ยอดนักรบจอมราชัน 925 หน้ามืด

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 925 หน้ามืด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 925 หน้ามืด

ไม่ใช่ว่าเย่เชียนต้องการพูดคำหยาบแต่นี่คือสิ่งที่เขาพูดในใจเพราะต่อหน้าหูวหนานเจียนเย่เชียนรู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นสุภาพแต่หูวหนานเจียนนั้นคือรองนายกรัฐมนตรีของประเทศจีนและเขาต้องมีความเข้าใจในตัวเองไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ยกหลานสาวให้เย่เชียนใช่มั้ย? ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่จำเป็นต้องเสแสร้งและไม่จำเป็นต้องพูดคำที่ฟังดูสุภาพทางการใดๆ

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเย่เชียนก็เติมชาให้ตัวเองอีกครั้งและจิบแล้วพูดว่า “รองนายกรัฐมนตรีหูวครับคุณเป็นปู่ของเค่อเอ๋อร์ดังนั้นฉันจะเรียกคุณว่าปู่เพราะถึงยังไงเราก็เป็นครอบครัวกัน..ผมคิดว่าคุณปู่โทรมาหาผมในวันนี้เพราะไม่ใช่แค่มาถามเรื่องพวกนี้หรอกใช่มั้ย”

หูวหนานเจียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะฉันจะไม่อ้อมค้อมแล้วมาคุยกันเถอะ..อันที่จริงวันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อคุยกับเอ็งในนามของประเทศและในนามของคนเฒ่าคนแก่..อันที่จริงฉันคิดว่าเอ็งคงรู้ดีว่าประเทศของเราต่อต้านการมีอยู่ขององค์กรใต้ดินมากและนี่คือความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้..พรรคการเมืองและรัฐบาลของเราจะไม่ยอมให้องค์กรและกลุ่มลักษณะนี้มีตัวตนอยู่”

เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “ปู่คงไม่ได้จะจัดการผมใช่มั้ย?”

“ไม่หรอกเอ็งคิดมากเกินไปแล้ว” หูวหนานเจียนพูด “ถ้าฉันจะจัดการเอ็งฉันคงไม่มาคุยกับเอ็งหรอก..อันที่จริงเราทุกคนชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่เอ็งทำในประเทศจีนตลอดหลายปีที่ผ่านมาแต่เราก็ไม่ได้ขัดขวางอะไรเอ็งเลย..แต่ฉันคิดว่าเอ็งควรเข้าใจสักหน่อย อย่างแรกการที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเข้าข้างเอ็งนั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืนเลยดังนั้นเราจึงต้องการพิสูจน์ความจริงและข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเอ็งทำได้ดี..เพราะภายใต้เขตอำนาจของเอ็งองค์กรและกลุ่มต่างๆได้รวมกันและอยู่ในขอบเขต..อัตราการเกิดอาชญากรรมในสถานที่ต่างๆก็ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกันและคนทั่วไปก็สามารถรู้สึกปลอดภัยและมีชีวิตที่มั่นคงมากกว่าเดิม..พูดตามตรงเฮ้งนั้นมีส่วนช่วยอย่างมาก”

เย่เชียนไม่ได้พูดอะไรเพียงดื่มชาอย่างช้าๆเพราะเขารู้ว่าคำพูดของหูวหนานเจียนยังคงเป็นเพียงคำพูดบางส่วนและส่วนต่อไปจะเป็นหัวข้อหลักเท่านั้น

“สำหรับฉันแล้วในนามของรัฐบาลก็ต้องบอกว่าขอบคุณ” หูวหนานเจียนพูด “อย่างไรก็ตามการเอ็งนี่ก็ไม่ธรรมดาเลยนะ..ฉันว่าเอ็งเข้าใจที่ฉันจะสื่อใช่มั้ย?..เอ็งไม่เพียงแต่เป็นทายาทของตระกูลเย่เท่านั้นแต่ยังเป็นหลานของหม่าเต๋อหงอีกด้วย..เรามาสนิทกันให้มากกว่านี้กันเถอะเพราะฉันคิดว่าพวกเขาคงไม่อยากให้เอ็งเดินไปในทางที่ไม่เหมาะสมหรอก”

เย่เชียนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ประเทศต้องการจัดการผมงั้นหรอ..คุณต้องการให้ผมทำอะไรกันแน่..ผมไม่รู้ว่านี่เป็นภัยคุกคามหรือการสนทนาเฉยๆ?”

“แน่นอนว่ามันแค่การพูดคุยกันเท่านั้นและฉันก็ไม่จำเป็นต้องข่มขู่เอ็งเลย” หูวหนานเจียนพูด

“คุณรังเกียจไหมถ้าผมจะสูบบุหรี่” เย่เชียนถาม ถึงแม้ว่าจะเป็นการถามแต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ขอความยินยอมจากหูวหนานเจียนเลย เมื่อเสียงนั้นจบลงเขาก็จุดบุหรี่ในปากของเขาและหลังจากสูบไปไม่กี่ครั้งเย่เชียนก็พูดอย่างช้าๆว่า “ประเทศต้องการอะไรกันแน่..คุณพูดออกมาตรงๆเลยก็ได้”

“ฉันจะพูดตรงๆเลยก็แล้วกัน” หูวหนานเจียนพูดต่อ “ประเทศต้องการให้เอ็งรับใช้ชาติและนี่คือสิ่งที่ฉันกับพวกผู้อาวุโสจะบอก”

“รับใช้ชาติเหรอ?” เย่เชียนยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วยนะผมไม่เข้าใจความหมาย..ผมทำผิดอะไรหรือเปล่า?..อีกอย่างเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของผมก็บริจาคเงินภาษีให้กับประเทศทุกปีและนอกจากนี้ผมก็ช่วยกวาดล้างองค์กรใต้ดินในเมืองเซี่ยงไฮ้และเมืองหนานจิง..นี่ไม่ได้เรียกว่าการรับใช้ชาติหรอกเหรอ?..ผมคิดว่ารองนายกรัฐมนตรีหูวนั้นก็รู้ดี”

เย่เชียนสรรพนามคำเรียกหูวหนานเจียนใหม่อีกครั้งโดยตั้งใจและเห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ได้ยอมรับหูวหนานเจียนสักเท่าไหร่และแน่นอนว่าหูวหนานเจียนจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ติดต่อกับเย่เชียนมาเป็นเวลานานแต่เขาก็สามารถรู้ได้จากหูวเค่อบวกกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างเปิดเผย

“เย่เชียนอย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิดสิ” หูวหนานเจียนพูด

เย่เชียน โบกมือเพื่อหยุดหูวหนานเจียนแล้วพูดต่อ “รองนายกรัฐมนตรีหูวให้ผมบอกคุณตามตรงมั้ยว่าถ้าหากประเทศต้องการกำจัดผมจริงๆผมก็จะหนีออกนอกประเทศแล้วถอนเงินทุนและยุบธุรกิจทั้งหมดของเครือน่านฟ้ากรุ๊ป..โลกนี้มันกว้างใหญ่มากและผมก็คิดว่ามันยังมีที่ว่างสำหรับผมอีกเยอะ”

ยุติกิจการทั้งหมดของเครือน่านฟ้ากรุ๊ป? สิ่งนี้ทำให้หูวหนานเจียนประหลาดใจและถึงแม้ว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปจะไม่ได้อยู่ในประเทศจีนมาเป็นเวลานานแต่อิทธิพลของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็ยิ่งใหญ่และกว้างขวางมาก ซึ่งภาษีที่จ่ายให้กับประเทศทุกปีก็มีจำนวนมากเช่นกันและที่สำคัญกว่านั้นเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็เป็นหนึ่งใน 20 บริษัทชั้นนำของโลก ดังนั้นเมื่อเครือน่านฟ้ากรุ๊ปถอนการลงทุนทั้งหมดออกจากประเทศจีนแล้วผลกระทบต่อบริษัทในเครือจะมีมหาศาลมาก ซึ่งผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดก็คือมันจะขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจีนและนอกจากนี้สำนักงานใหญ่ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยค่อนข้างมากและถ้าหากเทคโนโลยีทั้งหมดเหล่านี้สามารถส่งต่อไปยังประเทศจีนได้ล่ะก็ผลประโยชน์ของประเทศก็จะมากเช่นกัน

หูวหนานเจียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เย่เชียนเอ็งกำลังพูดด้วยความโกรธ..ฉันคิดเสมอเลยว่าเอ็งเป็นเด็กที่สงบนิ่งมากที่รู้ถึงความสำคัญในสิ่งต่างๆแล้วเอ็งเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง..อันที่จริงฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ดูเหมือนว่าประเทศแค่ต้องการให้เอ็งกวาดล้างองค์กรและแก๊งค์ทั้งหมดและเปลี่ยนให้องค์กรเหล่านั้นเป็นบริษัทหรือธุรกิจที่ถูกกฎหมาย..ฉันคิดว่าเอ็งน่าจะเข้าใจว่าฉันหมายถึงอะไร..ฉันหวังว่าเอ็งจะสามารถช่วยประเทศชาติได้ในเวลาที่ประเทศต้องการ”

“ถ้ามันเป็นสิ่งที่ใช้เงินแก้ไขปัญหาได้ก็คงจะไม่มีปัญหาจริงๆ..สำหรับผมแล้วผมมีความสุขดีที่ทำแบบนี้แต่ผมคิดว่าคุณเองก็น่าจะรู้ว่าผมเกลียดคนที่หลอกใช้ผมมากที่สุด..แน่นอนว่าผมเต็มใจที่จะช่วยเหลือประเทศแต่ผมก็ไม่อยากเป็นตัวหมากตัวเบี้ยของนักการเมืองและเป็นเครื่องมือของคนอื่น!” เย่เชียนพูด

“แน่นอนว่าฉันเข้าใจเพราะอันที่จริงแล้วสิ่งที่ผู้อาวุโสหมายถึงก็คือเมื่อประเทศต้องการเอ็งและพรรคพวกของเอ็งอย่างเช่นองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเอ็งก็ต้องช่วยและมันก็ไม่ยากเกินไปใช่มั้ย?..ตามเงื่อนไขแล้วเราจะให้สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องแก่เอ็งตราบใดที่เอ็งไม่ทำผิดพลาดจนให้อภัยไม่ได้” หูวหนานเจียนพูด

“ไม่มีทาง?..รองนายกรัฐมนตรีหูวล้อผมเล่นหรอ..ประเทศของเราเต็มไปด้วยคนที่มีความสามารถแล้วทำไมพวกคุณถึงยังต้องการผมกับพรรคพวกของผมอีก?” เย่เชียนพูด

“อย่าแกล้งทำเป็นว่าฉันไม่รู้เลยว่าพวกเอ็งนั้นเก่งแค่ไหน..องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าของเอ็งมีอิทธิพลมากในทวีปตะวันออกกลางและมีอิทธิพลมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพราะงั้นประเทศจึงต้องการพลังของเอ็ง” หูวหนานเจียนพูด

เย่เชียนไม่ได้พูดต่อแต่รอให้หูวหนานเจียนพูดต่อไป อันที่จริงเขาเข้าใจความหมายในคำพูดของหูวหนานเจียนเป็นอย่างดีและหูวหนานเจียนก็หวังที่พึ่งพาพลังของเย่เชียนในการพัฒนาประเทศ แน่นอนว่าเย่เชียนก็เต็มใจที่จะทำสิ่งนี้แต่สิ่งที่เขาทนไม่ได้คือน้ำเสียงที่เกือบจะคุกคามเขานั่นเอง

หลังจากหยุดไปชั่วขณะหูวหนานเจียนก็พูดต่อ “เอ็งรู้เกี่ยวกับการวิจัยทางพันธุกรรมของประเทศสหรัฐอเมริกาหรือเปล่า?..พวกเขาได้ทำการทดลองเมื่อหลายปีก่อนนั่นคือการใช้การดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการต่อสู้ส่วนบุคคลอย่างรวดเร็วซึ่งสามารถไปถึงระดับเดียวกับนักสู้ตำราจีนโบราณ..หากพวกเขานำเทคโนโลยีเหล่านั้นไปใช้กับกองทัพล่ะก็พลังทางการทหารของพวกเขาจะเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย”

เย่เชียนตกตะลึงอยู่พักหนึ่งและเมื่อนึกถึงสิ่งที่หูวเค่อพูดเกี่ยวกับซือจื้อแล้วทางรัฐบาลจีนก็ส่งซือจื้อไปเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ “คุณอยากให้ผมไปขโมยข้อมูลการวิจัยเหล่านั้นเหรอ?” เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “บอกตามตรงมันค่อนข้างยาก..ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ที่ตั้งของฐานการวิจัยของพวกนั้นเพราะถึงแม้ว่าผมจะรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนแต่ผมก็ไม่สามารถบุกเข้าไปขโมยข้อมูลการวิจัยเหล่านั้นได้หรอก”

“ฉันไม่ได้ขอให้เอ็งไปขโมยมันเพราะอันที่จริงเรามีสายลับทำภารกิจนั้นอยู่แล้ว” หูวหนานเจียนพูด “เอ็งรู้จักหลี่ฉีมั้ย?”

เย่เชียนส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่เลย”

“ดร.หลี่ฉีเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมที่มีชื่อเสียงในประเทศของเราและยังมีตำแหน่งที่สำคัญมากในโลกด้วย..ซึ่งผลการวิจัยของเธออาจทำให้คนทั้งโลกตกตะลึงได้เลย” หูวหนานเจียนพูด “ตลอดหลายปีที่ผ่านมาประเทศสหรัฐอเมริกาเคยพยายามดึงตัวดร.หลี่ฉีไปร่วมการวิจัยแต่ดร.หลี่ฉีก็ปฏิเสธแต่ทว่าพวกอเมริกายังไม่ยอมแพ้..เรากังวลว่าพวกนั้นจะลักพาตัวดร.หลี่ฉีไปเพราะงั้นเราจึงส่งคนไปปกป้องดร.หลี่ฉีและเราก็สูญเสียคนไปมากมาย..ดังนั้นฉันหวังว่า…”

“เดี๋ยวก่อน!” เย่เชียนขัดคำพูดของหูวหนานเจียนด้วยการโบกมือและพูดว่า “อย่าบอกนะว่าคุณต้องการให้ผมไปปกป้องเธอ?..คุณกำลังประเมินผมสูงเกินไป..ผมคิดว่าคนของคุณมีประสบการณ์ในด้านนี้มากกว่าผมและมันก็ดูไม่เหมาะสมสำหรับผมที่จะคอยเป็นบอดี้การ์ดให้ใคร..ผมคิดว่าคุณควรล้มเลิกความคิดนี้ซะ..ไม่ใช่ว่าผมต้องการปฏิเสธหรือหักหน้าคุณแต่ผมเหมาะกับงานนี้จริงๆ”

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด