ยอดนักรบจอมราชัน 927 ยอมรับภารกิจ

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 927 ยอมรับภารกิจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 927 ยอมรับภารกิจ

เมื่อนึกถึงครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นไป๋ฮวยและหวังยู่มาพร้อมกันที่งานศพพ่อของเขาแล้วเย่เชียนก็อดคิดไม่ได้ว่าหวังยู่อาจเป็นคนเดียวที่สามารถเปลี่ยนไป๋ฮวยได้ ในความเป็นจริงไป๋ฮวยนั้นเป็นคนอ่อนไหวง่าย ยิ่งเขาเป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเปลี่ยนเขาง่ายขึ้นเท่านั้นและยากที่จะถอนตัวถ้าหากเขาจมลงไปในสิ่งๆหนึ่ง

“ฉันพูดจริง” หูวหนานเจียนพูด “ถ้าหมาป่าผีไป๋ฮวยสามารถทำงานให้กับประเทศได้ล่ะก็มันจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขาและประเทศชาติ”

เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “ถึงแม้ว่าผมจะรู้วิธีแต่ก็อาจไม่มีประโยชน์อะไรและนอกจากนี้ไป๋ฮวยก็เป็นพี่ชายของผมเพราะงั้นผมไม่สามารถบอกคุณเกี่ยวกับจุดอ่อนของเขาได้..ถ้าคุณอยากจะโน้มน้าวเขาคุณก็ต้องทำเอง..แน่นอนว่าเรื่องนี้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นมีความสามารถและฉลาดมากเพราะงั้นเขาควรจะมีวิธีที่ดีกว่าผมใช่ไหม?”

หูวหนานเจียนหยุดไปครู่หนึ่งแล้วยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และไม่ถามคำถามใดๆ เพิ่มเติม “ก็ได้ฉันยอมรับในเงื่อนไขนี้ตราบใดที่ฉันไม่ตายเงื่อนไขเหล่านี้จะเป็นไปตามที่เอ็งขอ..ทางรัฐบาลจะไม่แตะต้องคนรอบตัวและพรรคพวกของเอ็ง” หูวหนานเจียนพูด “แล้วเงื่อนไขที่สองล่ะ?”

“เนื่องจากผมต้องเป็นบอดี้การ์ดเพราะงั้นผมต้องฆ่าคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว..เพราะงั้นผมต้องการไฟเขียวและการอนุญาตจากรัฐบาลในการฆ่าคน” เย่เชียนพูด

“ไฟเขียวอนุญาตการฆ่าคน?” หูวหนานเจียนตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วพูด

“แน่นอนเพราะถ้าปราศจากสิ่งนี้ผมจะรับประกันความปลอดภัยของตัวเองและเป้าหมายในการคุ้มกันได้ยังไง?” เย่เชียนพูด “ดังนั้นผมจึงต้องการไฟเขียวในการอนุญาตการฆ่าและมีสิทธิ์ที่จะฆ่าในกรณีนี้ผมคิดว่าสมควร..คุณเองก็น่าจะชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ใช่ไหมเพราะนี่เหมือนดาบของท่านเปาบุ้นจิ้น..ถ้าหากไม่มีดาบล่ะก็ท่านเปาจะจะมีอำนาจและทำทุกอย่างตามกฎหมายได้อย่างงั้นเหรอ?”

“นั่นไม่ใช่ปัญหา..เดี๋ยวฉันจัดการให้” หูวหนานเจียนพูด “ในระหว่างภารกิจใครก็ตามที่ขัดขวางภารกิจของเอ็งหรือคุกคามเอ็งล่ะก็เอ็งสามารถจัดการได้เลยและเอ็งก็ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น..แต่อย่าฆ่าผู้บริสุทธิ์เด็ดขาด”

“คุณคิดว่าผมเป็นพวกฆาตกรโรคจิตอย่างงั้นหรอ?” เย่เชียนกลอกตาไปมาอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดต่อ “ใครจะไปฆ่าคนโดยไม่มีเหตุผลกันและถึงแม้ว่าผมจะไม่กลัวการแก้แค้นก็เถอะแต่ผมกลัวครอบครัวและคนรอบตัวของผมต้องเดือดร้อนในอนาคต” ประโยคนี้คือสิ่งที่หยางเทียนเคยพูดกับแม่ม่ายดำจือเหวินในอดีตและเย่เชียนก็รู้สึกว่ามันเป็นความจริงเพราะเมื่อคนเรามีอายุถึงช่วงหนึ่งก็จะไม่สนุกกับการฆ่าฟันอีกต่อไปแล้ว แน่นอนว่าตอนที่เรายังหนุ่มยังแน่นเราอาจฆ่าคนเพียงเพื่อระบายความโกรธและสนุกไปกับมันแต่เมื่ออายุมากขึ้นสิ่งที่คุณต้องการบรรลุคือสภาวะของความมั่นคงนั่นเอง

หูวหนานเจียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดของเอ็งเพราะงั้นเรามาคุยรายละเอียดกันเถอะ..ฉันจะได้เตรียมการให้เอ็งทันที”

เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า “คุณไม่กลัวอะไรผิดพลาดเลยเหรอ..ถ้าผมตายในการต่อสู้กับไป๋ฮวยล่ะ? ..คุณจะสูญเสียมากกว่าที่คุณได้รับอีกนะ”

“ฉันเชื่อในตัวของเอ็ง” หูวหนานเจียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอ็งเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเอ็งกับไป๋ฮวยมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกัน? ..ฉันเชื่อว่าเขาไม่ฆ่าเอ็งหรอกเพราะงั้นฉันจึงไม่กังวลเรื่องนั้น”

เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “นี่คุณยังไม่รู้อะไร..ถ้าผมประมาทแม้แต่นิดเดียวล่ะก็เขาจะฆ่าผมโดยไม่ลังเลเลย..สิ่งที่เขาต้องการคือความยุติธรรมในการดวลที่ยุติธรรมที่สุดและไม่ว่าใครจะแพ้หรือใครจะชนะมันก็จะเป็นการต่อสู้ที่สมศักดิ์ศรี..ถ้าเขาเห็นว่าผมดูถูกเขาหรือไม่เต็มใจที่จะต่อสู้ล่ะก็เขาจะฆ่าผมอย่างแน่นอนโดยไม่ลังเล” เย่เชียนรู้ดีว่าการที่ไป๋ฮวยไม่เคยมาคุกคามเขานั้นจุดประสงค์ก็คือการปล่อยให้เย่เชียนแข็งแกร่งแล้วให้เย่เชียนเป็นคนปลิดชีพเขานั่นเอง แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าไป๋ฮวยจะออมแรงหรืออ่อนข้อให้กับเย่เชียนในระหว่างการแข่งขันเพราะเขาต้องการคำอธิบายสำหรับอดีตที่อยู่ในใจ

หูวหนานเจียนพูดตกตะลึงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็เคยบอกเขาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเย่เชียนและไป๋ฮวย ซึ่งเขายังคงเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองอยู่บ้างและถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้าใจมากนักแต่เขาก็รู้ดีว่าพี่น้องร่วมตายที่ตายแทนกันได้นั้นแน่นแฟ้นกันมากแค่ไหน

หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับภารกิจดังกล่าวแล้วหูวหนานเจียนก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรและเย่เชียนก็เช่นกัน ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้ดูค่อนข้างตึงเครียดแต่ก็ยังไม่ชัดเจนมากนัก ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเกินไปส่วนเหล่านินจาของประเทศญี่ปุ่นที่โจมตีสำนักหยุนหยานเหมินก็ไม่รู้เลยว่าไปกบดานอยู่ที่ไหนในตอนนี้ ด้วยเหตุนี้เย่เชียนจึงไม่สามารถทำอะไรได้ในขณะนี้และที่นี่ก็คือเมืองหลวงปักกิ่งไม่ใช่เมืองเซี่ยงไฮ้ไม่เช่นนั้นเย่เชียนก็สามารถใช้พลังของเขาค้นหาทั่วเมืองได้ภายในเวลาไม่นาน แต่สำหรับเมืองปักกิ่งแล้วมีเพียงหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเท่านั้นที่ทำได้

หูวหนานเจียนกับเย่เชียนก็คุยกันจนถึงช่วงเย็นก่อนที่พวกเขาจะแยกกันกลับ เดิมทีหูวหนานเจียนต้องการทานมื้อเย็นกับเย่เชียนแต่เย่เชียนปฏิเสธและไม่ใช่ว่าเย่เชียนต้องการหักหน้าแต่อย่างใดแต่เย่เชียนต้องการรีบไปหาหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเพื่อถามเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวม คราวนี้เย่เชียนรู้สึกว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้มุ่งเป้าไปที่โลกศิลปะการต่อสู้จีนโบราณในจีนเท่านั้นแต่ยังเป็นการแก้แค้นส่วนตัวด้วย ดังนั้นเย่เชียนต้องรู้ที่ซ่อนแหล่งกบดานของนินจาเหล่านั้นและถ้าหากหาไม่เจอมันก็เหมือนดาบที่ซ่อนอยู่ในความมืดและอาจสร้างปัญหาให้กับตัวเองได้ตลอดเวลา

เมื่อพวกเขามาถึงบ้านของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วหลี่เหว่ยและเฟิงหลานก็ออกไปเพื่อตรวจสอบแหล่งกบดานของนินจาที่โจมตีสำหนักหยุนหยานเหมิน ซึ่งมีนินจามากกว่า 200 คนในการโจมตีสำนักหยุนหยานเหมินครั้งนี้และถึงแม้ว่าซงเจิ้งหยวนจะวางยาพิษในอาหารจนทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเหล่าสาวกและลูกศิษย์สำนักหยุนหยานเหมินลดลงแต่ก็ทำให้นินจาเหล่านั้นลำบากอยู่พอสมควร ถึงแม้ว่าเมืองปักกิ่งจะกว้างใหญ่แต่ก็ไม่ยากที่จะหาคนจำนวนมากเช่นนี้

เมื่อเย่เชียนมาถึงบ้านของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเห็นได้ชัดว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของหวงฟู่ชิงเตี๋ยน ซึ่งเย่เชียนเดาว่าเขาต้องแก้ไขความคับข้องใจกับฮัวหยาซินแล้วอย่างแน่นอนและเย่เชียนก็ยินดีกับพวกเขาทั้งสอง ความคับข้องใจหลายปีที่ผ่านมามันถึงเวลาแล้วที่จะต้องปล่อยวาง อันที่จริงแล้วถ้าทั้งสองเข้าใจกันก็คงไม่เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นแต่ทว่าในตอนนี้พวกเขาก็สามารถเข้าใจกันได้แล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก เมื่อพูดถึงเรื่องนั้นก็ต้องขอบคุณนินจาญี่ปุ่นเหล่านั้นเพราะถ้าเรื่องนั้นไม่เกิดขึ้นกับสำนักหยุนหยานเหมินล่ะก็ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนกับฮัวหยาซินจะได้ปรับความเข้าใจกันเมื่อไหร่

หยานตงนั้นเขาชอบฮัวหยาซินจริงๆ แต่ในใจของเขานั้นความทะเยอทะยานและเจตจำนงนั้นสำคัญกว่าความรักเสมอ สำหรับหน้าที่การงานความรับผิดชอบและความมุ่งมั่นแล้วเขาไม่ลังเลที่จะละทิ้งความรักไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขานั้นไม่สนใจในความรักแต่พูดได้อย่างเดียวว่าทุกคนมีจุดยืนเป็นของตัวเองซึ่งสำคัญและแตกต่างกันออกไป

หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพาเย่เชียนไปนั่งในห้องนั่งเล่นและพูดว่า “ฉันได้ติดต่อสาวกฝ่ายธรรมะของสำนักม่อจื๊อแล้วและพวกเขารู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อรู้ว่าลูกหลานของตระกูลม่อยังมีชีวิตอยู่และเต็มใจที่จะฟื้นอำนาจการปกครองของสำนักม่อจื๊ออย่างที่ควรจะเป็น”

เย่เชียนก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เยี่ยมมาก..ถ้าเราได้รับความช่วยเหลือจากสาวกม่อจื๊อล่ะก็ผมเชื่อว่าสิ่งต่างๆ จะราบรื่นขึ้นมาก”

“ส่วนคนที่ติดต่อไม่ได้นั้นก็มีแค่ไม่กี่คนเพราะงั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “แต่คนอื่นๆ จะลองติดต่อพวกเขาดูในภายหลัง..ตราบใดที่เราพบที่อยู่ของพวกสาวกฝ่ายอธรรมล่ะก็เดี๋ยวพวกเขาจะจัดการเอง..บอกตามตรงว่าฉันเองก็ยังชื่นชมตู้ฟู่เหว่ยอยู่ไม่น้อยเพราะความขัดแย้งทางแพ่งที่เกิดขึ้นในสำนักไม่สามารถบอกได้ว่าใครถูกหรือใครผิด..มันเป็นแค่ความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันในบางเรื่องเท่านั้นแต่ประเด็นหลักถ้าไม่จำเป็นฉันก็ไม่อยากขัดแย้งกับพวกสาวกฝ่ายอธรรมเลย..ยังไงซะพวกเขาก็เป็นเหมือนพี่น้องของฉัน”

เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ผมไม่รู้จริงๆ ว่าจะใช้คำไหนอธิบายดี..ม่อหลงน่ะเป็นผู้สืบทอดของสำนักม่อจื๊อเพราะงั้นไม่ว่าใครจะถูกหรือผิดแต่ความจริงก็คือครอบครัวของม่อหลงเสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งนั้นและไม่ว่าตู้ฟู่เหว่ยจะเป็นคนแบบไหนแต่เขาก็คือกบฏและเขาต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาทำเอาไว้ตั้งแต่แรก..เราต้องให้ความยุติธรรมกับม่อหลง..บางครั้งบางสิ่งบางอย่างไม่สามารถกำหนดด้วยคนๆ เดียวและทุกคนก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำ..ในบรรดาพี่น้องของผมเองผมก็ไม่ต้องการให้คนใดคนหนึ่งถูกคุกคามเพราะงั้นผมจึงต้องช่วยพวกเขา”

เย่เชียนเป็นคนแบบนี้เพราะเขามักจะนึกถึงคนรอบตัวก่อนตัวเองเสมอ ทุกคนล้วนมีหลักการที่แตกต่างกันออกไปจากหลายๆ มุมมากมาย แต่ในมุมมองของเย่เชียนแล้วพี่น้องนั้นสำคัญที่สุดและเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้พี่น้อวของเขาต้องทนทุกข์ทรมานได้

หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถอนหายใจเล็กน้อยเพราะอันที่จริงเขารู้ว่าไม่ว่าเขาจะคิดอะไรอยู่ในใจและไม่ว่าเขาจะรู้จักตู้ฟู่เหว่ยดีแค่ไหนแต่ทว่าตั้งแต่วันที่เขาพบตัวตนของม่อหลงแล้วเขาก็รู้ดีว่าการต่อสู้ระหว่างสาวกฝ่ายอธรรมและสาวกฝ่ายธรรมะจะต้องเกิดขึ้นในสักวันหนึ่ง

หลังจากหยุดไปชั่วขณะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พูดต่อ “ฉันได้ติดต่อสาวกฝ่ายธรรมะในประเทศญี่ปุ่นแล้วและพวกเขาจะไปช่วยม่อหลงในการตรวจสอบเรื่องนี้เพราะงั้นเอ็งสามารถวางใจได้..ถ้ามีพวกเขาม่อหลงจะไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน..ด้วยเหตุนี้เอ็งควรจะตั้งใจพัฒนาการฝึกฝนของเอ็งภายในหนึ่งเดือนที่เหลือนี้เพราะฉันไม่อยากเห็นเอ็งตายในการดวลกับไป๋ฮวย”

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด