ยอดนักรบจอมราชัน 1003 หักหน้าเจ้าถิ่น

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 1003 หักหน้าเจ้าถิ่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1003 หักหน้าเจ้าถิ่น

……………………………………………………………………..

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหวังฉิงเซิงนั้นได้กระตุ้นความสนใจของเย่เชียนอย่างมากเพราะปัจจุบันเย่เชียนนั้นสนใจอำนาจและอิทธิพลของภาคตะวันตกเฉียงเหนือเป็นอันดับสองรองจากความปลอดภัยของแม่ม่ายดำจือเหวิน แน่นอนว่าเย่เชียนรู้ดีว่าถ้าหากเขาไปหาหวังหว่านยู่ล่ะก็มันเป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะมอบจือเหวินให้กับเขาอย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตามสิ่งที่หวังฉิงเซิงพูดนั้นก็สมเหตุสมผลเพราะเนื่องจากหวังฉิงเซิงสามารถทรยศเฉินฉิงหนิวได้เพราะงั้นเขาก็สามารถทรยศหวังหว่านยู่ได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะรู้ว่าหวังฉิงเซิงต้องการใช้ตัวเองเพื่อจัดการกับหวังหว่านยู่ก็ตามถึงยังไงเย่เชียนก็ต้องทำแบบนี้เพราะเขาไม่สามารถหาข่าวเกี่ยวกับการหายตัวไปของจือเหวินได้เลย ด้วยเหตุนี้จึงมีเพียงวิธีการนี้เท่านั้น

จากนั้นเย่เชียนก็ค่อยๆหยิบบุหรี่ออกจากเสื้อของเขาแล้วจุดไฟและสูบอย่างเงียบๆและไม่พูดอะไร ส่วนหวังฉิงเซิงก็เหงื่อตกและรู้สึกประหม่าอย่างมากเพราะเขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อระงับความกระวนกระวายในใจได้ ซึ่งสิ่งที่เขาทำได้คือจ้องมองเย่เชียนอย่างใกล้ชิดเท่านั้น

ม่อหลง,หลี่เหว่ยและชิงเฟิงที่ด้านข้างก็มองเย่เชียนและไม่พูดอะไรเพราะในเวลานี้มันไม่สะดวกสำหรับพวกเขาที่จะพูดมากอะไรเกินไป เพราะถ้าหากเย่เชียนตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรพวกเขาก็จะสนับสนุนโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น

หลังจากสูบบุหรี่เสร็จเย่เชียนก็แสดงรอยยิ้มที่มุมปากของเขาและมองไปที่หวังฉิงเซิงที่อยู่ข้างหน้าเขาแล้วพูดว่า “คุณหวังคุณรู้ไหมว่าผมใช้วิธีไหนเพื่อจัดการกับคนที่หักหลังผม?”

หวังฉิงเซิงก็สั่นไปทั้งตัวแล้วส่ายหัวอย่างหนักหน่วง ในตอนนี้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมากและคิดกับตัวเองว่า “หรือว่าเย่เชียนจะรู้แล้วว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปนั้นเป็นเรื่องโกหก?”

เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “คุณหวังเป็นคนฉลาดเพราะมันเป็นทางเลือกที่ดีที่จะร่วมมือกับคุณแต่คุณต้องชัดเจนก่อนนะว่าผมจะไม่แสดงความเมตตาต่อคนที่หักหลังและโกหกผม” หลังจากหยุดไปสักพักเย่เชียนก็ยืนขึ้นและยื่นมือออกมาแล้วพูดว่า “ยินดีที่ได้ร่วมมือกับคุณ”

เมื่อได้ยินแบบนั้นหัวใจของหวังฉิงเซิงก็สงบลงและเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือออกไปจับมือกับเย่เชียนแล้วพูดว่า “ยินดีเช่นกันครับ” อย่างไรก็ตามเมื่อมองดูรอยยิ้มบนใบหน้าของเย่เชียนแล้วหวังฉิงเซิงก็อดไม่ได้ที่จะประหม่าอีกครั้ง เพราะถ้าเย่เชียนรู้ว่าตนกำลังหลอกเขาล่ะก็เย่เชียนจะทำอย่างไรกับเขากันแน่? หวังฉิงเซิงอดไม่ได้ที่จะตัดสินใจอย่างลับๆเพราะดูเหมือนว่าเขาจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังตัวจากหวังหว่านยู่ให้มากกว่าเดิม

ชีวิตคือการผจญภัยเฉพาะผู้ที่กล้าเสี่ยงเท่านั้นที่จะยืนหยัดเหนือผู้อื่นได้ หากเป็นเพียงบางแค่บางส่วนมันก็จะฆ่าจิตวิญญาณการต่อสู้ของคนๆนั้นไป แน่นอนว่าหวังฉิงเฉิงก็รู้ว่าเขากำลังเสี่ยงแต่ถ้าเขาทำสำเร็จเขาจะได้รับประโยชน์มากมายดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะลองเสี่ยงดู

หลังจากที่หวังฉิงเซิงกลับไปม่อหลงก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “บอส..หวังฉิงเซิงคือใคร?”

“เราเคยเผชิญหน้ากันระยะสั้นๆที่เมืองซีจิง..เขาเป็นที่รู้จักในนามของราชาแห่งเมืองซีจิง..เมื่อสิบปีที่แล้วเขาเป็นลูกน้องของเฉินฉิงหนิวและต่อมาเขาได้เข้าร่วมกับหวังหว่านยู่จนเขามีอำนาจและอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ..เมื่อตอนที่ผมอยู่ในเมืองซีจิงผมสั่งสอนบอทเรียนให้เขาไปอย่างสาสมเลยทีเดียว” เย่เชียนอธิบายอย่างช้าๆ และสั้นๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองซีจิง

“บอสคงไม่เชื่อสิ่งที่หวังฉิงเซิงพูดใช่มั้ย?..แต่สิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผลเหมือนกัน..แต่ผมไม่เชื่อหรอกว่าโลกใบนี้จะมีใครยอมร่วมมือกับคนที่ทำร้ายลูกชายของตัวเองหรอก” หลี่เหว่ยพูด

“ผมคิดว่าเขาต้องการใช้พลังของเรากำจัดหวังหว่านยู่เพราะด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าวได้” ชิงเฟิงก็เห็นด้วย

“คำพูดของเขาจริงครึ่งเท็จครึ่งหนึ่งและเป็นที่แน่นอนว่าเขาต้องการใช้เราเพื่อกำจัดหวังหว่านยู่จริงๆ..แน่นอนว่าเขาจะไม่เลิกตามตอแยเราอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้ฉันกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของจือเหวิน..เพราะงั้นถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่จริงแต่ฉันก็ต้องทำ..อย่างน้อยๆก็เพื่อความปลอดภัยของจือเหวิน” เย่เชียนพูดแล้วถอนหายใจและพูดต่อ “ชิงเฟิงส่งจดหมายไปหาหวังหว่านยู่ว่าฉันจะไปเยี่ยมเขาในคืนนี้”

ชิงเฟิงตอบแล้วหันหลังกลับเดินออกไปทันที

หลังจากออกจากโรงแรมหวังฉิงเซิงก็ไม่กล้าที่จะลีลาและรีบกลับไปที่คฤหาสน์ของหวังหว่านยู่ทันที “แกหายไปไหนมาทั้งวัน?” หวังหว่านยู่ถามเมื่อเห็นหวังฉิงเซิงกลับมา

“ไซต์ก่อสร้างเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วครับ..เราส่งคนไปข่มขู่ชาวบ้านเหล่านั้นแล้วและตอนนี้พวกตำรวจก็กำลังสืบสวนอยู่แต่ทว่าชาวบ้านต่างก็กลัวและบางส่วนก็เริ่มย้ายออกไปแล้วในวันนี้” หวังฉิงเซิงพูด

เมื่อได้ยินแบบนั้นหวังหว่านยู่ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วพูดว่า “แกทำได้ดีมาก..สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเงินทั้งนั้น..ส่วนพวกตำรวจเราแค่ปล่อยไป..เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพราะพวกนั้นไม่มีหลักฐาน” ฉันไม่มีหลักฐาน”

“ผมรู้ครับว่าต้องทำยังไงไม่ต้องกังวล” หวังฉิงเซิงพูดหลังจากหยุดไปชั่วขณะแล้วพูดต่อ “แต่ผมได้ยินมาว่าเย่เชียนมาที่เมืองซีหนิงแล้ว..เราจะทำยังไงกันดี?”

“มันมาเร็วมาก” หวังหว่านยู่พูด “เรายังไม่ต้องทำอะไรเพราะฉันต้องการดูว่าเย่เชียนนั้นจะเคลื่อนไหวยังไงและมีความสามารถมากแค่ไหน..ฉันจะค่อยๆเล่นกับมันและฆ่ามันอย่างช้าๆ”

“หัวหน้าครับเย่เชียนคนนี้ไม่ใช่ชายหนุ่มธรรมดาๆเพราะงั้นเราควรระวังตัวเอาไว้..การที่เขามายังเมืองซีหนิงแบบนี้เขาจะต้องมาหาคุณอย่างแน่นอน..ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้แม่ม่ายดำจือเหวินก็ถูกพาตัวไปแล้วและเขาก็ไม่รู้เรื่องนี้เพราะงั้นเราควรส่งคนไปบอกเขาหรือเปล่าว่าเธอไม่ได้อยู่กับเรา” หวังฉิงเซิงพูด

“แกต้องการจะทำอะไร..อย่าบอกใครว่าแม่ม่ายดำจือเหวินไม่ได้อยู่กับฉัน!..ถ้าเป็นแบบนั้นเย่เชียนจะเผยธาตุแท้ให้เห็นได้ยังไง?” หวังหว่านยู่ราชาภาคทิศตะวันตกเฉียงเหนือพูดอย่างหยิ่งผยอง “อย่าบอกเขาว่าแม่ม่ายดำจือเหวินไม่ได้อยู่ในกำมือของเรา..ฉันต้องการดูว่าเย่เชียนจะมีความสามารถแค่ไหนและมันจะทำยังไง” หลังจากหยุดไปชั่วขณะหวังหว่านยู่ ก็พูดต่อ “บอกคนของเราให้เตรียมพร้อมเพราะฉันอยากจะดูว่าพวกมันจะมีความสามารถสักแค่ไหนกัน”

มุมปากของหวังฉิงเซิงก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มเพราะทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้และหลังจากตอบตกลงหวังฉิงเซิงก็สั่งให้ลูกน้องเตรียมพร้อม ในเมื่อทั้งสองฝ่ายกำลังจะเผชิญหน้ากันแล้วก็ไม่มีที่ว่างสำหรับการพักผ่อนอีกต่อไปและหวังฉิงเซิงก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว

ไม่นานนักหวังหว่านยู่ก็สั่งให้ลูกน้องจำนวนหนึ่งโหลไปยังที่ตำแหน่งที่พักของหยานซื่อฉุยเพราะในเมืองซีหนิงแห่งนี้ยังมีคนที่กล้าต่อท้าทายเขาอยู่ดังนั้นเขาจึงไม่พอใจโดยธรรมชาติ การที่มีคนมาทำร้ายร่างกายลูกน้องของเขาแบบนี้เป็นการหยามเกียรติตัวเองอย่างมาก อย่างที่ว่ากันว่าเวลาทำร้ายสุนัขเจ้าของของมันก็จะไม่พอใจ ดังนั้นทนไหวไหม หน้าจะยืนบนแผ่นดินนี้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือได้อย่างไรในอนาคต?

รถสี่คันเรียงกันเป็นแถวและบีบเตรตลอดทางก่อนถึงที่พักของหยานซื่อฉุย เมื่อรถมาจอดหน้าที่พักของหยานซื่อฉุยแล้วลูกน้องคนหนึ่งก็เปิดประตูรถให้หวังหว่านยู่เมื่อเขาเดินออกมาจากรถเขากับลูกน้องก็เดินเข้าไป

ไม่นานนักชายหนุ่มที่ดูเหมือนผู้หญิงแต่ไม่ใช่ผู้ชายคนหนึ่งก็เดินมาเปิดประตูและนัยน์ตาเต็มไปด้วยความใจดีแต่แฝงไปด้วยวิญญาณที่ชั่วร้ายอ่อนๆ เธอคือหยานซื่อฉุยศิษย์เอกของตู้ฟู่เหว่ยผู้นำสำนักม่อจื๊อ จากนั้นเธอก็มองไปที่หวังหว่านยู่แล้วพูดว่า “ครั้งที่แล้วที่ฉันสอนบทเรียนให้พวกแกไปยังไม่หลาบจำอีกเหรอ?..ไปให้พ้นอาจารย์ของฉันไม่ชอบให้ใครมารบกวน”

“เธอคือหยานซื่อฉุยอย่างงั้นเหรอ..เธอรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร?” หวังหว่านยู่หวางพูดอย่างภาคภูมิใจ

“รู้สิ..คุณคือหวังหว่านยู่ราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือ..หึ..นักเลงกระจอกๆกล้าเรียกตัวเองว่าราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนืองั้นเหรอ..ช่างน่าตลกจริงๆ” หยานซื่อฉุยพูด

เมื่อได้ยินแบบนั้นคิ้วของหวังหว่านยู่ก็กระตุกสองครั้งและเขาก็พูดอย่างเย้ยหยันว่า “ฉันขอแนะนำให้เธอมอบตัวแม่ม่ายดำจือเหวินมาให้ฉันซะ..ไม่อยากนั้นก็อย่ามาหาว่าฉันหยาบคายเพราะตราบใดที่ฉันแค่เอ่ยปากฉันก็สามารถฆ่าเธอได้ตลอดเวลาเชื่อมั้ย?”

หยานซื่อฉุยก็ยิ้มอย่างดูถูกและพูดว่า “ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้น?..ราชาแห่งตะวันตกเฉียงเหนืองั้นเหรอ..บนภูเขามีทั้งเสือ..จิ้งจอกและลิงเพราะงั้นอย่ามั่นใจเกินตัวไปล่ะ..ฉันจะเตือนคุณนะว่าแม่ม่ายดำจือเหวินเป็นแขกของอาจารย์ของฉัน..เพราะงั้นพวกคุณกลับไปจะดีกว่าไม่อย่างนั้นราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือจะกลายเป็นขี้เถ้าของภาคตะวันตกเฉียงเหนือแทน”

“บัดซบ!..ไอ้ผู้ชายโรคจิตวิปริตรที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงอย่างแกจะอวดดีเกินไปแล้ว” หวังหว่านยู่พูดอย่างโกรธเกรี้ยวเพราะหยานซื่อฉุยหักหน้าเขาอย่างโจ่งแจ้ง หลังจากพูดจบจู่ๆหยานซื่อฉุยก็ตบหน้าหวังหว่านยู่อย่างแรงจนแก้มบวมและเลือดเต็มปาก ซึ่งทุกคนคุณสามารถเห็นถึงได้ความแรงของการตบครั้งนี้อย่างชัดเจน

“แกกล้าตบฉันงั้นเหรอ?” หวังหว่านยู่ตะโกนด้วยความโกรธ ซึ่งราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือผู้ยิ่งใหญ่กลับถูกตบหน้าในอาณาเขตของตัวเองแบบนี้ เมื่อเห็นแบบนั้นชายหนุ่มนับสิบคนก็รุมล้อมหยานซื่อฉุยทันที

หวังหว่านยู่นั้นไม่ใช่คนโง่ดังนั้นคนที่เขาเลือกมาครั้งนี้ล้วนเป็นผู้ที่มีฝีมือและมีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหยานซื่อฉุยที่เป็นศิษย์เอกแห่งสำนักม่อจื๊อแล้วดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะเสียเปรียบอย่างสมบูรณ์แบบ ในตอนนี้หยานซื่อฉุยเตะคนที่อยู่ข้างหน้าเธอจนกระเด็นออกไปทีละคนสองคนและล้มลงกับพื้นทันที

หลังจากนั้นไม่นานหยานซื่อฉุยก็ยังยืนอยู่ตรงจุดนั้นราวกับเทพเจ้าแห่งสงครามที่ไร้ความพ่ายแพ้

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด