ยอดคุณหมอสกุลเฉินตอนที่285 เผชิญหน้า
ตอนที่285 เผชิญหน้า
หลังจากได้ยินคำพูดของฉีเล่ย ซุนต้าเฉิงก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที และรีบร้องถามออกไปว่า
“ประธานฉี นี่แสดงว่ามีข่าวดีใช่ไหมครับเนี่ย? เยี่ยม! เยี่ยมเลย! รู้ไหมว่าเมื่อคืนด็อกเตอร์สมิธกับทีมของเขา ก็วนเวียนเข้าออกห้องของนายผู้เฒ่าไม่หยุดเลยล่ะครับ”
ใช่ว่าซุนต้าเฉิงจะไม่ชอบ หรือมีอคติกับการแพทย์แผนตะวันตกอะไร เขาเพียงแค่ไม่ชอบด็อกเตอร์สมิธกับแพทย์ในทีมคนอื่นๆของเขาเท่านั้นเอง นั่นเพราะทีมแพทย์กลุ่มนี้มักจะคิดว่าตัวเองมีตำแหน่งที่สูงส่ง จึงชอบทำตัวหยิ่งยะโสใส่คนรับใช้ในคฤหาสน์ตระกูลจินอยู่เสมอ
หากเป็นไปได้ การที่ฉีเล่ยและทีมแพทย์แผนจีนคนอื่นๆ จะสามารถแสดงความสามารถข่มคนพวกนั้นได้ ก็จะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับเขาเลยทีเดียว
“ผมยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า จะประสบความสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม? แต่ผมก็อยากจะทดลองดู”
ฉีเล่ยยังไม่กล้าที่จะโอ้อวดคำโตนัก เพราะทั้งหมดเป็นเพียงแค่จินตนาการ และการคาดเดาของเขาเองคนเดียว ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั้น คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคหลังจากนี้
“ไม่เป็นไรครับ! แค่มีโอกาสก็ยังดี บอกตามตรงนะครับประธานฉี การที่ต้องทนเห็นนายผู้เฒ่านอนแน่นิ่งไม่ได้สติอยู่บนเตียงมาหลายวันแบบนั้น ถึงผมจะเป็นเพียงแค่พ่อบ้าน ก็อดที่จะรู้สึกปวดใจไม่ได้ทุกครั้งที่เห็น”
สีหน้าของซุนต้าเฉิงเวลานี้ บ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างที่ว่าจริงๆ
“ขอเพียงแค่ประธานฉีบอกว่ามีวิธีที่จะรักษานายผู้เฒ่าได้ เพียงแค่นั้นก็นับว่าได้มีความคืบหน้ามากแล้วล่ะครับ”
จากคำพูดของซูต้าเฉิง ดูเหมือนเขาจะค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวฉีเล่ยมากเลยทีเดียว
หลังจากได้ฟังคำพูดของซูต้าเฉิงแล้ว ฉีเล่ยก็เพียงแค่พยักหน้า จากนั้นจึงได้เดินเดินตรงเข้าไปในห้องทันที และเพื่อไม่ให้มีใครเข้ามารบกวนการรักษาของเขาได้ ฉีเล่ยจึงได้ขอให้ซุนต้าเฉิงกับจูกวงหลงยืนเฝ้าหน้าประตูห้องให้
ด้วยฐานะของซุนต้าเฉิงภายในคฤหาสน์ตระกูลจินแห่งนี้ บวกกับตำแหน่งหน้าที่การงานของจูกวงหลง ฉีเล่ยจึงค่อนข้างมั่นใจว่า คงจะไม่มีใครกล้าบุกเข้ามารบกวนเขาในระหว่างที่ทำการรักษาชายชราได้อย่างแน่นอน หรือหากไม่สามารถขัดขวางได้ อย่างน้อยก็น่าจะพอดึงเวลาได้บ้าง
ตอนนี้ สิ่งที่ฉีเล่ยกังวลใจมากที่สุดดูเหมือนจะเป็นทีมแพทย์แผนตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งด็อกเตอร์สมิธ ฉีเล่ยเกรงว่าเขาจะหาข้ออ้างเข้ามาในห้อง เพื่อขัดขวางและสร้างปัญหาให้กับการรักษาของตนเอง
แล้วมีหรือที่คนอย่างจูกวงหลงจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของฉีเล่ย เขาพยักหน้าให้ฉีเล่ยอย่างหนักแน่น เพื่อให้เขามั่นใจว่าจะไม่มีใครเข้าไปรบกวนการรักษาของเขาได้อย่างเด็ดขาด
ผู้เฒ่าจินยังคงนอนหลับตาแน่นิ่งอยู่บนเตียง แต่สำหรับฉีเล่ยในตอนนี้ ชายชราที่นอนอยู่ตรงหน้ากลับไม่ได้ดูลึกลับเหมือนก่อนหน้า นั่นเพราะเขาเริ่มเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของชายชราแล้ว และสามารถคิดหาวิธีการรักษาที่ค่อนข้างเป็นรูปธรรมได้ชัดเจนแล้วนั่นเอง
หลังจากกวาดสายตามองไปทั่วห้องจนมั่นใจแล้วว่า ภายในห้องนี้ไม่มีคนนอกหลบซ่อนอยู่ ฉีเล่ยจึงได้ทำการปิดกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ เพราะไม่ต้องการให้คนอื่นๆเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้น ฉีเล่ยก็เริ่มลงมือตรวจอาการของชายชราอีกครั้ง และพบว่า ทุกอย่างเป็นเหมือนที่เขาพบเจอเมื่อวานไม่มีผิด พลังลึกลับนั่นยังคงอยู่ในร่างกายของเขาเช่นเดิม
และแล้วก็มาถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือการลงมือรักษา ฉีเล่ยเริ่มลงมือเรียกพลังหยินและพลังหยางให้ออกมา ก่อนจะค่อยๆใช้ปลายนิ้วแตะสัมผัสเบาๆที่หน้าอกของชายชรา
หลังจากนั้น พลังหยินและหยางก็ได้เคลื่อนจากจุดตันเถียน ก่อนจะพวยพุ่งไปที่นิ้วมือของฉีเล่ย ในที่สุด การฝึกฝนอันหนักหน่วงและเจ็บปวดเมื่อวานนี้ ก็ได้ส่งผลอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะในตอนนี้ ฉีเล่ยสามารถควบคุมพลังหยินและหยางให้เคลื่อนที่ไปได้ตามใจต้องการ
ในช่วงเริ่มต้น ฉีเล่ยควบคุมพลังหยินและหยางไปมาบนร่างของชายชราก่อน และเมื่อเริ่มคุ้นเคย เขาจึงค่อยๆควบคุมพลังทั้งสองนี้ให้แทรกซึมเข้าไปในร่างของผู้เฒ่าจินผ่านทางรูขุมขน
และเวลานี้ พลังหยินและหยางก็ได้เปรียบเสมือนดวงตาของฉีเล่ย เขาปิดเปลือกตาลง และค่อยๆรับรู้สัมผัสถึงสิ่งที่ิเกิดขึ้นภายในร่างกายของชายชรา
แต่กลับกลายเป็นว่า ตอนนี้ภายในร่างกายของชายชรากลับดูเป็นปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พลังลึกลับที่เขาตรวจพบก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะหนีไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในร่างกาย และฉีเล่ยก็ไม่พบแม้แต่ร่องรอยของมัน
เวลานี้ ร่างกายของชายชราเปรียบเสมือนโลกใบหนึ่ง ที่ฉีเล่ยกำลังวิ่งถือไฟฉายส่องไล่หาพลังลึกลับนั่นอยู่
เวลาล่วงเลยผ่านไปวินาทีแล้ววินาทีเล่า ฉีเล่ยสำรวจไปทั่วทั้งร่างกายของชายชรา แต่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆเลยแม้แต่น้อย คล้ายกับว่าไม่เคยมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
‘น่าแปลก! ทำไมถึงหาไม่พบแล้วล่ะ?!’
ฉีเล่ยได้แต่รู้สึกแปลกประหลาดใจอย่างมาก และดูเหมือนเวลาจะไม่คอยท่า เพราะตอนนี้เขาเริ่มได้ยินเสียงอึกทึกอื้ออึงดังมาจากด้านนอก จึงรู้ได้ทันทีว่า เวลานี้ซุนต้าเฉิงกับจูกวงหลงกำลังช่วยกันไม่ให้คนนอกเข้ามาในห้อง
แต่คาดว่าคงจะไม่สามารถสะกัดกั้นไว้ได้นานมากนัก ฉะนั้นแล้ว ตัวเขาเองก็เหลือเวลาไม่มากด้วยเช่นกัน…
ฉีเล่ยจึงจำเป็นต้องรีบเร่งแข่งกับเวลา..
เดิมที ด้วยความกังวลใจว่าจะเป็นการไม่ปลอดภัยกับผู้เฒ่าจิน ฉีเล่ยจึงได้ใช้วิธีค่อยๆค้นหาไปตามส่วนต่างๆตามร่างกายของชายชรา แต่ดูเหมือนสถานการณ์ในตอนนี้ จะไม่เอื้ออำนวยให้เขาทำเช่นนั้นต่อไปได้
ในเมื่อไม่มีทางเลือก ฉีเล่ยจึงต้องถ่ายเทพลังหยินและหยางเข้าไปในร่างของชายชรามากขึ้น และในตอนนี้ พลังหยินและหยางก็ได้กระจายไปทั่วร่างของเขาเพื่อตรวจหาพลังลึกลับนั้น
ในเมื่อเวลาไม่เป็นใจ เขาจึงไม่สามารถมาเล่นซ่อนหากับพลังลึกลับนั้นต่อไปได้อีก และจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างอันตรายอย่างมาก นั่นเพราะเขาเพิ่งจะฝึกควบคุมพลังหยินและหยางได้ไม่นาน การถ่ายเทพลังทั้งสองลงไปในร่างของชายชรามากมายขนาดนี้ หากไม่สามารถควบคุมได้ดี อาจจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายตามมาก็เป็นได้
ฉีเล่ยสูดลมหายใจเข้าลึก และพยายามทำจิตใจให้เป็นสมาธิมุ่งมั่นอยู่กับการควบคุมพลังทั้งสองชนิด จนกระทั่งผ่านไปราวสองสามวินาที ก็ดูเหมือนว่าฉีเล่ยจะพบร่องรอยอะไรบางอย่างเข้าแล้ว
แต่ในขณะนี้ เหตุการณ์ด้านนอกก็ดูเหมือนจะยิ่งโกลาหลมากขึ้น
“นี่พวกคุณกำลังทำอะไรกันแน่? ทำไมต้องขัดขวางทางพวกเราด้วย?”
ด็อกเตอร์สมิธไม่สามารถพูดภาษาจีนได้ จึงได้แต่ให้ซือฉีซึ่งเป็นแพทย์ชาวจีนเป็นคนประท้วงแทน
ซุนต้าเฉิงที่ยืนอยู่หน้าประตู ได้แต่จ้องมองทีมแพทย์แผนตะวันตกสองสามคนนั่น พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ตอนนี้ประธานฉีกำลังรักษานายผู้เฒ่าอยู่ในห้อง ผมจึงไม่สามารถให้พวกคุณเข้าไปได้ ขอให้พวกคุณทุกคนเข้าใจด้วย”
“แต่ตอนนี้สัญญาณจากเครื่องมือทางการแพทย์ ที่ติดอยู่กับตัวของผู้เฒ่าจินถูกตัดขาดหมด ทำให้ทีมแพทย์ของเราไม่ได้รับผลอะไรเลย มิหนำซ้ำกล้องวงจรปิดภายในห้องก็ดับไปด้วย แล้วนี่จะมีใครรู้บ้างว่า ไอ้ฉีเล่ยนั่นมันทำอะไรอยู่ในห้องบ้าง?”
ซือฉีตอบโต้ซุนต้าเฉิงกลับไปด้วยความโมโห ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด “แล้วนี่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผู้เฒ่าจิน ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ!”
แม้ว่าซือฉีจะยังไม่จัดว่าอาวุโสมาก แต่เมื่อยู่ต่อหน้าด็อกเตอร์สมิธซึ่งอาวุโสหลายคนในตระกูลจินต่างให้การสนับสนุนอยู่ เขาจึงได้กล้าพูดจายะโสโอหังข่มขู่ซุนต้าเฉิงไปแบบนั้น
“ใครจะรับผิดชอบงั้นเหรอ?”
ซุนต้าเฉิงทำเสียงเย้ยหยัน ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ผมนี่ล่ะจะรับผิดชอบเอง!”
ซุนต้าเฉิงเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรตนเองถึงได้พูดออกไปแบบนั้น แต่เขารู้สึกเชื่อมั่นในตัวฉีเล่ยที่กำลังอยู่ในห้องอย่างบอกไม่ถูก แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในห้องบ้าง และแม้กระทั่งฉีเล่ยจะปิดกล้องวงจรปิด เขาก็ยังเชื่อว่าฉีเล่ยทำไปเพราะมีเหตุผลบางอย่าง
และตอนนี้ เขาก็ยินดีที่จะช่วยฉีเล่ยอย่างเต็มที่!
“ถึงแม้ผมจะเป็นเพียงแค่พ่อบ้าน แต่ก็อยู่เคียงข้างกายนายผู้เฒ่ามานานหลายปี ฐานะและความสำคัญภายในตระกูลจินจึงพอมีอยู่บ้าง พวกคุณสบายใจได้ หากเกิดอะไรขึ้นกับนายผู้เฒ่าขึ้นจริงๆ ผมจะเป็นคนรับผิดชอบเองทั้งหมด! และที่สำคัญ ผมเองก็เชื่อมั่นในตัวประธานฉี!”
และหลังจากที่ซุนต้าเฉิงพูดจบ ทุกคนที่อยู่หน้าห้องต่างก็เงียบกันหมด
ไม่มีใครคิดว่า พ่อบ้านซุนที่ปกติเฉลียวฉลาด จะกล้าออกตัวทำเพื่อฉีเล่ยขนาดนี้
“นี่…”
“ทำไม? ยังมีอะไรไม่พอใจอีกเหรอครับ?”
ซุนต้าเฉิงตอบกลับด้วยสีหน้า และน้ำเสียงดุดันยิ่งกว่าเดิม ทำให้ทีมแพทย์แผนตะวันตกที่อยู่ตรงนั้นถึงกับตกใจ กระทั่งซือฉีที่ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายก่อนหน้า ยังได้แต่นิ่งอึ้งไม่กล้าโต้เถียงอะไรอีก และได้แต่หันกลับไปทำหน้าที่ล่าม แปลคำพูดทั้งหมดให้กับด็อกเตอร์สมิธฟังแทน
ด็อกเตอร์สมิธเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จึงได้แต่ส่ายหน้าและยืนรออยู่หน้าห้อง
สองสามวันมานี้ ลูกชายของผู้เฒ่าจินไม่ปรากฏอีกตัวเลย มีเพียงวันแรกที่ฉีเล่ยมาถึงเท่านั้น และหลังจากนั้น ก็ไม่เห็นเขาอีกเลย
บรรยากาศภายนอกห้องเริ่มตึงเครียดมากขึ้น ทีมแพทย์แผนตะวันตกได้แต่นิ่งเงียบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก
แม้ฉีเล่ยจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอกบ้าง แต่เสียงดังโหวกเหวกนั้นก็ทำให้เขาถึงกับต้องขมวดคิ้วแน่น!
Comments