ยอดคุณหมอสกุลเฉินตอนที่299 ลิงลึกลับ

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter ตอนที่299 ลิงลึกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่​299 ลิง​ลึกลับ​

บน​เนินเขา​นั้น​มีต้นไม้​อยู่​หนา​ทึบ​ ดู​แตกต่าง​จาก​ตีนเขา​อย่าง​สิ้นเชิง​

“พัก​ค้างคืน​ที่นี่​จะปลอดภัย​รึเปล่า​?”

ฮวา​โหล่​ว​หัน​มอง​ไป​รอบตัว​ สีหน้าท่าทาง​บ่งบอกถึง​ความหวาดกลัว​อย่าง​ชัดเจน​

“ไม่ต้อง​ห่วง​ ไม่มีอะไร​หรอก​! ผม​เตรียมการ​มาพร้อม​แล้ว​ เดี๋ยว​จะจัดการ​กาง​เต็นท์​ให้​ รับรอง​ว่า​ปลอดภัย​แน่นอน​”

พูด​จบ​ฉีเล่ย​ก็​หัวเราะ​เบา​ๆ

เมื่อ​ได้​เห็น​สีหน้า​ยิ้มแย้ม​ไร้​ความกังวล​ของ​ฉีเล่ย​ อารมณ์​หวาดกลัว​ทั้งหมด​ของ​ฮวา​โหล่​ว​ ก็ได้​อันตรธาน​หาย​ไป​ในทันที​

“ได้​ๆ งั้น​ก็​มาช่วยกัน​กาง​เต็นท์​เลย​ดีกว่า​”

หลังจากนั้น​ ท่ามกลาง​ป่า​ใน​ค่ำคืน​อัน​มืดมิด​และ​เงียบสงัด​ นอกจาก​เสียง​สัตว์​ต่างๆ​ ที่​ร้อง​กัน​เป็นครั้งคราว​แล้ว​ ก็​ยัง​มีเสียง​ของ​ชาย​หญิง​คู่​หนึ่ง​กำลัง​ช่วยกัน​ทำงาน​อย่าง​ขะมักเขม้น​

กระทั่ง​สิบ​นาที​ผ่าน​ไป​ ในที่สุด​ทั้งคู่​ก็​กาง​เต็นท์​สีเขียว​เข้ม​เสร็จ​เรียบร้อย​ สีหน้า​ของ​เขา​เปลี่ยนเป็น​กระอักกระอ่วน​เล็กน้อย​ เมื่อ​ได้ยิน​อีก​ฝ่าย​ถามขึ้น​ว่า​

“ใคร​เลือก​สีเต็นท์​เนี่ย​? น่าเกลียด​จริงๆ​”

“นี่​! แค่​ซื้อ​ได้​ก็​บุญ​แล้ว​ คิด​ว่า​มาถึงที่นี่​แล้ว​จะหา​ซื้อ​เต็นท์​ได้​ง่ายๆ​รึ​ไง? ทุ​กร้าน​ก็​ขาย​จน​หมดเกลี้ยง​ บาง​ร้าน​ที่​ที่​เหลืออยู่​ก็​ไม่มีสีให้​เลือก​หรอก​นะ​ ถึงสีจะน่าเกลียด​ แต่​ก็​ดีกว่า​ต้อง​นอน​ตากลม​ไม่ใช่เหรอ​?”

ฉีเล่ย​ตอบ​โต้กลับ​บ้าง​ ก่อน​จะร้อง​ตะโกน​บอก​ฮวา​โหล่​ว​ว่า​

“เอาล่ะ​ๆ นอน​กัน​ได้​แล้ว​ นี่​ก็​ดึก​มาก​แล้ว​!”

นี่​เพิ่งจะ​เริ่มต้น​เดินทาง​เท่านั้น​ ยัง​ไม่รู้​ว่า​ข้างหน้า​จะต้อง​พบ​เจอ​กับ​อะไร​อีก​บ้าง​ หาก​ไม่ได้​นอนหลับ​พักผ่อน​ให้​เต็มอิ่ม​ ฉีเล่ย​เอง​ก็​คง​ไม่กล้า​ที่จะ​ออกเดินทาง​ต่อ​แน่​

หลังจาก​กิน​อาหารแห้ง​ที่​เตรียม​กัน​มาแล้ว​ ทั้งคู่​ก็​เข้าไป​นอน​ใน​ถุงนอน​ของ​ตัวเอง​ แต่​การ​นอน​อยู่​ใน​เต็นท์​ด้วยกัน​แบบนี้​ ก็​ไม่ต่าง​จาก​นอน​ใน​ห้อง​เดียวกัน​ ทั้งคู่​จึงค่อนข้าง​กระอักกระอ่วน​ใจเล็กน้อย​

“นี่​! นาย​ว่า​พวกเรา​จะหา​คัมภีร์​เจินจิ่วเจี่ย​อี่​จิงฉบับ​แก้ไข​นี้​เจอ​ไหม​?”

ฮวา​โหล่​ว​ที่นอน​พลิก​ไป​พลิก​มาอยู่​นาน​ และ​ดูเหมือน​จะนอนไม่หลับ​ เมื่อ​เห็น​ว่า​ฉีเล่ย​เอง​ก็​ยัง​ไม่หลับ​ เธอ​จึงได้​เอ่ย​ถามขึ้นเสียง​เบา​

สภาพแวดล้อม​ในเวลานี้​นอกจาก​จะเงียบสงัด​แล้ว​ ยัง​ดู​น่ากลัว​ไม่น้อย​ และ​หลังจากที่​ฉีเล่ย​ได้ยิน​คำถาม​ของ​ฮวา​โหล่​ว​ เขา​ก็​ไม่ได้​ตอบกลับ​ไป​ในทันที​ แต่กลับ​จมดิ่ง​ลง​สู่ห้วง​ความคิด​แทน​

จากนั้น​จึงได้​ทำ​เสียง​อยู่​ใน​ลำคอ​ “เอิ่ม…”​

ฉีเล่ย​หัวเราะ​ออกมา​เบา​ๆ ก่อน​จะพูด​ต่อว่า​ “คุณ​ถามแบบนี้​ ผม​เอง​ก็​ไม่รู้​จะตอบ​ยังไง​ดี​? เอาเป็นว่า​ผม​จะพยายาม​อย่าง​ดี​ที่สุด​ก็แล้วกัน​ อีก​อย่าง​ กว่า​ที่​ผม​จะกลาย​มาเป็น​แพทย์​แผน​จีน​ที่​มีฝีมือ​อย่าง​ทุกวันนี้​ได้​ ผม​ก็​ผ่าน​อะไร​มามาก​เหมือนกัน​ เอาเป็นว่า​ พวกเรา​ต่าง​ก็​พยายาม​ทำ​อย่าง​สุดความสามารถ​ก็แล้วกัน​ ส่วน​ผล​จะเป็น​ยังไง​ก็​อย่า​เพิ่ง​ไป​คิด​เลย​ดีกว่า​”

ฮวา​โหล่​ว​ถึงกับ​หัวเราะ​ออกมา​ ก่อน​จะเล่า​ให้​ฉีเล่ย​ฟังว่า​ “ฮ่าๆๆ พวกเรา​สอง​คน​มีอะไร​เหมือน​ๆกัน​เยอะ​เลย​ ที่​หมู่บ้าน​ของ​ฉัน​ก็​เหมือนกัน​ การ​ที่​เด็กสาว​คน​หนึ่ง​จะกลาย​มาเป็น​แพทย์​แผน​จีน​ได้​ มัน​เป็นเรื่อง​ที่​แปลกประหลาด​อย่าง​มาก​สำหรับ​ทุกคน​เลย​ล่ะ​”

“ถึงแม้ฉัน​จะไม่ค่อย​ชอบ​อาชีพ​นี้​เท่าไหร่​ แต่​ใน​เมื่อ​ภารกิจ​ตก​อยู่​ใน​มือ​ ก็​เพียงแค่​ต้อง​ยอมรับ​ชะตากรรม​”

ฮวา​โหล่​วน​อน​เหม่อมอง​ทอดสายตา​ออก​ไป​ไกล​ แม้จะอยู่​เพียงแค่​ใน​เต็นท์​ จากนั้น​จึงเริ่ม​พูด​ขึ้น​อย่าง​ช้าๆ

“นาย​รู้​ไหม​ว่า​ ฉัน​รู้สึก​เจ็บปวด​มาก​แค่​ไหน​ ที่​ต้อง​เห็น​ผู้คน​ทุกข์ทรมาน​เพราะ​ความ​เจ็บไข้ได้ป่วย​?”

นี่​ดูเหมือน​จะเป็นครั้งแรก​ที่​ฉีเล่ย​ได้​รู้จัก​ฮวา​โหล่​ว​จริงๆ​ เขา​จึงได้​แต่​ปลอบประโลม​กลับ​ไป​ว่า​

“อย่า​คิดมาก​ไป​เลย​ รีบ​นอนหลับ​เอาแรง​จะดีกว่า​”

ระหว่าง​ที่​พูด​นั้น​ ฉีเล่ย​ก็​เอา​มือ​ออกจาก​ถุงนอน​ แล้ว​เอื้อม​ออก​ไป​ลูบไล้​ศรีษะ​ของ​หญิงสาว​อย่าง​อ่อนโยน​ พร้อมกับ​พูด​ต่อว่า​

“พรุ่งนี้​พวกเรา​ยัง​ต้อง​เดินทาง​ต่อ​นะ​”

ฮวา​โหล่​ว​พยักหน้า​พร้อมกับ​หัวเราะ​ออกมา​ จากนั้น​จึงได้​หลับตา​ลง​ทันที​ ในขณะที่​ฉีเล่ย​ไม่กล้า​ที่จะ​นอนหลับ​ลึก​มาก​นัก​ เพราะ​ใน​สถานที่​กลาง​ป่า​เปลี่ยว​แบบนี้​ มีโอกาส​ที่​สิ่งแปลกประหลาด​จะบุก​เข้ามา​ใน​เต็นท์​ของ​เขา​เมื่อไหร่​ก็ได้​

แต่​ถึงอย่างนั้น​ เนื่องจาก​สอง​วันที่​ผ่า​นม​ าเขา​เหน็ดเหนื่อย​กับ​การ​เดินทาง​มาก​ อีก​ทั้ง​ยัง​มีเรื่อง​กดดัน​ทางจิตใจ​ไม่น้อย​ แม้ฉีเล่ย​อยาก​จะตื่นตัว​ให้ได้​ตลอด​ทั้งคืน​ แต่​มัน​ก็​ยาก​เกินไป​สำหรับ​เขา​ที่จะ​ทำ​ให้ได้​แบบ​นั้น​ และ​ในที่สุด​เขา​ก็​เผลอ​หลับ​ไป​ด้วย​ความ​เหนื่อยล้า​อย่าง​ที่สุด​

แต่​ใน​ระหว่าง​กลางดึก​นั้น​ จู่ๆ ฉีเล่ย​ก็​สะดุ้งตื่น​เพราะ​มีบางสิ่งบางอย่าง​เคลื่อนไหว​ไปมา​อยู่​ใกล้​ๆกับ​เต็นท์​ของ​เขา​ เขา​รีบ​ลุกขึ้น​นั่ง​และ​ดึง​ถุงนอน​ออก​ทันที​ จากนั้น​ จึงค่อยๆ​เดิน​ไป​หน้า​ประตู​เต็นท์​

เขา​ได้ยิน​เสียง​หายใจ​หอบ​ดัง​ขึ้น​ แม้จะเป็น​เสียง​ที่​ไม่ได้​ดัง​นัก​ แต่​ใน​ยามค่ำคืน​กลาง​ป่า​ที่​เงียบสงัด​นี้​ เสียง​นั้น​กลับ​ดัง​ชัดเจน​อย่าง​มาก​

ฉีเล่ย​ได้​แต่​ยืน​แน่นิ่ง​อยู่​เช่นนั้น​ และ​ไม่กล้า​แม้แต่​จะเคลื่อนไหว​ใดๆ​ เพราะ​เกรง​ว่า​จะเป็นการ​ทำให้​อีก​ฝ่าย​รู้ตัว​

ใน​ค่ำ​คืนนี้​แสงจันทร์​ไม่ได้​สว่างไสว​นัก​ บน​ท้องฟ้า​มีเมฆดำ​มากมาย​ปรากฏ​ขึ้น​ และ​ฉีเล่ย​เอง​ก็​ไม่อาจ​บอก​ได้​ว่า​ เงาตะคุ่ม​ด้าน​นอกนั้น​เป็นเงา​ของ​คน​ หรือว่า​สัตว์ป่า​กัน​แน่​

แต่​หลังจาก​ใคร่ครวญ​ดู​แล้ว​ ฉีเล่ย​ก็​ไม่สามรถ​ลังเล​อะไร​ได้​อีก​ นั่น​เพราะ​หาก​ปล่อย​ให้​อีก​ฝ่าย​ชิงลงมือ​ได้​ก่อน​ อาจ​เกิด​ความ​ไม่ปลอดภัย​กับ​ฮวา​โหล่​ว​ก็​เป็นได้​

ด้วยเหตุนี้​ ฉีเล่ย​จึงได้​ตัดสินใจ​ควบคุม​พลัง​หยิน​และ​หยาง​ใน​ร่าง​ แล้ว​เปิด​ประตู​เต็นท์​วิ่ง​ออก​ไป​ทันที​

แต่กลับ​คิดไม่ถึง​ว่า​เงาดำ​นั้น​กลับ​เคลื่อนไหว​ได้​รวดเร็ว​อย่าง​มาก​ แม้ฉีเล่ย​จะมั่นใจ​ว่า​ ตนเอง​นั้น​รวดเร็ว​มาก​แล้ว​ แต่​อีก​ฝ่าย​กลับ​เร็ว​มาก​ยิ่งกว่า​ และ​ทันทีที่​ฉีเล่ย​เปิด​ประ​ตุ​พุ่ง​ออก​ไป​ มัน​ก็ได้​หลบหนี​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​

ต้อง​ไม่ใช่คน​แน่ๆ​!

ถึงแม้จะเห็น​เพียงแค่​แวบเดียว​ ฉีเล่ย​ก็​มั่นใจ​ว่า​ไม่ใช่มนุษย์​อย่าง​แน่นอน​ เพราะ​รูปร่าง​ของ​มัน​เล็ก​กว่า​มนุษย์​มาก​

ฉีเล่ย​ลืม​ไป​เลย​ว่า​ ฮวา​โหล่​ว​ยังคง​นอนหลับ​อยู่​ใน​เต็นท์​ เขา​รีบ​วิ่ง​ไล่ตาม​เงาสีดำ​นั้น​ไป​ทันที​

ฟิ้ว..​

ฉีเล่ย​วิ่ง​ไป​ด้วย​ความเร็ว​สูงจน​น่า​ตกใจ​ นั่น​เพราะ​เวลานี้​ พลัง​หยิน​และ​หยาง​ได้​เคลื่อน​มาอยู่​ที่​ฝ่าเท้า​ของ​เขา​ทั้งสอง​ข้าง​แล้ว​

หลังจาก​วิ่ง​ตาม​เข้าไป​ใน​ป่า​ลึก​อยู่​ครู่ใหญ่​ ฉีเล่ย​ก็​เริ่ม​รู้สึก​ว่า​ พลัง​หยิน​และ​หยาง​ใน​ร่าง​ได้​ค่อยๆ​หมด​ไป​ ในที่สุด​จึงต้อง​หยุด​วิ่ง​พร้อมกับ​หายใจ​เหนื่อยหอบ​

หลังจากนั้น​ ฉีเล่ย​ก็ได้​หยิบ​ยาเม็ด​หนึ่ง​โยน​เข้า​ปาก​ และ​รอคอย​ให้​ร่างกาย​มีไออุ่น​เพิ่มมากขึ้น​ จึงค่อย​หันหลัง​เดิน​กลับ​ไป​ที่​เต็นท์​

และ​ใน​ตอนนี้​เอง​ที่​ฉีเล่ย​เพิ่งจะ​นึก​ขึ้น​มาได้​ว่า​ ฮวา​โหล่​ว​ยังคง​นอน​อยู่​ใน​เต็นท์​ และ​หาก​ระหว่าง​นี้​มีตัว​อะไร​บุก​เต็นท์​ล่ะ​ก็​ ฮวา​โหล่​วจะ​ต้อง​ตกอยู่ในอันตราย​อย่าง​แน่นอน​

นับว่า​โชคดี​ที่​ฉีเล่ย​ไม่ใช่คนโง่​ ระหว่างทาง​ที่​เขา​วิ่ง​ตาม​เงาดำ​มานั้น​ เขา​ก็ได้​สังเกต​เส้นทาง​และ​จด​จำไว้​ใน​หัวสมอง​ด้วย​ เขา​จึงสามารถ​เดิน​กลับ​เต็นท์​ได้​ถูก​

หลังจาก​ใช้เวลา​อยู่​ระยะ​หนึ่ง​ ในที่สุด​ฉีเล่ย​ก็​กลับ​มาถึงเต็นท์​ และ​พบ​ว่า​ฮวา​โหล่​ว​ได้​ลุกขึ้น​มานั่ง​รอ​อยู่​ที่​หน้า​ประตู​ด้วย​สีหน้า​ตกอกตกใจ​

“นี่​นาย​หาย​ไป​ไหน​มา?”

และ​ทันทีที่​ฉีเล่ย​เปิด​ประตู​เต็นท์​เข้าไป​ ฮวา​โหล่​ว​ก็​ถึงกับ​ร้องไห้​โฮ และ​โผ​เข้า​กอด​เขา​ด้วย​ความหวาดกลัว​

“เอาล่ะ​ๆ ไม่มีอะไร​แล้ว​ ผม​กลับมา​แล้ว​นี่​ไง เมื่อ​ครู่​ผม​เห็น​เงาดำ​เดิน​ตะคุ่มๆ​อยู่​แถวๆ​เต็นท์​เรา​ ก็​เลย​วิ่ง​ตาม​ไปดู​เท่านั้นเอง​”

ฉีเล่ย​เอ่ย​ปลอบโยน​ พร้อมกับ​ตบ​แผ่น​หลัง​ของ​เธอ​เป็นการ​ปลอบประโลม​

“ฉัน​กลัว​แทบตาย​ ฮือ​ๆๆ”

ฮวา​โหล่​ว​ตื่นขึ้น​มากลางดึก​ แต่กลับ​พบ​ว่า​ฉีเล่ย​ที่นอน​อยู่​ข้างๆ​นั้น​ได้​หายตัว​ไป​ ต่อให้​ฮวา​โหล่​วจะ​ทำตัว​เป็น​หญิง​แกร่ง​มาก​เพียงใด​ แต่​ท่ามกลาง​ความมืด​ประกอบ​กับ​เสียง​ลม​หวีดหวิว​เช่นนี้​ ก็​ทำให้​เธอ​รู้สึก​หวาดกลัว​สุดขีด​เหมือนกัน​

ความหวาดกลัว​ของ​มนุษย์​นั้น​ จะยิ่ง​เพิ่มทวี​มากขึ้น​เมื่อ​อยู่​ใน​ความมืด​ จึงไม่แปลกที่​ฮวา​โหล่​วจะ​หวาดกลัว​มาก​ถึงเพียงนี้​ เธอ​คิด​แม้กระทั่ง​ว่า​ ฉีเล่ย​ได้​ทอดทิ้ง​เธอ​ไป​แล้ว​ และ​ปล่อย​ให้​เธอ​อยู่​ใน​ป่า​เพียงลำพัง​

กระทั่ง​ผ่าน​ไป​ร่วม​สิบ​นาที​ ฮวา​โหล่​ว​จึงได้​หยุด​ร้องไห้​สะอึกสะอื้น​ ฉีเล่ย​เปิด​ไฟฉาย​ขึ้น​ พร้อมกับ​ร้องบอก​ว่า​

“เอาล่ะ​ คืนนี้​เปิด​ไฟฉาย​นอน​ก็แล้วกัน​! แล้วก็​รีบ​ๆนอน​ได้​แล้ว​ ผม​จะคอย​เฝ้าดู​เงาดำ​นั่น​ให้​เอง​ ถ้ามัน​โผล่​มาอีก​คงจะ​ไม่ดี​แน่​”

ฉีเล่ย​เห็นชัด​ว่า​ เงาดำ​เมื่อ​ครู่​นั้น​ไม่ได้​ใหญ่​มาก​ แต่​ออก​ไป​ทาง​เล็ก​เสีย​มากกว่า​ แต่​เป็น​เพราะ​เสียง​หายใจ​หอบ​ของ​มัน​ ทำให้​ฉีเล่ย​จินตนาการ​ไป​ว่า​เป็น​อะไร​บางสิ่งบางอย่าง​ที่​ใหญ่โต​

“แล้ว​นาย​เห็น​ไหม​ว่า​มัน​เป็น​อะไร​? เป็น​สัตว์​รึเปล่า​?”

ฉีเล่ย​ทำ​สีหน้า​ครุ่นคิด​อยู่​ครึ่งหนึ่ง​จึงตอบกลับ​ไป​ว่า​ “ผม​เอง​ก็​ไม่แน่ใจ​เหมือนกัน​ เพราะ​มัน​มืด​มาก​”

ฮวา​โหล่​ว​หัวเราะ​คิกคัก​ขณะที่​พูด​หยอกเย้า​ฉีเล่ย​ต่อ​ “เป็น​เพราะ​มืด​ หรือ​เป็น​เพราะ​นาย​หู​ตา​ฝ้าฟางกัน​แน่​ ฮ่าๆๆ”

ฉีเล่ย​เอง​ก็ได้​แต่​หัวเราะ​ และ​ตอบกลับ​ไป​ว่า​ “อืมม​ สงสัย​จะเป็น​แบบ​นั้น​!”

เมื่อ​ครู่​นั้น​ หาก​ไม่ใช่เพราะว่า​พลัง​หยิน​และ​หยาง​ใน​ร่าง​หมด​ใน​วินาที​สุดท้าย​พอดี​ ฉีเล่ย​ก็​มั่นใจ​ว่า​จะสามารถ​ไล่ตาม​เงาดำ​นั่น​ไป​ได้​ทัน​แน่​

“นอน​ได้​แล้ว​ ไม่ต้อง​กังวล​อะไร​ หลังจาก​ตื่นขึ้น​มา พวกเรา​จะได้​เดินทาง​ต่อ​”

ฉีเล่ย​เอ่ย​บอก​ด้วย​น้ำเสียง​อ่อนโยน​

แต่​ใน​ระหว่าง​ที่​หญิงสาว​กำลัง​ล้ม​ตัว​ลงนอน​นั้น​ ฉีเล่ย​ก็​ได้ยิน​เธอ​ร้อง​ตะโกน​ออกมา​ว่า​ “ว้าว​! น่ารัก​จัง!”

“มีอะไร​งั้น​เหรอ​?”

ฉีเล่ย​ร้อง​ตะโกน​ถามออกมา​ด้วย​ความตกใจ​ แต่​สีหน้า​ของ​ฮวา​โหล่​วก​ลับ​ดู​ตื่นเต้น​ดี​ใจเสีย​มากกว่า​ เขา​จึงรีบ​หัน​มอง​ไป​ตาม​สายตา​ของ​ฮวา​โหล่​ว​ และ​เนื่องจาก​ครั้งนี้​ทั้งคู่​เปิด​ไฟฉาย​ทิ้ง​ไว้​ จึงสามารถ​มองเห็น​เงาข้างนอก​ได้​ชัดเจน​ว่า​ เป็นเงา​ของ​ลิง​น้อย​ตัว​หนึ่ง​

“นี่​มัน​… หรือ​เงาดำ​เมื่อ​ครู่​จะเป็น​ลิง​น้อย​ตัว​นี้​นะ​!”

ฉีเล่ย​รีบ​ไป​เปิด​เต็นท์​ แล้ว​พุ่ง​ทะยาน​ออก​ไป​หมายจับ​เจ้าลิง​ทันที​ แต่​มัน​กลับ​สามารถ​กระโดด​หลบหนี​ไป​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​

ฮวา​โหล่​ว​วิ่ง​ตาม​ออก​ไป​เช่นกัน​ และ​แทบ​ไม่อยาก​จะเชื่อ​สายตา​ตัวเอง​ เพราะ​ลิง​น้อย​ตรงหน้า​เธอ​นั้น​ช่างน่ารักน่าเอ็นดู​มาก​เหลือเกิน​

ส่วน​ฉีเล่ย​ก็​กำลัง​จ้องมอง​เจ้าลิง​น้อย​ที่​กำลัง​ส่งเสียงร้อง​เจี๊ยกๆ​ พร้อมกับ​ทำท่า​คล้าย​กำลัง​ยก​มือขึ้น​ชี้เข้าไป​ใน​ป่า​ ด้วย​ความสงสัย​เขา​จึงได้​ร้องถาม​มัน​ออก​ไป​ว่า​

“นี่​เจ้าลิง​น้อย​ แก​กำลังจะ​บอก​อะไร​ฉัน​งั้น​เหรอ​?”

เจ้าลิง​น้อย​ค่อยๆ​เดิน​เข้ามา​ใกล้​ฉีเล่ย​ มัน​ดึง​กางเกง​ของ​เขา​พร้อมกับ​ร้อง​เจี๊ยกๆ​ ฉีเล่ย​เริ่ม​เข้าใจ​อะไร​บางอย่าง​ จึงได้​เอ่ย​ถามออก​ไป​อีกครั้ง​

“นี่​แก​อยาก​ให้​ฉัน​ตาม​แก​ไป​งั้น​เหรอ​?”

และ​ราวกับ​เจ้าลิง​น้อย​เข้าใจ​คำพูด​ของ​ฉีเล่ย​ มัน​พยักหน้า​หงึก​ๆ ก่อน​จะเดิน​นำ​ฉีเล่ย​ไป​ทันที​

ฉีเล่ย​ไม่กล้า​ทิ้ง​ฮวา​โหล่​ว​ไว้​ที่​เต็นท์​คนเดียว​อีก​ เขา​จึงเข้าไป​หยิบ​ไฟฉาย​พร้อมกับ​พา​เธอ​ไป​ด้วย​ ฉีเล่ย​ได้​แต่​แอบ​คิด​ว่า​ เดี๋ยว​ค่อย​กลับมา​นอน​ต่อ​ ถึงแม้จะเดินทาง​ช้าหน่อย​ก็​คง​ไม่เป็นไร​ เพราะ​หาก​ไม่มีแผนที่​นี้​ ก็​คง​ไม่มีใคร​รู้​ว่า​คัมภีร์​นั่น​อยู่​ที่ไหน​

ครั้งนี้​ เจ้าลิง​น้อย​รู้​ว่า​ ไม่สามารถ​วิ่ง​เร็ว​มาก​ได้​ มัน​จึงลด​ความเร็ว​ลง​เพื่อให้​ทั้งสอง​คน​ตามมา​ได้​ทัน​

ฮวา​โหล่​ว​ที่​ถือ​กระบอก​ไฟฉาย​เดินตาม​ฉีเล่ย​ไป​ติดๆ​ ถึงกับ​พึมพำ​ออกมา​ “ทำไม​ถึงน่ากลัว​แบบนี้​ล่ะ​?”

“เดี๋ยว​พอ​พรุ่งนี้​แสงอาทิตย์​สาดส่อง​ลงมา​ เธอ​ก็​จะพูดว่า​ ที่นี่​ช่างสวยงาม​มาก​จริงๆ​! ใน​ป่า​ยามค่ำคืน​ก็​เป็น​แบบนี้​ล่ะ​ สัตว์​น้อย​ใหญ่​มักจะ​ออกมา​หากิน​กลางดึก​”

ฉีเล่ย​ตอบกลับ​ยิ้ม​ๆ ส่วนตัว​เขา​นั้น​มีพลัง​หยิน​และ​หยาง​อยู่​ใน​ตัว​ หาก​เกิด​เหตุฉุกเฉิน​อะไร​ขึ้น​จริงๆ​ ย่อม​สามารถ​ใช้พลัง​ทั้งสอง​ป้องกัน​ตัวเอง​ได้​ จึงไม่ได้​รู้สึก​หวาดกลัว​อะไร​มาก​นัก​

ฉีเล่ย​สังเกตเห็น​ว่า​ เจ้าลิง​น้อย​กระโดด​ขึ้น​กระโดด​ลง​ถี่ขึ้น​กว่า​เดิม​ น้ำเสียง​ของ​มัน​ก็​ฟังดูเหมือน​มีความวิตกกังวล​มากขึ้น​ด้วย​ และ​รู้สึก​ได้​ว่า​มัน​เริ่ม​เร่งฝีเท้า​ให้​เร็ว​ขึ้น​

“นี่​แก​จะพา​พวกเรา​ไป​ไหน​กัน​แน่​?”

ฉีเล่ย​จำได้​ว่า​ นี่​เป็น​เส้นทาง​ที่​เขา​วิ่ง​ไล่ตาม​เงาดำ​มาก่อนหน้านี้​ ทำให้​เขา​ยิ่ง​มั่นใจ​ว่า​ เงาดำ​ก่อนหน้านี้​น่าจะเป็น​เจ้าลิง​ตัว​นี้​นี่เอง​ และ​เมื่อ​ครู่​มัน​คง​ต้องการ​ให้​เขา​วิ่ง​ตาม​มัน​ไป​ที่ไหน​สัก​แห่ง​แน่ๆ​

ในที่สุด​ เจ้าลิง​น้อย​ก็​ชะลอ​ฝีเท้า​ลง​ แล้ว​ถ้ำขนาดใหญ่​ก็​ปรากฏ​อยู่​ตรงหน้า​ฉีเล่ย​และ​ฮวา​โหล่​ว​

หาก​ไม่ใช่เพราะ​เจ้าลิง​น้อย​ตัว​นี้​พา​มาแล้ว​ล่ะ​ก็​ ท่ามกลาง​ป่า​หนา​ทึบ​เช่นนี้​ เขา​ไม่มีทาง​หา​ถ้ำแห่ง​นี้​พบ​อย่าง​แน่นอน​

“เจี๊ยกๆ”​

เจ้าลิง​น้อย​ส่งเสียง​ร้อย​เจี๊ยกๆ​ พร้อมกับ​ชี้ไป​ที่ทาง​เข้าถ้ำ​ คล้าย​จะบอ​กว่า​ให้​ทั้งสอง​คน​เข้าไป​ใน​นั้น​ มาถึงขั้น​นี้​แล้ว​ ฉีเล่ย​แทบ​ไม่ต้อง​คิด​ว่า​จะเป็น​กับดัก​หรือ​อะไร​

ระหว่างทาง​ที่จะ​เดิน​เข้าไป​เข้าไป​ใน​ถ้ำนั้น​ มีผล​หมา​กราก​ไม้ถูก​โยนทิ้ง​เกลื่อนกลาด​ตาม​ทาง​ไป​หมด​ และ​ฉีเล่ย​ก็​เริ่ม​ได้ยิน​เสียงร้อง​คำราม​ดัง​ออกมา​

‘นี่​มัน​เกิด​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​?’

ฉีเล่ย​ยังคง​เดิน​เข้าไป​ข้างใน​เรื่อยๆ​ และ​ในที่สุด​ สิ่งที่​ปรากฏ​ขึ้น​ตรงหน้า​เขา​ก็​คือ​ ลิง​ตัว​ใหญ่​ที่​ดู​ดุร้าย​อย่าง​มาก​!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด