ยอดคุณหมอสกุลเฉินตอนที่323 ผู้ต้องสงสัย
ตอนที่323 ผู้ต้องสงสัย
ยังไม่ทันที่เรื่องหญ้าสลายวิญญาณจะกระจ่าง การแข่งขันแพทย์แผนจีนก็จะเริ่มขึ้นอีกครั้งแล้ว ฉีเล่ยอยากรู้เรื่องการตายของจื่อหยางอย่างมาก เพราะจากสภาพศพที่พบเห็นนั้น บ่งบอกได้ว่าเขายังไม่ได้ต้องการจบชีวิต
แต่หลังจากตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว แต่กลับพบว่าไม่มีใครเข้าไปในห้องของเขาเลย มีเพียงแค่ช่วงที่ฮวาโหล่วเข้าไป แต่เมื่อกลับออกมา จื่อหยางก็ยังอยู่ในสภาพปกติดี ยังเดินออกมาส่งอีกหญิงสาวที่หน้าประตูห้องด้วยสีหน้าดูคล้ายคนรู้สึกผิด
“ตอนนั้นจื่อหยางสารภาพกับฉันว่า เขาเองเคยคิดที่จะฆ่านายจริงๆ แต่ยังไม่ทันลงมือเพราะรู้ว่า พิษเพียงแค่นั้นไม่น่าจะทำอะไรคนที่ได้ฉายาหมอเทวดาอย่างนายได้”
ฮวาโหล่วหันไปมองหน้าฉีเล่ยก่อนจะพูดต่อว่า “ถึงแม้สีหน้าของเขาจะดูจริงใจ แต่มาคิดดูตอนนี้ ฉันกลับรู้สึกว่ามันมีคำถามผุดขึ้นมาในหัวตั้งมากมาย”
แม้จื่อหยางจะไม่ได้เฉลียวฉลาดอะไรนัก และมั่นใจว่า ยาพิษแค่นั้นเป็นไม่เพียงพอที่จะทำร้ายฉีเล่ยได้ แล้วทำไมยังคิดที่จะใช้มันตั้งแต่แรก
“บางที นั่นอาจจะเป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่เขายกขึ้นมา เพื่อให้คุณเลิกสงสัยแล้วรีบๆกลับไปก็ได้”
ฉีเล่ยหัวเราะก่อนจะพูดต่อว่า “เขาไม่ใช่คนใช้ผงห้าพิษสลายกระดูกก็จริง แต่ผมเชื่อว่าคนๆนี้มีจุดประสงค์ไม่ต่างกันอย่างแน่นอน”
“เชื้อโรค…”
ฉีเล่ยหยุดนิ่งไปแค่นั้นก่อนจะอธิบายต่อ “พิษที่ทำให้เกิดโรคระบาดในผู้คน เหมือนในประวัติศาสตร์ยังไงล่ะ เคยมีบันทึกเกี่ยวกับการใช้พิษสร้างโรคระบาดในสมัยนั้น จนบรรดาทหารต่างอ่อนกำลังลงเพราะติดโรคระบาด ในที่สุดก็พ่ายแพ้ให้กับข้าศึก แต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีการนำสมุนไพรต่างๆมาปรุงเป็นยา แม้จะไม่สามารถรักษาโรคได้ แต่ก็สามารถใช้ป้องกันโรคระบาดนี้ได้”
หลังจากได้ฟังฉีเล่ยพูดมายืดยาว ฮวาโหล่วจึงเริ่มมองเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น แต่ก็ยังเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“แต่ตอนนี้จื่อหยางตายไปแล้ว คิดว่าจะยังมีคนนำพิษเชื้อโรคมาปล่อยอีกมั้ย?”
ฮวาโหล่วรู้สึกว่า ภายในวังมังกรแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย
“เรื่องนั้นอย่าเพิ่งไปคิดอะไรมากเลย สิ่งที่สำคัญกว่าในตอนนี้คือการแข่งขัน”
…….
การแข่งขันแพทย์แผนจีนจัดขึ้นตามกำหนดการเดิม และไม่รู้ว่าหวงฝูหัวเดินมายืนอยู่ข้างฉีเล่ยตั้งแต่เมื่อไหร่ เขากระซิบบอกกับฉีเล่ยว่า
“ใกล้จะถึงคิวผมแล้ว รับรองว่าผมต้องได้คะแนนสูงอย่างแน่นอน แต่ยังไงรอบสุดท้าย ผมคงต้องพึ่งพาคุณ”
ฉีเล่ยหันไปยิ้มให้พร้อมตอบกลับไปว่า “ทำใจให้สบาย…”
แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังยืนรวมกลุ่มกันเพื่อรอสัญญาณอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงคนร้องตะโกนออกมา
“นี่มันกลิ่นอะไร?”
“จริงด้วย! กลิ่นเหม็นอย่างกับไข่เน่า ในที่นี้มีใครพกไข่เน่าติดตัวมาด้วยรึเปล่า?”
สิ้นเสียงร้องตะโกนบอก ก็มีเสียงหัวเราะร่วนดังตามมา
“ไม่ใช่! นั่นไม่ใช่กลิ่นไข่เน่า แต่ผมคุ้นๆว่าเป็นกลิ่นของพิษต่างหาก!”
ฉีเล่ยเองก็ได้กลิ่นเช่นกัน หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดจึงได้รู้ว่ามันคือพิษ
เมื่อครั้งที่พิษนี้ถูกปล่อยออกมาแรกๆ หลายคนที่ได้กลิ่นยังคิดว่าเป็นกลิ่นเหม็นของอะไรบางอย่างเท่านั้น แต่เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเริ่มตระหนักถึงความผิดปกติ
แพทย์แผนจีนที่มาเข้าแข่งขันในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีทักษะทางการแพทย์อยู่ในระดับต้นๆ บ้างยังมาจากตระกูลแพทย์เก่าแก่ อย่างเช่นหวงฝูหัวเป็นต้น หากเกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมต้องสร้างความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงให้กับวงการแพทย์แผนจีน อาจจะทำให้วงการแพทย์แผนจีนซบเซาไปนานเป็นสิบปีเลยก็เป็นได้
นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
หลังจากที่พิษถูกปลดปล่อยออกมานั้น ฉีเล่ยรู้ได้ทันทีว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว จึงร้องตะโกนบอกทุกคนทันทีว่า
“ทุกคนรีบหนีเร็วเข้า!”
เพราะหากปล่อยไว้นานกว่านี้ ผลที่ตามมาอาจเกินกว่าที่จะคาดเดาได้
บรรดาแพทย์แผนจีนที่อยู่ในบริเวณนั้น เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนของฉีเล่ย ก็เตรียมตัวที่จะวิ่งหนีในทันที ฉีเล่ยเองก็เตรียมที่จะดึงฮวาโหล่ววิ่งหนีออกไปจากบริเวณนั้นเช่นกัน
แต่ดูเหมือนพิษจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วมาก อีกทั้งหลายคนก็ไม่ทันได้ระมัดระวังตัว เพราะคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
ในขณะที่ทุกคนกำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอดนั้น ต่างก็ค่อยๆล้มลงกับพื้นทีละคนๆ
ส่วนฉีเล่ยนั้นเป็นคนแรกที่ผิดสังเกต ร่างกายของเขาจึงโดนพิษเข้าไปไม่มากนัก เมื่อเห็นคนอื่นๆต่างก็ค่อยๆล้มลงกับพื้นต่อหน้าเช่นนี้ ฉีเล่ยได้แต่รู้สึกเจ็บปวดใจจนพูดไม่ออก
“ฮวาโหล่ว! ฮวาโหล่ว!”
ดูเหมือนพิษชนิดนี้จะสร้างความเจ็บปวดอย่างมากให้กับคนที่ได้รับเข้าไป หลังจากที่พิษแพร่กระจายเข้าสู่ร่างกาย คนผู้นั้นจะรู้สึกราวกับถูกหนอนไชเข้าไปในตัว และกำลังกัดกินเนื้อเยื่อภายในร่างของตนเอง
“แย่แล้ว!”
ฉีเล่ยหันมองสำรวจไปรอบๆ ก่อนจะรีบอุ้มฮวาโหล่วออกไปบริเวณทางเข้า เพื่อให้ได้สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไป จากนั้นจึงเริ่มถ่ายเทพลังหยินและหยางเข้าไปในร่างของหญิงสาว เพื่อป้องกันไม่ให้พิษแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น จึงได้เข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดึงคนอื่นๆออกมา
พลังหยินและหยางสามารถช่วยปกป้องเส้นลมปราณภายในร่างของเขาได้ ฉีเล่ยจึงเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับอันตรายจากพิษนี้
“ทำไมร่างกายของฉันถึงได้เป็นแบบนี้?”
หนึ่งในแพทย์อาวุโสร้องออกมาด้วยความตกใจ เพราะเวลานี้ร่างกายของเขาเริ่มเน่าเปื่อย และส่งกลิ่นเหม็นออกมาอย่างน่าตกใจ
หลังจากมั่นใจว่าฮวาโหล่วพ้นขีดอันตรายแล้ว ฉีเล่ยจึงรีบกลับไปช่วยแพทย์อาวุโสผู้นั้น เขาถ่ายเทพลังหยินและหยางในร่างลงไปให้ ก่อนจะใช้เข็มเงินแทงเอาเลือดสีดำออกจากร่าง
หลังจากบีบเอาเลือดสีดำออกมา พิษในร่างก็ถูกขับออกมาด้วย แต่หากในร่างยังคงมีพิษหลงเหลืออยู่ มันก็จะสามารถแพร่กระจาย และขยายไปได้อีก ซึ่งนับเป็นพิษที่ใช่ว่าจะรักษาได้ง่ายๆ
ผู้เฒ่าวังมังกรเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาในลานแห่งนี้ และหลังจากที่เขาก้าวเข้ามาแล้วได้กลิ่นเหม็นประหลาด เขาก็รีบหนีกลับออกไปในทันที แล้วรีบตรงเข้าไปหาฉีเล่ยพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉีเล่ย นี่เธอเป็นยังไงบ้าง?”
ฉีเล่ยยกมือขึ้นตบหน้าอกตัวเองเบาๆ พร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า “ผมไม่เป็นอะไรครับ แต่สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนจะแย่มากทีเดียว”
ผู้เฒ่าวังมังกรพูดขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “ตอนที่พบหญ้าสลายวิญญาณ ฉันเองก็รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก ความจริงถ้าวันนี้ทุกคนต่างยังคงอยู่ในห้องพักของตัวเอง เหตุการณ์เช่นนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น”
แต่ฉีเล่ยกลับค้านขึ้นว่า “ต่อให้เหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้น คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็ต้องหาโอกาสใหม่อยู่ดี คนมันตั้งใจจะทำอยู่แล้ว ยังไงก็คงไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปแน่ เห็นได้ชัดว่า คนๆนั้นได้เตรียมการมาล่วงหน้าเป็นอย่างดี”
ยิ่งคิดผู้เฒ่าวังมังกรก็ยิ่งรู้สึกเดือดดาลใจมากขึ้น เขาหันไปคว้าคอเสื้ออวิ่นเช่อซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าภาพจัดการแข่งขันที่เพิ่งมาถึง และเป็นผู้คัดค้านไม่ให้มีการเลื่อนวันแข่งขันออกไป พร้อมกับตวาดใส่หน้าเสียงดัง
“ผมบอกคุณว่าให้เลื่อนการแข่งขันออกไป แต่คุณก็ไม่ฟัง!”
แต่อวิ๋นเช่อตอบกลับมาอย่างใจเย็นว่า “ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าจะมีคนวางยา?”
ฉีเล่ยพุ่งตรงเข้าไปหาอวิ๋นเช่อทันที พร้อมกับร้องถามออกไปว่า “แล้วทำไมคุณถึงไม่เป็นอะไรเลยล่ะ? ดูท่าเรื่องนี้คุณเองคงจะมีส่วนเกี่ยวข้องสินะ?”
เดิมทีฉีเล่ยยังไม่คิดที่จะสงสัย แต่จากท่าทางของคนผู้นี้ ทำให้เขารู้สึกพิรุธใจในหลายๆอย่าง
“อย่ามากล่าวหากันแบบนี้นะ? คิดว่าสนิทสนมกับผู้เฒ่าวังมังกรแล้วจะกล่าวหาใครง่ายๆแบบนี้ก็ได้รึไง? คุณกับผู้เฒ่าวังมังกรก็ไม่เป็นอะไรเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” อีกฝ่ายตอบโต้กลับมาทันที
ฉีเล่ยยกมือขึ้นชี้ไปทางผู้คนที่กำลังนอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับร้องตะโกนถามออกไปว่า
“อย่าลืมว่าคุณเป็นคนที่คัดค้านไม่ให้เลื่อนการแข่งขันครั้งนี้ออกไป จุดประสงค์ของคุณคงจะต้องการฆ่าทุกคนในที่นี้สินะ? เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าผมจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าคนปกติ แล้วก็คิดไม่ถึงว่าผู้เฒ่าวังมังกรจะมาถึงสนามแข่งขันช้ากว่าปกติแบบนั้น ซึ่งนั่นทำให้เขารอดจากการถูกพิษ!”
ผู้เฒ่าวังมังกรถึงกับดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ และพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคิดที่จะสังหารตนเองด้วย
“อ่อ.. คุณเองก็เพิ่งจะมาถึงไม่ใช่เหรอครับ แล้วรู้ได้ยังไงว่าทุกคนถูกพิษ?”
ฉีเล่ยเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองอีกฝ่ายแน่นิ่ง ก่อนจะพูดต่อในทันที “กระทั่งผมเอง หากมองเพียงแค่ผิวเผิน ยังไม่สามารถเดาได้ว่าทุกคนถูกพิษเลยนะครับ”
เดิมที ผู้เฒ่าวังมังกรคิดว่า ผู้ที่ลงมือนั้นน่าจะต้องการฆ่าแพทย์แผนจีนที่เข้าแข่งขันเท่านั้น แต่หลังจากได้ยินคำพูดของฉีเล่ย เขาจึงเริ่มตระหนักได้ว่า เหตุการณ์ไม่น่าจะเป็นอย่างที่เขาคิดในตอนแรก อีกทั้งยังดูเหมือนจะหนักหนากว่าที่เขาคิดไว้มาก
“ยังมีอะไรจะอธิบายมั้ย?” ผู้เฒ่าวังมังกรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
เวลานี้ ภาพต่างๆดูเหมือนจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะแฝงตัวเข้ามาในฐานะเจ้าภาพร่วม จุดประสงค์ก็เพื่อหาทางกำจัดแพทย์แผนจีนในประเทศ เพราะการจะหาโอกาสที่แพทย์แผนจีนเก่งๆมารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียงได้เช่นนี้ เป็นเรื่องที่ยากมาก
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!
หากครั้งนี้ฉีเล่ยถูกพิษเข้าไปด้วย ก็จะเหลือผู้เฒ่าวังมังกรผู้เดียวที่ต้องวุ่นอยู่กับการช่วยชีวิตทุกคน ถึงตอนนั้น อีกฝ่ายย่อมสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ
Comments