ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 522 คุณภาพของการศึกษา

Now you are reading ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล Chapter 522 คุณภาพของการศึกษา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 522 คุณภาพของการศึกษา

โจวเจ๋อยิ้มเจื่อนๆ ครั้งนี้ตัวเองโดนหลอกแล้วจริงๆ เพราะจากการสื่อสารสั้นๆ โจวเจ๋อมั่นใจว่า วิญญาณดวงนี้คือสวีจงลี่ ขณะเดียวกันเธอถูกผนึกอยู่ในร่างกายและร่างกายถูกแย่งไปหลายวันแล้ว

ซึ่งหมายความว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาช่วยไปนั่งเรียนแทน คนที่นั่งข้างเขา แท้จริงแล้วคือผีแซ่หลี่ (ตัวปลอม) ที่ใช้วิธี ‘ต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ’

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วทุกอย่างจึงดูสมเหตุสมผล เวลาพักกลางวัน เธอไม่ได้ไปที่โรงอาหาร กลับกันเธอตั้งใจเดินไปที่โรงยิมเก่าที่มีคนไปน้อย นี่คือจงใจสร้างโอกาสให้เขา จากนั้นจึงยืมมือของเขา ช่วยเธอยึดครองร่างนี้อย่างสมบูรณ์โดยดึงวิญญาณของสวีจงลี่ตัวจริงออกมา

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเพื่อนนักศึกษาโก่วเซินชิงบังเอิญพักอยู่ห้องข้างๆ โทรศัพท์บ่นเสียงดัง ตอนนี้วิญญาณของสวีจงลี่ตัวจริงอาจจะถูกโจวเจ๋อจับลงนรกไปแล้ว และคดีที่เป็นการใส่ร้ายปรักปรำผู้บริสุทธิ์ จนถึงป่านนี้ก็คงไม่มีใครรู้

ก็เหมือนกับอาจารย์ที่สวมหมวกทรงสูงบนศีรษะแล้วเขียนว่า ‘คนไร้ศีลธรรมจรรยาเฉกเช่นสัตว์เดรัจฉาน’ วิญญาณที่ยังไม่หมดอายุขัยถูกจับลงนรก โจวเจ๋อมีความเป็นไปได้สูงที่จะโดนลงทัณฑ์นี้ แต่ก็แค่โดนหักคะแนนเท่านั้นนรกไม่เข้มงวดในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ยมทูตทำงานก็ต้องมีทำงานพลาดกันบ้าง

โจวเจ๋อขยี้ตา เก็บวิญญาณของสวีจงลี่ขึ้นมา ในเมื่อรู้เรื่องแล้ว ดังนั้นจึงไม่ส่งเธอไปลงนรกอีก อันที่จริงเรื่องนี้มีความผิดปกติอยู่เล็กน้อย

เดิมทีเถ้าแก่โจวโดดงานและเลือกทำงานพาร์ตไทม์ระหว่างทางนิดหน่อย ตอนนี้กลับพบว่าตัวเองโดนหลอก ถูกคนอื่นหลอกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีคนอื่น โจวเจ๋อไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เป็นอย่างมาก

สวีจงลี่ใช่ไหม โจวเจ๋อไม่รีบ ตอนนี้เขาต้องการพักผ่อนสักครู่หนึ่ง รอให้ดวงตาหายดีก่อน ไม่ว่าอย่างไรผีแซ่หลี่ตัวนั้นอุตส่าห์คิดแผนการถึงขั้นยอมแสดงละครเพื่อยืมมีดจากมือของยมทูตอย่างเขา ไม่น่าจะกลับตัวกลับใจหนีไปกระโดดเหวตายหรอก

ตอนบ่าย โจวเจ๋อล้างตาอีกสองครั้ง แล้วใช้แอปพลิเคชันสั่งคนวิ่งซื้อของ ให้เขาไปซื้อน้ำยาและยาทาจากร้านขายยามาให้ตัวเอง

ตกเย็น โจวเจ๋อจึงมองอยู่หน้ากระจก เขาไม่เจ็บตาแล้ว เบ้าตาที่บวมแดงก็ลดลงไปครึ่งหนึ่ง โดยเฉพาะตอนนี้ใกล้มืดแล้ว น่าจะมองไม่ออก

เรื่องน่าอายแบบนี้ แน่นอนว่าโจวเจ๋อไม่อยากให้คนอื่นรู้ และในเมื่อจับวิญญาณของเธอออกมาแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบเธอเช่นกัน

จริงๆ แล้วเรื่องนี้ถือว่าเป็น ‘การฆ่าคนเหมือนผักปลา’ เพราะความผิดพลาดจากการทำงานของตัวเอง

ฟ้ามืดแล้ว โจวเจ๋อจึงเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยอีกครั้ง สนามกีฬาในมหาวิทยาลัยมีนักศึกษานั่งเป็นกลุ่มๆ อยู่ตรงนั้น มีตำรวจมาหลายคน บ้างก็ยังหนุ่ม บ้างเป็นวัยกลางคน มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

เหมือนกับการฝึกทหาร โดยทั่วไปตำรวจหนึ่งคนจะรับผิดชอบหนึ่งกลุ่ม บ้างก็พูดคุยกัน หลักๆ แล้วจะพูดเรื่องในสถานีตำรวจ บ้างก็เล่าถึงคดี บ้างก็สอนวิธีป้องกันตัว

ดูท่าแล้วทุกคนเหมือนจะเตรียมตัวมาก่อนหน้านี้ พวกนักศึกษาก็ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ อย่างน้อยดูเหมือนจะมีสีสันดี ไม่ว่าอย่างไร ตอนเย็นนั่งตรงนี้ก็ไม่ร้อนและไม่หนาวเกินไป เว้นเสียแต่ว่ามียุงเยอะไปหน่อย ทว่าสบายกว่าฝึกทหารตอนกลางวันแน่นอน

เมื่อถามตำรวจคนหนึ่งที่กำลังสอนอยู่ โจวเจ๋อจึงตามหาเหล่าจางเจอ เหล่าจางกำลังนั่งอยู่ตรงกลางเหล่านักศึกษาแล้วเล่าถึงอันตรายที่เกี่ยวกับการขายตรง

การขายตรงจนกระทั่งถึงปี 1998 ตอนนั้นถูกรัฐมนตรีจูประกาศให้ยกเลิกและกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่อันตรายของมัน แท้จริงแล้วยังคงดำเนินต่อไป

เหล่าจางเล่าอย่างตั้งใจ ยกตัวอย่างอธิบายอย่างละเอียด ขณะเดียวกันได้เตือนพวกนักศึกษาอย่าคิดว่าตัวเองสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วจะเป็นคนฉลาด เป็นคนสูงส่ง ในความเป็นจริงตอนนี้คนที่ถูกการขายตรงหลอกง่ายที่สุดก็คือคนที่คิดว่าตัวเองฉลาดอย่างพวกเขา

เถ้าแก่โจวนั่งฟังอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง รอให้เหล่าจางเล่าจบแล้วลุกขึ้นไปหาดื่มน้ำชา โจวเจ๋อจึงเดินเข้ามา

“อ้าว เถ้าแก่” เหล่าจางแปลกใจอยู่บ้าง เขาคิดว่าโจวเจ๋อกลับไปนานแล้ว

“ช่วยผมสืบคนคนหนึ่ง มีนักศึกษาชื่อสวีจงลี่ ตอนนี้ผมอยากรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของเธอ”

“ได้ครับ” เหล่าจางตกลงทันที ไม่พูดให้เสียเวลา รีบเรียกตำรวจหญิงที่อยู่ข้างๆ คนหนึ่งให้ช่วย ‘สอนแทน’ ตัวเองจากนั้นเขาจึงเริ่มลงมือตรวจสอบ

ผลการตรวจสอบออกมาเร็วมาก ด้วยตำแหน่งของเหล่าจางแค่โทรศัพท์ไปที่มหาวิทยาลัยทักทายหน่อยก็ได้แล้ว

“เถ้าแก่ เป็นเรื่องของคนหรือ…”

“เรื่องของผี”

“ครับ” เหล่าจางพยักหน้า เพื่อแสดงว่าเข้าใจแล้ว

ผู้คนมักจะใช้คำว่ากินเรียบทั้งขาวและดำมาบรรยายอำนาจอันยิ่งใหญ่ของคนคนหนึ่ง ตอนนี้เหล่าจางต้องดูแลทั้งคดีของคนและของผี ทันใดนั้นรู้สึกว่าตัวเองมีหน้าที่รับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก

ต่อจากนั้น เหล่าจางได้เดินมาถึงด้านล่างหอพักหญิงพร้อมกับโจวเจ๋อ เหล่าจางยื่นบัตรออกมา ภายใต้ความร่วมมือของคุณป้าที่ดูแลหอพัก จึงเดินเข้าไปในหอพักหญิงพร้อมกับโจวเจ๋อ

เพียงแต่ หลังจากที่หาห้องของสวีจงลี่และผลักประตูเข้าไปถาม ถึงได้รู้ว่าสวีจงลี่ไม่ได้กลับมาที่หอพัก และได้ยินว่าเธอไม่ได้มาเรียนช่วงบ่าย

คนหายตัวไปแล้ว อันที่จริงหากเรื่องนี้เป็นของนักศึกษาธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่เรื่องที่ต้องสนใจจริงๆ เรื่องโดดเรียนสองทุ่มไม่กลับเข้าห้องนอน ไม่สำคัญอะไรเลย

ยุคสมัยนี้ ต่อให้ดึกกว่านี้แล้วยังไม่กลับก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวของสวีจงลี่จึงเป็นเรื่องใหญ่ โจวเจ๋อไม่แน่ใจว่าผีแซ่หลี่ตัวนั้นหลังจากครอบครองกายเนื้อนั่นแล้วจะทำอะไร

ถ้าหากแค่อยากกินเที่ยวหรือเยี่ยมญาติในอดีตก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากไปแก้แค้นสังคม เถ้าแก่โจวน่าจะเจองานใหญ่ จริงๆ แล้วด้วยเหตุบังเอิญหลายอย่างรวมกันทำให้เขาทำงานผิดพลาดเมื่อตอนกลางวัน ถ้าหากตัวเขาไม่ได้ถูกพ่นด้วยสเปรย์พริก ตอนนั้นที่ดึงเงาดำออกมาน่าจะสัมผัสอะไรได้บ้าง

ต้องหาคนให้เจอก่อน

โจวเจ๋อกับเหล่าจางเดินออกมาจากอาคารหอพักหญิง ตอนที่เพิ่งเดินถึงสวนดอกไม้หน้าประตูมีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งตามมา คือเพื่อนร่วมห้องของสวีจงลี่

เธอได้บอกข้อมูลที่น่าเชื่อถืออย่างหนึ่ง บอกว่าสวีจงลี่มีแฟนหนุ่มคนหนึ่ง เป็นนักศึกษาต่างชาติในมหาวิทยาลัยเป็นคนผิวดำ เมื่อผู้หญิงพูดจบก็รีบเดินกลับทันที

“ความสัมพันธ์จอมปลอมของผู้หญิง” เหล่าจางพูดแซว เขาเป็นตำรวจอาชญากรรมมากประสบการณ์ ก่อนหน้านั้นความคิดเล็กๆ น้อยๆ ของเพื่อนร่วมห้องของสวีจงลี่เขาจะมองไม่ออกได้อย่างไร

ไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากอาศัยข้ออ้างที่ตำรวจมาสืบเรื่องของเธอให้ข้อมูลทำให้เรื่องราวใหญ่โต อย่างน้อยเพื่อที่จะเปิดเผยชีวิตส่วนตัวของสวีจงลี่

ส่วนที่เธอรีบพูดว่าเป็นห่วงสวีจงลี่ดึกป่านนี้แล้วยังไม่กลับหอกลัวว่าจะเกิดอันตรายถึงได้บอกเรื่องส่วนตัวของเธอออกมา สาวน้อย เพิ่งจะสองทุ่มเอง ยังไม่หมดเวลาทบทวนบทเรียนตอนเย็นเลย เธอจะกลัวหาพระแสงอะไร!

ต่อมา เหล่าจางกับโจวเจ๋อได้เดินเข้าไปในหอพักเก่า เพื่อตามหาแฟนหนุ่มผิวดำของสวีจงลี่ หอพักเก่ามีกลิ่นแปลกๆ แถมยังมีเสียงดังมาก ตรงโถงทางเดินและบันไดก็สกปรกมากเช่นกัน

ตอนนี้โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินอยู่ในฉากห้องขังในภาพยนตร์อเมริกัน โดยเฉพาะประตูหอพักที่เป็นประตูบานเหล็กเรียงกันเป็นแถวๆ สีหลุดลอกออกเกือบหมด เผยให้เห็นสนิมเกรอะกรังที่อยู่ในนั้น ดูแล้วเหมือนห้องขังจริงๆ

จัดนักศึกษาต่างชาติผู้สูงส่งมาอยู่ในหอพักที่นี่ ดูเหมือนจะผิดหลักการต้อนรับแขกอย่างไรไม่รู้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเถ้าแก่โจวรู้สึกสะใจเล็กน้อย

เขายิ่งคิดก็ยิ่งอยากเจอหน้าอธิการบดีของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ และไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเชิญเขาไปดื่มน้ำชาที่ร้านหนังสือไหม

“…” อธิการบดีของมหาวิทยาลัยที่ยังไม่ทราบชื่อ

พวกเขาขอตรวจสอบรายชื่อจากผู้ดูแลหอพัก แล้วจึงหาห้องพักแฟนของสวีจงลี่เจอ ภายในห้องพักนี้กำลังร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน เสียงลำโพงคุณภาพแย่มีเสียงดังอย่างมาก

จางเยี่ยนเฟิงเคาะประตู ไม่มีคนตอบ จากนั้นจึงผลักประตูโดยตรง มีนักศึกษาต่างชาติสามสี่คนนั่งอยู่ข้างใน หนึ่งในนั้นกำลังเล่นเกม อีกคนหนึ่งกำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง และอีกสองคนกำลังเปิดเพลงฟัง ตอนค่ำแบบนี้ก็ไม่กลัวว่าจะรบกวนคนอื่น

นักศึกษาที่อยู่ในนั้นสองสามคนมองคนที่ผลักประตูเข้ามาหนึ่งที แต่ไม่มีใครสนใจ เหล่าจางวันนี้มาสอนวิชาให้นักเรียนใหม่จึงใส่ชุดตำรวจ โจวเจ๋อไม่เชื่อว่าคนพวกนี้จะไม่รู้จักชุดตำรวจของประเทศจีน

เสียงเพลงดังมากเกินไป เหล่าจางจึงใช้ภาษาอังกฤษเพื่อบอกให้พวกเขาปิดเพลงก่อน แต่หนุ่มผิวดำสองคนนั้นที่กำลังเต้นอยู่ไม่สนใจ กลับกันกลับจงใจปรับเสียงให้ดังขึ้น และหนึ่งคนในนั้นยังจงใจใช้นิ้วชี้ทั้งสองข้างวางไปที่หางตา แล้วทำท่าหรี่ตา

“หมายความว่ายังไง” เหล่าจางหันไปถามโจวเจ๋อ “ประเพณีของพวกเขาเหรอ”

“การกระทำที่ดูถูกคนผิวเหลือง”

“อ้อ หมายความว่า พวกเราตอนนี้ถูกคนผิวดำดูถูก”

“ใช่” โจวเจ๋อพยักหน้า

เหล่าจางหัวเราะ ปลดกระดุมบนเสื้อผ้าของตัวเอง โจวเจ๋อยื่นมือจับไปที่ไหล่ของเหล่าจาง เพื่อบอกเขาอย่าขยับ

นิสัยของเหล่าจางจริงๆ แล้วไม่ดีเป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นชาติที่แล้วเขาเหน็ดเหนื่อยมาสิบกว่าปี คงไม่ได้เป็นแค่หัวหน้าตำรวจอาชญากรรมเท่านั้น

“คุณใส่ชุดตำรวจ อย่าวู่วาม” โจวเจ๋อเอ่ยเตือน พูดจบ โจวเจ๋อจึงเดินไปข้างหน้าเพื่อปิดลำโพงก่อน หนุ่มผิวดำทั้งสองคนโมโหทันที สามารถมองออกว่า พวกเขาไม่เข้าใจภาษาจีน แม้แต่ภาษาอังกฤษก็ยังพูดได้อย่างเส็งเคร็ง

ทว่าอารมณ์นั้นไร้ขอบเขต พวกเขากำลังประกาศความไม่พอใจของพวกเขาแน่นอน

ใช่แล้ว พวกเขาไม่พอใจจริงๆ พวกเขามีเพื่อนคนอื่นที่รู้จักกัน พวกเขาอยู่ในมหาวิทยาลัยอื่นของประเทศจีน นอกจากเงินช่วยเหลือจากเบื้องบนแล้ว ทางมหาวิทยาลัยยังมีเงินชดเชยด้านอื่นให้อีก แต่พวกเขาไม่มี

เรื่องอาหารการกินและเสื้อผ้า นักศึกษาต่างชาติในมหาวิทยาลัยอื่นที่พวกเขารู้จักก็ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แต่ที่นี่คืออะไร ถือสิทธิ์อะไรให้พวกเขามาอยู่ในหอพักเก่าซอมซ่อแบบนี้ หอพักใหม่ที่อยู่ถัดไปกลับเป็นนักศึกษาจีนทั้งหมด

ไม่ว่าเรื่องใด ไม่ต้องกังวลว่าจะแบ่งน้อยหรือมากแต่ให้กังวลว่าจะแบ่งเท่ากันไหม มีการเปรียบเทียบจึงทำให้เกิดความเสียใจ โดยเฉพาะการพูดคุยในวันนี้ ได้ยินว่ามหาวิทยาลัยที่อื่นได้จัดกลุ่มนักศึกษาหญิงท้องถิ่นเป็นคู่ๆ เพื่อช่วยเหลือนักศึกษาต่างชาติอย่างพวกเขาให้ร่วมกิจกรรมเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมและการใช้ชีวิต พวกเขาจึงรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง

หนุ่มผิวดำที่ทำท่า ‘ลิง’ ก่อนหน้านั้น ได้ทำท่านี้กับโจวเจ๋ออีกครั้ง โจวเจ๋อพยักหน้า เล็บงอกยาวออกมาเล็กน้อย แล้วทิ่มไปที่ข้อมือของอีกฝ่ายอย่างแรง อีกฝ่ายชาไปทั้งตัว เหมือนถูกไฟช็อต ร่างกายเริ่มสั่นสะท้าน

จากนั้นโจวเจ๋อจึงใช้เท้าถีบไปที่ท้องน้อยของอีกฝ่าย แล้วจับผมของอีกฝ่ายกระแทกไปที่หน้าโต๊ะในห้องพักอย่างแรง!

“…” คนอื่นๆ ในห้องพัก

“…” เหล่าจาง

เหล่าจางรู้สึกตกใจอยู่บ้าง ความรักและภาคภูมิใจในศักดิ์ศรีของชนเผ่าของเถ้าแก่มีความแข็งแกร่งเช่นนี้เชียว ในความเป็นจริงนั้น สิ่งที่เขาไม่รู้คือวันนี้เถ้าแก่ของตัวเองอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง กำลังหาที่ระบายพอดี ตอนนี้เหมือนคนที่กำลังนอนสัปหงกแล้วมีคนยื่นหมอนมาให้พอดี

หลังจากซัดคนจนหน้าบวมช้ำแล้ว โจวเจ๋อจึงปล่อยมือจนอีกฝ่ายล้มไปบนพื้น จากนั้นปัดมือ ฮู่ว สบายใจแล้ว

โจวเจ๋อหมุนตัว เดินออกมาจากห้องพักท่ามกลางความนิ่งงันเหมือนหุ่นไก่ของคนอื่นในห้องพัก

พอผ่านไปสองสามวินาที โจวเจ๋อจึงเดินกลับมาแล้วเอ่ยว่า “เกือบลืมไปแล้วว่ามาทำอะไร”

………………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด