ยอดคุณหมอสกุลเฉินตอนที่254 ผมไม่จ่าย!

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter ตอนที่254 ผมไม่จ่าย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่​254

สภาพ​จิตใจ​ของ​ฉีเล่ย​เปลี่ยนเป็น​ตึงเครียด​ขึ้น​มาทันที​

หาก​สิ่งที่​ซือ​ไถพูด​เป็น​ความจริง​ นั่น​หมายความว่า​ สอง​สามีภรรยา​คู่​นี้​คงจะ​ทิ้ง​ปัญหา​ไว้​ใน​เจียง​ห​ลิง​มากมาย​ทีเดียว​

จุดประสงค์​ของ​พวกเขา​คือ​อะไร​กัน​ แล้ว​องค์กร​ที่​พวกเขา​ก่อ​ตั้งขึ้น​มา มัน​คือ​องค์กร​อะไร​กัน​?

ฉีเล่ย​รู้สึก​ว่า​ เรื่อง​นี้​คล้าย​มีหมอก​ขาว​ปกคลุม​อยู่​ มัน​ดู​คลุมเครือ​อย่าง​บอก​ไม่ถูก​

เวลานี้​ ซือ​ไถอยู่​ใน​สภาวะ​สูญเสีย​เรี่ยวแรง​ ฉีเล่ย​จึงคิด​ที่จะ​พา​เขา​กลับ​ไป​ด้วย​ เพราะ​ถึงอย่างไร​ เขา​ก็​เคย​ช่วยชีวิต​ชาย​ชรา​คน​นี้​มาครั้งหนึ่ง​แล้ว​

เมื่อ​นึกถึง​กลิ่น​แปลก​ๆที่​โชย​มาจาก​ด้านใน​ของ​บ้าน​ ฉีเล่ย​จึงรีบ​หยิบ​สมุนไพร​ออก​มาจาก​กระเป๋า​ของ​ตนเอง​ แล้ว​นำ​ไป​วาง​ไว้​บน​จมูก​ของ​ซือ​ไถพร้อมกับ​บอก​ชาย​ชรา​ว่า​

“ถ้าไม่อยาก​ตาย​ก็​อย่า​เอา​นี่​ออก​ล่ะ​!”

ซือ​ไถจ้องมอง​ฉีเล่ย​พร้อมกับ​โบกมือ​ไปมา​ ปาก​ก็​พูด​ขึ้น​อย่าง​อ่อนแรง​ “ช่างเถอะ​ ชีวิต​ของ​ฉัน​คงจะ​ไม่รอด​แล้ว​ล่ะ​ สู้ฉัน​นอน​รอ​ความตาย​อยู่​ที่​บ้าน​จะดีกว่า​”

คำพูด​ของ​ซือ​ไถดูเหมือน​จะไม่ผิดนัก​ แต่​ฉีเล่ย​เอง​ก็​มีความคิด​ที่​ไม่ดี​เท่าไหร่​เช่นกัน​ เพราะ​เวลานี้​ มีเพียง​ซือ​ไถคนเดียว​เท่านั้น​ที่​รู้เรื่องราว​ทั้งหมด​ที่​เกิดขึ้น​มาก​ที่สุด​ อีก​ทั้ง​ก่อนหน้านี้​ ยัง​ดูเหมือนว่า​เขา​เอง​ก็​พยายาม​ปิดบัง​ข้อมูล​บางส่วน​อยู่​

เพราะฉะนั้น​ จะด้วย​เหตุผล​อะไรก็ตาม​ ไม่ว่า​จะเป็น​เพราะ​คุณธรรม​ หรือ​ความเห็นแก่ตัว​ ฉีเล่ย​ก็​จำเป็นต้อง​ช่วยชีวิต​ซือ​ไถก่อน​

และ​ตอนนี้​ ซือ​ไถก็​กำลัง​ทรุด​นอน​อยู่​กับ​พื้น​อย่าง​หมด​เรี่ยว​หมดแรง​

นับว่า​โชคดี​ที่​ร่าง​ของ​ซือ​ไถไม่ได้​หนัก​มาก​ และ​หลังจาก​ใช้สมุนไพร​ปิด​จมูก​ของ​ชาย​ชรา​แล้ว​ ฉีเล่ย​ก็​จัดการ​แบ​กร่าง​ของ​ชาย​ชรา​เดิน​ออก​ไป​จาก​บ้าน​ในทันที​

แต่​น่า​แปลกที่​ฉีเล่ย​กลับ​พบ​ว่า​ กลิ่น​ประหลาด​นี้​กลับ​ไม่ดึงดูด​เพื่อนบ้าน​ใน​บริเวณ​นั้น​ให้​สนใจ​ออกมา​ดู​เลย​แม้แต่น้อย​

“ไม่ต้อง​แปลกใจ​หรอก​ เพราะ​นอกจาก​บ้าน​หลัง​นี้​จะอยู่​ค่อนข้าง​ห่างไกล​จาก​บ้าน​หลัง​อื่น​แล้ว​ คน​ปกติ​ที่​ไม่เคย​ถูก​ฝังหนอน​กู่​ใน​ร่าง​ก็​จะไม่ได้กลิ่น​”

ซือ​ไถร้องบอก​ฉีเล่ย​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ดู​เหน็ดเหนื่อย​อย่าง​มาก​

ตอนแรก​ฉีเล่ย​ยัง​คิด​ว่า​ เดี๋ยว​ผู้คน​ที่​ได้กลิ่น​แปลก​ๆนี้​คงจะ​ต้อง​เดิน​ออกมา​ดู​ แต่​เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป​ กลับ​ไม่มีใคร​เดิน​ออกมา​ดู​เลย​แม้แต่​คนเดียว​

“คุณ​รู้เรื่อง​ที่​ผม​ถูก​สอง​ผัวเมีย​ฝังหนอน​กู่​เข้า​ร่าง​ไหม​?”

ฉีเล่ย​หันไป​มอง​ชาย​ชรา​ด้วย​ความสงสัย​คลางแคลงใจ​ และ​คิด​ว่า​ชาย​ชรา​น่าจะ​รู้เห็น​ใน​เรื่อง​นี้​ด้วย​ แต่​ซือ​ไถกลับ​โบกมือ​ไปมา​อย่าง​อ่อนแรง​ พร้อม​ตอบกลับ​ไป​ว่า​

“วันนั้น​ หลังจากที่​เธอ​เดิน​ออก​ไป​จาก​บ้าน​ของ​ฉัน​แล้ว​ สอง​คน​นั่น​ก็​ถึงกับ​หัวเราะ​ออกมา​เสียงดัง​ พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ เธอ​จะต้อง​ตาย​ภายใน​ 24 ชั่วโมง​!”

“ฉัน​เอง​ก็​ไม่คิด​ว่า​เธอ​จะรอดชีวิต​กลับมา​ที่นี่​ได้​อีก​ มิหนำซ้ำ​ สภาพ​ของ​เธอ​ใน​ตอนนี้​ยัง​ดูเหมือน​ไม่ได้รับบาดเจ็บ​อะไร​เลย​แม้แต่น้อย​ สมแล้ว​ที่​เป็น​ประธาน​ฉี!”

แม้ว่า​จะมีท่าที​เหน็ดเหนื่อย​อย่าง​มาก​ แต่​ซือ​ไถก็​ยัง​พยายาม​พูด​กับ​ฉีเล่ย​ต่อ​ เขา​จ้องหน้า​ชายหนุ่ม​แน่นิ่ง​ ก่อน​จะเอ่ย​บอก​ด้วย​น้ำเสียง​หนักแน่น​

“ประธาน​ฉี ฉัน​รู้ดี​ว่า​ทำไม​เธอ​ถึงกลับมา​ช่วย​ฉัน​ แต่​ฉัน​ขอ​บอก​ตามตรง​ว่า​ สิ่งที่​ฉัน​รู้​มาทั้งหมด​นั้น​มีเพียง​แค่นี้​จริงๆ​ ถ้าเธอ​หวัง​จะได้​รู้​อะไร​มาก​ไป​กว่า​นี้​ล่ะ​ก็​ เกรง​ว่า​เธอ​คงจะ​ต้อง​ผิดหวัง​แล้ว​ล่ะ​”

และ​ดูเหมือน​ซือ​ไถเอง​ก็​จะเข้าใจ​จุดประสงค์​ที่​ฉีเล่ย​ช่วย​เขา​ได้ดี​เช่นกัน​

เมื่อ​เห็น​ว่า​อีก​ฝ่าย​มอง​จุดประสงค์​ที่​แท้จริง​ของ​ตนเอง​ออก​ ฉีเล่ย​ก็​รู้สึก​อาย​และ​กระอักกระอ่วน​ใจไม่น้อย​ แต่​เขา​ก็​สามารถ​เก็บ​อารมณ์​ความรู้สึก​ไว้​ได้ดี​ ไม่แสดง​ออกมา​ให้​อีก​ฝ่าย​ได้​เห็น​ จากนั้น​จึงได้​บอก​กับ​ชาย​ชรา​ว่า​

“ผม​จะพา​คุณ​ไป​ที่​โรงแรม​ หลัง​จากนี้ไป​คุณ​ไม่จำเป็นต้อง​กลัว​อะไร​อีกแล้ว​ ผม​ว่า​สอง​ผัวเมีย​นั่น​คง​ไม่กลับมา​ยุ่ง​กับ​คุณ​อีกแล้ว​ล่ะ​ คุณ​พักผ่อน​ให้​สบาย​ก็แล้วกัน​”

ฉีเล่ย​ไม่ได้​หลอก​เพื่อ​ปลอบประโลม​ชาย​ชรา​ให้​สบายใจ​ แต่​เขา​พูด​ไป​ตาม​ความจริง​ นั่น​เพราะ​องค์กร​ที่อยู่​เบื้องหลัง​เรื่อง​นี้​น่าจะ​กำลัง​คิด​ทำ​อะไร​บางอย่าง​ใน​เจียง​ห​ลิง​อยู่​ ย่อม​ไม่มีเวลา​จะมาสนใจ​ชาย​ชรา​อีก​นั่นเอง​ ช่วง​เวลานี้​จึงน่าจะ​เป็นช่วง​ที่​อันตราย​มาก​ที่สุด​

หลังจาก​พา​ซือ​ไถกลับ​ไป​ที่​โรงแรม​แล้ว​ ฉีเล่ย​ก็ได้​เตรียม​ของ​ที่​จำเป็น​ไว้​ให้​เขา​ พร้อมกับ​กำชับ​หนักแน่น​ว่า​

“ผม​จะต้อง​ออก​ไป​ทำ​ธุระ​บางอย่าง​ จำไว้​ว่า​ ถ้าผม​ยัง​ไม่กลับมา​ ห้าม​คุณ​เปิด​ประตู​ห้อง​อย่าง​เด็ดขาด​ และ​ต้อง​ไม่ออก​ไป​ไหน​ทั้งนั้น​ จะต้อง​อยู่​แต่​ใน​ห้อง​ เข้าใจ​ไหม​?”

“ฉัน​เข้าใจ​!”

ซือ​ไถตอบกลับ​ด้วย​สีหน้า​เศร้าสร้อย​

หลังจากนั้น​ ฉีเล่ย​ก็​เดิน​ออกจาก​โรงแรม​ไป​ และ​ได้​เรียก​รถ​มุ่งหน้า​ไป​ยัง​บริเวณ​ที่​รถตู้​สีทอง​หาย​ไป​ใน​วันนั้น​

ความจริง​แล้ว​ ถ้าวันนั้น​คู่สามีภรรยา​ชาว​เหมี่ยว​ไม่ปรากฏตัว​ขึ้น​ที่​ชิงหัว​พลาซ่า​เสีย​ก่อน​ คาด​ว่า​เขา​น่าจะ​ได้​พบ​เบาะแส​ หรือ​ร่องรอย​อะไร​บางอย่าง​บ้าง​แล้ว​ก็ได้​

ความจำ​ของ​ฉีเล่ย​ค่อนข้าง​ดีมาก​ เขา​ยัง​จดจำ​เส้นทาง​ที่​รถตู้​คัน​นั้น​วิ่ง​ไป​ได้​อย่าง​แม่นยำ​ และ​เมื่อ​มาถึงสี่แยก​ที่​รถ​คัน​นั้น​เลี้ยว​หาย​ไป​ ฉีเล่ย​ก็ได้​ร้องบอก​ให้​คนขับ​จอด​ และ​ก่อนที่จะ​เดินลง​ไป​ เขา​ก็ได้​ให้เงิน​และ​เบอร์​โทรศัพท์มือถือ​ของ​ตนเอง​ไว้​ แล้ว​สั่งให้​คนขับ​รถแท็กซี่​รอ​เขา​อยู่​ใน​บริเวณ​นี้​

ฉีเล่ย​เดิน​ไป​ตาม​ถนนลูกรัง​ที่​มีแต่​ฝุ่น​…

เขา​เดินตาม​ทาง​เรื่อยๆ​ สายตา​พลาง​สอดส่าย​หา​รถตู้​สีทอง​ที่​มีเลขทะเบียน​ตรง​กับ​ที่​ถงเซียว​เซียว​จด​ไว้​ให้​ แต่​หลังจาก​เดิน​หา​อยู่​ราว​ครึ่ง​ชั่วโมง​ กลับ​ไม่พบ​เจอ​รถ​ใน​บริเวณ​นั้น​เลย​แม้แต่​คัน​เดียว​

ฉีเล่ย​สังเกตเห็น​ว่า​ บริเวณ​ที่​เขา​เดิน​หา​นั้น​ไม่มีบ้านเรือน​หรือ​อาคาร​อยู่เลย​สัก​หลัง​ กระทั่ง​คน​ก็​ยัง​ไม่พบเห็น​เลย​แม้แต่​คนเดียว​

มัน​เกิด​อะไร​ขึ้น​ที่นี่​กัน​แน่​นะ​?

จู่ๆคำถาม​นี้​ก็​พลัน​ผุด​ขึ้น​มาใน​หัว​ของ​ฉีเล่ย​ หลังจาก​สังเกตเห็น​ว่า​ สภาพแวดล้อม​แถวๆ​นี้​ออกจะ​ดู​แปลกประหลาด​ไป​สักหน่อย​ ต้นไม้​บริเวณ​นี้​หลาย​ต่อ​หลาย​ต้น​ก็​ล้วน​กลายเป็น​สีเหลือง​เหี่ยวเฉา​

“ต้อง​มีใคร​มาทำ​อะไร​สัก​อย่าง​บริเวณ​นี้​แน่ๆ​!”

ฉีเล่ย​ยังคง​เดิน​ตรง​ไป​ข้างหน้า​เรื่อยๆ​ จนกระทั่ง​ผ่าน​ไป​ครู่ใหญ่​ ก็​เริ่ม​พบ​อะไร​บางอย่าง​ปรากฏ​ขึ้นอยู่​ตาม​ท้องถนน​ใน​บริเวณ​นั้น​

มัน​เป็น​ร่องรอย​ของ​ล้อ​รถยนต์​…

คาด​ว่า​เมื่อคืน​ฝน​อาจจะ​ตก​ ถนน​จึงได้​กลายเป็น​โคลน​ และ​เมื่อ​มีรถ​แล่น​ผ่าน​จึงได้​มีร่องรอย​ปรากฏ​อย่าง​เห็นได้ชัด​ หาก​พิจารณา​จาก​ความ​กว้าง​ของ​ยาง​ และ​ลาย​ของ​ดอกยาง​รถ​ มัน​ดู​คล้าย​กับ​ขนาด​ยาง​ของ​รถตู้​ และ​หาก​เป็น​เช่นนั้น​ก็​เป็นไป​ได้มา​กว่า​ เมื่อคืนนี้​รถตู้​คัน​นั้น​อาจจะ​ผ่าน​มาตาม​เส้นทาง​นี้​ก็​เป็นได้​

คิดได้​เช่นนั้น​ ฉีเล่ย​จึงรีบ​เดิน​ตามรอย​ล้อรถ​นี้​ไป​ในทันที​ และ​ไม่รู้​ว่า​ตัวเอง​เดิน​มานาน​เท่าไหร่​ ในที่สุด​ก็​พบ​จุด​ที่​รอย​ล้อรถ​นั้น​หาย​ไป​

เมื่อ​ฉีเล่ย​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​ เขา​ก็​พบ​ผนัง​ที่​ทำ​จาก​ดิน​ และ​หาก​ไม่ได้มา​เห็นด้วย​ตา​ตัวเอง​ เขา​คงจะ​ไม่เชื่อ​ว่า​ ใน​เขตชานเมือง​ของ​เจียง​ห​ลิง​แบบนี้​ จะมีบ้านเรือน​ลักษณะ​นี้​อยู่​ด้วย​

บ้าน​ที่​ฉัน​เห็น​ไกลๆ​และ​คิด​ว่า​เป็น​บ้าน​หิน​ตอนนั้น​ ที่แท้​ก็​เป็น​บ้าน​ดิน​งั้น​เหรอ​?!

และ​ด้วย​ความ​อยากรู้อยากเห็น​ ฉีเล่ย​จึงได้​เดิน​เข้า​ไปดู​ใกล้​ๆ แต่กลับ​คิดไม่ถึง​ว่า​ ภายในบ้าน​ดิน​ซอมซ่อ​หลัง​นี้​ จะมีข้าวของเครื่องใช้​ที่​แสน​สะดวกสบาย​อยู่​ภายใน​ รวมทั้ง​เฟอร์นิเจอร์​ครบครัน​

แต่กลับ​ไม่มีคน​อยู่​ใน​บ้าน​เลย​แม้แต่​คนเดียว​…

ดู​จาก​ลักษณะ​ของ​บ้าน​ที่​ถูก​ทิ้ง​ร้าง​นี้​ เหมือน​จะเป็นการ​จากไป​อย่าง​กะทันหัน​เสีย​มากกว่า​ และ​จาก​รอย​ฝ่ามือ​และ​ฝ่าเท้า​ภายในบ้าน​หลัง​นี้​ ทำให้​เห็นได้ชัด​ว่า​ที่นี่​จะต้อง​เคย​มีคน​อาศัย​อยู่​อย่าง​น้อย​ๆสิบ​คน​

ว่าแต่​ทำไม​พวกเขา​ถึงต้อง​ละทิ้ง​บ้าน​ไป​อย่าง​กะทันหัน​แบบนี้​ด้วย​นะ​?

นี่​จะเกี่ยว​อะไร​กับ​องค์กร​ลึกลับ​อะไร​นั่น​หรือเปล่า​?

แล้ว​ถ้าใช่ องค์กร​ลึก​ลบ​นี่​มีจุดประสงค์​อะไร​กัน​แน่​?

ทั้งหมด​นี้​ยังคง​เป็น​คำถาม​ที่​ฉีเล่ย​ไม่สามารถ​หา​คำตอบ​ได้​ แต่​แล้ว​จู่ๆ ฉีเล่ย​ก็​ดูเหมือน​จะนึก​อะไร​บางอย่าง​ขึ้น​มาได้​…

ฉีเล่ย​นึก​ย้อนกลับ​ไป​จึงพบ​ว่า​ ช่วง​ที่​เขา​กำลัง​สืบหา​ร่องรอย​ของ​รถตู้​คัน​นั้น​อยู่​ จู่ๆคู่สามีภรรยา​ชาว​เหมี่ยว​ก็​ปรากฏตัว​ขึ้น​ที่​ซิงหัว​พลาซ่า​ มัน​ดูเหมือน​เป็นเรื่อง​บังเอิญ​จน​เกินไป​

อาจ​เป็นไปได้​ว่า​ การ​ที่​จู่ๆคู่สามีภรรยา​ชาว​เหมี่ยว​ปรากฏตัว​ขึ้น​ในเวลานั้น​พอดี​ เป็น​เพราะ​ต้องการ​ดึงดูด​ความสนใจ​ของ​ฉีเล่ย!​

ใช่แล้ว​! การ​ปรากฏตัว​ของ​ซิ่ว​เอ๋อ​กับ​อี้​ชาใน​ตอนนั้น​ เป็น​เพราะ​ทั้งคู่​ต้อง​การหันเห​ความสนใจ​ของ​ฉีเล่ย​ ให้​ล้มเลิก​การตาม​สืบ​เรื่อง​ของ​รถตู้​ใน​วันนั้น​ไป​

และ​ใน​วันนั้น​ หลังจากที่​ฉีเล่ย​กลับ​ออกมา​ จึงเปิดโอกาส​ให้​คน​ที่อยู่​ใน​บ้าน​ล่าถอย​ออก​ไป​ และ​ทิ้ง​ไว้​เพียงแค่​บ้าน​ดิน​ว่างเปล่า​ไร้​ผู้คน​

ฉีเล่ย​พยายาม​เดิน​สำรวจหา​ร่องรอย​อื่น​ภายในบ้าน​ต่อ​ เพื่อ​จะดู​ว่า​มีร่องรอย​เกี่ยวกับ​ห​ลี่​ถงซีตกหล่น​อยู่​บ้าง​หรือไม่​ แต่​ก็​ไม่พบ​ร่องรอย​อะไร​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​หญิงสาว​เลย​ นอกจาก​เฟอร์นิเจอร์​ไร้ประโยชน์​แล้ว​ ก็​ไม่มีร่องรอย​อะไร​อีก​เลย​

ฉีเล่ย​เดิน​สำรวจ​บริเวณ​รอบ​ๆอยู่​ครู่หนึ่ง​ และ​เดิน​ตรวจ​รอบ​ต้น​ไม้ตาย​อยู่​ราว​สอง​สามราบ​ จึงตัดสินใจ​กลับ​

ฉีเล่ย​รู้สึก​ว่าการ​มาครั้งนี้​ของ​ตนเอง​ออกจะ​ไร้ประโยชน์​ เพราะ​หาก​เขา​ได้​พบ​คน​ของ​องค์กร​ที่ว่า​นี้​บ้าง​ เขา​ก็​อาจ​สามารถ​สืบหา​ข้อมูล​จาก​คน​พวก​นั้น​ได้​

ใน​เมื่อ​ไม่ได้​ข้อมูล​อะไร​เพิ่มเติม​ ฉีเล่ย​จึงไม่ต้องการ​ที่จะ​เสียเวลา​อยู่​ที่นี่​ต่อไป​ เขา​จึงได้​โทร​หา​คนขับ​รถแท็กซี่​ เพื่อ​เรียก​ให้​ขับ​มารับ​ตนเอง​ที่​บริเวณ​นี้​ แต่​คิดไม่ถึง​ว่า​คนขับ​กลับ​แสดงท่าที​ที่​ไม่เป็นมิตร​เอา​เสีย​เลย​

“ผม​ไม่ไป​รับ​คุณ​หรอก​ครับ​ คุณ​หาทาง​กลับ​เอง​ก็แล้วกัน​!” คนขับ​รถแท็กซี่​ตอบกลับ​ฉีเล่ย​ด้วย​น้ำเสียง​เย็นชา​

“อะไร​นะ​?!”

ฉีเล่ย​ร้อง​อุทาน​ออกมา​ด้วย​ความตกใจ​ และ​นึก​ว่า​ตัวเอง​ได้ยิน​ผิด​ไป​ จึงได้​ถามย้ำ​อีกครั้ง​ว่า​

“นี่​คุณ​ล้อ​ผม​เล่น​รึเปล่า​พี่ชาย​? ผม​ให้เงิน​ค่ารถ​คุณ​ไป​แล้ว​ตั้ง​หนึ่งร้อย​หยวน​ คุณ​กล้า​ทำ​กับ​ผม​แบบนี้​จริงๆ​น่ะ​เหรอ​?”

“ให้​ผม​หนึ่งร้อย​หยวน​นี่​นะ​?! มีใคร​เป็น​พยาน​ได้​บ้าง​ล่ะ​? อีก​อย่าง​ ผม​ก็​รอ​คุณ​มาตั้ง​นาน​แล้ว​ เงิน​จำนวน​นั้น​ผม​ถือว่า​เป็น​ค่า​เสียเวลา​ ถ้าอยาก​จะให้​ผม​ไป​รับ​ ก็​ต้อง​ต้อง​จ่าย​ให้​ผม​เพิ่ม​!”

“ตกลง​ๆ แล้​วจะ​คิด​ค่าโดยสาร​เท่าไหร่​ล่ะ​?”

“หนึ่ง​พัน​หยวน​!” คนขับ​แท็กซี่​ตอบกลับ​โดย​แทบ​ไม่ต้อง​คิด​

“ห๊ะ?! ​นี่​ล้อเล่น​ใช่ไหม​พี่ชาย​? ทำ​แบบนี้​มัน​เท่ากับ​ปล้น​กัน​ชัด​ๆ!”

ฉีเล่ย​ตอบกลับ​ไป​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​แสดงออก​ว่า​โมโห​อย่าง​ชัดเจน​ จำนวน​เงิน​ไม่ใช่ปัญหา​ แต่​เขา​รู้สึก​ว่า​กำลัง​ถูก​อีก​ฝ่าย​รีดไถ​ซึ่งหน้า​ต่างหาก​

“ผม​ไม่จ่าย​! ไม่อยาก​รับ​ก็​ไม่ต้อง​มารับ​ ผม​เดิน​กลับ​เอง​ก็ได้​!”

หลังจาก​ตะโกน​ใส่คนขับ​รถแท็กซี่​จบ​ ฉีเล่ย​ก็​กด​ตัด​สายทิ้ง​ แล้ว​เดิน​กลับ​ด้วย​ลำแข้ง​ของ​ตนเอง​ทันที​ เพราะ​บริเวณ​นั้น​ไม่มีรถ​ผ่าน​ไป​ผ่าน​มาเลย​ จึงแทบ​ไม่ต้อง​คิด​ว่า​จะเรียก​รถแท็กซี่​คัน​ใหม่​ได้​

แต่​หลังจาก​เดิน​ไป​ได้​ราว​ห้า​หก​กิโลเมตร​ ฉีเล่ย​ก็​ต้อง​ยอม​โทร​กลับ​ไปหา​คนขับ​รถแท็กซี่​อีกครั้ง​

“มารับ​ผม​ด้วย​! จะคิด​ค่าโดยสาร​เท่าไหร่​ก็​คิด​มา!”

และ​ท้ายที่สุด​ ฉีเล่ย​ก็​ต้อง​จ่าย​ค่าโดยสาร​ให้​กับ​คนขับ​รถแท็กซี่​ถึงหนึ่ง​พัน​ห้า​ร้อย​หยวน​เลย​ทีเดียว​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด