไทเฮาต่างก็ไม่มีทางที่จะปล่อยไปแบบนี้ แล้วเขาคิดจะทำอย่างไร?

เขาไม่กลัวถูกฮ่องเต้ออกราชโองการริบทรัพย์และสังหารทั้งตระกูลหรือ?

ทำไมเขาตอนอายุสิบแปดถึงได้กวนบาทาขนาดนี้!

ไม่ถูก

ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว เขาก็อายุสิบเก้าแล้ว

ชาติก่อนเขาได้รับความไว้วางใจจากฉีเซิ่งแม่ทัพต้าถงผู้บังคับบัญชาของเขา จนถึงขนาดทำให้ลุงของนางแนะนำให้เขาเป็นแม่ทัพต้าถงได้อย่างไร

ต้องรู้ว่า ต้าถง เมืองเซวียน และเมืองจี้เป็นสวนหลังบ้านของตระกูลเจียงมาตลอด คนที่ถูกกองขุนนางฝ่ายบู๊ของกรมกลาโหมส่งเข้ามากลางคันอย่างเขา ได้รับความโปรดปรานจากฉีเซิ่งและลุงของนาง นั่นเป็นเรื่องที่ยากมากทีเดียว

ชาติก่อนตอนแรกนางก็เลื่อนตำแหน่งให้เขาเพราะเหตุนี้เหมือนกัน

ตอนนี้เขาบ้าไปแล้วหรือเปล่า?!

เจียงเซี่ยนต่อว่าหลี่เชียนอยู่ แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย

ชาติก่อนเขาไม่ได้เจอนางเร็วขนาดนี้ และมาเป็นแม่ทัพได้อย่างมั่นคงมากตลอดทาง…ทว่าเวลานี้เรื่องราวกลับยุ่งเหยิงไปหมด

ท่านลุง ท่านป้า ไทฮองไทเฮา เจียงลวี่…ไม่มีคนที่หลอกง่ายสักคน

บวกกับจ้าวเซี่ยว…เฉาเซวียน ไป๋ซู่ที่เข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องราวเหล่านี้…

นางคิดแล้วก็รู้สึกปวดศีรษะ จนอดที่จะนวดขมับไม่ได้

หลิวตงเยว่เห็นแล้วก็กังวลมาก จึงรีบเอ่ยว่า “ท่านหญิง ไม่สบายหรือเปล่าขอรับ? ไม่สบายตรงไหนขอรับ?”

เดินทางไกลมาถึงสถานที่ทุรกันดารและหาสถานที่พักแรมไม่ได้แบบนี้ หากท่านหญิงป่วย ก็ยุ่งยากแล้ว!

“ไม่เป็นไร!” เจียงเซี่ยนเอ่ย นางไม่มีแรงจะโกรธแล้ว “แค่รู้สึกว่าเรื่องนี้ยุ่งยากมาก สองสามวันนี้ต้องรบกวนเจ้าแล้ว ไว้กลับวังแล้ว ข้าจะทูลไทฮองไทเฮา ถึงเวลานั้นก็เลื่อนตำแหน่งให้เจ้าเป็นรองหัวหน้าขันทีระดับสี่”

หลิวตงเยว่ดีใจจนออกนอกหน้า เขาอยากคุกเข่าขอบพระคุณ แต่ก็ไม่มีที่ จึงทำได้เพียงเอ่ยว่า “ท่านหญิง ข้าจะทำตามที่ท่านสั่งอย่างแน่นอนขอรับ”

รองหัวหน้าขันทีระดับสี่อะไรนั้นเขาไม่กล้าคิดแล้ว หากหลีกเลี่ยงโทษประหารชีวิตได้ เขาก็คุกเข่าโขกศีรษะคำนับท่านหญิงเจียหนานเก้าครั้งแล้ว

เจียงเซี่ยนพยักหน้า แล้วถึงรู้สึกง่วงนอนมาก นางจึงหาวและนอนลง แล้วหลับไปอย่างสะลึมสะลือ

เดิมทีหลิวตงเยว่ยังอยากคุยกับเจียงเซี่ยนอีกเล็กน้อย พอเห็นเช่นนี้จึงจำต้องกลืนคำพูดลงไป และนั่งเฝ้าเจียงเซี่ยนอยู่ข้างๆ

รอบด้านเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงแมลงร้อง ไม่มีใครพูดแม้แต่คนเดียว หลิวตงเยว่หยิกต้นขาตนเองหลายครั้งถึงจะฝืนเฝ้าจนท้องฟ้าปรากฏแสงสว่างออกมาเล็กน้อยได้

หลี่เชียนเคาะรถม้า และถามว่า “ท่านหญิงตื่นหรือยัง?”

เวลานี้หลิวตงเยว่แทบอยากจะกินเนื้อของหลี่เชียน และดื่มเลือดของเขา แต่ก็กลัวว่าล่วงเกินเขาแล้วจะทำให้ท่านหญิงลำบาก จึงจำต้องกดความโกรธในใจลงไป แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างนอบน้อมว่า “ท่านหญิงยังไม่ตื่นเลย! ปกติท่านหญิงจะนอนถึงยามเหม่าจึงจะตื่น”

เขาอยากทำให้หลี่เชียนหงุดหงิดสักหน่อยโดยไม่ได้ตั้งใจ

เพราะฮ่องเต้ต้องว่าราชการตอนเช้า ปกติคนในวังจึงตื่นตั้งแต่ยามอิ๋นแล้ว

หลี่เชียนได้ยินแล้วก็ไม่แปลกใจ รู้สึกว่านี่ถึงจะเป็นท่าทีของเจียงเซี่ยน

เขาเอ่ยว่า “พวกเราต้องรีบออกเดินทางแล้ว ข้าให้อวิ๋นหลินวางน้ำถังหนึ่งไว้บนรถ เจ้าก็อยู่บนรถของท่านหญิงแล้วกัน หากท่านหญิงตื่นแล้ว เจ้าก็ช่วยท่านหญิงหวีผมและล้างหน้า”

เขาเอ่ยจบ ก็ไม่ได้รอให้หลิวตงเยว่ตอบเช่นกัน ได้ยินเขาไม่รู้ว่าคุยกับใครแว่วๆ ไม่กี่คำ คนที่เฝ้าเขาเมื่อวานก็ยกน้ำถังหนึ่งวางเข้ามา และพอปล่อยม่านรถลง รถม้าก็ออกวิ่งทันที

หลิวตงเยว่ตกใจ

เขาคิดว่าหากเขาเอ่ยแบบนี้อย่างไรหลี่เชียนก็ต้องให้ท่านหญิงเจียหนานล้างหน้าและเข้าส้วมอะไรทำนองนั้น

คิดไม่ถึงว่าหลี่เชียนกลับนึกจะไปก็ไป

หลิวตงเยว่รู้สึกหนักใจขึ้นมาในทันใด

ดูเหมือนก่อนหน้านี้เขาจะดูถูกหลี่เชียนแล้ว

เขาคิดว่าหลี่เชียนเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาที่หน้าตาดีและคารมดี จึงทำให้เจียงเซี่ยนชอบ และที่ได้เป็นแม่ทัพโหยวจี ก็เป็นเพราะมีบิดาที่เป็นแม่ทัพเท่านั้น

เขาผลักเจียงเซี่ยนเบาๆ “ท่านหญิง รีบตื่นเถอะขอรับ ไม่รู้ว่าหลี่เชียนจะพาพวกเราไปที่ไหนอีกแล้ว?”

เจียงเซี่ยนขยี้ตาอย่างสะลึมสะลือ และลุกขึ้นมานั่ง แล้วเอ่ยว่า “พวกเราเดินทางอีกแล้วหรือ?”

หลิวตงเยว่พลั้งปากตอบไปว่า “ขอรับ” และรินชาร้อนให้เจียงเซี่ยนถ้วยหนึ่ง

เจียงเซี่ยนดื่มชาแล้ว สมองก็พอจะปลอดโปร่งเล็กน้อย จึงเอ่ยว่า “จากเมืองหลวงไปซานซีต้องใช้เวลากี่วัน?”

หลิวตงเยว่ก็ไม่รู้เหมือนกัน

ตอนเขาอายุสามสี่ขวบก็ถูกคนซื้อเข้าเมืองหลวงแล้ว พออายุเจ็ดขวบก็เข้าวัง ที่ที่เคยไปไกลที่สุดก็คือภูเขาเสี่ยวทัง

เจียงเซี่ยนก็ไม่รู้เหมือนกัน

แต่นางรู้ว่าจากซีอานถึงเมืองหลวงต้องใช้เวลากี่วัน

ตอนนั้นหลี่เชียนคิดแต่อยากมีเขตอิทธิพลของตนเองสักแห่ง ทว่าต้าถงกับเมืองเซวียนเป็นเขตอิทธิพลของตระกูลเจียงมาตลอด อย่างไรเจียงเซี่ยนก็ให้ตระกูลเจียงยกที่ให้หลี่เชียนไม่ได้ คิดไปคิดมา จึงให้เขาไปซีอาน และเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้บัญชาการส่านซี

เจียงเซี่ยนนึกถึงเรื่องพวกนี้ก็รู้สึกว่าตนเองโง่ และเอ่ยอย่างท้อแท้ว่า “ซานซีเป็นเขตอิทธิพลของตระกูลหลี่ เขาจะต้องไปซานซีโดยเร่งเดินทางอย่างเต็มที่ทั้งวันทั้งคืนอย่างแน่นอน แล้วพวกเรายังห้ามเขาได้อย่างนั้นหรือ? เขาอยากรีบเดินทางก็รีบไปเถอะ! เจ้าแค่จำไว้ว่าทำงานที่ข้าให้เจ้าทำให้เสร็จก็พอแล้ว!”

หลิวตงเยว่รู้ว่าคำพูดของเจียงเซี่ยนมีเหตุผล คิดแล้วก็หดหู่เล็กน้อยเช่นกัน หลังจากช่วยเจียงเซี่ยนหวีผมและล้างหน้า หลี่เชียนที่ได้ยินเสียงก็ทิ้งม้ามานั่งบนแอกของรถ เขาถือของว่างเข้ามากล่องหนึ่ง และเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “ระหว่างทางก็ไม่มีอะไรอร่อยเช่นกัน เจ้ารองท้องก่อนสักหน่อย ตอนเย็นพวกเราค่อยกินอะไรอร่อยๆ กันสักมื้อ”

เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “พวกเราจะเข้าเมืองหรือ?”

กระต่ายเจ้าเล่ห์เตรียมโพรงไว้ซ่อนตัวหลายแห่ง[1] ใครจะรู้ว่าหลี่เชียนมีโพรงกี่แห่ง?

หลี่เชียนได้ยินก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าอยากลองไปดูในเมืองหรือ?”

นางไม่อยาก

ทว่าเวลานี้พวกเขารีบเดินทางโดยไม่หยุดแม้แต่เค่อเดียว นางมีโอกาสแจ้งข่าวให้เจียงลวี่ที่ไหนกัน?

นางแค่อยากใช้เวลาที่เข้าเมืองทิ้งดอกไม้ผ้าไหมผืนบางประดิษฐ์ที่สร้างขึ้นตามแบบของในวังดอกเดียวบนศีรษะไว้หน้าประตูเมือง

“แล้วแต่เจ้า” เจียงเซี่ยนเอ่ย “ข้ายังไม่เคยเห็นตลาดนอกเมืองหลวงเลย!”

หลี่เชียนยิ้มพลางมองนางด้วยสายตาอบอุ่น และเอ่ยว่า “ไว้ถึงซานซีแล้ว เจ้าอยากไปเดินเล่นที่ไหน ข้าก็จะไปเดินเล่นที่นั่นเป็นเพื่อนเจ้า!”

เจ้าคนสารเลวนี่ ตอบปฏิเสธนางเลยจะดีกว่า

เจียงเซี่ยนเข้าไปสะบัดม่านรถทีหนึ่ง โดยฝืนให้ตีโดนหน้าของหลี่เชียน

หลี่เชียนฝืนยิ้ม

ทว่าหลิวตงเยว่ที่อยู่ในรถกลับสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก และเตือนเจียงเซี่ยนเสียงเบาอย่างหวาดกลัว “ท่านหญิง บนหัวตัวอักษรคำว่าอดทนมีมีดอยู่เล่มหนึ่ง ท่านต้องอดทนเอาไว้ให้ได้! ท่านต้องอดทนเอาไว้ให้ได้ขอรับ!”

ทำไมนางต้องอดทนกับหลี่เชียนด้วย?

เขามีฝีมือลักพาตัวนางมา และมีฝีมือพานางไปซานซีอย่างเงียบๆ นะ!

เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “หลี่เชียน ข้าอยากดื่มน้ำแกงไก่! ดื่มน้ำแกงไก่ที่มีควันกรุ่นๆ!”

————————————–

[1] กระต่ายเจ้าเล่ห์เตรียมโพรงไว้ซ่อนตัวหลายแห่ง หมายถึง มีที่ซ่อนตัวหลายแห่ง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

มู่หนานจือบทที่ 155 ปลอบใจ

Now you are reading มู่หนานจือ Chapter บทที่ 155 ปลอบใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิวตงเยว่ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว จึงอดที่จะเตือนเจียงเซี่ยนไม่ได้ว่า “ท่านหญิง วางใจเถอะ ข้าจะไม่ทำงานของท่านพัง งานที่ท่านมอบให้ข้า ข้าจะทำให้ได้อย่างแน่นอน แต่หลี่เชียนนั่นไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ท่านเคยปล่อยเขาไปแล้ว เขากลับคิดทำร้ายท่าน เขาต้องไม่มีจุดจบที่ดีอย่างแน่นอน! เวลานี้ท่านสูญเสียอำนาจ ก็ไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาทะเลาะกับคนพวกนี้ มีเรื่องอะไรทนสักหน่อยก็ผ่านไปแล้ว ไว้ได้เจอซื่อจื่อ ได้เจอไทฮองไทเฮาแล้ว เขาก็จะได้รับบทเรียน…”

ไม่มีจุดจบที่ดี!

นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะ!

ทว่าคำพูดของหลิวตงเยว่ก็เตือนเจียงเซี่ยนเช่นกัน

เมื่อครู่นางมัวแต่โกรธ จึงไม่เคยคิดเลยว่าหลี่เชียนจะจัดการปัญหาที่ตกค้างอยู่ในภายหลังอย่างไร

หากเจียงลวี่กับจ้าวเซี่ยวตามมา เขายังคิดจะลงมือกับพวกเขาจริงๆ อย่างนั้นหรือ? แล้วถึงเวลานั้นนางจะทำอย่างไร?

หากเขาลักพาตัวนางไปถึงซานซีจริง ตระกูลเจียงกับไทฮองไทเฮาต่างก็ไม่มีทางที่จะปล่อยไปแบบนี้ แล้วเขาคิดจะทำอย่างไร?

เขาไม่กลัวถูกฮ่องเต้ออกราชโองการริบทรัพย์และสังหารทั้งตระกูลหรือ?

ทำไมเขาตอนอายุสิบแปดถึงได้กวนบาทาขนาดนี้!

ไม่ถูก

ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว เขาก็อายุสิบเก้าแล้ว

ชาติก่อนเขาได้รับความไว้วางใจจากฉีเซิ่งแม่ทัพต้าถงผู้บังคับบัญชาของเขา จนถึงขนาดทำให้ลุงของนางแนะนำให้เขาเป็นแม่ทัพต้าถงได้อย่างไร

ต้องรู้ว่า ต้าถง เมืองเซวียน และเมืองจี้เป็นสวนหลังบ้านของตระกูลเจียงมาตลอด คนที่ถูกกองขุนนางฝ่ายบู๊ของกรมกลาโหมส่งเข้ามากลางคันอย่างเขา ได้รับความโปรดปรานจากฉีเซิ่งและลุงของนาง นั่นเป็นเรื่องที่ยากมากทีเดียว

ชาติก่อนตอนแรกนางก็เลื่อนตำแหน่งให้เขาเพราะเหตุนี้เหมือนกัน

ตอนนี้เขาบ้าไปแล้วหรือเปล่า?!

เจียงเซี่ยนต่อว่าหลี่เชียนอยู่ แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย

ชาติก่อนเขาไม่ได้เจอนางเร็วขนาดนี้ และมาเป็นแม่ทัพได้อย่างมั่นคงมากตลอดทาง…ทว่าเวลานี้เรื่องราวกลับยุ่งเหยิงไปหมด

ท่านลุง ท่านป้า ไทฮองไทเฮา เจียงลวี่…ไม่มีคนที่หลอกง่ายสักคน

บวกกับจ้าวเซี่ยว…เฉาเซวียน ไป๋ซู่ที่เข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องราวเหล่านี้…

นางคิดแล้วก็รู้สึกปวดศีรษะ จนอดที่จะนวดขมับไม่ได้

หลิวตงเยว่เห็นแล้วก็กังวลมาก จึงรีบเอ่ยว่า “ท่านหญิง ไม่สบายหรือเปล่าขอรับ? ไม่สบายตรงไหนขอรับ?”

เดินทางไกลมาถึงสถานที่ทุรกันดารและหาสถานที่พักแรมไม่ได้แบบนี้ หากท่านหญิงป่วย ก็ยุ่งยากแล้ว!

“ไม่เป็นไร!” เจียงเซี่ยนเอ่ย นางไม่มีแรงจะโกรธแล้ว “แค่รู้สึกว่าเรื่องนี้ยุ่งยากมาก สองสามวันนี้ต้องรบกวนเจ้าแล้ว ไว้กลับวังแล้ว ข้าจะทูลไทฮองไทเฮา ถึงเวลานั้นก็เลื่อนตำแหน่งให้เจ้าเป็นรองหัวหน้าขันทีระดับสี่”

หลิวตงเยว่ดีใจจนออกนอกหน้า เขาอยากคุกเข่าขอบพระคุณ แต่ก็ไม่มีที่ จึงทำได้เพียงเอ่ยว่า “ท่านหญิง ข้าจะทำตามที่ท่านสั่งอย่างแน่นอนขอรับ”

รองหัวหน้าขันทีระดับสี่อะไรนั้นเขาไม่กล้าคิดแล้ว หากหลีกเลี่ยงโทษประหารชีวิตได้ เขาก็คุกเข่าโขกศีรษะคำนับท่านหญิงเจียหนานเก้าครั้งแล้ว

เจียงเซี่ยนพยักหน้า แล้วถึงรู้สึกง่วงนอนมาก นางจึงหาวและนอนลง แล้วหลับไปอย่างสะลึมสะลือ

เดิมทีหลิวตงเยว่ยังอยากคุยกับเจียงเซี่ยนอีกเล็กน้อย พอเห็นเช่นนี้จึงจำต้องกลืนคำพูดลงไป และนั่งเฝ้าเจียงเซี่ยนอยู่ข้างๆ

รอบด้านเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงแมลงร้อง ไม่มีใครพูดแม้แต่คนเดียว หลิวตงเยว่หยิกต้นขาตนเองหลายครั้งถึงจะฝืนเฝ้าจนท้องฟ้าปรากฏแสงสว่างออกมาเล็กน้อยได้

หลี่เชียนเคาะรถม้า และถามว่า “ท่านหญิงตื่นหรือยัง?”

เวลานี้หลิวตงเยว่แทบอยากจะกินเนื้อของหลี่เชียน และดื่มเลือดของเขา แต่ก็กลัวว่าล่วงเกินเขาแล้วจะทำให้ท่านหญิงลำบาก จึงจำต้องกดความโกรธในใจลงไป แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างนอบน้อมว่า “ท่านหญิงยังไม่ตื่นเลย! ปกติท่านหญิงจะนอนถึงยามเหม่าจึงจะตื่น”

เขาอยากทำให้หลี่เชียนหงุดหงิดสักหน่อยโดยไม่ได้ตั้งใจ

เพราะฮ่องเต้ต้องว่าราชการตอนเช้า ปกติคนในวังจึงตื่นตั้งแต่ยามอิ๋นแล้ว

หลี่เชียนได้ยินแล้วก็ไม่แปลกใจ รู้สึกว่านี่ถึงจะเป็นท่าทีของเจียงเซี่ยน

เขาเอ่ยว่า “พวกเราต้องรีบออกเดินทางแล้ว ข้าให้อวิ๋นหลินวางน้ำถังหนึ่งไว้บนรถ เจ้าก็อยู่บนรถของท่านหญิงแล้วกัน หากท่านหญิงตื่นแล้ว เจ้าก็ช่วยท่านหญิงหวีผมและล้างหน้า”

เขาเอ่ยจบ ก็ไม่ได้รอให้หลิวตงเยว่ตอบเช่นกัน ได้ยินเขาไม่รู้ว่าคุยกับใครแว่วๆ ไม่กี่คำ คนที่เฝ้าเขาเมื่อวานก็ยกน้ำถังหนึ่งวางเข้ามา และพอปล่อยม่านรถลง รถม้าก็ออกวิ่งทันที

หลิวตงเยว่ตกใจ

เขาคิดว่าหากเขาเอ่ยแบบนี้อย่างไรหลี่เชียนก็ต้องให้ท่านหญิงเจียหนานล้างหน้าและเข้าส้วมอะไรทำนองนั้น

คิดไม่ถึงว่าหลี่เชียนกลับนึกจะไปก็ไป

หลิวตงเยว่รู้สึกหนักใจขึ้นมาในทันใด

ดูเหมือนก่อนหน้านี้เขาจะดูถูกหลี่เชียนแล้ว

เขาคิดว่าหลี่เชียนเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาที่หน้าตาดีและคารมดี จึงทำให้เจียงเซี่ยนชอบ และที่ได้เป็นแม่ทัพโหยวจี ก็เป็นเพราะมีบิดาที่เป็นแม่ทัพเท่านั้น

เขาผลักเจียงเซี่ยนเบาๆ “ท่านหญิง รีบตื่นเถอะขอรับ ไม่รู้ว่าหลี่เชียนจะพาพวกเราไปที่ไหนอีกแล้ว?”

เจียงเซี่ยนขยี้ตาอย่างสะลึมสะลือ และลุกขึ้นมานั่ง แล้วเอ่ยว่า “พวกเราเดินทางอีกแล้วหรือ?”

หลิวตงเยว่พลั้งปากตอบไปว่า “ขอรับ” และรินชาร้อนให้เจียงเซี่ยนถ้วยหนึ่ง

เจียงเซี่ยนดื่มชาแล้ว สมองก็พอจะปลอดโปร่งเล็กน้อย จึงเอ่ยว่า “จากเมืองหลวงไปซานซีต้องใช้เวลากี่วัน?”

หลิวตงเยว่ก็ไม่รู้เหมือนกัน

ตอนเขาอายุสามสี่ขวบก็ถูกคนซื้อเข้าเมืองหลวงแล้ว พออายุเจ็ดขวบก็เข้าวัง ที่ที่เคยไปไกลที่สุดก็คือภูเขาเสี่ยวทัง

เจียงเซี่ยนก็ไม่รู้เหมือนกัน

แต่นางรู้ว่าจากซีอานถึงเมืองหลวงต้องใช้เวลากี่วัน

ตอนนั้นหลี่เชียนคิดแต่อยากมีเขตอิทธิพลของตนเองสักแห่ง ทว่าต้าถงกับเมืองเซวียนเป็นเขตอิทธิพลของตระกูลเจียงมาตลอด อย่างไรเจียงเซี่ยนก็ให้ตระกูลเจียงยกที่ให้หลี่เชียนไม่ได้ คิดไปคิดมา จึงให้เขาไปซีอาน และเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้บัญชาการส่านซี

เจียงเซี่ยนนึกถึงเรื่องพวกนี้ก็รู้สึกว่าตนเองโง่ และเอ่ยอย่างท้อแท้ว่า “ซานซีเป็นเขตอิทธิพลของตระกูลหลี่ เขาจะต้องไปซานซีโดยเร่งเดินทางอย่างเต็มที่ทั้งวันทั้งคืนอย่างแน่นอน แล้วพวกเรายังห้ามเขาได้อย่างนั้นหรือ? เขาอยากรีบเดินทางก็รีบไปเถอะ! เจ้าแค่จำไว้ว่าทำงานที่ข้าให้เจ้าทำให้เสร็จก็พอแล้ว!”

หลิวตงเยว่รู้ว่าคำพูดของเจียงเซี่ยนมีเหตุผล คิดแล้วก็หดหู่เล็กน้อยเช่นกัน หลังจากช่วยเจียงเซี่ยนหวีผมและล้างหน้า หลี่เชียนที่ได้ยินเสียงก็ทิ้งม้ามานั่งบนแอกของรถ เขาถือของว่างเข้ามากล่องหนึ่ง และเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “ระหว่างทางก็ไม่มีอะไรอร่อยเช่นกัน เจ้ารองท้องก่อนสักหน่อย ตอนเย็นพวกเราค่อยกินอะไรอร่อยๆ กันสักมื้อ”

เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “พวกเราจะเข้าเมืองหรือ?”

กระต่ายเจ้าเล่ห์เตรียมโพรงไว้ซ่อนตัวหลายแห่ง[1] ใครจะรู้ว่าหลี่เชียนมีโพรงกี่แห่ง?

หลี่เชียนได้ยินก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าอยากลองไปดูในเมืองหรือ?”

นางไม่อยาก

ทว่าเวลานี้พวกเขารีบเดินทางโดยไม่หยุดแม้แต่เค่อเดียว นางมีโอกาสแจ้งข่าวให้เจียงลวี่ที่ไหนกัน?

นางแค่อยากใช้เวลาที่เข้าเมืองทิ้งดอกไม้ผ้าไหมผืนบางประดิษฐ์ที่สร้างขึ้นตามแบบของในวังดอกเดียวบนศีรษะไว้หน้าประตูเมือง

“แล้วแต่เจ้า” เจียงเซี่ยนเอ่ย “ข้ายังไม่เคยเห็นตลาดนอกเมืองหลวงเลย!”

หลี่เชียนยิ้มพลางมองนางด้วยสายตาอบอุ่น และเอ่ยว่า “ไว้ถึงซานซีแล้ว เจ้าอยากไปเดินเล่นที่ไหน ข้าก็จะไปเดินเล่นที่นั่นเป็นเพื่อนเจ้า!”

เจ้าคนสารเลวนี่ ตอบปฏิเสธนางเลยจะดีกว่า

เจียงเซี่ยนเข้าไปสะบัดม่านรถทีหนึ่ง โดยฝืนให้ตีโดนหน้าของหลี่เชียน

หลี่เชียนฝืนยิ้ม

ทว่าหลิวตงเยว่ที่อยู่ในรถกลับสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก และเตือนเจียงเซี่ยนเสียงเบาอย่างหวาดกลัว “ท่านหญิง บนหัวตัวอักษรคำว่าอดทนมีมีดอยู่เล่มหนึ่ง ท่านต้องอดทนเอาไว้ให้ได้! ท่านต้องอดทนเอาไว้ให้ได้ขอรับ!”

ทำไมนางต้องอดทนกับหลี่เชียนด้วย?

เขามีฝีมือลักพาตัวนางมา และมีฝีมือพานางไปซานซีอย่างเงียบๆ นะ!

เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “หลี่เชียน ข้าอยากดื่มน้ำแกงไก่! ดื่มน้ำแกงไก่ที่มีควันกรุ่นๆ!”

————————————–

[1] กระต่ายเจ้าเล่ห์เตรียมโพรงไว้ซ่อนตัวหลายแห่ง หมายถึง มีที่ซ่อนตัวหลายแห่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

มู่หนานจือบทที่ 155 ปลอบใจ

Now you are reading มู่หนานจือ Chapter บทที่ 155 ปลอบใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิวตงเยว่ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว จึงอดที่จะเตือนเจียงเซี่ยนไม่ได้ว่า “ท่านหญิง วางใจเถอะ ข้าจะไม่ทำงานของท่านพัง งานที่ท่านมอบให้ข้า ข้าจะทำให้ได้อย่างแน่นอน แต่หลี่เชียนนั่นไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ท่านเคยปล่อยเขาไปแล้ว เขากลับคิดทำร้ายท่าน เขาต้องไม่มีจุดจบที่ดีอย่างแน่นอน! เวลานี้ท่านสูญเสียอำนาจ ก็ไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาทะเลาะกับคนพวกนี้ มีเรื่องอะไรทนสักหน่อยก็ผ่านไปแล้ว ไว้ได้เจอซื่อจื่อ ได้เจอไทฮองไทเฮาแล้ว เขาก็จะได้รับบทเรียน…”

ไม่มีจุดจบที่ดี!

นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะ!

ทว่าคำพูดของหลิวตงเยว่ก็เตือนเจียงเซี่ยนเช่นกัน

เมื่อครู่นางมัวแต่โกรธ จึงไม่เคยคิดเลยว่าหลี่เชียนจะจัดการปัญหาที่ตกค้างอยู่ในภายหลังอย่างไร

หากเจียงลวี่กับจ้าวเซี่ยวตามมา เขายังคิดจะลงมือกับพวกเขาจริงๆ อย่างนั้นหรือ? แล้วถึงเวลานั้นนางจะทำอย่างไร?

หากเขาลักพาตัวนางไปถึงซานซีจริง ตระกูลเจียงกับไทฮองไทเฮาต่างก็ไม่มีทางที่จะปล่อยไปแบบนี้ แล้วเขาคิดจะทำอย่างไร?

เขาไม่กลัวถูกฮ่องเต้ออกราชโองการริบทรัพย์และสังหารทั้งตระกูลหรือ?

ทำไมเขาตอนอายุสิบแปดถึงได้กวนบาทาขนาดนี้!

ไม่ถูก

ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว เขาก็อายุสิบเก้าแล้ว

ชาติก่อนเขาได้รับความไว้วางใจจากฉีเซิ่งแม่ทัพต้าถงผู้บังคับบัญชาของเขา จนถึงขนาดทำให้ลุงของนางแนะนำให้เขาเป็นแม่ทัพต้าถงได้อย่างไร

ต้องรู้ว่า ต้าถง เมืองเซวียน และเมืองจี้เป็นสวนหลังบ้านของตระกูลเจียงมาตลอด คนที่ถูกกองขุนนางฝ่ายบู๊ของกรมกลาโหมส่งเข้ามากลางคันอย่างเขา ได้รับความโปรดปรานจากฉีเซิ่งและลุงของนาง นั่นเป็นเรื่องที่ยากมากทีเดียว

ชาติก่อนตอนแรกนางก็เลื่อนตำแหน่งให้เขาเพราะเหตุนี้เหมือนกัน

ตอนนี้เขาบ้าไปแล้วหรือเปล่า?!

เจียงเซี่ยนต่อว่าหลี่เชียนอยู่ แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย

ชาติก่อนเขาไม่ได้เจอนางเร็วขนาดนี้ และมาเป็นแม่ทัพได้อย่างมั่นคงมากตลอดทาง…ทว่าเวลานี้เรื่องราวกลับยุ่งเหยิงไปหมด

ท่านลุง ท่านป้า ไทฮองไทเฮา เจียงลวี่…ไม่มีคนที่หลอกง่ายสักคน

บวกกับจ้าวเซี่ยว…เฉาเซวียน ไป๋ซู่ที่เข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องราวเหล่านี้…

นางคิดแล้วก็รู้สึกปวดศีรษะ จนอดที่จะนวดขมับไม่ได้

หลิวตงเยว่เห็นแล้วก็กังวลมาก จึงรีบเอ่ยว่า “ท่านหญิง ไม่สบายหรือเปล่าขอรับ? ไม่สบายตรงไหนขอรับ?”

เดินทางไกลมาถึงสถานที่ทุรกันดารและหาสถานที่พักแรมไม่ได้แบบนี้ หากท่านหญิงป่วย ก็ยุ่งยากแล้ว!

“ไม่เป็นไร!” เจียงเซี่ยนเอ่ย นางไม่มีแรงจะโกรธแล้ว “แค่รู้สึกว่าเรื่องนี้ยุ่งยากมาก สองสามวันนี้ต้องรบกวนเจ้าแล้ว ไว้กลับวังแล้ว ข้าจะทูลไทฮองไทเฮา ถึงเวลานั้นก็เลื่อนตำแหน่งให้เจ้าเป็นรองหัวหน้าขันทีระดับสี่”

หลิวตงเยว่ดีใจจนออกนอกหน้า เขาอยากคุกเข่าขอบพระคุณ แต่ก็ไม่มีที่ จึงทำได้เพียงเอ่ยว่า “ท่านหญิง ข้าจะทำตามที่ท่านสั่งอย่างแน่นอนขอรับ”

รองหัวหน้าขันทีระดับสี่อะไรนั้นเขาไม่กล้าคิดแล้ว หากหลีกเลี่ยงโทษประหารชีวิตได้ เขาก็คุกเข่าโขกศีรษะคำนับท่านหญิงเจียหนานเก้าครั้งแล้ว

เจียงเซี่ยนพยักหน้า แล้วถึงรู้สึกง่วงนอนมาก นางจึงหาวและนอนลง แล้วหลับไปอย่างสะลึมสะลือ

เดิมทีหลิวตงเยว่ยังอยากคุยกับเจียงเซี่ยนอีกเล็กน้อย พอเห็นเช่นนี้จึงจำต้องกลืนคำพูดลงไป และนั่งเฝ้าเจียงเซี่ยนอยู่ข้างๆ

รอบด้านเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงแมลงร้อง ไม่มีใครพูดแม้แต่คนเดียว หลิวตงเยว่หยิกต้นขาตนเองหลายครั้งถึงจะฝืนเฝ้าจนท้องฟ้าปรากฏแสงสว่างออกมาเล็กน้อยได้

หลี่เชียนเคาะรถม้า และถามว่า “ท่านหญิงตื่นหรือยัง?”

เวลานี้หลิวตงเยว่แทบอยากจะกินเนื้อของหลี่เชียน และดื่มเลือดของเขา แต่ก็กลัวว่าล่วงเกินเขาแล้วจะทำให้ท่านหญิงลำบาก จึงจำต้องกดความโกรธในใจลงไป แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างนอบน้อมว่า “ท่านหญิงยังไม่ตื่นเลย! ปกติท่านหญิงจะนอนถึงยามเหม่าจึงจะตื่น”

เขาอยากทำให้หลี่เชียนหงุดหงิดสักหน่อยโดยไม่ได้ตั้งใจ

เพราะฮ่องเต้ต้องว่าราชการตอนเช้า ปกติคนในวังจึงตื่นตั้งแต่ยามอิ๋นแล้ว

หลี่เชียนได้ยินแล้วก็ไม่แปลกใจ รู้สึกว่านี่ถึงจะเป็นท่าทีของเจียงเซี่ยน

เขาเอ่ยว่า “พวกเราต้องรีบออกเดินทางแล้ว ข้าให้อวิ๋นหลินวางน้ำถังหนึ่งไว้บนรถ เจ้าก็อยู่บนรถของท่านหญิงแล้วกัน หากท่านหญิงตื่นแล้ว เจ้าก็ช่วยท่านหญิงหวีผมและล้างหน้า”

เขาเอ่ยจบ ก็ไม่ได้รอให้หลิวตงเยว่ตอบเช่นกัน ได้ยินเขาไม่รู้ว่าคุยกับใครแว่วๆ ไม่กี่คำ คนที่เฝ้าเขาเมื่อวานก็ยกน้ำถังหนึ่งวางเข้ามา และพอปล่อยม่านรถลง รถม้าก็ออกวิ่งทันที

หลิวตงเยว่ตกใจ

เขาคิดว่าหากเขาเอ่ยแบบนี้อย่างไรหลี่เชียนก็ต้องให้ท่านหญิงเจียหนานล้างหน้าและเข้าส้วมอะไรทำนองนั้น

คิดไม่ถึงว่าหลี่เชียนกลับนึกจะไปก็ไป

หลิวตงเยว่รู้สึกหนักใจขึ้นมาในทันใด

ดูเหมือนก่อนหน้านี้เขาจะดูถูกหลี่เชียนแล้ว

เขาคิดว่าหลี่เชียนเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาที่หน้าตาดีและคารมดี จึงทำให้เจียงเซี่ยนชอบ และที่ได้เป็นแม่ทัพโหยวจี ก็เป็นเพราะมีบิดาที่เป็นแม่ทัพเท่านั้น

เขาผลักเจียงเซี่ยนเบาๆ “ท่านหญิง รีบตื่นเถอะขอรับ ไม่รู้ว่าหลี่เชียนจะพาพวกเราไปที่ไหนอีกแล้ว?”

เจียงเซี่ยนขยี้ตาอย่างสะลึมสะลือ และลุกขึ้นมานั่ง แล้วเอ่ยว่า “พวกเราเดินทางอีกแล้วหรือ?”

หลิวตงเยว่พลั้งปากตอบไปว่า “ขอรับ” และรินชาร้อนให้เจียงเซี่ยนถ้วยหนึ่ง

เจียงเซี่ยนดื่มชาแล้ว สมองก็พอจะปลอดโปร่งเล็กน้อย จึงเอ่ยว่า “จากเมืองหลวงไปซานซีต้องใช้เวลากี่วัน?”

หลิวตงเยว่ก็ไม่รู้เหมือนกัน

ตอนเขาอายุสามสี่ขวบก็ถูกคนซื้อเข้าเมืองหลวงแล้ว พออายุเจ็ดขวบก็เข้าวัง ที่ที่เคยไปไกลที่สุดก็คือภูเขาเสี่ยวทัง

เจียงเซี่ยนก็ไม่รู้เหมือนกัน

แต่นางรู้ว่าจากซีอานถึงเมืองหลวงต้องใช้เวลากี่วัน

ตอนนั้นหลี่เชียนคิดแต่อยากมีเขตอิทธิพลของตนเองสักแห่ง ทว่าต้าถงกับเมืองเซวียนเป็นเขตอิทธิพลของตระกูลเจียงมาตลอด อย่างไรเจียงเซี่ยนก็ให้ตระกูลเจียงยกที่ให้หลี่เชียนไม่ได้ คิดไปคิดมา จึงให้เขาไปซีอาน และเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้บัญชาการส่านซี

เจียงเซี่ยนนึกถึงเรื่องพวกนี้ก็รู้สึกว่าตนเองโง่ และเอ่ยอย่างท้อแท้ว่า “ซานซีเป็นเขตอิทธิพลของตระกูลหลี่ เขาจะต้องไปซานซีโดยเร่งเดินทางอย่างเต็มที่ทั้งวันทั้งคืนอย่างแน่นอน แล้วพวกเรายังห้ามเขาได้อย่างนั้นหรือ? เขาอยากรีบเดินทางก็รีบไปเถอะ! เจ้าแค่จำไว้ว่าทำงานที่ข้าให้เจ้าทำให้เสร็จก็พอแล้ว!”

หลิวตงเยว่รู้ว่าคำพูดของเจียงเซี่ยนมีเหตุผล คิดแล้วก็หดหู่เล็กน้อยเช่นกัน หลังจากช่วยเจียงเซี่ยนหวีผมและล้างหน้า หลี่เชียนที่ได้ยินเสียงก็ทิ้งม้ามานั่งบนแอกของรถ เขาถือของว่างเข้ามากล่องหนึ่ง และเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “ระหว่างทางก็ไม่มีอะไรอร่อยเช่นกัน เจ้ารองท้องก่อนสักหน่อย ตอนเย็นพวกเราค่อยกินอะไรอร่อยๆ กันสักมื้อ”

เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “พวกเราจะเข้าเมืองหรือ?”

กระต่ายเจ้าเล่ห์เตรียมโพรงไว้ซ่อนตัวหลายแห่ง[1] ใครจะรู้ว่าหลี่เชียนมีโพรงกี่แห่ง?

หลี่เชียนได้ยินก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าอยากลองไปดูในเมืองหรือ?”

นางไม่อยาก

ทว่าเวลานี้พวกเขารีบเดินทางโดยไม่หยุดแม้แต่เค่อเดียว นางมีโอกาสแจ้งข่าวให้เจียงลวี่ที่ไหนกัน?

นางแค่อยากใช้เวลาที่เข้าเมืองทิ้งดอกไม้ผ้าไหมผืนบางประดิษฐ์ที่สร้างขึ้นตามแบบของในวังดอกเดียวบนศีรษะไว้หน้าประตูเมือง

“แล้วแต่เจ้า” เจียงเซี่ยนเอ่ย “ข้ายังไม่เคยเห็นตลาดนอกเมืองหลวงเลย!”

หลี่เชียนยิ้มพลางมองนางด้วยสายตาอบอุ่น และเอ่ยว่า “ไว้ถึงซานซีแล้ว เจ้าอยากไปเดินเล่นที่ไหน ข้าก็จะไปเดินเล่นที่นั่นเป็นเพื่อนเจ้า!”

เจ้าคนสารเลวนี่ ตอบปฏิเสธนางเลยจะดีกว่า

เจียงเซี่ยนเข้าไปสะบัดม่านรถทีหนึ่ง โดยฝืนให้ตีโดนหน้าของหลี่เชียน

หลี่เชียนฝืนยิ้ม

ทว่าหลิวตงเยว่ที่อยู่ในรถกลับสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก และเตือนเจียงเซี่ยนเสียงเบาอย่างหวาดกลัว “ท่านหญิง บนหัวตัวอักษรคำว่าอดทนมีมีดอยู่เล่มหนึ่ง ท่านต้องอดทนเอาไว้ให้ได้! ท่านต้องอดทนเอาไว้ให้ได้ขอรับ!”

ทำไมนางต้องอดทนกับหลี่เชียนด้วย?

เขามีฝีมือลักพาตัวนางมา และมีฝีมือพานางไปซานซีอย่างเงียบๆ นะ!

เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “หลี่เชียน ข้าอยากดื่มน้ำแกงไก่! ดื่มน้ำแกงไก่ที่มีควันกรุ่นๆ!”

————————————–

[1] กระต่ายเจ้าเล่ห์เตรียมโพรงไว้ซ่อนตัวหลายแห่ง หมายถึง มีที่ซ่อนตัวหลายแห่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+