ยอดคุณหมอสกุลเฉินตอนที่298 ยอดเขาจิ่วเหลียน

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter ตอนที่298 ยอดเขาจิ่วเหลียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่​298 ยอดเขา​จิ่ว​เหลียน​

จาก​ความ​เก่าแก่​ของ​แผนที่​ฉบับ​นี้​ แม้จะไม่ถึงกับ​เป็น​วัตถุ​โบราณ​ แต่​ก็​น่าจะ​มีอายุ​หลาย​สิบ​ปี​ทีเดียว​ ฉีเล่ย​จ้องมอง​แผนที่​ฉบับ​นั้น​ พร้อมกับ​ครุ่นคิด​อะไร​บางอย่าง​อยู่​ใน​ใจ

‘ไม่แน่​ว่า​ ต่อให้​ไป​ตาม​แผนที่​ฉบับ​นี้​ ก็​อาจ​ไม่พบ​เจอ​อะไร​เลย​ก็​เป็นได้​!’

“แล้ว​เรา​จะยัง​ไป​ตาม​แผนที่​ฉบับ​นี้​รึเปล่า​?”

ฮวา​โหล่​ว​เห็น​ฉีเล่ย​นิ่งเงียบ​ไป​ จึงได้​ร้องถาม​ออกมา​ด้วย​ความอยากรู้​

“ไป​สิ! ทำไม​จะไม่ไป​ล่ะ​?”

ฉีเล่ย​หัวเราะ​ออกมา​เบา​ๆ ก่อน​จะพูด​ต่อว่า​ “ตอนนี้​ผม​อยาก​จะรู้​มากกว่า​ว่า​ ทีม​นักโบราณคดี​ทั้งหมด​หาย​ไป​ได้​ยังไง​? แล้วก็​หาย​ไป​ไหน​กัน​แน่​?”

เพราะ​นอกจาก​พิษ​จาก​แมลง​เล็ก​ๆเหล่านั้น​แล้ว​ ข้างใน​ก็​ยัง​ไม่มีอันตราย​อะไร​มากมาย​ แล้ว​เพราะเหตุใด​คน​ตั้ง​มากมาย​ถึงได้​หาย​ไป​หมด​?

เรื่องราว​และ​เหตุการณ์​ใน​ปี​นั้น​ราวกับ​ถูก​ปกคลุม​ไว้​ด้วย​เมฆหมอก​ ทำให้​ผู้คน​ไม่สามารถ​มองเห็น​ความจริง​ที่อยู่​เบื้องหลัง​เรื่องราว​ใน​ครั้งนั้น​

และ​ไม่ว่า​ฉีเล่ย​จะครุ่นคิด​อย่างไร​ เขา​ก็​รู้สึก​ว่า​มัน​ไม่ใช่เรื่อง​ธรรมดาๆ​ เหมือนกับ​ที่​เจ้าของร้าน​รถเช่า​เล่า​ให้​ฟัง เขา​รู้สึก​ว่า​ มัน​เป็นไปได้​มาก​ทีเดียว​ที่​เขา​จิ่ว​เหลียน​ทั้ง​เขา​นี้​จะกลายเป็น​กับดัก​ขนาดใหญ่​

และ​เมื่อ​คิด​มาถึงตรงนี้​ ฉีเล่ย​ก็​ถึงกับ​เหงื่อ​ไหล​ชุ่มเต็ม​แผ่น​หลัง​ และ​ไม่รู้​ว่า​จะป้องกัน​ตัวเอง​ให้​พ้น​จาก​อันตราย​รอบด้าน​ได้​อย่างไร​

“นี่​นาย​เป็น​อะไร​รึเปล่า​?”

ฮวา​โหล่​วก​วาด​ตา​มอง​ฉีเล่ย​ที่​ดูเหมือน​จู่ๆ ก็​จะสั่นสะท้าน​ไป​ทั้ง​ร่าง​ด้วย​สีหน้า​งุนงง​ และ​รู้สึก​ได้​ถึงความผิดปกติ​จึงรีบ​เอ่ย​ถามขึ้น​ทันที​

“ไม่มีอะไร​ ผม​แค่​กำลัง​คิด​อะไร​บางอย่าง​อยู่​”

ฉีเล่ย​เอ่ย​ตอบ​ พร้อมกับ​สะบัดหน้า​ไปมา​อย่าง​รุนแรง​ เพื่อที่จะ​ขจัด​ความคิด​ฟุ้งซ่าน​เหล่านั้น​ให้​ออกจาก​หัว​

‘ไม่มีอะไร​ๆ ก็​แค่​ความคิด​ฟุ้งซ่าน​เท่านั้นเอง​!’

จากนั้น​ ฉีเล่ย​ก็​ฝืนยิ้ม​ให้​กับ​ฮวา​โหล่​ว​ก่อน​จะพูด​ต่อว่า​ “ไม่มีอะไร​หรอก​น่า​ สบายใจ​ได้​!”

“ค่อยยังชั่ว​! นี่​.. แล้วก็​หยุด​ยิ้ม​แบบ​นั้น​ซะที​ ยิ่ง​ฉัน​เห็น​รอยยิ้ม​แบบ​นั้น​ของ​นาย​ ฉัน​ก็​ยิ่ง​รู้สึก​ขนหัวลุก​ยังไง​ก็​ไม่รู้​สิ!”

ฮวา​โหล่​ว​ร้องบอก​ฉีเล่ย​อย่าง​ไม่นึก​เกรงใจ​

หลัง​ออก​มาจาก​สถานที่​แห่ง​นั้น​ ทั้งสอง​คน​ก็​เดิน​ย้อนกลับ​ไป​ทาง​เดิม​ที่​เคย​เดิน​เข้ามา​

แต่​ระหว่างทาง​ ฉีเล่ย​กลับ​ไม่พบ​เจอ​คนอื่นๆ​เลย​ และ​เขา​เอง​ก็​ไม่รู้​ว่า​ ชายหนุ่ม​คน​นั้น​ใช้วิธี​ไหน​ถึงได้​ผ่าน​ด่าน​ทดสอบ​เข้าไป​สถานที่​แห่ง​นั้น​ได้​ ทั้งที่​ฉีเล่ย​เอง​ก็​เชื่อมั่น​ว่า​ คน​ที่จะ​ผ่าน​ด่าน​ทดสอบ​เมื่อ​ครู่​ไป​ได้​ จะต้อง​เข้าใจ​พลัง​หยิน​และ​หยาง​จน​สามารถ​ควบคุม​พลัง​ทั้งสอง​ได้​

ฉีเล่ย​เดิน​กลับ​มาถึงใน​บริเวณ​ที่​เขา​นอนหลับ​พักผ่อน​ไป​เมื่อคืน​ ซึ่งใน​ตอนนี้​ไม่มีอะไร​หลงเหลือ​อยู่แล้ว​ หาก​ไม่ใช่เพราะ​ภาพ​ทั้งหมด​ยังอยู่​ใน​ความทรงจำ​ของ​เขา​ เขา​ก็​คงจะ​นึกไม่ออก​ว่า​ก่อนหน้านี้​เคย​มีห้องหับ​ใน​สมัย​ราชวงศ์​ฮั่น​ตะวันออก​ตั้งอยู่​ตรงนี้​

หลังจาก​เดิน​ต่อไป​อีก​ครู่ใหญ่​ ในที่สุด​ทั้งสอง​คน​ก็​มาถึงประตู​หิน​ที่​เข้ามา​ก่อนหน้า​ และ​พบ​ว่า​ ใน​ขาออก​นั้น​ไม่ได้​มีอะไร​ยากเย็น​เหมือน​ตอน​เข้ามา​ เพราะ​ด้าน​ข้าง​ประตู​มีปุ่ม​ขนาดใหญ่​อยู่​ และ​เพียงแค่​กด​เบา​ๆ ประตู​หิน​ก็​จะเปิด​ออก​ทันที​

ทันทีที่​ก้าวเดิน​ออกมา​ ฉีเล่ย​ก็​สัมผัส​ได้​ว่า​มีสายตา​หลาย​คู่​กำลัง​จับ​จ้องมอง​มาทาง​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​

“นี่​พวกคุณ​สอง​คน​ก็​ออกมา​ด้วย​เหมือนกัน​เหรอ​?”

นอกจาก​หวง​เห​วิน​ชิงแล้ว​ ก็​ดูเหมือน​ทุกคน​จะมารวมกัน​อยู่​ตรงนี้​กัน​ครบ​ทุกคน​

ฉีเล่ย​ได้​แต่​หัวเราะ​ออกมา​ ก่อน​จะตอบกลับ​ไป​ว่า​ “ใน​เมื่อ​ข้างใน​ไม่มีอะไร​ ก็​ไม่รู้​จะอยู่​ต่อไป​ทำไม​? ผม​ก็​เลย​ตัดสินใจ​กลับ​ออกมา​ดีกว่า​”

ทุกคน​ต่าง​ก็​พยักหน้า​เห็นด้วย​ พร้อมกับ​เริ่ม​วิพากษ์วิจารณ์​กัน​ต่อ​

“ใช่ๆ พวกเรา​ก็​ไม่พบ​เจอ​อะไร​เลย​”

“ผม​เอง​ก็​ไม่สามารถ​เข้าไป​ได้​ลึก​กว่า​นั้น​ได้​เลย​ แม้ว่า​จะพยายาม​อยู่​หลาย​ต่อ​หลายครั้ง​ก็​ไม่สำเร็จ​ ผม​ว่า​ข้างใน​คง​ไม่มีอะไร​แล้ว​ล่ะ​!”

“นั่น​น่ะ​สิ!”

ระหว่าง​ที่​ทุกคน​กำลัง​พูดคุย​แลกเปลี่ยนความคิดเห็น​กัน​อยู่​นั้น​ ฉีเล่ย​ก็​เหลือบ​ไป​เห็น​ชายหนุ่ม​คน​หนึ่ง​ยืน​อยู่​ใน​มุมเงียบๆ​คนเดียว​

อีก​ฝ่าย​ดูเหมือน​จะสังเกตเห็น​ฉีเล่ย​มอง​มาเช่นกัน​ จึงได้​พยักหน้า​พร้อมกับ​ยิ้ม​ตอบ​กลับมา​

“ฉัน​ว่า​ทั้งหมด​นี้​น่าจะ​เป็นเรื่อง​หลอกลวง​ หรือไม่​ก็​เป็น​หลุมพราง​ที่จะ​ทำให้​ทุก​คนใน​นี้​หายตัว​ไป​”

“ใช่ๆ ผม​ก็​เห็นด้วย​!”

ทุก​คนใน​ที่​นั้น​ต่าง​ก็​พา​กัน​พยักหน้า​เห็นด้วย​ จากนั้น​ใครคนหนึ่ง​ก็​ร้อง​ตะโกน​บอ​กว่า​

“พวกเรา​กลับกัน​ดีกว่า​ แล้ว​ออก​ไปหา​อะไร​สนุก​ๆทำ​กัน​ ยังไง​พวกเรา​ก็​คง​ไม่ยอม​กลับบ้าน​มือเปล่า​กัน​ใช่ไหม​? ฮ่าๆๆ”

หลังจากนั้น​ ทุกคน​ก็​หันหลัง​เดิน​จากไป​โดย​ไม่มีใคร​สนใจ​ฉีเล่ย​อีก​เลย​ พวกเขา​ทำ​ราวกับว่า​ ที่ผ่านมา​นั้น​ ฉีเล่ย​ก็​เป็น​แค่​เครื่องมือ​ของ​พวกเขา​ สำหรับ​ใช้ใน​การ​เปิด​ประตู​หิน​เท่านั้นเอง​

คำพูด​ที่ว่า​ ใน​ความอบอุ่น​ก็​มีความ​หนาวเหน็บ​ซ่อน​อยู่​นั้น​ สามารถ​อธิบาย​ได้​อย่าง​ชัดเจน​กับ​ภาพ​ที่​เกิดขึ้น​ใน​ตอนนี้​

ชายหนุ่ม​คน​นั้น​เดิน​กลับ​ออก​ไป​เป็น​คน​สุดท้าย​ แต่​ก่อนที่​เขา​จะเดิน​ออก​ไป​นั้น​ เขา​ได้​ยก​มือขึ้น​ชี้ไป​ข้างบน​ พร้อมกับ​รอยยิ้ม​ที่​เข้าใจยาก​ก็ได้​ปรากฏ​ขึ้น​บน​ใบหน้า​ของ​เขา​

ฮวา​โหล่​ว​กับ​ฉีเล่ย​จึงได้​แต่​หันมา​มองหน้า​กัน​ และ​ไม่รู้​ว่า​จะเอา​ยังไง​กัน​ต่อไป​ดี​?

หลังจาก​ทุกคน​ออก​ไป​แล้ว​ ฉีเล่ย​จึงได้​หยิบ​แผนที่​ฉบับ​นั้น​ออกมา​อีกครั้ง​ และ​เริ่ม​วางแผนการ​ที่จะ​เดิน​สำรวจ​ไป​ตาม​แผนที่​ฉบับ​นี้​

ใน​แถบ​เทือกเขา​จิ่ว​เหลียน​นั้น​ มีภูเขา​ลูก​เล็ก​ๆอยู่​มากมาย​ แต่​ภูเขา​ลูก​ที่​ฉีเล่ย​อยู่​ในเวลานี้​ เป็น​ภูเขา​ลูก​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ใน​บรรดา​เขา​ทั้งหมด​ เขา​จึงเริ่ม​มองหา​ภูเขา​ลูก​นี้​ใน​แผนที่​

ฉีเล่ยพบ​ว่า​ บน​ยอดเขา​ของ​ภูเขา​ทุก​ลูก​ใน​แผนที่​นั้น​ ได้​มีเครื่องหมาย​ซึ่งมีลักษณะ​เป็น​สี่เหลี่ยม​ และ​มีขีด​กากบาท​อยู่​ภายใน​

ฉีเล่ย​ไม่เข้าใจ​ความหมาย​ของ​มัน​ จึงได้​หันไป​มอง​ฮวา​โหล่​ว​เพื่อ​ขอความเห็น​ แต่​ปรากฏ​ว่า​อีก​ฝ่าย​ก็​มีสีหน้า​งุนงง​ไม่เข้าใจ​เช่นกัน​

แต่​ทั้งคู่​ก็​ยังคง​นั่ง​ดู​แผนที่​ไป​เรื่อยๆ​ และ​พบ​ว่า​ นอกเหนือจาก​เครื่องหมาย​ดังกล่าว​แล้ว​ ก็​ยังมี​รูป​คัมภีร์​ที่​พวกเขา​กำลัง​ค้นหา​ปรากฏ​อยู่​ด้วย​ เพียงแต่​รูป​คัมภีร์​นี้​ไม่อยู่​ที่​ตีนเขา​ แต่​เป็น​บน​ยอดเขา​ที่สูง​ที่สุด​ของ​เทือกเขา​จิ่ว​เหลียน​แห่ง​นี้​

ยอดเขา​ที่สูง​ที่สุด​ของ​เทือกเขา​จิ่ว​เหลียน​มีความ​สูอยู่​ที่สี่​พัน​เมตร​ นอกจาก​จะเป็น​ยอดเขา​ที่สูง​พอควร​แล้ว​ ฉีเล่ย​เอง​ก็​ไม่เคย​มีประสบการณ์​ใน​การ​ปีน​เขา​ด้วย​ นี่​จึงนับ​เป็นเรื่อง​ที่​ค่อนข้าง​ยากลำบาก​สำหรับ​เขา​สักหน่อย​

แต่​ดูเหมือน​จะมีเพียง​หน​ทางเดียว​เท่านั้น​ที่จะ​ได้​พบ​คัมภีร์​เจินจิ่วเจี่ย​อี่​จิง คือ​ต้อง​ขึ้นไป​บน​ยอดเขา​ที่ว่า​นี้​ นอกจาก​อันตราย​จาก​ความสูง​ของ​ยอดเขา​แล้ว​ ยัง​ไม่นับ​อันตราย​อีก​มากมาย​ และ​สัตว์ป่า​ดุร้าย​ที่​อาจ​พบ​เจอ​ได้​ตลอด​เส้นทาง​

“อันตราย​แบบนี้​ คุณ​ยัง​จะไป​อีก​ไหม​?”

ครั้งนี้​ ฉีเล่ย​เป็น​ฝ่าย​หันไป​ถามฮวา​โหล่​ว​ หญิงสาว​พยักหน้า​ตอบกลับ​อย่าง​ไม่ลังเล​ “ไป​สิ!”

แต่​ฉีเล่ย​กลับ​ไม่นึก​ประหลาดใจ​กับ​ท่าที​แน่วแน่​มุ่งมั่น​ของ​ฮวา​โหล่​ว​เลย​แม้แต่น้อย​ เขา​หัวเราะ​ออกมา​เสียงดัง​ ก่อน​จะพูด​ขึ้น​ว่า​

“ฮ่าๆๆๆ ตกลง​ งั้น​ก็​ขึ้น​ไปดู​ให้​รู้กัน​ไป​เลย​ว่า​มัน​จะมีหรือไม่​มี?”

…………

จากนั้น​ ทั้งสอง​คน​ก็​เดิน​ออกจาก​ด้านใน​เขา​ไป​ยัง​ที่จอดรถ​ ยอดเขา​สูงกว่า​สี่พัน​เมตร​ ใคร​จะไป​รู้​ว่า​จะต้อง​พบ​เจอ​กับ​อะไร​บ้าง​? การ​เตรียม​เสบียง​ไป​ให้​พร้อม​จึงไม่น่าจะ​ใช่เรื่อง​แปลก​

นอกเหนือจาก​เสบียง​อาหารแห้ง​แล้ว​ ทั้งคู่​ยัง​พก​เครื่อง​ช่วยเหลือ​พื้นๆ​ไป​ด้วย​ เพราะ​ทั้งสอง​คน​ต่าง​ก็​ไม่มีประสบการณ์​ใน​การ​ปีน​เขา​สูงมาก่อน​ จึงไม่รู้​ว่า​จะต้อง​เตรียมตัว​อย่างไร​ และ​ต้อง​นำ​อะไร​ติดตัว​ไป​บ้าง​ ทั้งคู่​จึงนำ​เพียงแค่​สิ่งของ​ที่​คิด​ว่า​จำเป็นต้อง​ใช้ไป​เท่านั้น​

เวลานี้​ รถ​หลาย​คัน​ที่​จอด​เรียงราย​อยู่​ก่อนหน้านี้​ ก็ได้​หาย​ไป​หมด​แล้ว​ เหลือ​เพียงแค่​รถ​ของ​ฉีเล่ย​คัน​เดียว​เท่านั้น​ที่​จอด​อยู่​

หลังจาก​เดิน​วน​สำรวจ​รอบ​ตีนเขา​แล้ว​ ฉีเล่ย​ก็​เห็น​ทาง​เล็ก​ๆ ที่จะ​สามารถ​ขึ้นไป​ยอดเขา​ได้​สะดวก​กว่า​เส้น​อื่น​

บริเวณ​แถบ​ตีนเขา​ของ​เทือกเขา​จิ่ว​เหลียน​นั้น​ มีต้นไม้​อยู่​มากมาย​เต็มไปหมด​ หาก​แหงนหน้า​มอง​ขึ้นไป​จะพบเห็น​ว่า​ เชิงเขา​นั้น​เต็มไปด้วย​ป่าทึบ​

และ​แน่นอน​ว่า​ การ​ที่​มีป่าทึบ​หนาแน่น​ ย่อม​ต้อง​มีสิ่งมีชีวิต​มากมาย​ที่​ทั้งคู่​ไม่รู้จัก​ซ่อน​อยู่​ ซึ่งสิ่งมีชีวิต​เหล่านี้​อาจ​ส่งผลกระทบ​ต่อ​ความปลอดภัย​ใน​ชีวิต​ของ​พวกเขา​ยามค่ำคืน​

แต่​ฉีเล่ย​ก็​ไม่มีทางเลือก​อื่น​ นอกจาก​จะต้อง​ขึ้นไป​บน​ยอดเขา​ดู​ให้​เห็น​กับ​ตา​ เขา​จึงได้​แต่​ต้อง​กัดฟัน​เดินหน้า​ต่อไป​

เวลานี้​ แสงจาก​ดวงอาทิตย์​เหนือ​ศรีษะ​ ได้​สาดส่อง​ลงมา​ให้​ความอบอุ่น​สบาย​แก่​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​

ทั้งคู่​เดิน​ขึ้น​เขา​ไป​เรื่อยๆ​ เวลานี้​ก็​ราว​สิบ​โมงเช้า ระหว่างทาง​ฉีเล่ย​ก็ได้​สอดส่าย​สายตา​ มองหา​สถานที่​เหมาะเจาะ​สำหรับ​กาง​เต็นท์​ก่อนที่​ฟ้าจะมืด​ไป​ด้วย​

เนื่องจาก​เทือกเขา​จิ่ว​เหลียน​ได้​ชื่อว่า​เป็น​แหล่ง​ที่​ชีพจร​มังกร​มาบรรจบ​รวมกัน​ ฉีเล่ย​จึงได้​พบเห็น​สมุนไพร​หลากหลาย​ที่​ไม่เคย​พบเห็น​ใน​ที่ใด​มาก่อน​ แม้กระทั่ง​บน​เขา​หง​หยาง​ซาน​ก็ตาม​

เขา​ไม่เคย​รู้​มาก่อน​เลย​จริงๆ​ว่า​ ที่นี่​จะมีสมุนไพร​ดี​ๆมากมาย​ถึงเพียงนี้​ อาจ​เป็น​เพราะ​เขา​หง​ห​ยา​ซาน​มีชื่อเสียง​เรื่อง​สมุนไพร​มากกว่า​ที่นี่​ก็​เป็นได้​ และ​เส้น​ทางการ​ขึ้น​เขา​ก็​ดูเหมือน​จะดีกว่า​นี้​ ทำให้​ผู้คน​นิยม​ไป​ที่​หา​สมุนไพร​บน​เขา​หง​ห​ยา​ซาน​มากกว่า​

“นั่น​มัน​หญ้า​ฤทัย​สวรรค์​นี่​?! ฉัน​คิด​ว่า​มัน​สูญพันธ์​ไป​จาก​โลก​นี้​แล้ว​ซะอีก​ คิดไม่ถึง​จริงๆ​ว่า​จะได้มา​พบเห็น​กับ​ตา​ตัวเอง​!”

ฮวา​โหล่​ว​ยังคง​ร้อง​ออกมา​ด้วย​ความตื่นเต้น​ดีใจ​ “หญ้า​ฤทัย​สวรรค์​นี่​เป็น​สมุนไพร​”กล่าว​อย่าง​ตื่นเต้น​ว่า​ “หญ้า​หัวใจ​สวรรค์​เป็น​สิ่งลึกลับ​ใน​ตำนาน​เชียว​นะ​ ว่า​กัน​ว่า​โรค​ไหน​ที่​รักษา​ไม่หาย​ แต่​หญ้า​ฤทัย​สวรรค์​กลับ​สามารถ​รักษา​ได้​ทุก​โรค​เลย​ล่ะ​!”

ฉีเล่ย​จ้องมอง​สมุนไพร​ต้น​เล็ก​ๆใน​มือ​ของ​ฮวา​โหล่​ว​ พร้อมกับ​หัวเราะ​ออกมา​ ก่อน​จะแนะนำ​ว่า​

“อย่า​เพิ่ง​เก็บ​ไป​มากมาย​นัก​เลย​ เดี๋ยว​ค่อย​เก็บ​ตอน​ลง​เขา​ก็ได้​!”

ฉีเล่ย​ไม่รู้​ว่า​จะมีอันตราย​อะไร​รอ​พวกเขา​สอง​คน​อยู่​ข้างหน้า​บ้าง​ เพราะฉะนั้น​ การ​ไม่แบก​อะไร​ติดตัว​ไป​มากมาย​ น่าจะเป็น​วิธี​ที่​ดี​ที่สุด​

และ​เมื่อ​ท้องฟ้า​เริ่ม​มืด​ลง​ ในที่สุด​ ฉีเล่ย​กับ​ฮวา​โหล่​ว​ก็​มาถึงเนินเขา​แห่ง​หนึ่ง​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด