ยอดนักรบจอมราชัน 933 เป้าหมายใหม่
ตอนที่ 933 เป้าหมายใหม่
เย่เชียนไม่ได้พูดและทัศนคติของเขาก็เฉยเมยมากเนื่องจากเขาได้ตัดสินใจที่จะมอบซงเจิ้งหยวนให้กับฮัวหยาซินแล้ว ดังนั้นสำหรับวิธีจัดการก็เป็นเรื่องของฮัวหยาซินในการตัดสินใจ ด้วยเหตุนี้เย่เชียนจะไม่ถามอะไรใดๆและเมื่อเห็นเย่เชียนเดินเข้ามาหลี่เหว่ยกับเฟิงหลานก็ทักทายเขาอย่างรวดเร็ว “บอสไม่เป็นไรใช่มั้ย?” หลี่เหว่ยถามด้วยความเป็นห่วงและเฟิงหลานก็มองอย่างเป็นห่วงเช่นกัน
เย่เชียนก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรแค่แผลมันอักเสบนิดหน่อยเดี๋ยวได้พักก็หายไม่ต้องห่วง..แต่โชคดีเพราะถ้ามันลึกไปอีกนิดเดียวมันจะไปโดนเส้นประสาทที่แขน”
หลี่เหว่ยกับเฟิงหลานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและหลี่เหว่ยก็หันไปมองซงเจิ้งหยวนอย่างดุเดือด “ถึงแม้ว่าบอสจะไม่ทำอะไรแกแต่ฉันก็คงจะปล่อยแกไปไม่ได้หรอก..โชคดีที่แขนของบอสไม่เป็นอะไรไม่งั้นแกได้ตายแน่..ฉันไม่สนใจหรอกว่าสำนักหยุนหยานเหมินจะทำอะไรเพราะถ้าบอสต้องเสียแขนไปแกต้องชดใช้ด้วยชีวิตเท่านั้น”
“หลี่เหว่ย..บอสว่ายังไงก็ว่าตามนั้น!” เฟิงหลานพูด
“นั่นเป็นเพราะบอสเห็นแก่พี่สะใภ้เพราะงั้นมันคือหน้าที่ของพวกเราที่ต้องแก้แค้นให้บอส” หลี่เหว่ยพูด “ถึงมันจะเป็นการส่วนตัวไปหน่อยก็เถอะแต่มันทำร้ายบอส..ยิ่งไปกว่านั้นมันสมรู้ร่วมคิดกับพวกนินจาญี่ปุ่นซึ่งเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้..ฉันไม่สนว่าคนอื่นจะคิดยังไงแต่มันต้องตายเท่านั้น!”
“หลี่เหว่ยตั้งแต่ฉันตกลงมอบซงเจิ้งหยวนให้กับอาจารย์ฮัวแล้วเพราะงั้นมันก็เป็นหน้าที่ของสำนักหยุนหยานเหมินที่จะตัดสินใจ..อย่าพูดอะไรมากไปกว่านี้เลย” เย่เชียนพูด “หลี่เหว่ยจำเอาไว้นะไม่ว่าอาจารย์ฮัวจะจัดการกับเขายังไงนายก็อย่าสร้างปัญหาเลย..ถึงอาจารย์ฮัวจะปล่อยซงเจิ้งหยวนไปนายก็ห้ามทำอะไรรู้มั้ย?”
หลี่เหว่ยทำหน้ามุ่ยและหยุดพูดแต่ดวงตาของเขาก็จับจ้องไปที่ซงเจิ้งหยวนและต็มไปด้วยเจตนาฆ่า แต่ตอนนี้เย่เชียนได้พูดแล้วดังนั้นถึงแม้ว่าหลี่เหว่ยจะไม่เต็มใจเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“เค่อเอ๋อร์พูดถูกแล้ว..ห้ามไว้ชีวิตซงเจิ้งหยวนเด็ดขาดเพราะถึงแม้ว่าเธอจะปล่อยมันไปแต่กฎหมายระดับชาติก็ไม่สามารถปล่อยมันไปได้อยู่ดี” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
“ท่านอาจารย์อย่าฆ่าผม..ผมผิดไปแล้วและผมจะไม่ทำอีกแล้ว” ซงเจิ้งหยวนพูด “ผมถูกหลอกใช้..พวกนินจาญี่ปุ่นมันหลอกใช้ผม..ผมเองก็ไม่อยากทำแบบนี้เหมือนกัน..อาจารย์ไว้ชีวิตผมเถอะ”
อันที่จริงฮัวหยาซินนั้นได้ตัดสินใจในใจแล้วและไม่ว่าเธอจะรักลูกศิษย์คนนี้มากแค่ไหนและถึงแม้ว่าเธอจะถือว่าเขาเป็นเหมือนลูกชายของเธอเองก็ตามแต่เธอก็ไม่สามารถไว้ชีวิตซงเจิ้งหยวนได้ เขาเป็นคนทำให้ลูกศิษย์ทั้งหมดของสำนักหยุนหยานเหมินเสียชีวิตเพราะฉะนั้นเธอจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร? เธอหาข้ออ้างให้ตัวเองเพื่อปล่อยซงเจิ้งหยวนไปไม่ได้จริงๆ ในยุคสมัยแรกๆของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้นรัฐบาลกลางและสมาชิกระดับสูงของโลกศิลปะการต่อสู้จีนโบราณเหล่านี้ก็ได้ตกลงกันว่าตราบใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประเทศและไม่กระทบประเทศชาติล่ะก็ทางรัฐบาลจะปล่อยให้พวกเขาจัดการสิ่งต่างๆเอง อย่างไรก็ตามครั้งนี้ซงเจิ้งหยวนได้สมรู้ร่วมคิดกับประเทศญี่ปุ่นเพื่อสร้างปัญหาระดับชาติเช่นนี้ดังนั้นกฎหมายระดับชาติก็จะไม่ปล่อยซงเจิ้งหยวนไปอยู่ดี
เมื่อมองไปที่ซงเจิ้งหยวนแล้วฮัวหยาซินก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆและพูดว่า “เจิ้งหยวนไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากปล่อยแกไปแต่ฉันไม่สามารถปล่อยแกไปได้..ไม่งั้นฉันในฐานะเจ้าสำนักจะมีหน้าไปพบบรรพบุรุษของสำนักหยุนหยานเหมินได้ยังไง?..นั่นจะยุติธรรมกับพี่น้องที่ตายไปยังไง?”
“ไม่อาจารย์..อย่าฆ่าผม..ผมจะไม่ทำอีกแล้ว..คราวนี้ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย” ซงเจิ้งหยวนคร่ำครวญและใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกอย่างน่าสมเพช
“หึ!” ฮัวหยาซินถอนหายใจเบาๆแล้วหันไปมองหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วเดินเข้าไปในบ้าน ความหมายชัดเจนอยู่แล้วคือการมอบซงเจิ้งหยวนให้กับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเพราะซงเจิ้งหยวนคือเด็กที่เธอโตมากับการเลี้ยงดูของเธอดังนั้นเธอจึงไม่สามารถทำใจยอมรับได้
“พามันออกไปซะ!” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนออกคำสั่งและคนของหน่วยมังกรซ่อนเล็บก็จับตัวหวงฟู่ชิงเตี๋ยนออกไป จากนั้นก็หันไปมองฮัวหยาซินที่ดูเศร้าโศกและเขาก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เค่อเอ๋อร์เข้าไปข้างในและดูแลอาจารย์ของคุณสิ!” เย่เชียนเหลือบมองหูวเค่อแล้วพูด จากนั้นหูวเค่อก็เดินตามฮัวหยาซินไป
“เย่เชียนออกไปคุยกันหน่อย” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดแล้วหันหลังเดินไปที่ห้องถัดไป เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็ยักไหล่แล้วเดินตามไปส่วนหลี่เหว่ยกับเฟิงหลานก็ไปเช่นกัน
หลังจากนั่งลงที่โซฟาแล้วหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็เหลือบมองไปที่แขนของเย่เชียนและพูดว่า “แขนของเอ็งเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“มาเถอะ..เข้าเรื่องสักที” เย่เชียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูด บางครั้งเขาก็ไม่ชอบวิธีที่คนเฒ่าคนแก่เหล่านี้พูดตามมารยาทจริงๆ
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ส่ายหัวอย่างหดหู่ใจแล้วพูดว่า “เอ็งจะทำยังไงต่อ?”
“ผมจะกลับบ้านก่อนและไปที่ญี่ปุ่นทันทีที่แขนของผมดีขึ้น” เย่เชียนพูด “ถึงแม้ว่าชิงเฟิงจะไม่เป็นอะไรแต่พี่น้องของผมหลายคนเสียชีวิตที่ญี่ปุ่นจากเหตุการณ์ครั้งล่าสุดเพราะงั้นผมต้องแก้แค้นให้พวกเขา”
“แล้วเอ็งจะทำยังไง?..ฆ่าพวกมันให้หมดงั้นเหรอ?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “เอ็งก็น่าจะรู้ว่านี่ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดเพราะถ้าเอ็งทำแบบนั้นมันจะก่อให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ในญี่ปุ่นและรัฐบาลญี่ปุ่นจะไม่มีวันปล่อยผ่านอย่างแน่นอนและทั้งโลกก็อาจจะต้องการตัวของเอ็งในตอนนั้นและสุดท้ายเอ็งจะไม่มีที่ยืนจริงๆ..ครั้งก่อนเป็นเพราะประเทศญี่ปุ่นไม่รู้ว่าเอ็งอยู่เบื้องหลังแต่คราวนี้แหละ สถานการณ์ทั้งหมดจะอันตรายมาก..ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ก็ต่างไปจากคราวที่แล้วและไม่มีการเตรียมการใดๆเลยแต่พวกนั้นเตรียมการกันมาอย่างดี”
“แน่นอนผมรู้เรื่องนี้ดีแต่เลือดต้องชำระด้วยเลือดเพราะงั้นผมไม่สนหรอกว่าพวกเขาจะเตรียมการมามากแค่ไหน..ถึงยังไงผมก็จะล้างแค้นให้ได้!” เย่เชียนพูด “แต่ดูเหมือนปู่จะมีความคิดดีๆใช่มั้ย?”
“คราวที่แล้วเอ็งสร้างปัญหาในประเทศญี่ปุ่นในช่วงการเลือกตั้งพรรครัฐบาลเพราะเหตุนั้นกำหนดการเลือกตั้งจึงต้องเลื่อนออกไปและล่าสุดประเทศญี่ปุ่นก็ได้เริ่มการเลือกตั้งใหม่แล้ว..แต่ความแตกต่างคือองค์กรต่างๆได้รวมกันสนับสนุนให้คนๆเดียวขึ้นครองตำแหน่ง..เขาคือนาโอกิอิชิอิ..ซึ่งคู่แข่งเพียงคนเดียวของเขาคือฮาเซงาวะเซตะผู้สมัครชิงตำแหน่ง..หากเขาชนะการเลือกตั้งล่ะก็ประเทศญี่ปุ่นจะกลายเป็นพันธมิตรของจีน..ดังนั้นฉันหวังว่าเอ็งจะสามารถเริ่มจากจุดนี้ได้..เอ็งจะต้องไม่ทำอะไรผลีผลามเพราะความเกลียดชังส่วนตัวเด็ดขาด”
“บัดซบจริงๆ..สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เราควรพิจารณาเพราะเราเป็นองค์กรทหารรับจ้าง..สิ่งที่เราต้องทำก็คือตาต่อตาฟันต่อฟันและชำระล้างด้วยเลือดของอีกฝ่ายเท่านั้น” หลี่เหว่ยพูดอย่างเสียงดัง
เย่เชียนขมวดคิ้วแน่นแล้วพูดว่า “ผมรู้ว่าปู่หมายถึงอะไรแต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลย..ผมจะเปลี่ยนผลการเลือกตั้งของญี่ปุ่นด้วยพลังและวิธีของผมเอง..แต่เนื่องจากองค์กรใหญ่ๆล้วนสนับสนุนว่านาโอกิอิชิอิแบบนั้นก็เท่ากับเรากำลังช่วยฮาเซงาวะเซตะทางอ้อมใช่มั้ย?”
“นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังจะบอก..แต่เอ็งต้องรู้ว่าแก๊งยักษ์ใหญ่อย่างแก๊งยามากุจิ..แก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าล้วนเป็นองค์กรใต้ดินที่มีสายในกรมตำรวจทั่วญี่ปุ่น..พวกมันมีเครือข่ายขนาดใหญ่มากทั้งจำนวนคนและอาวุธเพราะงั้นถ้าเอ็งอยากจัดการกับพวกมันก็ยากลำบากเอาการอยู่..แบบนั้นมันจะต้องมีการสังหารหมู่ใช่มั้ยล่ะ..ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสำนักนินจาอิงะและตระกูลนินจาฟูมะกับองค์กรชาโด้ซากุระอยู่อีก..พลังอำนาจของพวกมันใหญ่โตมากแล้วเอ็งจะจัดการยังไง..ด้วยเหตุนี้เอ็งจึงจำเป็นต้องใช้อำนาจและอิทธิพลของฮาเซงาวะเซตะ..เนื่องจากเขากล้าลงสมัครเลือกตั้งเขาจะต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว..ทำไมเขาถึงกล้าต่อสู้กับนาโอกิอิชิอิผู้ได้รับการสนับสนุนจากหลายองค์กรแบบนั้นเพราะงั้นอิทธิพลและความสามารถของเขาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
“ผมรู้ว่าปู่หมายถึงอะไร..ปู่ต้องการให้ผมติดต่อฮาเซงาวะเซตะและชี้แจงสิ่งต่างๆจากนั้นก็ใช้พลังของเขาใช่มั้ย?” เย่เชียนพูด “ผมจะพิจารณาเรื่องนี้แต่มีเงื่อนไขเดียวที่ผมต้องทำและนั่นคือสมาคมมังกรดำต้องถูกทำลาย!”
“นั่นก็แล้วแต่เอ็ง” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “พวกเราสำนักความมั่นคงแห่งชาติไม่มีใครสามารถออกมาข้างหน้าได้โดยตรงและอาจไม่สามารถช่วยเอ็งได้เลย..แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็แจ้งสาวกฝ่ายธรรมะของสำนักม่อจื๊อทั่วทั้งญี่ปุ่นเอาไว้แล้วและพวกเขาจะคอยช่วยเอ็ง..ฉันขอถามเอ็งเลยก็แล้วกันว่าเอ็งต้องการให้ฉันช่วยอะไรบ้าง..ถ้าฉันพอทำได้ฉันก็จะทำ”
“ผมต้องการให้ปู่ก่อกองไฟกองใหญ่” เย่เชียนพูด “ผมต้องการให้คนทั้งโลกให้ความสนใจกับการเลือกตั้งครั้งนี้ของประเทศญี่ปุ่นว่านาโอกิอิชิอิไม่ใช่ผู้นำที่สง่าผ่าเผยแต่เป็นคนชาตินิยมที่คอยขับไล่คนจีน..ผมต้องการที่จะขยายเรื่องเพิ่มขึ้นอีกเพราะไม่เพียงแค่คนจีนเท่านั้นที่โดนขับไล่แต่ยังรวมไปถึงชาวต่างชาติทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเพราะผมต้องการให้ชาวญี่ปุ่นกับชาวต่างชาติขัดแย้งกัน..ผมคิดว่าปู่น่าจะเข้าใจสิ่งที่ผมพูดใช่มั้ย?
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ส่ายหัวเบาๆแล้วพูดว่า “บางครั้งฉันก็แอบคิดว่าการที่เอ็งไม่ได้มีอำนาจในรัฐบาลนั้นเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย..เพราะวิธีการของเอ็งนั้นน่ากลัวกว่านักการเมืองหลายๆคนซะอีก” แน่นอนว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเข้าใจสิ่งที่เย่เชียนพูดและความหมายคือการสร้างแรงกดดันจากความคิดเห็นของประชาชนในระดับสากลและโจมตีนาโอกิอิชิอิ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศสหรัฐอเมริกาผู้สนับสนุนประเทศญี่ปุ่นมาโดยตลอด หากมีข้อขัดแย้งระหว่างประเทศล่ะก็โอกาสที่นาโอกิอิชิอิจะชนะการเลือกตั้งนั้นน้อยมาก
“ผมสู้คนเฒ่าคนแก่อย่างพวกปู่ไม่ได้หรอกเพราะท้ายที่สุดแล้วเบื้องบนก็ใช้ผมเป็นมือปืนอยู่ดี..คราวนี้ก็เหมือนกันผมละอายใจกับตัวเองจริงๆ” เย่เชียนพูด
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “เอ็งก็พูดเกินไป..ความสัมพันธ์ของเราคืออะไร?..สิ่งที่เอ็งกำลังพูดมานั้นทำร้ายจิตใจของฉันจริงๆ..ถามจริงๆนะเอ็งต้องการมีส่วนร่วมในการเมืองหรือเปล่า..ถ้าอยากเดี๋ยวฉันจะช่วยคุยกับเบื้องบนให้เอง?”
.
Comments