ยอดนักรบจอมราชัน 941 พูดคุยแบบจริงจัง (4)

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 941 พูดคุยแบบจริงจัง (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 941 พูดคุยแบบจริงจัง (4)

ในมุมมองเย่เจิ้งเซียงนั้นผู้นำตระกูลเย่นั้นโดดเด่นและเป็นเกียรติสูงสุดแต่ในมุมมองของเย่เชียนแล้วมันไม่ใช่เพราะนี่คือการมองโลกที่ต่างไปจากเดิม เช่น คนธรรมดาอาจจะรู้สึกว่าตราบใดที่ยังกินอิ่มอยู่ก็มีความสุขมากแล้วแต่สำหรับคนมีอำนาจบางคนจะไม่พอใจกับสิ่งเหล่านั้นเพียงเท่านี้และต้องไปให้ไกลกว่าเดิม เพราะวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาพึงจะพอใจกับชีวิตได้ที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เจิ้งเซียงแล้วเย่เชียนก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “บางทีลุงเจิ้งเซียงอาจคิดว่าสิ่งที่ผมพูดมานั้นเป็นการโกหกแต่ความจริงก็คือผมไม่ต้องการทำลายตระกูลและครอบครัวของผมเพราะการต่อสู้ภายในและการแย่งชิงกันเอง..ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าผมจะเป็นผู้นำตระกูลก็ตามแต่ผมก็ไม่มีเวลาดูแลสิ่งต่างๆหรอก..ผมยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำเพราะงั้นการเป็นผู้นำตระกูลนั้นจึงไม่เหมาะกับผม..ผมคิดว่าลุงเจิ้งเซียงเองก็น่าจะตรวจสอบประวัติของผมแล้วใช่มั้ย?”

เย่เจิ้งเซียงก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่!..ฉันตรวจสอบประวัติของเอ็งแล้ว..ฉันยอมรับเลยว่าเอ็งเก่งและมีความสามารถมากกว่าใครๆในตระกูลเย่..เอ็งเติบโตมาโดยไม่มีการสนับสนุนใดๆเลย..นั่นทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก..พลังขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าในโลกนั้นน่าทึ่งมากในตอนนี้..เมื่อเทียบกับองค์กรทหารรับจ้างของเอ็งแล้วตระกูลเย่ของเราด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด..โดยเฉพาะอิทธิพลระหว่างประเทศนั้นน้อยกว่าองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าของเอ็งมาก”

“แน่นอนว่าถ้าเป็นในประเทศจีนแล้วองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าอาจไม่สามารถเทียบกับตระกูลเย่ได้แต่ในระดับโลกและระหว่างประเทศแล้วตระกูลเย่นั้นเทียบกับเขี้ยวหมาป่าไม่ได้เลย” เย่เชียนพูด “ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่มีเวลามาดูแลจัดการในตำแหน่งผู้นำตระกูลหรอก..แค่นี้ผมก็ยุ่งมากพอแล้วผมไม่อยากสร้างปัญหาและภาระให้ตัวเองเพิ่มอีก..ผมหวังแค่ว่าลุงเจิ้งเซียงจะไม่มองผมในมุมมองแบบนั้นอีก..แล้วก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะถ้าลุงเจิ้งเซียงต้องการมอบตำแหน่งตระกูลเย่ให้หานรุ่ยหรือหานห่าวล่ะก็ผมจะคอยสนับสนุนอย่างแน่นอน..แต่มีอีกเรื่องหนึ่งคือผมเพิ่งจะบอกคุณปู่ว่าผมไม่อยากให้ตระกูลของเราแยกแยะระหว่างตระกูลหลักและตระกูลรองอีกและอยากให้ความเท่าเทียมกับสมาชิกทุกคนในตระกูล..เพราะวิธีนี้จะทำให้ตระกูลเย่สามารถพัฒนาได้อย่างแท้จริง”

“แล้วคุณปู่ต้องการมอบหน่วยต้วนห่าวให้เอ็งคอยดูแลจัดการหรือเปล่า?” เย่เจิ้งเซียงพูด

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นเย่เจิ้งเซียงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “อันที่จริงฉันรู้อยู่แล้วว่าเจิ้งหรานได้ก่อตั้งกองกำลังดังกล่าวเอาไว้ในตระกูลของเราและหลังจากที่พ่อของเอ็งตายไปคุณปู่ก็เข้ามาดูแลจัดการหน่วยลับนี้และเขาก็ไม่เคยคิดที่จะมอบมันให้กับฉันเลย..ฉันจึงไม่เคยถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“ใช่!..แต่ผมปฏิเสธ” เย่เชียนพูด “ถึงแม้ว่าพลังนี้จะถูกสร้างขึ้นโดยพ่อของผมแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นของผมคนเดียวสักหน่อย..ผมคิดว่าจุดประสงค์ของพ่อคือการสร้างพลังนี้ให้เป็นพลังลับของตระกูลเย่ไม่ใช่เพื่อผม..ดังนั้นผมจึงไม่อยากทำลายความตั้งใจของพ่อได้..ซึ่งผมก็ยื่นข้อเสนอของผมกับคุณปู่ว่าให้เขามอบหน่วยลับนี้ให้กับหานหลิน”

“เย่หานหลิน?” เย่เจิ้งเซียงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เอ็งรู้หรือเปล่าว่าหน่วยลับนี้คืออะไร..นั่นเป็นพลังลึกลับที่สุดของตระกูลเย่และสมาชิกแต่ละคนก็ไม่ธรรมดา..เอ็งไม่กลัวว่าพวกตระกูลรองจะใช้พลังนี้ต่อต้านหรือกำจัดตระกูลหลักเลยเหรอ?”

เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรวมตระกูลหลักและตระกูลรองให้เป็นหนึ่งเดียว..ผมอยากที่จะเดิมพันครั้งนี้เพราะถ้าหากเรามีความสงสัยและความหวาดระแวงต่อกันมากเกินไปตระกูลของเราจะรวมพลังกันได้ยังไง?..สิ่งที่เราต้องทำคือการมอบพลังและบทบาทหน้าที่สำคัญให้กับตระกูลรองด้วยใจจริงและนั่นจะทำให้พวกเขาซื่อสัตย์กับเราอย่างแน่นอน”

เย่เจิ้งเซียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าวิสัยทัศน์ของเอ็งจะไกลกว่าของฉันมาก..พูดตามตรงจากใจจริงเลยว่าในบรรดาลูกหลานของตระกูลเย่ทั้งหมดเอ็งเป็นคนที่มีแนวคิดดีที่สุด..ถ้าหากตระกูลเย่อยู่ในมือของเอ็งล่ะก็ตระกูลของเราจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน”

“ความจริงก็คือทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกันและจุดประสงค์ต่างก็เหมือนกัน..ทุกคนต่างก็หวังว่าตระกูลเย่จะแข็งแกร่งขึ้นส่วนใครเป็นผู้นำตระกูลเย่นั้นสำหรับผมแล้วมันไม่ได้สำคัญขนาดนั้นเลย..ถ้าหากพี่น้องในตระกูลต่อต้านและแย่งชิงกันเองตระกูลเย่จะแข็งแกร่งได้ยังไง” เย่เชียนพูด

“ที่จริงแล้วฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน..ฉันรู้มาบ้างเกี่ยวกับสิ่งที่เอ็งทำให้เขตทหารหนานจิง..อันที่จริงความสัมพันธ์ระหว่างสองพี่น้องหานรุ่ยกับหานห่าวนั้นแน่นแฟ้นมากตั้งแต่พวกเขายังเด็ก..อาจจะเป็นอย่างที่เอ็งพูดจริงๆเพราะตอนนี้พวกเขาไม่ได้สนิทกันเหมือนแต่ก่อนแล้ว..เพราะงั้นฉันอยากจะขอบคุณเอ็งมากเพราะเอ็งได้สอนพวกเขาว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” เย่เจิ้งเซียงพูด “ฉันน่ะดีใจมากที่ได้เห็นลูกๆทั้งสองคนรักกันเหมือนแต่ก่อน”

หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เจิ้งเซียงก็พูดต่อ “ลึกๆแล้วฉันรู้สึกว่าเมื่อเทียบกับเอ็งแล้วฉันรู้สึกละอายใจในตัวเองมาก..ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะโทษตัวเองเพราะฉันใจแคบมากเกินไป”

เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มจางๆว่า “ผมเองก็ดีใจมากที่ได้เปิดใจคุยกับลุงอย่างนี้และพูดคุยกันอย่างจริงใจ..ผมหวังว่าการสนทนาของพวกเราในคืนนี้จะสามารถแก้ไขความขัดแย้งที่ดูเหมือนร้ายแรงระหว่างเราซึ่งมันไม่มีอยู่จริงเลย”

“เสี่ยวเชียนเอ๋ย..ฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าตำแหน่งผู้นำตระกูลเย่นั้นควรจะเป็นของเอ็ง..ฉันคิดว่านี่แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว..ถ้าตระกูลเย่อยู่ภายใต้การดูแลของเอ็งล่ะก็ฉันเชื่อว่าอนาคตของตระกูลเย่จะรุ่งโรจน์อย่างมาก” เย่เจิ้งเซียงพูดด้วยคงามจริงใจแล้วพูดต่อ “นี่เป็นการชดใช้ความผิดและยังเป็นวิธีลบล้างความผิดในใจของฉันด้วย”

เย่เชียนก็หัวเราะและพูดว่า “ลุงเจิ้งเซียงผมไม่ได้ต้องการแบบนี้จริงๆและผมก็ยินดีมากที่ลุงคอยดูแลตระกูลเย่ของเรา..ผมเชื่อว่าลุงยังสามารถทำได้ดีและจะดีกว่านี้อย่างแน่นอน..อีกไม่กี่วันผมจะต้องไปญี่ปุ่นและสถานการณ์ก็ซับซ้อนมาก..ยิ่งไปกว่านั้นผมเอ็งรับปากไม่ได้ว่าผมจะมีชีวิตรอดกลับมาได้หรือเปล่า..ต่อให้รอดกลับมาได้มันก็ยังมีศึกชี้ชะตาที่พวกเราต่างก็รู้ดีอยู่” เมื่อนึกถึงการดวลกับไป๋ฮวยที่กำลังจะถึงแล้วเย่เชียนก็รู้สึกหดหู่อย่างมาก

เย่เจิ้งเซียงตกตะลึงอยู่พักหนึ่งและคิ้วของเขาก็ขมวดอย่างช่วยไม่ได้แต่เขาไม่ได้ถามคำถามใดๆเพิ่มเติมอีก

หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “ลุงเจิ้งเซียงอย่าเพิ่งไปคิดอะไรให้ปวดหัวเลยครับ..ตอนนี้ลุงควรพัฒนาตระกูลเย่ต่อเพราะท้ายที่สุดแล้วลุงเองก็คอยดูแลตระกูลเย่มานานหลายปีและมีประสบการณ์มากกว่าคนอื่นๆ..แน่นอนว่าระหว่างนั้นผมจะคอยช่วยสนับสนุนตระกูลเท่าที่ผมจะทำได้..ส่วนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือลุงต้องกำจัดโซ่ตรวนต่างๆออกไปและรวมตระกูลเย่ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน!”

“แน่นอนครับ” เย่เชียนพูด “การพึ่งพาเขี้ยวหมาป่าของผมอย่างเดียวมันไม่พอที่จะจัดการกองกำลังเหล่านั้นเพราะงั้นเราต้องร่วมมือกัน”

“เอาเถอะ..คืนนี้ลุงกับหลานเรามาดื่มกันดีกว่า..ฉันโล่งใจมากที่ได้พูดคุยกับเอ็งแบบนี้..ฉันสบายใจขึ้นเยอะเลย” เย่เจิ้งเซียงพูด “ขอบใจมากเจ้าหลานชาย!”

เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอ่อ..ลุงเจิ้งเซียงครับไม่ใช่ว่าผมไม่อยากดื่มกับลุงนะแต่นี่มันดึกแล้วผมต้องรีบกลับไปที่ห้อง..ไม่งั้นเมื่อกลับไปผมอาจจะต้องนั่งคุกเข่าต่อหน้าพวกเธออย่างแน่นอน”

เย่เจิ้งเซียงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็หัวเราะแล้วพูดว่า “ภรรยาน่ะเหรอ..ฮ่าๆ..ถ้างั้นเอ็งกลับไปพักผ่อนเถอะ..ฉันเองก็จะไปเหมือนกัน..ตอนนี้ฉันอารมณ์ดีมากเพราะงั้นคืนนี้ฉันคงจะหลับสบาย”

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ..ลุงเองก็อย่าดื่มเยอะเกินไปล่ะ..ถึงแม้ว่ามันจะดีแต่การดื่มมากเกินไปก็เป็นโทษเหมือนกัน” หลังจากเย่เชียนพูดจบเขาก็ลุกขึ้นและกล่าวคำอำลากับเย่เจิ้งเซียงแล้วเดินออกไป

การพูดคุยกับเย่เจิ้งเซียงในคืนนี้ทำให้เย่เชียนรู้สึกว่าเขาได้อะไรมามากมายและแก้ปัญหาในใจกับเย่เจิ้งเซียงได้แล้ว เย่เชียนเชื่อว่าพวกเขาจะเข้ากันได้ดีในอนาคตและสามารถเผชิญหน้ากันอย่างเป็นมิตรและร่วมมือกันเพื่อต่อสู้ดิ้นรนเพื่อตระกูลเย่แข็งแกร่งขึ้นโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆอีกต่อไป

กลับมาที่ศาลากลางน้ำนั้นถังซูหยานก็ยังคงคุยกับหูวเค่อและฉินหยูอยู่ ส่วนเย่หลินกับเย่ห่าวหรานนั้นหลับไปแล้ว การที่แม่สามีและลูกสะใภ้คุยกันอย่างมีความสุขนั้นทำให้เย่เชียนเชื่อว่าพวกเธอจะเข้ากันได้ดีในอนาคต ในฐานะผู้ชายแล้วทุกคนต้องการให้คนในครอบครัวมีความสุขเสมอ เฉกเช่นจักรพรรดิในสมัยก่อนที่ต้องการความสงบสุขท่ามกลางนางสนมของท่านเพื่อจะได้มีสมาธิในการจัดการกับประเทศชาติ หากมัวแต่กังวลเกี่ยวกับนางสนมเหล่านั้นล่ะก็เขาจะไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอที่จะต่อสู้กับศัตรูอย่างแน่นอน

หลังจากที่เย่เชียนเข้ามาพวกเธอก็คุยกันแบบสบายๆและคุยกันอีกสองสามเรื่องแล้วกลับไปที่ห้องของเธอเพื่อพักผ่อน ส่วนถังซูหยานก็บอกกับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ายิ่งเธอได้คุยลูกสะใภ้สองคนนี้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งชอบพวกเธอมากขึ้นเท่านั้นและเธอก็บอกเย่เชียนโดยตรงว่าถ้าหากเย่เชียนกล้าที่จะทำให้พวกเธอเสียใจในอนาคตถังซูหยานจะไม่นับว่าเย่เชียนเป็นลูกชายอีกต่อไป เย่เชียนก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีแต่เขาก็พูดอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ทำให้พวกเธอเสียใจ

ฉินหยูนั้นใจดีมากเพราะเธอกลับไปที่ห้องของเธอ ส่วนเย่หลินกับเย่ห่าวหรานนั้นมีคนดูแลพวกเขาอยู่ ส่วนหูวเค่อและเย่เชียนนั้นนอนอยู่ในห้องเดียวกัน เดิมหูวเค่อคิดว่าฉินหยูที่ไม่ได้เจอเย่เชียนมานานจะตัองอยู่ด้วยกันและความตั้งใจเดิมคือเธอต้องการให้ฉินหยูนอนกับเย่เชียนในคืนนี้แต่ฉินหยูก็ใจกว้างอย่างมากดังนั้นหูวเค่อจึงปฏิเสธไม่ลง

เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาก็รับประทานอาหารเช้าที่ศาลากลางน้ำและหลังจากรับประทานอาหารเสร็จถังซูหยาน,ฉินหยูและหูวเค่อก็พาเด็กๆทั้งสองคนไปช้อปปิ้ง ส่วนเย่เจิ้งเซียงกับเย่เชียนก็เดินไปรอบๆบ้านของตระกูลเย่เพราะเมื่อตอนที่เย่เชียนมาที่นี่ครั้งแรกเขาไม่มีโอกาสได้เดินชมทิวทัศน์ของบ้านเกิดเลย

จุดประสงค์ของถังซูหยานก็ชัดเจนเพื่อให้เย่เชียนเข้าใจสถานการณ์และสิ่งต่างๆของตระกูลเย่เชียนให้มากขึ้น ซึ่งเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้เย่เจียอู๋ก็ถึงกับตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดแต่รอยยิ้มที่โล่งใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ซึ่งเขาเองก็รู้ว่าทั้งสองคนไปคุยกันเมื่อคืนนี้และถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองพูดคุยอะไรกันแต่จากสถานการณ์ปัจจุบันดูเหมือนว่าพวกเขาคุยกันอย่างมีความสุขและขจัดความขุ่นเคืองในใจกันได้แล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด