ยอดนักรบจอมราชัน 961 ทาสสาว

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 961 ทาสสาว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 961 ทาสสาว

ในการเผชิญหน้าครั้งแรกเย่เชียนแพ้และมันเป็นความพ่ายแพ้อย่างยับเยินเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าม่อหนานได้เตรียมการเอาไว้ก่อนแล้ว ในตอนนี้ก่อนที่ชิบะชิเงโอะจะโต้กลับได้เขาก็ตายไปแล้วและอันที่จริงเย่เชียนก็ไม่สามารถตำหนิใครได้สำหรับเรื่องนี้เพราะเขารู้เรื่องของม่อหนานน้อยเกินไป

การกระทำนี้อยู่ในแผนของม่อหนานมานานแล้วและด้านหนึ่งอิชิดะอิจิโร่ก็ทำให้เขาผิดหวังและมันเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เพราะงั้นม่อหนานจึงต้องการกำจัดเขาแล้วปล่อยให้คนของเขาคอยจัดการทุกอย่างของสมาคมมังกรดำ อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาจัดการกับอิชิดะอิจิโร่ะโดยตรงมันจะเป็นการต่อต้านและทำให้เกิดการต่อต้านอย่างรุนแรงจากผู้คนในสมาคมมังกรดำ ในทางกลับกันม่อหนานนั้นไม่พอใจชิบะชิเงโอะมานานแล้วและต้องการกำจัดเขาในเร็วๆ นี้ดังนั้นเขาจึงหลอกใช้ศัตรูเพื่อฆ่าศัตรู

พลังของสมาคมมังกรดำนั้นค่อนข้างยิ่งใหญ่และนี่คือสิ่งที่ม่อหนานพึงพอใจมากที่สุดและตราบใดที่สมาคมมังกรดำอยู่ในกำมือของเขาอย่างสมบูรณ์แบบล่ะก็นาโอกิอิชิอิก็จะมีโอกาสสูงมากที่จะได้ชนะการเลือกตั้ง จากนั้นข้อตกลงระหว่างเขากับนาโอกิอิชิอิก็สามารถบรรลุได้สำเร็จ เขารู้ว่านาโอกิอิชิอิเป็นทหารและเกลียดชังคนจีนอย่างรุนแรงแต่ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เขามั่นใจในการล้างแค้นมากขึ้น เมื่อนึกถึงความขัดแย้งของสำนักม่อจื๊อเมื่อยี่สิบปีที่แล้วมันก็ยังคงมีความแค้นอยู่อย่างเต็มเปี่ยมและม่อหนานก็ไม่เคยลืมโศกนาฏกรรมครั้งนั้นได้เลย ซึ่งตอนนี้เขาเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวของตระกูลม่อที่เหลืออยู่ดังนั้นเขาจึงต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งของการฟื้นฟูสำนักม่อจื๊อ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าม่อหลงนั้นยังมีชีวิตอยู่

จากนั้นม่อหนานก็สั่งให้ลูกน้องรับผิดชอบในการทำความสะอาดในร้านอาหารและม่อหนานก็เดินออกจากร้านอาหารไปดวงตา ซึ่งม่อหนานก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเครื่องหมายที่คุ้นเคยบนผนังข้างๆ เขาเพราะมันคือสัญลักษณ์ของสำนักม่อจื๊อและมันเป็นสัญลักษณ์ของหมิงม่อจนม่อหนานอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปครู่หนึ่งและคิดอย่างลับๆ ว่า “เป็นไปได้ไหมว่าสาวกหมิงม่อก็มาที่ประเทศญี่ปุ่น? ..ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านั้นยังรู้ถึงการมีอยู่ของสาวกคนอื่นๆ อีกด้วย? ..พี่น้องเอ๋ยอย่ามาโทษฉันสำหรับเรื่องนี้..อย่ามาโทษฉันที่ใจร้าย..ถ้าไม่ใช่เพราะความขัดแย้งครั้งนั้นแล้วสำนักม่อจื๊อจะล่มสลายได้ยังไง?” ม่อหนานพึมพำ

หลังจากพูดแล้วม่อหนานก็หันหลังและจากไป

เมื่อรู้ว่ามีคนเดินตามหลังเขามาเย่เชียนและคนอื่นๆ ก็จงใจเดินไปที่มุมที่ไม่มีผู้คนและพวกเขาก็หัวเราะและพูดคุยกันตลอดทางราวกับว่าพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังถูกตามอยู่ ทันทีที่เขาออกจากร้านอาหารก็มีคนตามพวกเขาไปซึ่งทำให้เย่เชียนรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติและเขาก็เชื่อว่าคนที่ติดตามเขาไม่ใช่ลูกน้องของชิบะชิเงโอะเพราะชิบะชิเงโอะไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลย

“บอสคิดว่ามีอะไรเกิดขึ้นในร้านอาหารหรือเปล่า..ชิบะชิเงโอะคงจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?” เฟิงหลานก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “คราวนี้ ม่อหนานเป็นคนจัดการสิ่งต่างๆ เพราะงั้นฉันคิดว่าชิบะชิเงโอะจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน”

“ถึงจะเป็นแบบนั้นเราก็ทำอะไรไม่ได้แล้วและชิบะชิเงโอะก็ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง” เย่เชียนถอนหายใจแล้วพูดว่า “เราไม่สามารถคอยเฝ้าระวังเขาได้ทั้งวันเพราะงั้นถ้าเขาไม่สามารถดูแลตัวเองได้เราก็ไม่สมควรที่จะร่วมมือกับเขา”

หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “มาเถอะเดี๋ยวเราก็รู้เองว่าใครส่งพวกนี้มา..มันไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะเดาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า”

หลังจากพูดจบทุกคนก็มองหน้ากันแล้วขยิบตาให้กันและเร่งฝีเท้าขึ้นจนคนที่ตามมารู้สึกถึงความผิดปกติ

เมื่อมองดูเย่เชียนและคนอื่นๆ เข้าไปในตรอกแล้วพวกเขาก็ตามไปแต่ก็ไม่เห็นเย่เชียนและคนอื่นๆ แล้วจนคนที่ตามมาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วมองออกไปรอบๆ แต่ก็ไม่มีร่องรอยของเย่เชียนและคนอื่นๆ เลย เมื่อเห็นเช่นนั้นคิ้วของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความระแวดระวังและพวกเขาก็ระวังตัวกันอย่างมาก

“พวกแกกำลังตามหาเราอยู่งั้นเหรอ?” เมื่อเสียงของหลี่เหว่ยจบลงเย่เชียนก็กระโดดออกมาและปิดกั้นตรอกซอยเอาไว้ เนื่องจากนี่เป็นทางตันที่มีทางออกเพียงทางเดียวและตอนนี้ทางออกมันก็ถูกปิดกั้นโดยเย่เชียนจนทั้งสี่คนที่ตามมารู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก คำสั่งที่พวกเขาได้รับมาคือการฆ่าเย่เชียนและคนอื่นๆ แต่การปรากฏตัวเช่นนี้ของเย่เชียนนั้นแสดงให้เห็นเย่เชียนและคนอื่นๆ รู้ว่าพวกเขาสะกดรอยตามมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่ทำเป็นไม่รู้

“บอกมาว่าใครส่งพวกแกมาที่นี่!” เย่เชียนถาม

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจคำพูดของเย่เชียนเพราะเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูงุนงงของพวกเขาแล้วอู๋หวนเฟิงก็รีบแปลเป็นเป็นภาษาญี่ปุ่น เมื่ออีกฝ่ายได้ยินแล้วชายหนุ่มคนหนึ่งก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่ว่าจะเป็นใครมันก็ไม่สำคัญเพราะวันนี้พวกแกจะต้องตายที่นี่!” ทันทีที่เสียงนั้นจบลงพวกเขาก็รีบวิ่งไปหาเย่เชียนโดยไม่พูดอะไรใดๆ อีกต่อไป

หลังจากปฏิบัติภารกิจในประเทศญี่ปุ่นมาหลายครั้งเย่เชียนก็รู้จักนินจาเหล่านี้เป็นอย่างดี ซึ่งทุกคนล้วนเป็นพวกไม่กลัวความตายและนินจาส่วนใหญ่ก็พร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อภารกิจ ดังนั้นมึนจึงเป็นการยากที่จะเค้นข้อมูลออกมาจากปากของพวกเขา กลุ่มนินจาเหล่านี้พวกเขาจะไม่ทรยศต่อนายจ้างและจะไม่เปิดเผยข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับมาเพราะการฝึกของนินจาเหล่านี้ค่อนข้างเข้มงวดและยิ่งไปกว่านั้นนินจานั้นเดิมทีคือหน่วยข่าวกรองที่จัดตั้งขึ้นโดยผู้มีอำนาจเพื่อรวบรวมข้อมูลสำคัญต่างๆ ดังนั้นนินจาเหล่านี้เทียบเท่ากับหน่วยข่าวกรองและข้อมูลลับสุดยอดนั่นเอง

จากนั้นเย่เชียนก็ขยิบตาให้เฟิงหลานและทั้งสามคนและทันใดนั้นมีดบินในมือของอู๋หวนเฟิงก็พุ่งออกไปทันทีราวกับดาวตกใต้ท้องฟ้ายามราตรีและแทงเข้าไปในคอของนินจาอย่างรวดเร็วและแม่นยำจนอีกฝ่ายหนึ่งไม่มีโอกาสที่จะตอบสนองเลยและร่างกายของเขาก็ล้มลงไปอย่างช้าๆ

ถึงแม้ว่าทักษะมีดบินของอู๋หวนเฟิงจะไม่ได้เหมือนในภาพยนตร์แต่ความสามารถในการทำลายล้างของมันก็ค่อนข้างทรงพลังและเป็นการยากที่ใครจะหนีไปจากมีดบินของอู๋หวนเฟิงได้ ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มลงมือจู่ๆ พรรคพวกของเขาก็ตายไปหนึ่งคนเสียแล้วซึ่งทำให้นินจาเหล่านั้นประหลาดใจอย่างมากและตกใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงกระดูกหักเพราะในชั่วพริบตานินจาทั้งสองถูกเฟิงหลานและหลี่เหว่ยพุ่งเข้าไปหักคอจนตายคาที่ในทันที ส่วนคนสุดท้ายก็ถูกอู๋หวนเฟิงพุ่งเข้าไปใช้มีดจ่อที่คอเอาไว้ “อย่าขยับไม่งั้นแกได้ตายแน่!” อู๋หวนเฟิงพูดอย่างเย็นชา

“หืม!” นินจาสูดลมหายใจอย่างเย็นชาและคว้าแขนของอู๋หวนเฟิงเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วออกแรงอย่างสุดกำลังจนมีดของอู๋หวนเฟิงเจาะทะลุเข้าไปในลำคอของเขาแล้วค่อยๆ ล้มลงไปอย่างช้าๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นอู๋หวนเฟิงก็ตกตะลึงไปชั่วขณะแล้วมองไปที่เย่เชียนด้วยความขอโทษและพูดว่า “บอสครับผมขอโทษ”

เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร..นินจาพวกนี้มันก็เป็นแบบนี้แหละ..พวกมันยอมสละชีวิตเพื่อเก็บข้อมูลเอาไว้เป็นความลับ”

ในเวลานี้เฟิงหลานก็นั่งยองๆ เพื่อค้นร่างของนินจาทั้งสี่แล้วพูดว่า “บอส!..พวกมันเป็นนินจาของตระกูลฟูมะ”

เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พวกนินจาฟูมะมีเวลาว่างขนาดนั้นเลยเหรอ? ..ในช่วงพายุมรสุมสงครามระหว่างตระกูลฮัตโตริพวกมันยังกล้ามาทำอะไรแบบนี้อยู่อีก..ดูเหมือนว่าพวกนี้จะถูกม่อหนานส่งมาสินะ..ผมคิดว่าตอนนี้ชิบะชิเงโอะก็คงจะไม่รอดแล้ว”

“ดีแล้วที่เขาตายไปเพราะเขาทำตัวหยิ่งยโสเอง..ถ้าปล่อยให้เขาร่วมมือกับเราล่ะก็พวกเราคงจะลำบาก” หลี่เหว่ยพูดอย่างโกรธเกรี้ยว

เย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถแก้ไขได้แล้ว..ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าม่อหนานอยู่ที่ไหนเพราะงั้นตอนนี้เราทำได้เพียงแค่รอท่านั้น..ฉันหวังว่าจะมีข่าวจากอาจารย์จ้าวและนากาซาวะเคโกะเร็วๆ นี้”

เมื่อออกจากตรอกซอยแล้วทั้งสี่ก็แยกย้ายกันกลับแต่เย่เชียนนั้นเดินเตร่อยู่ข้างนอกอยู่สักพักก่อนจะกลับโรงแรมประมาณห้าโมงเย็น เมื่อผลักประตูห้องของเขาออกไปเย่เชียนก็ตกใจอย่างช่วยไม่ได้และพูดด้วยความตกตะลึงว่า “คุณมาที่นี่ทำไม?”

เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนเอนกายอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นและสวมชุดนอนโปร่งแสงเผยให้เห็นส่วนโค้งเว้า เมื่อเห็นเย่เชียนเข้ามาผู้หญิงคนนั้นก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ว่า “รูปลักษณ์ของคุณเย่ในตอนนี้ดูเป็นผู้ชายมาก..ฉันจำแทบจะไม่ได้เลย”

ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนากาซาวะโคโกะผู้นำองค์กรชาโด้ซากุระ ซึ่งเย่เชียนก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เธอสามารถที่อยู่ของเขาได้และเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ไปยังฝั่งตรงข้ามของเธอแล้วนั่งลงแล้วพูดว่า “คุณมาทำอะไรที่นี่?” น้ำเสียงของเย่เชียนดูไร้ความอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด

“คุณเย่ลืมสิ่งที่ฉันทำอยู่หรือเปล่า..พวกเราองค์กรชาโด้ซากุระเป็นหน่วยข่าวกรองเพราะงั้นการหาที่อยู่ของคุณคงจะไม่ได้ยากเกินความสามารถหรอกใช่มั้ยล่ะ?” นากาซาวะเคโกะพูดต่อ “ทำไมคุณเย่ถึงได้ดูไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่เลย..ฉันคิดถึงคุณ..การกระทำของคุณเย่ในคืนนั้นทำให้ฉันมีอารมณ์ที่ค้างคาอยู่ในใจมากมาย..ฉันไม่สามารถหยุดคิดถึงคุณเย่ได้เลย”

“จริงเหรอ?” เย่เชียนถามแล้วพูดว่า “ผมบอกคุณไปแล้ว..เราไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกันและคุณก็คงไม่ได้โง่พอเพื่อมาขู่ผมด้วยเรื่องไร้สาระนั่นใช่มั้ยล่ะ?”

“คุณเย่คุณพูดแบบนี้กับฉันได้ยังไง” นากาซาวะเคโกะลุกขึ้นและเดินไปหาเย่เชียนแล้วนั่งลงจากนั้นเธอก็จับแขนของเย่เชียนด้วยมือทั้งสองแล้วนำมาโอบกอดเธอ “ฉันคิดถึงคุณจริงๆ ..คุณเย่ลืมกฎที่ฉันเคยบอกคุณเกี่ยวกับองค์กรชาโด้ซากุระของเราไปแล้วงั้นเหรอ? ..จากนี้ไปฉันเป็นทาสของคุณเย่..ต่อให้คุณเย่จะให้ฉันเป็นสุนัขฉันก็จะเป็น..ไม่ว่าคุณจะขอให้ฉันทำอะไรฉันก็จะจงรักภักดีไปตลอดชีวิต”

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด